มันบอกผมว่าเป็นชายแท้ (ตอนที่ 16) – ผมไม่อยากเสียพี่ไป
“อ๊ะ...อ๊าาา...พี่ฮัท...ร...แรงอีกครับ...ส...เสียวพีทเสียวว”
ผมครางลั่นโดยไม่แคร์ว่าจะมีใครได้ยินหรือเปล่าพลางแอ่นก้นรับแรงกระแทกจากรุ่นพี่ตัวใหญ่ FWB คนเดียวของผม ใช่ครับ...ตอนนี้ผมกำลังเย็ดกับพี่ฮัทอยู่ที่คอนโดของพี่มัน
“แบบนี้เหรอครับเมียถูกใจเมียมั้ยครับ? ผัวโคตรเสียวเลย ซี๊ดดดด”
พี่ฮัทมันเพิ่มแรงกระแทกส่งควยอวบ ๆของมันเข้ามาในรูของผม ผมฟุบหน้าลงกับหมอนส่งเสียงครางอย่างสุดกลั้นได้มีอะไรกับพี่ฮัทตอนที่ไม่เมานี่มันดีกว่าตอนเมาเป็นไหน ๆ
แล้วถ้าถามว่าผมกับพี่มันมาลงเอยกันที่นี่ได้ยังไงน่ะเหรอครับเรื่องมันก็มีอยู่ว่า... .
.
.
.
.
ไม่อ่ะ ผมขี้เกียจเล่า ฮ่าๆๆๆ หยอก ๆ
สรุปง่าย ๆ ก็คือช่วงนี้มันใกล้สอบมิดเทอมแล้วใช่ไหมละครับ ผมกับพวกเพื่อน ๆ เลยรวมหัวกันติวหนังสือแล้วไอ้ฮาร์ทเพื่อนหัวแดงตัวดีของผมก็เสนอไอเดียว่าให้พวกรุ่นพี่มาช่วยติว จริง ๆก็เป็นแค่ข้ออ้างของมันที่อยากจะอยู่กับเมียมันนั่นล่ะครับ สุดท้ายพี่เยี่ยมก็มาช่วยติวหนังสือให้พ่วงด้วยไอ้พี่ฮัทที่ติดสอยมาด้วย ส่วนพี่โมเขาติดงานชมรมเลยไม่ได้มาซึ่งพี่เยี่ยมอ่ะติวให้จริง ๆ จัง ๆ ล่ะครับ แต่ไอ้คนหลังนี่ดีมีหน้าที่แค่นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ คอยป้อนน้ำป้อนขนมให้ผมแค่นั้นแหละ
จนติวกันเสร็จ พวกเพื่อน ๆผมก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ไอ้ฮาร์ทก็ลากพี่เยี่ยมไปสวีทที่ไหนก็ไม่รู้เหลือแค่ผมกับพี่ฮัทที่ยังไม่มีที่ไป สุดท้ายมันก็กระซิบชวนผมมาที่คอนโดมันแล้วก็นั่นละครับ...
เรื่องมันก็เป็นแบบที่ทุกคนเห็น... .
.
.
.
.
...................................................................
หลังจากเสร็จกิจกามอันดุเดือดระหว่างผมกับพี่ฮัทไปผมก็นอนเล่นโทรศัพท์ชิล ๆ อยู่บนเตียงของพี่มันนี่ล่ะครับพี่ฮัทที่เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ ก็เข้ามานอนกอดเอวผมพร้อมกับหอมแก้มไปฟอดใหญ่
“หนำใจมากเลยครับตัวเล็กของพี่”
ผมพลิกตัวหันกลับไปจุ๊บแก้มพี่ฮัทกลับทำเอาอีกฝ่ายยิ้มจนตาเป็นขีด “พีทก็เหมือนกันครับ”
ผมกับพี่ฮัทนอนกอดกันอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ ต่างคนก็ต่างเล่นโทรศัพท์ของตัวเองไป ถึงจะไม่ได้คุยกันหวาน ๆ ตามประสาคนเพิ่งจะเย็ดกันเสร็จแต่มันไม่มีความอึดอัดเกิดขึ้นเลยครับ มันเป็นความเงียบที่เราสบายใจกันทั้งคู่
จนกระทั่ง...
