บ้านศักดิ์นรินทร์ทำธุรกิจส่งออกเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของประเทศไทย ทำให้เป็นตระกูลที่ใหญ่โตและมีอิทธิพลสูงมาก มีนายเดชากุล เป็นเสาหลักของตระกูลและเป็นประธานบริษัทแม่ที่จังหวัดกรุงเทพ ปัจจุบันนายเดชาอายุก็69ปี คนในตระกูลจึงเรียกกันติดปากว่าคุณปู่เดชา แม้อายุกำลังจะขึ้นเลข7 แต่ภายนอกของคุณปู่ยังดูหนุ่มกว่าคนรุ่นราวอายุทั่วไป เพราะสมัยหนุ่มๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ แถมยังทำงานหนักจนทำให้นามสกุลศักดิ์นรินทร์เป็นที่รู้จักของคนในประเทศ แต่สังขารมนุษย์ย่อมเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แม้ปู่เดชาจะยังแข็งแรงบริหารบริษัทได้ แต่สักวันก็ต้องยกให้รุ่นต่อไปดูแล
เดชามีลูกชาย 2คนและลูกสาว1คน คนโต คือนายธิติ ลูกชายคนแรกและคนโปรดของเดชา ด้วยความที่เป็นคนแรกเดชาจึงเรียกดูอยากดีที่สุด ทำให้นายธิติโตมาได้เชื้อพ่อมาเต็มๆ ใฝ่การเรียนรู้และขยันตัวเป็นเกลียว หลังจบเกียรตินิยมอันดับ1 เดชาก็ยกบริษัทสาขาย่อยให้ธิติเป็นคนดูแล เรียกได้ว่าเป็นคนที่เดชาตั้งความหวังไว้มากที่สุด ภายหลังได้แต่งงานกับลูกสาวบริษัทส่งออกผลไม้ ทำให้ตระกูลมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้นอีก ปัจจุบันมีลูกชาย1คน
คนกลาง คือนางเจียระไน ลูกสาวสุดห่วงและเป็นที่รักของนายเดชา นิสัยคล้ายพี่ชายมาก ภายหลังได้แต่งงานกับผู้ชายฐานะธรรมดา อาชีพครูอย่างนายภัทร ทำให้เดชาผิดหวังในตัวลูกสาวมากเพราะอยากให้แต่งกับผู้ชายฐานะดีๆ ด้วยความที่ฐานะของภัทรค่อนข้างแย่ เดชาจึงให้ภัทรย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านศักดิ์นรินทร์แทนที่ฝ่ายหญิงจะย้ายไป
คนสุดท้อง คือนายกวิน ลูกชายคนที่สอง ลูกรักของภรรยา เรียกได้ว่าเป็นด้านตรงข้ามของพี่ชายคนโตเลยก็ว่าได้ เพราะกวินไม่สนใจการเรียน งานไม่ยุ่งเอาแต่เที่ยวเล่นจนเดชาแทบจะตัดออกจากกองมรดก ปัจจุบันกำลังเรียนวิศวะปีที่6 ทั้งๆ ที่ควรจะจบ4ปีเหมือนเพื่อนๆ แต่นายกวินก็ไม่ได้สนใจเพราะบ้านรวยไม่ต้องเรียนจบหรือทำงานก็ยังได้ เพราะมีแม่คอยส่งเงินให้ตลอด เดชาจึงไม่ค่อยสนใจลูกชายคนสุดท้องมากนัก ปล่อยให้ภรรยาจัดการไป
.....
ในบ้านหลังใหญ่โตท่ามกลางความเงียบสงัด แม่บ้านกำลังเดินมาเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะอาหารหรูหรา ประกอบด้วยปู่เดชาและหลานชาย น้องปลื้ม อายุ11ปี ลูกชายของธิติ น้องปลื้มเป็นหลานชายคนเดียวของเดชา จึงรักและเอ็นดูมากๆ ด้วยความที่เป็นเด็กน่ารักของทุกคน คนในบ้านจึงเรียกติดปากกันว่าคุณหนูปลื้ม
ก่อนไปโรงเรียนน้องปลื้มจะนั่งทานอาหารเช้ากับคุณปู่ทุกครั้ง ส่วนคนอื่นๆ ในบ้านก็ออกไปทำงานกันหมด ยกเว้นนายกวินคนเดียวที่อยู่มหาลัย
"ปู่ได้ยินว่าจะสอบแล้วใช่ไหม?"
