หลังจากเหตุการณ์ชวนช็อคที่ผมเจอไปเมื่อวานผมก็ยังไม่ได้ทำอะไรกับไอ้พี่เนทครับ ผมทำเป็นไม่รู้เรื่องไปเพราะยังไงผมกับมันก็ยังต้องอยู่เป็นรูมเมทกันไปอย่างน้อยก็หนึ่งปีจะมามีเรื่องกันตอนนี้ชีวิตผมจะไม่สงบสุขเอา แต่ยอมรับเลยว่า หลังจากที่มันออกจากห้องน้ำมาท่าทางของมันแม่งโคตรตลก มันนุ่งผ้าขนหนูออกมา เห็นผมแล้วก็สะดุ้งโหยงจนผ้าเกือบหลุดตาเบิกกว้างมองผมแล้วหันควับไปมองหน้าจอโน้ตบุ๊คของตัวเอง แล้วรีบวิ่งไปพับหน้าจอทันทีผมก็ไม่ให้เสียชื่อนักศึกษาใหม่คณะนิเทศฯ โชว์การแสดงไขสือ มองมันงง ๆ แต่มันก็ไม่ได้ถามอะไรผมยกเว้นถามว่ากลับมาตอนไหน เพราะเห็นหน้าจอมันเสร็จผมก็จัดการเป็นพลเมืองดีเข้าโหมดพักหน้าจอให้มันเสร็จสรรพ
แต่อย่างที่บอกละครับว่าผมไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้นและตอนนี้ผมรู้ความลับของไอ้ขี้เก๊กนี่แล้วด้วย.... หึหึหึ...สนุกแน่
วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกแล้วครับผมแต่งตัวชุดนักศึกษาเต็มยศอย่างตื่นเต้นไอ้พี่เนทมันยังไม่แหกขี้ตาตื่นมาหรอกครับ นอนผ้าผ่อนไม่ใส่ ผมแอบเผลอไปมองมันผ่านกระจกแต่งตัวแสงแดดจากหน้าต่างส่องลงมาใส่ร่างของมันพอดิบพอดี มันดูดีจริง ๆ ครับยกเว้นท่าทางโคตรน่าหมั่นไส้ของมัน แถมเวลาหลับยังดูไร้พิษสง ทั้ง ๆที่หล่อขนาดนี้แต่ผมก็ไม่ได้เห็นมันจะมีใครคุยด้วย วัน ๆก็เห็นแต่นั่งเล่นเกมกับเพื่อนมัน คงเพราะท่าทางไร้มนุษยสัมพันธ์ของมันนั่นแหละ
เสียดายของจริงๆ
ผมแต่งตัวเสร็จก็ออกจากห้องจัดการล็อคห้องให้มันเรียบร้อย ไม่งั้นขโมยขโจรเข้ามา ได้ยกเค้าไปหมดห้องโดยที่มันยังไม่รู้สึกตัวตื่นด้วยซ้ำผมลงมาจากห้องก็เจอกับพี่เฟมที่กำลังเดินเข้าหอมา พร้อมกับของกินเต็มไม้เต็มมือ พอพี่เขาเห็นผมก็ยิ้มกว้างให้ทันทีผมยังเขินไม่หายเลย เพราะเมื่อคืนผมกับพี่เขาก็แชทคุยกันจนดึกดื่นเลยล่ะครับ พี่เขาเดินเข้ามาหาพร้อมกับยื่นถุงในมือให้
“อ่ะ ข้าวเช้า พี่กะจะเอาไปแขวนไว้ให้หน้าห้อง แต่เจอแล้วก็ให้เลยละกัน”ในถุงเป็นข้าวเหนียวหมูปิ้งครับ ผมรับมาพร้อมกับส่งยิ้มหวานกลับไปให้ “ขอบคุณนะครับ” “ตั้งใจเรียนละ” ผมพยักหน้าให้ก่อนจะเดินแยกออกมา แต่ก็ต้องหยุดแล้วหันกลับไปเพราะพี่เขาทักอีกรอบ “เอ้อ พีท เลิกเรียนแล้วไปหาอะไรกินกันไหม?” “ได้เลยครับ เดี๋ยวผมทักหานะ” ผมตอบตกลงกระชุ่มกระชวยหัวใจแต่เช้าเลยง่ะ สดชื่นน...