ผมขมวดคิ้วมองการคอลไลน์ที่เข้ามาเป็นไลน์ของพี่ลินครับ ปกติพี่ลินไม่เคยโทรหาผมเลยนี่หว่า หรือผมจะลืมว่ามีงานชมรมอะไรที่ผมพลาดไปผมเลยรีบกดรับสายทันที
“ฮัลโหลครับพี่ลิน...” ผมรับสายตอบกลับไปพี่ฮัทมันที่ได้ยินก็ขยับเข้ามาวางคางเกยที่ไหล่ผมแอบฟังด้วยกัน แต่เสียงที่ตอบกลับมาดันไม่ใช่พี่ลินครับกลับเป็นเสียงของพี่น้ำที่ฟังดูแล้วไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิดเดียวยิ่งฟังพี่น้ำพูดใจผมก็ยิ่งสั่นรัว มันเป็นการสั่นด้วยความกลัวผมลุกขึ้นนั่งตั้งใจฟังให้ชัด ๆ พี่ฮัทที่ได้ยินไปพร้อมกับผมก็ลุกขึ้นมาโอบไหล่ผม แล้วพี่น้ำก็วางสายไปผมนั่งอึ้งอย่างทำตัวไม่ถูก จนพี่ฮัทต้องพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แต่งตัวครับตัวเล็ก เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ครับ...” ผมพยักหน้าอย่างเลื่อนลอยพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอขึ้นมาจนมองทุกอย่างพร่ามัวไปหมด
พี่น้ำโทรมาบอกผมว่า... .
พี่เนทถูกรถชน ตอนนี้ไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาลครับ
..................................................................................
ไม่นานพี่ฮัทก็พาผมมาถึงโรงพยาบาลครับพี่แกจอดให้ผมลงไปก่อนแล้วตัวเองก็ไปจอดรถ ผมรีบวิ่งไปที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที เมื่อมาถึงผมก็เห็นพี่น้ำกับพี่ลินยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยท่าทางกระวนกระวายผมรีบเดินเข้าไปหา ระล่ำระลักถามโดยลืมไปว่าตัวเองกำลังหอบเหนื่อยจากการวิ่งมาอยู่
“พ...พี่เนท...แฮ่ก...เป็นยังไงบ้างครับ” “น้องพีท”พี่น้ำหันมาเห็นผมก็เข้ามาโอบไหล่ผมทันที ผมที่ร้อนใจก็ได้แต่จ้องไปยังพี่ลินเพื่อขอคำตอบ “พวกพี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่ตอนนี้หมอกำลังทำแผลให้อยู่ ที่รู้ล่าสุดก็คือเนทมันยังไม่ได้สติเลย” พี่ลินตอบผมด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
สักแปปหนึ่งพี่ฮัทก็เดินตามมาที่หน้าห้องฉุกเฉินพี่มันก็รู้ตัวละครับว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ มันมาเพราะเป็นห่วงผมเลยยืนเว้นระยะห่างออกมา พี่ลินกับพี่น้ำเองก็เห็นพี่ฮัทแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ผมเองก็ไม่สนใจจะอธิบายอะไรตอนนี้ด้วยผมมองไปที่ประตูห้องฉุกเฉินที่ยังคงปิดสนิทราวกับจะมองให้ทะลุไปเห็นพี่เนทที่อยู่ข้างในพี่มันจะเจ็บแค่ไหน? แล้วเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับทำไมพี่เนทถึง...” ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหม่อลอย พี่น้ำพาผมไปนั่งตรงเก้าอี้แถวนั้นแล้วเริ่มเล่าให้ผมฟัง
ก่อนเกิดเรื่องทุกอย่างก็ยังปกติครับพวกพี่เขานัดทำงานกันสำหรับโปรเจ็คต์งานของช่วงมิดเทอม แล้วพี่เนทมันก็อาสาเป็นคนไปซื้ออุปกรณ์ที่ขาดแต่ระหว่างทางตรงสี่แยก พี่เนทมันก็ถูกรถยนต์ที่ขับมาจากอีกทางชนเข้าตรงท้ายของมอเตอร์ไซค์จนตัวมันกับรถกระเด็นไปคนละทาง พี่มันกลิ้งไปหัวกระแทกกับฟุตบาธจนหมดสติไป คู่กรณีเองก็ดูเหมือนไม่ตั้งใจเพราะเป็นคู่แฟนของเด็กที่เรียนในมหาลัยฯ นั้นทั้งคู่ก็รีบพาพี่เนทมันมาส่งโรงพยาบาล พอเปิดมือถือเห็นข้อความของพี่น้ำส่งมาเป็นคนสุดท้ายเลยติดต่อมาบอก