"ครับ ครูบอกว่าอาทิตย์หน้าก็เริ่มสอบแล้วครับ" เด็กชายตอบอย่างสุภาพ ในสายตาของเดชา น้องปลื้มถอดแบบมาจากลูกชายเขาสมัยเด็กๆ ไม่มีผิด
"ตั้งใจนะ ถ้าสอบได้คะแนนดี ปู่มีรางวัลให้"
"เย้! ทุกอย่างเลยเหรอครับ ปลื้มจะขออะไรปู่ก็ได้ใช่ไหม?"
"ทุกอย่างเลย อะไรก็ได้ ปู่รวยอยู่แล้ว"
"เย้ๆ ปลื้มจะตั้งใจสอบนะครับ!" เด็กชายยิ้มดีใจ ทำเอาผู้เป็นปู่ยิ้มตามไปด้วย ถ้าหลานชายตั้งความหวังได้แบบนี้ ตำแหน่งประธานบริษัทแม่ก็คงต้องยกให้ลูกชายคนแรกอย่างธิติจริงๆ อย่างน้อยก็มีลูกชายดีๆ คอยสืบทอดต่อ
"โหห พ่อออ สปอยล์แต่หลาน ทำไมไม่สปอล์ลูกบ้างล่ะ?" กวินเดินเข้ามาในห้องอาหารในชุดมหาลัยลุคเซอร์ๆ แต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อย ดูไม่สมกับใบหน้าหล่อๆ กวนๆ เลยแม้แต่นิด
"แล้วแกมีอะไรให้ฉันคาดหวังหะ? ไอ้กวิน เรียนก็ไม่จบสักที ที่กลับมาบ้านได้เนี่ยเพราะเงินหมดล่ะสิ" จากคุยดีๆ กับหลานก็เปลี่ยนมาดุดันใส่ลูกชายคนเล็กทันที
"รู้ดีจังนะพ่อออ"
"อากวินสวัสดีครับ" น้องปลื้มยกมือไหว้ผู้เป็นอาทันที
"หนูปลื้มของอามานี่ม่ะ ขอกอดให้หายคิดถึงหน่อยย" กวินสวมกอดหลานอย่างเอ็นดู เพราะอายุใกล้เคียงกับหลานมากที่สุดในบ้าน จึงเป็นเพื่อนเล่นให้น้องปลื้มมาตั้งแต่เด็กๆ
"หืมมม ทำไมตัวอาเหม็นจัง" น้องปลื้มทำหน้ายู่
"อ๋อ อายังไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อคืนอะ สงสัยมีกลิ่นบุหรี่ติดด้วย"
"ไอ้กวิน! แกให้หลานดมกลิ่นบุหรี่ได้ไง แกไปเลยนะ ไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมาอยู่ใกล้หลาน!"