............................................................................................................................................................................... ผมลงจากรถบริการของมหาลัยมาอยู่หน้าคณะนิเทศศาสตร์ที่ผมตั้งใจจะเข้าเอาไว้ตั้งแต่แรกคณะนี้เป็นคณะแรกและคณะเดียวเลยที่ผมตั้งใจจะเข้า อย่างที่บอกล่ะครับว่าผมเป็นคนชอบดูหนังมากๆ เลยเลือกเข้าเอกภาพยนตร์ แล้วก็สมหวัง แต่มันก็ต้องแลกมากับการที่ผมต้องจากบ้านมาไกลแถมบ้านผมก็ไม่ได้มีฐานะอะไรมากมาย ผมเลยต้องขอทุนเรียน ยังดีที่ได้นะครับไม่งั้นผมคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แน่ ๆ ฮ่าๆๆ
ผมเดินงง ๆ เข้าไปในคณะ ก่อนจะได้ยินเสียงกลองตีเป็นจังหวะเพลงสันทนาการผมเดินไปตามเสียงจนเจอกับลานกว้างที่ล้อมรอบด้วยตึกคณะ ก็เห็นบรรดาพวกรุ่นพี่ยืนรวมกลุ่มกันเป็นซุ้มต่างๆ แยกตามเอกของแต่ละสาขา ยิ่งเห็นความคึกครื้นแบบนี้ยิ่งตื่นเต้นเลยล่ะครับ เสียงกลองดังมาจากเอกการแสดงนี่เองผมเดินหาเอกภาพยนตร์ของผม ก็ไปเจอกับพี่ ๆ ที่ยืนถือป้ายกันอยู่ ผมเดินเข้าไปหาพี่ๆ เขาก็ยิ้มทักทายกันทันที
“เอกภาพยนตร์หรอคะน้อง” พี่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆสวมแว่นถามผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ใช่ครับ” “งั้นไปลงชื่อตรงนี้ แล้วเข้าไปนั่งรวมกับเพื่อนๆ ข้างในเลยนะคะ” พี่เขาชี้ไปยังโต๊ะลงทะเบียนที่ตั้งอยู่ข้างใน ผมยิ้มรับแล้วเดินไปตามทางลงชื่อแล้วเดินไปนั่งรวมกับเพื่อนคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ก่อนแล้วอีกประมาณ 4 – 5 คน
ผมพยักหน้าแล้วยิ้มทักทายให้ทุกคน ทุกคนยิ้มตอบนะครับแต่คงยังไม่คุ้นเคยกันเลยยังไม่มีใครชวนใครคุยผมเองก็ไม่ใช่คนที่จะเริ่มบทสนทนากับใครก่อนซะด้วยสิ เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นไปพลางกับกินข้าวเหนียวหมูปิ้งที่พี่เฟมซื้อมาให้ไปด้วย
“นายชื่ออะไรอ่ะ”เสียงกระตือรือร้นของใครคนนึงทักผมขึ้นผมเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับหมูปิ้งที่คาปาก ก็เจอกับเพื่อนรุ่นเดียวกับผม (มั้ง) กับบุคลิกที่ผมชะงักไปนิดนอกจากใบหน้าที่ละอ่อนแล้ว ไอ้คนนี้มันก็ไม่มีอะไรละมุนเลยครับ ผมแดงแปร๊ดบ่งบอกความเป็นตัวของตัวเองแววตาเป็นมิตรแต่ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจสุดตัว พร้อมรอยยิ้มกว้าง
“พีท นายอ่ะ” “เราฮาร์ทนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”เจ้านั่นตอบแล้วนั่งลงข้าง ๆ ผม ผมถามสิ่งที่สงสัยที่สุดออกไปทันที “นายอยู่ปีหนึ่งหรอ?” “ห๊า...ปีหนึ่งดิ หน้าเราดูแก่ขนาดนั้นเลยหรอจริงอ่ะ? บ้า”มันตกใจรีบคว้าโทรศัพท์มาเปิดกล้องหน้าส่องหน้าตาตัวเองทันทีจนผมต้องรับแก้ตัวก่อนจะเสียเพื่อนคนแรกไป “เปล่า ๆ คือ นายดู...อ่า...เป็นตัวของตัวเองดีมั้ง”ผมพยายามเลือกคำให้ดูซอฟต์ที่สุด พอได้ยินงั้นฮาร์ทมันก็ยิ้มออกมา “นายนี่เข้าใจพูดนะ”