จุดที่แย่ของเรื่องนี้ก็คือความประมาทของพี่เนทครับ ที่มันคิดว่าขับรถในมหาลัยฯ คงไม่มีอะไรมันเลยวางหมวกกันน็อคไว้ที่คณะ ไม่ได้สวมมาด้วย นี่ยังดีที่มันชนไม่แรงมากถึงขนาดบาดเจ็บหนักกว่านี้แต่นั่นล่ะครับ...หัวกระแทกขนาดนี้ไม่รู้มันจะเกิดผลอะไรตามมาบ้าง
ผมนั่งก้มเอามือปิดหน้า พยายามกลั้นน้ำตาที่เกิดมาจากความกลัวที่แล่นเข้ามาจู่ ๆ ผมก็เกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาว่า ผมจะเสียพี่เนทไป พอความคิดนี้เกิดขึ้นผมก็แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ และมันยิ่งยากขึ้นเมื่อมือหนา ๆของพี่ฮัทลูบหัวผมเพื่อปลอบ ก่อนที่ผมจะนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้แล้วรีบสลัดความกลัวทิ้งหันไปถามพี่น้ำทันที
“แล้วพ่อพี่เนทรู้เรื่องนี้รึยังครับ?!” “รู้แล้วล่ะ พี่โทรไปบอกแล้ว คุณลุงเขากำลังมา”พี่น้ำตอบผมกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ดูให้เห็นชัดเลยว่าพยายามเข้มแข็ง เพื่อที่จะส่งความเข้มแข็งนั้นมาให้กับผมด้วย
ผมพยักหน้ารับอย่างเบาใจก่อนจะกลับมาจมอยู่กับความคิดของตัวเองต่อ
ถ้าผมไม่ไปกับพี่ฮัท แล้วไปอยู่กับพี่เนทมันที่คณะเหมือนทุกทีอย่างน้อยผมก็คงได้เตือนมันเรื่องหมวกกันน็อค หรือไม่ผมก็คงออกไปซื้อของกับมันด้วยแล้วมันก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้
เหมือนพี่ฮัทมันจะสัมผัสความคิดในหัวของผมได้มันเลยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงให้กำลังใจ “ไม่เป็นไรนะตัวเล็กเนทมันอยู่ในมือหมอแล้ว มันปลอดภัยแล้วนะ”
จากบุคลิกที่เคยทะเล้น กับสายตาที่เหมือนจ้องจะกินผมตลอดเวลาตอนนี้มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยน มองผมอย่างเข้าใจ น้ำเสียงนุ่มของมันเองก็ให้กำลังใจผมเช่นกันผมเงยหน้าไปมองแล้วก็แค่นยิ้มส่งกลับไปให้ พี่ฮัทมันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ตบบ่าเบาๆ เพื่อย้ำให้ผมรู้ว่ามันยังมีผมอยู่ตรงนี้ แล้วมันก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้นเพราะเห็นพี่น้ำกับพี่ลินอยู่ตรงนั้นด้วยคงไม่อยากให้ผมลำบากใจต้องตอบคำถามเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับพี่มันอีก
ไม่นานหลังจากนั้น หมอก็ออกมาจากห้องฉุกเฉินครับพร้อมกับเตียงเข็นที่มีพี่เนทนอนไม่ได้สติอยู่บนนั้น ผมรีบถลาไปหาทันทีพี่มันยังคงนอนไม่ได้สติ ใบหน้ามีรอยแผลถลอก ตามตัวก็เต็มไปด้วยแผลคราบเลือดเกรอะกรังอยู่บนเสื้อนักศึกษาสีขาวของมัน ที่หัวของพี่เนทก็พันผ้าพันแผลเอาไว้เหมือนกับทุกบาดแผลที่ได้รับการปฐมพยาบาลไปแล้วเรียบร้อย ผมทำได้แค่จับขอบเตียงไว้ไม่กล้าแตะตัวพี่มันเพราะกลัวจะทำให้พี่มันเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม
หูของผมก็ได้ยินหมอพูดว่าคงต้องให้พี่เนทแอดมิทอยู่ที่โรงพยาบาลนี้สัก 2 – 3 วัน เพื่อสแกนสมองดูว่าได้รับการกระทบกระเทือนหรือเปล่า ส่วนบาดแผลโดยรวมไม่มีอะไรมากแค่ถลอกแล้วก็ฟกช้ำ อาจจะมีปวดเคล็ดจนเคลื่อนไหวลำบากบ้าง แต่โชคดีที่ไม่มีกระดูกหักหรืออวัยวะภายในที่ได้รับความเสียหาย ผมได้ยินแบบนั้นก็ค่อยโล่งใจ ก่อนจะเดินตามพี่คนเข็นเตียงไปยังห้องพักผู้ป่วยของพี่เนท
.............................................................................