"ไม่ต่องไล่หรอกกก จะไปอยู่แล้วววว อาไปก่อนนะจ๊ะหนูปลื้ม อยากเล่นเกมตอนเย็นค่อยมาหาอาที่ห้องนะ" กวินยักคิ้วให้หลานก่อนจะเดินหนีไปหาขอเงินผู้เป็นแม่
"ดูอาของหลานเป็นตัวอย่างนะ ถ้าไม่ตั้งใจเรียนหรือเรียนไม่จบสักทีก็จะเป็นแบบนี้แหละ" เดชารีบหันมาสอนหลานทันที
"แต่อากวินก็ไม่เห็นแย่เลยนิครับ"
"แย่สิ แย่มากด้วย หลานเอาอย่างพ่อดีกว่านะ"
"ครับผม งั้นปลื้มไปโรงเรียนก่อนนะครับคุณปู่ สวัสดีครับ" ว่าจบก็ยกมือไหว้และสะพายกระเป๋าออกมาจากห้องอาหาร กิจวัตรประจำวันก็จะเป็นแบบนี้ทุกครั้งโดยไร้พ่อและแม่ที่ยุ่งอยู่กับบริษัทซะส่วนใหญ่ "พี่ต้น พี่หนึ่ง สวัสดีครับ"
"อ้าวคุณหนูปลื้ม ป่ะพี่เตรียมรถไว้แล้ว" นายต้น เป็นคนขับรถส่วนตัวของน้องปลื้ม ที่คุณปู่หามาให้ เพราะคนไม่บ้านไม่ค่อยมีเวลา เด็กชายจึงต้องมีคนรับส่งส่วนตัว
"ไอ้หนึ่ง กูไปก่อนนะเว้ย เดี๋ยวมาคุยต่อ" นายต้นหันไปกระซิบบอกเพื่อน เพราะนายเดชาสั่งไว้ว่าห้ามใช้คำไม่สุภาพต่อหน้าน้องปลื้มเด็ดขาด ส่วนนายหนึ่งเป็นคนสวนทำงานที่บ้านศักดิ์นรินทร์ และเป็นเพื่อนสนิทของนายต้นด้วย
"ไปดีมาดีนะครับคุณหนู" นายหนึ่งโบกมือลาน้องปลื้มด้วยความเอ็นดู
ไม่ว่าจะเป็นคนในบ้านหรือคนงานในปาก ต่างก็รักและเอ็นดูคุณหนูปลื้มกันหมด เพราะถ้ามีใครเกิดทำให้น้องปลื้มไม่ชอบหรือไม่พอใจ ก็จะโดนปู่เดชาไล่ออกทันที ทำให้คนงานทุกคนต้องเอาใจเด็กชายคนนี้เป็นพิเศษ
"อย่าลืมรัดเข็มขัดด้วยสิครับ มาเดี๋ยวพี่รัดให้" นายต้นโน้มตัวไปคว้าสายเข็มขัดมารัดให้คุณหนูของบ้านอย่างระมัดระวัง
"ขอบคุณครับพี่ต้น"
"ถ้างั้นก็ไปเลย!"
หลังรถเคลื่อนที่ออกมา น้องปลื้มก็ชวนนายต้นคุยตามปกติ เด็กชายชอบชวนคนรอบข้างคุยอยู่แล้ว ยิ่งเป็นนายต้นที่ขับรถพาไปโรงเรียนทุกเช้า จึงสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง
ระหว่างน้องปลื้มกำลังค้นของในกระเป๋าสายตาก็ไปเห็นของบางอย่างด้านล่าง จึงหยิบขึ้นมาถามนายต้น
"พี่ต้นครับ อันนี้คืออะไรเหรอครับ?" นายต้นหันมามองก็ตาโตทันที เพราะมันคือถุงยางอนามัยที่เขาใช้กับแฟนสาวเมื่อคืน เขาจึงรีบคว้าจากมือหนูปลื้มและรีบแก้ตัว
"อ๋อเศษถุงพลาสติกน่ะน้องปลื้ม พี่คงเก็บทำความสะอาดไม่หมด"
"เหรอครับ แต่ปลื้มไม่เคยเห็นมาก่อนเลยอะ รูปร่างมันแปลกๆ"
"ก็ถุงพลาสติกธรรมดานั่นแหละครับ เดี๋ยวพี่เอาไปทิ้งให้" นายต้นพยายามบ่ายเบี่ยง เพราะถ้าน้องปลื้มเผลอเอาไปพูด เขาต้องโดนปู่เดชาจับได้ว่าพาแฟนสาวมาเย็ดในรถเจ้านายแน่ๆ ยังดีที่น้องปลื้มไม่รู้จักถุงยาง
นายต้นส่งน้องปลื้มที่หน้าโรงเรียนตามปกติ
"น้องปลื้ม" เด็กชายหันตามเสียงเรียกก็พบอาภัทร จึงเดินเข้าไปสวัสดี ภัทรเป็นครูสอนชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนแห่งนี้ และด้วยความที่ต้องออกจากบ้านก่อนน้องปลื้ม จึงไม่สามารถมาโรงเรียนพร้อมกันได้ แต่ก่อนสอนภัทรก็จะมารอรับหลานเดินเข้าโรงเรียนเสมอ ภัทรเองก็รักลูกของธิติไม่ต่างจากลูกของตัวเอง เพราะภรรยาอย่างนางเจียตรวจพบว่ามีบุตรยาก ทำให้เขาไม่มีทายาทสักที จึงเอ็นดูน้องปลื้มเป็นพิเศษ
"วันนี้อาเลิกเร็ว กลับบ้านพร้อมอาเลยไหม?"