แล้วฮาร์ทมันก็หยิบแซนวิชออกมากิน ผมกับมันก็นั่งคุยทำความรู้จักกันไปครับและประโยคข้างบนนั่นก็เป็นการแทนตัวอย่างสุภาพครั้งสุดท้ายของพวกผม เพราะไอ้ฮาร์ทมันละลายพฤติกรรมผมด้วยการเริ่มแทนตัวเองว่ากูมึง ในประโยคถัดมา ก่อนจะเล่าว่าจริง ๆ แล้วมันตั้งใจจะเข้าเอกการแสดงแต่คะแนนไม่ถึง เลยได้อันดับรองลงมาเป็นเอกภาพยนตร์แทน มันก็ไม่ติดเพราะมันอยากเรียนคณะนี้อยู่แล้ว คุยกันไปได้สักพัก ก็มีรุ่นพี่ในเอกเข้ามาทักทายพวกเรา
คณะผมไม่มีกิจกรรมรับน้องจำพวก SOTUS อะไรพวกนั้นหรอกนะครับแต่จะมีกิจกรรมที่ให้ปีหนึ่งกับรุ่นพี่ได้ทำความรู้จักกันแทนโดยจะจัดขึ้นหลังจากเลิกเรียน วันละไม่เกินชั่วโมงหนึ่ง ใครอยากเข้าร่วมก็เข้า ใครติดธุระหรือไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไร ส่วนตัวผมอ่ะอยากเข้าอยู่แล้ว ผมอยากมีเพื่อนครับ ฮ่าๆๆ
หลังจากพี่ ๆ เขาแนะนำตัวกัน ก็ปล่อยพวกผมให้ไปเข้าเรียนคาบแรกคาบแรกก็ไม่มีอะไรมากครับ อาจารย์เขาก็แนะนำรายวิชาไปตามธรรมเนียมพร้อมบอกหนังสือที่ต้องไปซื้อ ชีทที่ต้องเรียน ไม่ได้เริ่มเรียนกันอย่างจริงจังเท่าไรผมก็นั่งฟังบ้าง จดบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะนั่งฟังไอ้ฮาร์ทพูดมากกว่าครับไอ้นี่มันพูดมากสุดใจเลยจริง ๆ เรียนกันไปสองคาบก็ถึงเวลาพักเที่ยงเพื่อเตรียมเรียนอีกวิชาตอนบ่าย พวกผมก็ว่างละ ผมกับไอ้ฮาร์ทเลยพากันเดินไปโรงอาหารกัน
“น้องคะน้อง” เสียงเรียกหยุดพวกผม 2 คนเอาไว้พอหันไปก็เจอกับรุ่นพี่ชายหญิงสองคนเดินยิ้มแย้มเข้ามาหาพวกผม “มีอะไรหรอครับ” ไอ้ฮาร์ทถามกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ครับ ไอ้ฮาร์ทมันมีบุคลิกอยู่อย่างนึงครับ ถ้าคนที่มันไม่คุ้นเคย ไม่เคยคุยด้วยไอ้นี่มันจะดูหยิ่งมาก ๆ เลย คนละเรื่องตอนมันคุยกับผมเลยล่ะ “คือ...พวกพี่มาจากชมรมผู้นำเชียร์ของคณะอ่ะครับเห็นน้อง ๆ ดูหน่วยก้านดี สนใจเข้าชมรมไหมครับ” ปากพี่ผู้ชายเขาก็ชวนพวกผมสองคนแต่สายตาจ้องแต่ไอ้ฮาร์ทเลยอ่ะครับ “มึงว่าไงพีท” ไอ้ฮาร์ทมันหันมาถามผมผมอ่ะอยากทำกิจกรรมนะ แต่ให้เป็นหลีดคณะนี่ไม่ไหวจริง ๆ ผมไม่ค่อยชอบเป็นเป้าสายตาคนเยอะๆ ซะด้วยสิ “กูไม่ว่ะ แต่ถ้ามึงสนมึงจะเป็นก็ได้นะ”
“งั้นผมก็ไม่สนครับพี่ ขอบคุณที่ชวนนะครับ”ไอ้ฮาร์ทตอบทันควัน แล้วหันหลังดึงมือผมเดินตามมาทันทีแต่ก็ต้องชะงักเพราะมันถูกพี่ผู้ชายจับแขนรั้งเอาไว้ ไอ้ฮาร์ทก้มมองตาขวางเลยครับ พอพี่เขาเห็นสายตามันปุ๊ปก็รีบปล่อยมือทันทีเลยครับ “ใจเย็น ๆ สิครับน้อง ลองเอาไปคิดดูก่อนไหม?พวกพี่มีคัดตัวกันวันศุกร์นี้ที่ลานคณะ ถ้าเราสนใจก็มาได้นะครับ” ไอ้ฮาร์ทไม่ตอบอะไร แต่จ้องหน้าพี่เขากลับไปนิ่งๆ จนผมกับพี่ผู้หญิงอีกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก กลัวว่าสองคนนี้จะตีกันไหมผมเลยตัดสินใจตอบกลับไป “ได้ครับ ขอบคุณนะครับพี่” แล้วผมก็เป็นฝ่ายลากไอ้ฮาร์ทออกมาทันที
................................................................................................................................................................................