ห้องพักฟื้นของพี่เนทเป็นห้องที่เกือบจะดีที่สุดของโรงพยาบาลแล้วล่ะครับเพราะตอนพี่น้ำโทรไปบอกพ่อพี่เนท คุณพ่อแกก็บอกให้พี่น้ำแจ้งโรงพยาบาลว่าพี่เนทมีประกันสุขภาพกับประกันอุบัติเหตุที่ทำไว้ให้ด้วยวงเงินสูงสุดอยู่แกเลยย้ำว่าให้เลือกห้องที่ดีที่สุดที่มีให้พี่เนท แล้วแกจะรีบมาตอนนี้พวกผมเลยอยู่ในห้องที่หรูซะยิ่งกว่าโรงแรมบางแห่ง และแน่นอนว่ามันหรูกว่าหอพักที่ผมกับพี่เนทอยู่คนละลิบโลกเลยล่ะ
ในห้องมีแต่ความเงียบครับไม่มีใครพูดอะไร ความสนใจของทุกคนอยู่ที่ผู้ชายร่างสูงที่นอนไม่ได้สติในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลบนเตียงผมเองก็ลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เตียง ตาก็จ้องไปที่ใบหน้าที่มีบาดแผลถลอกดวงตาที่ปิดสนิทนั้นผมหวังเหลือเกินว่าพี่มันจะลืมตาขึ้นมาได้เร็วที่สุด สักพักเสียงโทรศัพท์ของพี่น้ำก็ดังขึ้นพร้อมกับพี่แกที่รีบเดินออกจากห้องไป ฟังจากการคุยแล้ว คุณลุงภาคภูมิพ่อของพี่เนทน่าจะมาถึงแล้ว
ครู่เดียวเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับพ่อของพี่เนทที่เร่งเดินเข้ามาพร้อมอาการเหนื่อยหอบอย่างร้อนใจผมรีบลุกขึ้นยกมือไหว้ทันที ก่อนจะถอยหลบฉากออกมายืนข้าง ๆ พวกพี่น้ำ พี่ลินแล้วก็พี่ฮัทที่ยังคงอยู่ด้วย คุณลุงรับไหว้พวกเราทุกคนแล้วรีบเข้าไปหาพี่เนทผมได้ยินเสียงสูดน้ำมูกดังมาจากผู้ชายวัยกลางคนคนนี้ ทำเอาพวกเราได้แต่ก้มหน้า หัวใจของคนเป็นพ่อเห็นลูกตัวเองเจ็บขนาดนี้ ในใจของเขาเจ็บมากขนาดไหน ผมไม่สามารถรู้ได้เลย
สั้นชั่วอึดใจ แต่นานเหมือนชั่วกัลป์ไม่นานหลังจากที่คุณลุงมาถึง พี่เนทก็เริ่มขยับตัว เห็นแบบนั้นทั้งผม พี่ลินแล้วก็พี่น้ำรีบไปมุงรอบเตียงพี่เนททันที ส่วนพี่ฮัทมันยืนมองอยู่ห่าง ๆ แล้วสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็เกิดขึ้นพี่เนทค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา มันหยีตารับแสงจ้าที่เข้ามาฉับพลัน ก่อนที่สายตาจะปรับได้แล้วมองไปรอบๆ ด้วยสายตางุนงง ก่อนจะแสดงอาการเจ็บแผลออกมานิดหน่อยพี่ลินรีบคว้าเครื่องส่งสัญญาณเรียกหมอแล้วแจ้งไปทันทีว่าคนไข้ฟื้นแล้ว
พี่เนทมองหน้าพวกผมทุกคน มันมองผมนิ่งไปแปปหนึ่งก่อนที่จะไปหยุดสายตาที่คุณลุงซึ่งกำลังมองมันอยู่ด้วยน้ำตาที่คลอเต็มเบ้า ชั่วขณะนั้นผมมั่นใจเลยว่าทุกคนกำลังลุ้นและกลัวไปพร้อม ๆ กัน ว่าพี่เนทมันจะจำพวกเราได้ไหม
“พ่อ...”พี่เนทมันพูดเสียงแหบพร่าเป็นคำแรก คุณลุงที่ได้ยินคำนั้นไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปแกปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้ม แล้วยกมือขึ้นลูบผมลูกชายตัวเองอย่างแผ่วเบาระมัดระวังไม่ให้พี่เนทรู้สึกเจ็บ