"โอเคครับ" น้องปลื้มพยักหน้าก่อนที่ทั้งสองจะแยกกันหน้าห้องเรียนป.5ของน้องปลื้ม
หลังเลิกเรียนน้องปลื้มก็กลับบ้านพร้อมอาภัทรอย่างที่คุยกันไว้ ซึ่งทำให้ปู่เดชาค่อนข้างหัวเสียเล็กน้อย เพราะปกติก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าลูกเขยฐานะไม่ดีอย่างภัทรอยู่แล้ว จึงไม่อยากให้สนิทสนมกับหลานคนนี้ แต่ก็ไม่อยากด่าทอนต่อหน้าหลานสุดรักสักเท่าไหร่นัก
"คุณพ่อสวัสดีครับ" ภัทรยกมือไหว้เดชาอย่างสุภาพ ด้านเจ้าตัวก็แค่พยักหน้าเล็กๆ เท่านั้น
"เป็นไงบ้างคนเก่ง ที่โรงเรียนวันนี้เป็นไง?" เดชาหันไปสนใจน้องปลื้มแทน
"สนุกดีครับ"
"ดีๆ เอากระเป๋าไปเก็บบนห้องแล้วลงมารอกินข้าวเย็นกับปู่ดีกว่าเนอะ"
"ครับผม"
ช่วงเวลาอาหารเย็นจะเป็นช่วงเดียวที่คนทั้งบ้านมาพร้อมหน้าพร้อมตากัน เพราะเป็นเวลาเลิกงานและเป็นคำสั่งของปู่ว่าทุกคนจะต้องกลับมากินข้าวเย็นด้วยกัน ยกเว้นนายกวินที่จะมาตามอารมณ์
"ทำไมวันนี้แกมากินข้าวที่บ้านได้ย่ะ?" นางเจียถามน้องชายที่นั่งกินอย่างมูมมาม
"ก็คิดถึงพวกพี่ๆ ไงเลยมาหา"
"เหรอจ๊ะ ฉันว่าคิดถึงเงินแม่มากกว่า"
"รู้ดีอีกแล้วคนละนะ"
"รีบเรียนให้จบเถอะนะกวิน ฉันมีงานรองรับให้แกเยอะแยะ" ธิติบอกกับน้องชาย
"ยังอะ เหลืออีกตั้งหลายตัว น่าจะปีหน้านู่นแหละ" กวินตอบพี่ชายอย่างกวนๆ ทำให้คนฟังและเดชาส่ายหัวปลงๆ
"อิ่มแล้ว ปลื้มขอไปทำการบ้านบนห้องก่อนนะครับ" เด็กชายกล่าวขึ้นกลางโต๊ะ ก่อนจะวิ่งขึ้นชั้นบน ทำให้พวกผู้ใหญ่สามารถดุนายกวินได้สะดวกยิ่งขึ้น
น้องปลื้มเปิดกระเป๋านำการบ้านของวันนี้ขึ้นมาทำ ปกติแล้วเด็กชายจะทำคนเดียวยกเว้นข้อไหนที่ทำไม่ได้ถึงจะถามพ่อและแม่ ทว่าเด็กชายกลับหาหนังสือเรียนไม่เจอ พอนึกย้อนดูก็จำได้ว่าอ่านเล่นตอนนั่งรถกลับบ้านพร้อมอาภัทร จึงคิดว่าอาจจะลืมเก็บใส่กระเป๋าและอยู่บนรถอาภัทร น้องปลื้มจึงเดินลงชั้นล่างและออกจากหลังบ้านไปที่ลาดจอดรถ เห็นพวกผู้ใหญ่กำลังคุยกันเสียงดังเด็กชายจึงเลือกจะเดินออกมาคนเดียว ปกติแล้วรถทุกคันไม่ได้ล็อกประตูอยู่แล้ว เพราะอยู่ในเขตบ้านจะปลอดภัย100% พอเจอรถอาภัทรน้องปลื้มก็เปิดประตูเข้าไปหาดู ก็พบว่าหนังสืออยู่ในรถจริงๆ เด็กชายยิ้มดีใจก่อนจะปิดประตูรถเดินออกมา