พอออกมาได้ ผมก็เหลือบไปมองอาการไอ้เพื่อนหัวแดงนิดหนึ่งแต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร มันก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “ตื๊อชิบหายกูไม่ชอบเลย” “มึงใจเย็น ๆ ดิ พวกพี่เขาอาจจะคิดว่ามึงเหมาะก็ได้นะ”ผมพูดพลางเดินมองร้านข้าวที่เรียงรายกันอยู่เต็มโรงอาหาร พอ ๆกับบรรดานักศึกษาที่เต็มไปหมด “เนี่ย พวกแม่งชอบตัดสินคนจากภายนอกไงถึงกูจะดูเป็นแบบนี้ แต่กูเป็นอินโทรเวิร์ดนะเว้ย” ผมหยุดเดินแล้วมองหน้ามันแบบโคตรไม่เชื่อทันทีมันเห็นผมมีท่าทางอย่างนั้นก็ยืนเท้าเอวใส่ผม
“มึงไม่เชื่อกูเหรอ” “เชื่อก็เหี้ยละ” พูดมากอย่างมันเป็นอินโทรเวิร์ดผมก็เป็นใบ้แล้วล่ะครับ “แล้วมึงเอาไง จะลองไปป่ะ” “ไม่รู้ว่ะ กูเคยเป็นหลีดตอนม.ปลายนะแต่กูไม่ชอบหน้าไอ้พี่คนที่มาชวนว่ะ” “ถ้าจะไปก็บอกกูละกัน เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน” แล้วพวกผมก็ไปหาข้าวกินกัน แต่กว่าจะหาที่นั่งได้นี่เดินกันจนเหงื่อตกเลยล่ะครับคนเยอะชิบหาย
................................................................................................................................................................................
แล้วคาบบ่ายก็ผ่านไปแบบชิล ๆ พวกผมก็พากันเดินลงมาที่ลานคณะตามที่พวกรุ่นพี่เขานัดกันเอาไว้มีเพื่อนรุ่นเดียวกับผม 2– 3 คนที่ไม่ได้ลงมาด้วยครับ พวกผมที่เหลือเลยมานั่งรวมกันที่โต๊ะที่เรานั่งกันเมื่อเช้าซึ่งพวกพี่ ๆ เขาก็รออยู่ล่ะ แต่รอบนี้ดูเหมือนคนจะเยอะกว่าเมื่อเช้าแยะเลยล่ะครับ
“สวัสดีครับน้อง ๆ พี่ชื่อ เยี่ยม นะครับ เป็นประธานปี2 ของเอกภาพยนตร์ยินดีต้อนรับทุกคนอย่างเป็นทางการนะ”
พี่ผู้ชายสวมแว่นหน้าตายิ้มแย้มก็กล่าวทักทายพวกผมก่อนจะตามมาด้วยเสียงปรบมือโห่ร้องของพวกรุ่นพี่ที่อยู่รอบ ๆ ในขณะที่ผมกำลังงง ๆเสียงปรบมือก็ดังมาจากไอ้คนที่นั่งข้าง ๆ ผม พอผมหันไปดูก็เจอไอ้ฮาร์ทกำลังปรบมือพร้อมยิ้มหวานสายตามองไปยังพี่เยี่ยมคนที่เพิ่งพูดจบ แล้วผมก็หันไปมองหน้าพี่เยี่ยมก็เห็นพี่เขายิ้มตอบกลับมา เลยรู้ได้เลยว่า โอเค...เพื่อนกูชอบหนุ่มแว่น