“ใช่ครับเนท พ่อเองเจ็บมากไหมครับคนเก่งของพ่อ”
พี่เนทมันไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็ไม่ได้มีท่าทางโกรธหรือโมโหคุณลุงเหมือนที่ผ่านๆ มา มันหันกลับมามองพี่น้ำ กับพี่ลิน ก่อนจะหยุดอยู่ที่ผมอีกครั้ง
“กูถูกรถชนเหรอวะ”มันถามพวกผมด้วยน้ำเสียงมึน ๆ ไม่รู้มึนเพราะหัวกระแทก หรือมันมึนของมันจริง ๆจนพี่น้ำหลุดขำออกมาทั้ง ๆ ที่น้ำตาไหลอาบแก้มอยู่
“เออ! มึงถูกรถชน สภาพดูไม่ได้เลยสัด” พี่น้ำตอบด้วยน้ำเสียงสั่น ๆกลั้วหัวเราะไปด้วย ร้องไห้ไปด้วย จนพี่ลินเข้ามาปลอบด้วยรอยยิ้มโล่งอกที่พี่เนทมันยังจำพวกเราได้
พี่เนททำหน้ายู่ ก่อนจะหันมามองผมพี่มันยิ้มบาง ๆ ให้ แล้วถามผม “ร้องไห้ทำไมไอ้เตี้ย กลัวกูตายเหรอ”
ผมขำกับความกวนตีนของพี่มันพร้อมกับชูนิ้วกลางส่งกลับไปให้ แล้วนึกขึ้นได้ว่าคุณลุงพ่อพี่เนทยังอยู่ด้วยเลยรีบยกมือไหว้ขอโทษทันที ทำเอาทุกคนหลุดขำออกมาได้บ้าง
บรรยากาศกังวลและความกลัวเมื่อกี้มันก็สลายหายไปพี่เนทมันเลื่อนสายตาหันไปมองพี่ฮัทที่ยืนมองพวกผมเงียบ ๆ ด้วยรอยยิ้มพี่เนทมันขมวดคิ้วสงสัยแปปหนึ่ง แต่ไม่ทันที่จะได้ถามอะไรประตูห้องพักของพี่เนทก็เปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับคุณหมอและพยาบาลที่เข้ามา พวกผมทุกคนเลยออกมาจากห้องให้คุณหมอกับพยาบาลเขาทำงานได้สะดวก
.........................................................................
“ขอบใจทุกคนมากนะที่ช่วยดูแลเนทลุงขอบคุณมากจริง ๆ” คุณลุงขอบคุณแล้วทำท่าจะยกมือไหว้พวกผมจนพี่น้ำรีบเข้าไปจับมือไว้ไม่ให้ไหว้ “เนทเป็นเพื่อนพวกเรายังไงพวกเราก็ไม่ทิ้งเนทอยู่แล้วค่ะคุณลุง คุณลุงสบายใจได้นะคะ” พี่ลินตอบกลับไปโดยมีผมยืนพยักหน้าสนับสนุนอยู่ข้าง ๆ
คุณลุงพยักหน้าพร้อมยิ้มรับด้วยดวงตาที่ยังมีคราบน้ำตาเหลืออยู่ก่อนที่เราจะตกลงกันว่า ผมจะเป็นคนมานอนเฝ้าพี่เนทมันที่โรงพยาบาลเพราะคุณลุงติดงานสำคัญที่ต่างจังหวัด จริง ๆ ต้องเดินทางวันนี้แต่ขอเลื่อนเขาเพราะพี่เนทประสบอุบัติเหตุแต่คุณลุงบอกว่าจะรีบเคลียให้เสร็จให้เร็วที่สุดแล้วกลับมาให้ทันก่อนพี่เนทจะออกจากโรงพยาบาลส่วนพี่น้ำกับพี่ลินก็จะไปคุยกับอาจารย์เรื่องโปรเจ็กต์กับสอบมิดเทอมของพี่เนทแล้วก็แจ้งข่าวเพื่อนๆ ให้
พอตกลงได้ดังนั้น พี่ฮัทมันก็อาสาพาผมไปเอาเสื้อผ้าของใช้ทั้งของผมกับพี่เนทที่หอแล้วจะกลับมาส่งที่โรงพยาบาลส่วนพี่น้ำกับพี่ลินก็แยกตัวกลับไปที่คณะ เหลือคุณลุงที่จะอยู่ดูแลพี่เนทในช่วงที่ผมไม่อยู่
.................................................................