ทว่าไม่ทันจะได้เข้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันทางบ้านพักของคนงานและแสงไฟจากประตูที่แง้มออกมา ปกติคนงานส่วนใหญ่จะพักที่นี่ ปู่เดชาได้สร้างบ้านพักให้คนงานอยู่แยกจากบ้านใหญ่ เรียนได้ว่าทั้งได้งานและได้ที่พักไปในตัว แถมเป็นห้องส่วนตัวแยกชายหญิงอีกด้วย
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและสนิทกับคนงานในบ้าน น้องปลื้มจึงเดินไปหา เด็กชายแอบมองดูผ่านช่องประตูที่แง้มออกมา ซึ่งจำได้ว่าเป็นห้องของนายหนึ่งคนสวนที่นี่ ในห้องมีนายต้น คนขับรถกำลังจ้องมองจอโทรศัพท์ที่มีเสียงดังออกมาแปลกๆ ทั้งเสียงร้องและเสียงครางที่น้องปลิ้มไม่เคยได้ยินมาก่อน
"พี่ต้นพี่หนึ่งดูอะไรเหรอครับ น่าสนุกจัง" เด็กชายพูดขึ้นกลางวง ทำให้เจ้าของชื่อทั้งสองตกใจจนโทรศัพท์ลอยตกตรงหน้าน้องปลื้ม
"อะ...อ้าวคุณหนูปลื้ม มาตอนไหนเนี่ย" นายหนี่งพูดขึ้น ก่อนจะหันไปกระซิบกับนายต้น "ทำไมมึงไม่ล็อกประตูวะ! ซวยแล้วไงทีนี้"
"หืมพี่ๆ ดูอะไรเหรอครับ ทำไม..." หนึ่งรีบมาคว้าโทรศัพท์กลับไปทันที เพราะกำลังดูหนังโป๊เด็กสาวญี่ปุ่นในชุดนักเรียนกำลังโดนควยแท่งดำแทงอยู่
"แค่หนังน่ะครับ คุณหนูไม่มีอะไรหรอก"
"ปลื้มขอดูนิดนึงๆ"
"อย่าเลยครับ เดี๋ยวพี่ถูกดุเอา คุณหนูกลับเข้าบ้านดีกว่านะครับ"
"นะๆ ครับ แป๊บเดียวเอง ไม่งั้นปลื้มจะบอกปู๋ว่าพี่ต้นไม่ยอมกลับบ้าน" เด็กชายยิ้มและพูดขู่ ปกติแล้วนายต้นไม่มีห้องนอนที่นี่แค่มาดูหนังโป๊กับนายหนึ่งเท่านั้น และปู่เดชาก็เคยสั่งไว้ชัดเจนว่าห้ามพาคนนอกมาหลังเลิกงานเด็ดขาด แม้ตอนเช้าจะเป็นคนงานที่นี่ก็ตาม
"โถ่คุณหนูครับ อย่าบอกคุณปู่เลยนะ เดี๋ยวพี่โดนไล่ออก" นายต้นรีบขอร้องเด็กชายทันที
"งั้นปลื้มขอดูหนังด้วย"
พอเด็กชายยืนยันคำเดิม นายต้นก็หันกระซิบกับนายหนึ่ง "มึงมีคลิปเด็กๆ หรือการ์ตูนที่ไม่ใช่หนังโป๊ไหมวะ เปิดให้คุณหนูดูแทนไปดิ"
"ไม่มีวะ โทรศัพท์กูมีแต่หนังโป๊ เน็ตก็ไม่มี"
"ห่าเอ้ยยยย แล้วจะทำไง จะเปิดหนังโป๊ให้คุณหนูดูอ๋อวะ? ยิ่งซวยเข้าไปใหญ่"
"เออ แม่งเป็นทางเดียวป่ะวะ ไม่งั้นมึงโดนไล่ออกแน่ มึงก็ย้ำคุณหนูว่าอย่าไปบอกใครดิ เด็กตัวเท่านี้เชื่อฟังจะตาย"
"เออๆ" กระซิบกันเสร็จก็หันมาหาเด็กชาย "มาครับคุณหนู พี่ให้ดูแป๊บเดียวนะ เดี๋ยวถ้าคนในบ้านรูพวกพี่จะโดนด่าเอา"