พอเสียงปรบมือโห่ร้องจบลง พี่เยี่ยมก็พูดต่อ “อย่างที่ทุกคนรู้นะครับว่าคณะแล้วก็เอกเราไม่มีการรับน้อง แต่จะมีกิจกรรมเล็ก ๆ ให้พวกเราได้ทำความรู้จักกันกิจกรรมพวกนี้ไม่มีการบังคับนะครับ แล้วพวกเราก็จะพยายามไม่รบกวนเวลาทุกคนมากจนเกินไปด้วยสำหรับวันนี้จะเป็นการจับสลากสายรหัสกันนะ น้อง ๆ ทุกคนจะได้คำใบ้ของพี่รหัสปี 2 ไปแล้วมีเวลา 1 สัปดาห์ในการตามหาให้เจอถ้าไม่เจอจะโดนลงโทษนะครับ”
“ลงโทษยังไงเหรอครับ?” ไอ้ฮาร์ทชูมือถามทันที มองสายตามันก็รู้ครับว่าอยากจะโดนพี่เยี่ยมลงโทษเสียเต็มประดา พี่เยี่ยมยิ้มแล้วตอบว่า “ไว้หาไม่เจอเดี๋ยวก็รู้ครับ” เสียงแหมจากบรรดาพี่ ๆ รอบข้างดังมาประปรายเหมือนทุกคนก็เดาได้ล่ะครับ ว่าสองคนนี้กำลังอ่อยกันอยู่ชัด ๆ
“เอาล่ะ เดี๋ยวเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ”สิ้นเสียงก็มีพี่ ๆ เขายกราวที่มีกระดาษผูกเชือกห้อยอยู่ออกมาวางหน้าพวกเรา คล้ายๆ ซุ้มสอยดาว “กติกาก็คือ น้อง ๆ จะต้องออกมาแนะนำตัวเองข้างหน้านี้แล้วก็เลือกกระดาษหนึ่งใบ ซึ่งจะเป็นคำใบ้ไปนะครับ ใครจะเป็นคนแรกดี?”
ให้ทายว่าใครจะยกมือก่อน... แน่นอนครับว่าเป็นไอ้หัวแดงข้าง ๆ ผม ไอ้ฮาร์ท ไหนมึงบอกว่ามึงเป็นอินโทรเวิร์ดไง ไอ้เพื่อนตอแหล!
“เชิญเลยครับน้องผมแดง” พี่เยี่ยมเรียกมันออกไปมันก็ออกไปอย่างกระตือรือร้นแบบไม่เก็บอาการเลยสักนิด “แนะนำตัวเลยครับ”
“ผมชื่อ ฮาร์ท ครับ ยังโสด ชอบการแสดงชอบดูหนัง ชอบคนใส่แว่น อ่า...อันหลังคงไม่เกี่ยว ฮ่าๆๆ” เสียงกรี๊ดดังมาจากพวกพี่ๆ ผู้หญิง พร้อม ๆ กับเสียงหัวเราะของทุกคนที่นั่งอยู่ส่วนพี่เยี่ยมนั้นหน้าแดงไปแล้วครับ
“อ่ะแฮ่ม...โอเคครับน้องฮาร์ท เลือกคำใบ้เลยครับ”
ไอ้ฮาร์ทหยิบคำใบ้มาใบหนึ่ง แล้วพี่เยี่ยมก็ให้มันบอกคำใบ้ที่เขียนเอาไว้ไอ้ฮาร์ทแกะอ่านแล้วยิ้มกว้างเลยครับ มันพูดด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “คำใบ้ที่ผมได้เขียนว่าดีที่สุด ครับ”
เท่านั้นล่ะ เสียงโห่ฮิ้วแซวดังมาทันทีพร้อมกับพี่เยี่ยมที่ถึงขั้นสำลักเสียอาการไปเรียบร้อย จนพี่คนอื่นต้องมาบอกให้ไอ้ฮาร์ทกลับไปนั่งที่
ผมก็นึกในใจว่า ใบ้แบบนี้บอกชื่อมาเลยก็ได้มั้งจะเป็นใครไปได้อีกล่ะครับ นอกจากไอ้พี่แว่นที่หน้าแดงจนแว่นปิดไม่มิดคนเดียวกับที่ยืนอยู่ข้างหน้านั่นล่ะ