= เนทเล่า = “ได้ครับหมอ” ผมตอบตกลงกับคุณหมอที่แจ้งว่าวันนัดตรวจสมองผมในวันรุ่งขึ้นว่าได้รับการกระทบกระเทือนอะไรหรือเปล่า
“งั้นตามนั้นนะครับ โดยรวมอาการของคนไข้ยังไม่มีอะไรน่ากังวลแต่หมออยากสังเกตอาการดูก่อน ช่วงนี้ลุกไปไหนมาไหนยังไงก็ระมัดระวังนะครับ ถ้ามีคนช่วยจะดีมากแต่ถ้าไม่ก็สามารถเรียกพยาบาลได้เลย เพราะมันอาจจะยังมีอาการมึนหัว แล้วก็สับสนบ้างส่วนแผลเดี๋ยวพยาบาลเขาจะเข้ามาทำความสะอาดให้ อย่าเพิ่งให้แผลโดนน้ำนะครับใช้เป็นการเช็ดตัวไปก่อนนะ” คุณหมอร่ายยาว ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่คุณหมอและพยาบาลจะขอตัวออกไป
ผมมองตามไปยังประตูที่เปิดออกก็เห็นพ่อของผมกำลังยกมือไหว้ขอบคุณหมอแล้วยืนคุยกัน แต่ผมไม่รู้หรอกครับว่าเขาคุยอะไร เพราะประตูมันปิดไปเสียก่อนผมนอนมองขึ้นไปบนเพดาน ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผมกำลังขับมอเตอร์ไซค์ไปซื้ออุปกรณ์มาทำโปรเจ็กต์มิดเทอมแต่พอกำลังจะผ่านสี่แยกก็รู้สึกเหมือนรถโดนกระแทกอย่างแรงแล้วตัวผมก็ปลิวกลิ้งไปบนถนน จนผมรู้สึกหัวกระแทกอะไรบางอย่างแล้วหลังจากนั้นทุกอย่างมันก็มืดไปหมดเลยมานึก ๆ ดูผมก็ประมาทเองด้วยล่ะครับ ที่ย่ามใจไม่หยิบหมวกกันน็อคมาสวมตอนขับรถด้วยไม่รู้ตอนนี้สภาพมอเตอร์ไซค์คันรักของผมจะเป็นยังไงบ้าง เฮ้อ...
เสียงเปิดประตูดังขึ้นเรียกผมกลับมาสู่โลกแห่งปัจจุบันอีกครั้งผมมองไปก็เห็นผู้ชายร่างอวบที่ผมเคยโกรธเขาอยู่ทุกวินาทีเดินเข้ามาพอเห็นสีหน้าเศร้า พร้อมกับรอยยิ้มที่พยายามฝืนเข้มแข็งกำลังส่งมาให้ผม ความโกรธที่เคยมีมามันก็จางลงไปเขาเดินมายืนข้างเตียงแล้วลูบผมของผมเบา ๆ ผมหลับตาลงเพื่อไม่ให้เขาเห็นว่าผมกำลังน้ำตาคลอขึ้นมาแล้ว
มันเป็นสัมผัสที่ผมคิดถึงมากจริง ๆ
“ปลอดภัยแล้วนะเนท พ่อโทรบอกแม่เรียบร้อยแล้วนะแม่เขากำลังมาแล้ว”
ผมเบิกตากว้างหันไปมองทันทีแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ “พ่อโทรบอกแม่? ได้ยังไง?!”