"ครับ ปลื้มดูแป๊บเดียว" เด็กชายดีใจและเดินเข้าไปหาคนงานทั้งสองทันที น้องปลื้มเป็นคนถือโทรศัพท์เองและจ้องมองอย่างสนใจ ภาพของหญิงสาวญี่ปุ่นชุดนักเรียนกำลังถ่างขาและมีควยดำๆ ใหญ่ๆ แทงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
"มันเรียกว่าหนังอะไรเหรอครับ ทำไมปลื้มไม่เคยดู"
"หนังต่อสู้ของผู้ใหญ่น่ะครับ จริงๆ คุณหนูห้ามดูนะ แต่เห็นขอพี่ก็เลยให้ดู เพราะงั้นคุณหนูอย่าไปบอกคนในบ้านนะ"
"ตกลงครับ ปลื้มไม่บอกแน่นอน"
นายต้นและนายหนึ่งถอนหายใจพร้อมกันทันที กลายเป็นว่าผู้ใหญ่สองคนกำลังดูหนังโป๊กับเด็กประถมอยู่ ด้วยความที่อารมณ์ในหนังทำให้นายต้นและนายหนึ่งควยแข็งไปตามๆ กัน ปกติทั้งสองก็ดูและชักว่าวพร้อมกันบ่อยอยู่แล้ว แต่สำหรับวันนี้มันแปลกไป
นายต้นและนายหนึ่งมองหน้ากันด้วยความเงี่ยนเพราะต่างคนต่างอย่างปลดปล่อย แต่ความเงี่ยนก็ชนะความกลัว เมื่อทั้งสองงัดท่อนควยออกมาชักว่าวพร้อมกันโดยมีน้องปลื้มอยู่ตรงกลาง แต่เด็กชายสนใจหนังโป๊ตรงหน้ามากจึงไม่รู้ว่าคนงานทั้งสองกำลังสาวว่าวอย่างเมามันอยู่ข้างๆ
"เขาร้องดังจังเลยนะครับ เหมือนเจ็บเลย" เด็กชายถาม
"ต่อสู้ก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดาครับ อืมมม..."
นายต้นและนายหนึ่งชักว่าวด้วยความเสียวซ่าน แต่ทว่าสายตากลับไม่ได้อยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์เลย ด้วยความที่น้องปลื้มอยู่ในชุดนักเรียนคล้ายคลึงกับหญิงสาวในหนังทำให้ชายหนุ่มทั้งสองเลือกที่จะสนใจน้องปลื้มแทน แถมกลิ่นตัวน้องปลื้มก็หอมเหมือนดอกไม้ยั่วยวนอารมณ์ชายหนุ่มเป็นที่สุด
สักพักน้องปลื้มก็บอกว่าเบื่อและขอกลับเข้าไปทำการบ้าน โดยไม่รู้เลยว่าที่ด้านหลังของเสื้อนักเรียนเลอะน้ำอสุจิของนายต้นและนายหนึ่ง ชายหนุ่มทั้งสองนำเศษพามาแกล้งเช็ดให้เศษน้ำมันแห้งไปกับเนื้อผ้าจะได้ดูออกยาก
น้องปลื้มเดินกลับเข้าบ้าน โดยมีสายตาของคนงานทั้งสองที่มองอย่างเปลี่ยนไป....
__________________________________________
โปรดติดตามตอนต่อไป
อ่านตอนที่ 1
อ่านตอนที่ 2
อ่านตอนที่ 3
อ่านตอนที่ 4
อ่านตอนที่ 5
อ่านตอนที่ 6
อ่านตอนที่ 7
ใครชอบแนวเด็กน้อยติดตามผลงานได้ที่ :
หรือพูดคุยกัน Twitter : @23Thespace_