“อ่า...คนต่อไปเชิญเลยครับ” พี่เยี่ยมพยายามเก็บทรงแล้วหันมาเดินงานต่อ ไอ้ฮาร์ทก็สะกิดผมยิก ๆ ผมเลยลุกขึ้นเดินออกไปอย่างเสียไม่ได้พวกพี่เขาก็ปรบมือให้กำลังใจ คงคาดหวังว่าผมจะมาแรงเหมือนไอ้ฮาร์ทเพราะเห็นนั่งด้วยกัน แต่เอ่อ...ปล่อยเพื่อนผมมันบ้าไปคนเดียวเถอะครับ “แนะนำตัวเลยครับน้อง” พี่เยี่ยมบอกผม ผมพยักหน้ารับ “สวัสดีครับ ผม พีท ชอบดูหนังมากๆ ครับเลยเลือกเรียนเอกนี้ เพื่อน ๆ คนไหนอยากดูชวนผมได้นะ” ผมจบด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร “เชี่ยยย”
จู่ ๆ เสียงนี้ก็ดังขึ้น จนทุกคนหัวขวับไปตามเสียงรวมถึงผมด้วย ก็เลยเจอกับรุ่นพี่คนหนึ่ง หน้าตี๋ดูละอ่อนแต่บอดี้นี่มาร์เวลสุด ๆมองผมด้วยสายตาตะลึง จนผมเอียงคอสงสัย จนเพื่อนพี่เขาก็ตบหัวเรียกสติไปหนึ่งที “เป็นเชี่ยไรมึงไอ้ฮัท” “น่ารักสัด” พี่เขาตอบมาลอย ๆ แบบไม่มีอับมีอายเสียงโห่ฮิ้วดังมาอีกระลอก พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังระงม รวมทั้งไอ้พี่เยี่ยมที่หัวเราะลั่นผมก้มหน้าเขินทันที จนหันไปเห็นสายตามองแบบรู้ทันพร้อมการคว่ำปากของไอ้เพื่อนฮาร์ท
“ฮ่าๆๆ บันเทิงว่ะ... ถ้าไหวแล้วจับคำใบ้เลยนะครับน้องพีท”สนุกนักนะมึงไอ้พี่เยี่ยม เมื่อกี้ยังเสียอาการอยู่เลยนะ ผมสลัดความคิดนั้นแล้วหันไปจับคำใบ้เลือกเอาที่ใกล้มือที่สุดเพราะเขินมากครับ อยากกลับไปนั่งที่แล้วเลยรีบแกะคำใบ้แล้วอ่านออกเสียงทันที “ข้างในเป็นสีแดงครับ”
“แม่ง เสียดายว่ะ” เสียงเดิมจากไอ้พี่ฮัทคนเดิมดังมาอีกครั้งเรียกเสียงหัวเราะอีกรอบ พร้อม ๆ กับการตัดตัวเลือกผมไปได้ทันที แต่ข้างในเป็นสีแดงนี่อะไรอ่ะ...ทำไมคำใบ้ผมไม่ง่ายเหมือนไอ้ฮาร์ทบ้างล่ะครับ
แล้วการจับคำใบ้สายรหัสก็ดำเนินต่อไป บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนานครื้นเครงดีครับพวกพี่ ๆ เขาอัธยาศัยดีกันมาก ๆ เลย จนคนสุดท้ายบอกคำใบ้เสร็จก็กลับมานั่งที่พร้อมกับเสียงปรบมือปิดงาน พี่เยี่ยมก็พูดต่อว่า...
“เรียบร้อยแล้วนะครับ ระหว่างนี้ก็ตามหาพี่รหัสของตัวเองให้เจอนะครับแล้วอีก 1 สัปดาห์เราจะมาเจอกันอีกครั้งก่อนจะจบกิจกรรมวันนี้ มีใครสงสัยอะไรอยากถามไหมครับ?” แน่นอนว่าไอ้ฮาร์ทยกมือขึ้นตามเคย...