ตั้งแต่พ่อกับแม่ผมตัดสินใจแยกทางกันแล้วแม่ไปอยู่ต่างประเทศ ผมก็ไม่เคยเห็นพวกเขาคุยกันอีกเลยจนผมคิดว่าพวกเขาเกลียดกันไปแล้วด้วยซ้ำ พ่อเห็นสายตาผมแบบนั้นเลยยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน
“ได้ดิ ถึงพ่อกับแม่จะแยกทางกันแต่ยังไงเนทก็ยังเป็นลูกของเรานะ ถ้าเป็นเรื่องของลูก ยังไงพวกเราก็ไม่มีทางทิ้งลูกไปไหนอยู่แล้ว”
ผมฟังแล้วก็จ้องแววตาของชายตรงหน้านิ่งจู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลเอ่อขึ้นมาจนล้นมานอกดวงตาผมผมปล่อยให้มันไหลแล้วร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ ที่ผ่านมาผมคิดมาตลอดว่า การที่พวกเขาแยกทางกันมันหมายความว่าผมเสียทั้งพ่อและแม่ไปแล้ว แม่กลับเป็นคนเดียวที่พยายามเข้าหาผมแต่พ่อกลับเลือกที่จะถอยห่าง จนผมคิดว่าเขาเกลียดผม มันเลยกลายเป็นกำแพงที่ผมสร้างขึ้นมากั้นเขาไว้โดยตลอด
“ที่ผ่านมาพ่อผิดเองที่เห็นเรื่องงานสำคัญกว่าครอบครัวจนทำให้ครอบครัวเรากลายเป็นแบบนี้ แต่จากนี้มันจะไม่มีอีกแล้วนะเนทยังมีพ่ออยู่นะครับ เนทสำคัญสำหรับพ่อมากนะ เนทให้โอกาสพ่อแก้ตัวได้ไหม”
ผมมองพ่อที่มองผมกลับมาด้วยสายตาที่ผมสัมผัสได้ถึงความจริงใจผมพยักหน้าให้เขาโดยที่พยายามกลั้นเสียงสะอื้นไว้ พ่อไม่ตอบอะไรกลับมาเขาแค่ยิ้มพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาด้วยเหมือนกัน ก่อนจะละมือที่ลูบผมของผมอยู่ไปหยิบกระดาษทิชชู่มาส่งให้ผม ผมรับมาเช็ดน้ำตาน้ำมูกที่เปรอะไปหมด มันก็ยังไหลไม่หยุดแต่คราวนี้มันไม่ใช่น้ำตาของความเสียใจแล้วล่ะครับ
“เออ...เนท พ่อขออย่างหนึ่งได้ไหม”จู่ ๆ พ่อก็พูดขึ้นมา ผมลืมตาหันไปมอง เขาจ้องผมกลับมาด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วพูดต่อว่า“เนทพูดกับพีทเขาดี ๆ หน่อยสิ น้องเขาน่ารักมากนะ”
ผมขมวดคิ้วใส่พ่อแล้วตอบกลับไปด้วยความปากหมาเป็นสันดานของตัวเองว่า“ยุ่งน่าพ่อ!”
พ่อไม่โกรธนะครับ แกหัวเราะเบา ๆแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงผม ผมยิ้มที่พ่อเองก็เอ็นดูไอ้พีทเหมือนที่ผมรู้สึกกับมันแต่ไม่ต้องรอให้พ่อบอกหรอกครับ ผมรู้ดีเลยล่ะว่าไอ้เตี้ยนั่นมันน่ารักขนาดไหน .
.
. ไม่งั้นผมจะหลงมันหัวปักหัวปำขนาดนี้เหรอ .
.
.
.
.
..................................................................... ฮู้ววววววว! ตอนนี้โคตรดราม่าเลยอ่ะ แต่มันสำคัญสำหรับตัวละครพี่เนทมากๆ เลยล่ะครับ เคลียไปได้อีกหนึ่งปมแล้วเนอะ แต่ยังเหลือปมอีก...เอ่อ...เยอะชิบหายฮ่าๆๆๆ ฝากติดตามดูเอ็นและเอ็นดูไอ้พวกนี้ต่อไปด้วยนะครับบบ ขอบคุณทุกความเห็น ทุกยอดวิว ทุกน้ำใจทุก Zenny มาก ๆ เลยครับ
|