“ว่าไงครับน้องฮาร์ท” “ถ้าผมรู้แล้วล่ะครับว่าพี่รหัสของผมเป็นใคร” เสียงโห่แซวดังขึ้นมาทันทีไม่รู้ก็แปลกแล้วครับ คำใบ้มันชัดแบบไม่รู้จะชัดยังไงได้แล้วอ่ะ รอบนี้พี่เยี่ยมไม่เสียอาการตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มว่า “ก็เข้าไปทักพี่เขาเลยสิครับ”
เท่านั้นล่ะ เสียงแซวดังขึ้นกว่าเดิมอีกแล้วคนที่เสียอาการก็กลายเป็นไอ้หัวแดงเพื่อนตอแหลของผม พี่ฮาร์ทเองก็ขำกับท่าทางของมัน“ถ้าไม่มีใครสงสัยอะไรแล้ว ก็แยกย้ายกันได้ครับ เจอกันสัปดาห์หน้านะ”
................................................................................................................................................................................
ผมกับไอ้ฮาร์ทก็เดินกันออกมาที่หน้าคณะ โดยที่มันก็ยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ต้องสืบครับ เพราะหลังจากพี่เขาปล่อยมา ไอ้ฮาร์ทก็เดินเข้าไปหาพี่เยี่ยมแบบไม่เกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น แล้วดูเหมือนว่าทั้งคู่จะแลกไลน์กันเรียบร้อยแล้วด้วย ไวชิบหาย พอถึงจุดที่ต้องแยกกันจริงๆ ไอ้ฮาร์ทก็หันมาถามผม “มึงกลับไงอ่ะ? กูไปส่งป่ะ กูเอารถมา”
“ไม่เป็นไรมึง กูอยู่หอในใหม่นั่งรถของม.ไปแปปเดียว” “เหรอ แน่ใจนะ” ผมพยักหน้า “เออ งั้นเจอกันพรุ่งนี้ กูไปละ”แล้วมันก็เดินจากไป ผมที่กำลังจะเดินไปยังป้ายประจำทาง ก็ถูกเรียกเอาไว้ก่อน
“น้องพีท”ผมหันไปก็เจอกับไอ้พี่หน้าตี๋หุ่นมาร์เวล พี่ฮัทกำลังเดินเข้ามาหาผม “พี่ฮัทนะอยู่ปีสองเอกเดียวกับเรา คือ...พี่ขอไลน์เราหน่อยได้ไหม พี่อยากรู้จักเราอ่ะ” พี่เขาถามพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ตรงชิบหาย ไม่มีอ้อมไม่มีค้อมยอมรับว่าตั้งตัวไม่ทันครับ “ไลน์ผม?”
“อื้ม เราสะดวกไหม? หรือพีทมีแฟนแล้ว?”พี่ฮัทถามหน้าซื่อๆ
ผมนิ่งคิดไปแปปนึง ส่วนตัวผมไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรกับพี่ฮัทนะครับแต่ก็ไม่ได้รู้สึกชอบเชิงชู้สาวอะไรขนาดนั้น ยังไงพี่เขาก็เป็นรุ่นพี่ในเอกให้ไลน์ไว้ทำความรู้จักกันก็คงไม่เป็นไรมั้ง “ส...สะดวกครับ” ผมรับมาแล้วก็พิมพ์ไลน์ตัวเองส่งไปให้พี่เขา พี่ฮัทรับไปพร้อมยิ้มให้ผม“ไว้พี่ทักไปนะ เจอกันพรุ่งนี้เจ้าตัวเล็ก” ................................................................................................................................................................................
ผมยืนรอรถบริการของมหาลัยฯอยู่นานสองนานมันก็ยังไม่มาสักที เลยตัดสินใจเดินกลับหอเองดีกว่า อย่างน้อยก็เดินสำรวจอะไรเรื่อยเปื่อยไปด้วยแต่ระหว่างที่เดินนั้นเอง เสียงฟ้าร้องก็ดังมา แล้วตามมาด้วยฝนที่โปรยลงมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ไอ้ชิบหาย
ผมที่ไม่ได้พกร่มติดตัวมาก็เลยรีบวิ่งไปหลบในอาคารที่ใกล้ที่สุดทันที แล้วมันก็ตกหนักมาแบบไม่ลืมหูลืมตาผมเลยเดินขึ้นตึกนั้นไป ดูเหมือนจะเป็นตึกเรียนของสักคณะนะครับ เพราะเห็นมีนักศึกษานั่งกันอยู่ประปรายแต่บุคลิกของนักศึกษาคณะนี้โคตรต่างกับคณะผมเลยอ่ะ ทุกคนดูแต่งตัวกันเซอร์สุด ๆผมยาวบ้าง กางเกงที่ไม่เหมือนกางเกงนักศึกษาที่ผมใส่อยู่ผมเดินไปหาที่นั่งแล้วก็มองไปรอบ ๆ สายตาก็ไปเจอกับไอ้คนคุ้ยเคย เลยได้รู้ว่านี่มันคณะสถาปัตยกรรมแน่ๆ เพราะผมเห็น ไอ้พี่เนท ยืนสูบบุหรี่อยู่กับเพื่อนมันครับ
เหมือนมันจะสังเกตเห็นผม มันขมวดคิ้วทิ้งบุหรี่แล้วเดินมาหาผม ไอ้พี่เนทหยุดยืนอยู่หน้าผม ผมเลยเงยหน้ามองขึ้นไป “มึงมาทำอะไรทีนี่?”
“หลบฝนครับ” ผมตอบซื่อ ๆ ให้กับคำถามโง่ ๆ ของมัน “ไม่ให้แฟนมึงมารับล่ะ” “แฟนผม?” “ไอ้พี่เฟมไง กูเห็นออกไปด้วยกันเมื่อวาน” ผมหลุดขำ “พี่เฟมไม่ใช่แฟนผม อีกอย่างผมกลับเองได้พี่” มันจ้องผมนิ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาหน่อยนึง “แล้วแดกไรยังฝนคงตกอีกนาน” “ไม่เป็นไรพี่ ขอบคุณนะครับ” มิน่าล่ะ ฝนถึงตก มันขมวดคิ้วใส่ผมอีกแล้ว “นั่งนี่แหละ เดี๋ยวกูไปหาน้ำมาให้แดก”
แล้วมึงจะถามกูเพื่อ??
“ไปไหนวะไอ้เนท” เสียงผู้หญิงทักมันครับ ผมหันไปมองตามก็เจอกับพี่ผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางทะมัดทะแมงดูสวยเลยแหละ พี่เขามองผมสลับกับไอ้พี่เนทเป็นเชิงสงสัย “ไปหาน้ำให้น้องแดก มึงจะเอาไรป่ะ”พี่เนทมันตอบแต่เหมือนจะยิ่งไปเพิ่มความสงสัยให้กับพี่ผู้หญิงคนนั้น “น้อง?” “รุ่นน้องรูมเมทกู”พี่เนทตอบสั้น ๆแล้วเดินออกไป พี่ผู้หญิงทำท่าอ๋อแล้วก็เดินยิ้มมานั่งลงตรงข้ามผม “ดีจ้ะ พี่ชื่อ น้ำ นะ เป็นเพื่อนไอ้เนทมันเราชื่ออะไรเหรอ?” “พีทครับ ยินดีที่รู้จักครับ” “เป็นรูมเมทไอ้เนทใช่ไหม? มิน่าล่ะ ปกติไม่เคยเห็นมันใจดีแบบนี้เลย”
ผมก็ไม่คิดเหมือนกันครับว่าคนอย่างมันจะใจดี
ผมได้แต่หัวเราะแหะ ๆ เป็นคำตอบกลับไป แล้วพี่น้ำก็โน้มตัวลงต่ำยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมแล้วพูดเสียงเบา ๆ พลางมองไปทางที่ไอ้พี่เนทเดินไป “อยากรู้ความลับของไอ้เนทป่ะ”
หืมมมมม....ความลับอีกแล้วเหรอ สนุกกูล่ะ... .
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
. .............................................................................................................
คิดว่าความลับของไอ้พี่เนทคืออะไรครับ? จะใช่เรื่องที่พีทไปเจอรึเปล่าน้า? เจอกันตอนหน้าครับ
|