แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สตาร์ เมื่อ 2022-8-24 02:58
เช้าวันต่อมานิดนิดเขาได้ตื่นขึ้นมาในตอนสายของวัน และก็ไม่พบผู้เป็นพ่อของตนอยู่ข้างกายแล้ว เมื่อเขาออกมานอกห้องก็เจอกับแม่ของเขาที่นั่งอยู่หน้าทีวีเพียงคนเดียว
“นิดตื่นแล้วหรอลูกเป็นยังไงบ้าง”แม่ของเขาเมื่อเห็นเขาเดินออกมาจากในห้องก็เดินเข้ามาหาเขาทันที
“วันนี้แม่ไม่ไปทำงานหรอครับ”เขาถามแม่เมื่อเห็นว่าสายแล้ววันนี้แม่ยังไม่ออกไปทำงาน
“วันนี้แม่ลา จะอยู่ดูแลลูกไง แล้วเราหายปวดหัวหรือยัง”
“ไม่ปวดแล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็มากินข้าวนะจะได้กินยา”แม่เดินนำเขาไปที่โต๊ะอาหารซึ่งมีกับข้าววางรออยู่
“แล้วพ่อละครับ”เขาเอ่ยถามถึงใครอีกคนที่ตื่นมาก็หาตัวไม่เจอแล้ว
“พ่อเขาออกไปทำงานแต่เช้าแล้วละวันนี้”
“งานที่ไหนครับ”เขาถามอย่างร้อยรน คงไม่ใช่ว่าไปทำงานกับนางเลขานั้นแล้วหรอ
“ก็งานที่เดิมเขานั้นแหละ ลูกมีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับไม่มีอะไร”นิดก้มหน้าลงมือกินข้าว แต่ในใจเขาตอนนี้คิดถึงแต่เรื่องของพ่อทอน กลัวว่าพ่อต้องไปทำงานอยู่กับนางเลขาคนนั้น แล้วมันจะเป็นยังไงกันต่อละ
............................
เช้าวันนี้ฉันกำลังขับรถไปทำงานแต่เช้าเพราะมีงานสำคัญที่ต้องลงไปดูหน้างานพร้อมกับคุณทอน บอกตามตรงว่าฉันก็อดตื่นเต้นไม่ได้ที่จะได้เจอหน้าเขา เพราะเมื่อคืนเราพึ่งจะสารภาพความในใจกันไปเราทั้งสองคนต่างก็รักกันมันทำให้ฉันนอนคิดทั้งคืนถึงเรื่องของเราสองคนว่ามันจะเดินหน้าไปในจุดไหน แต่ไม่ว่าจะทางไหนมันก็ทำให้ฉันมีความสุขอย่างแน่นอนเพราะเราต่างใจตรงกัน
เมื่อมาถึงหน้างานของโครงการก่อสร้างฉันก็เจอรถของคุณทอนจอกอยู่ก่อนแล้ว เมื่อลงจากรถสายตาของเขากสอดส่ายมองหาใครอีกคน ก่อนจะเจอกับเขาที่กำลังยืนคุยอยู่กับลูกน้อง คุณทอนในเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนและหมวกนิรภัยสีเหลืองเป็นลุคประจำที่เขามักจะเห็นอีกคนเมื่อออกหน้างาน สองขาของฉันเดินตรงไปหาเขาทันที
“สวัสดีค่ะหัวหน้า สวัสดีค่ะพี่ต้อม”ฉันเอ่ยทักทายอีกฝ่ายกับลูกน้องอย่างทุกวัน
คุณทอนเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของฉัน เขาไม่พูดอะไรแต่ก็จ้องหน้าของฉันไม่เลิกสายตาของเขามันบอกอารมณ์ไม่ได้ว่าเขากำลังรู้สึกคิดอะไร ก่อนจะหันกลับไปพูดกับลูกน้องต่อ
ฉันสัมผัสได้ถึงท่าทีเมื่อสักครู่นี้ที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย แน่นอนว่าเขาต้องมีความรู้สึกและท่าทีที่เปลี่ยนไปต่อฉันอยู่แล้วเพราะเมื่อคืนนี้เราพึ่งจะเย็ดกันมาเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามนี้นะ ตอนของมาส่งก็เอาไปลงตามจุดที่สั่งไว้แล้วก็ทำส่วนต่อไปได้เลย”คุณทอนบอกกับลูกน้องก่อนจะแยกไปทำงานที่สั่ง
“เตรียมบิลไว้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม ทางนั้นแจ้งไว้หรือเปล่าว่าจะมาที่โมง”คุณทอนเดินมาพูดกับฉัน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ส่วนเวลาทางนั้นจะแจ้งมาอีกที”
“โอเคถ้าอย่างนั้นก็ไปเตรียมเอกสารไว้เดี๋ยวฉันจะตามไปดูตอนทางนั้นมา”เมื่อพูดจบคุณทอนก็เดินแยกไปทำงานอีกทาง ท่าทีของอีกฝ่ายที่แสดงต่อเขาราวกับทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมอย่างเช่นทุกวัน ฉันเดินแยกมาทางห้องทำงานชั่วคราวที่เป็นตู้คอนเทนเนอร์ติดแอร์ ใช้สำหรับเป็นที่ติดต่องานของบริษัทห้องนี้เป้นที่ทำงานที่มักจะมีแต่ฉันกับคุณทอนที่ใช้กันแค่สองคนตอนอีกฝ่ายมาทำงานเอกสาร เมื่อมาถึงห้องทำงานก็เจอกับช่อดอกไม้ช่อใหญ่วางไว้บนโต๊ะทำงาน ฉันเดินเข้าไปดูว่ามันเป็นของใครก็พบเป็นป้ายที่ติดไว้ว่า ให้คนพิเศษ
นี้มันจะมาจากใคร คุณทอนเหรอ ฉันยังไม่อยากจะคิดไปเองได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้ก่อนจะหยิบมันลงไปวางไว้ที่ด้านข้างของโต๊ะทำงานและเริ่มลงมือทำงาน
ติ้ง
เสียงข้อความจากแอพพริเคชั่นแชทในโทรศัพท์ของฉันแจ้งเตือนขึ้นมา ฉันหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าเป็นข้อความจากคุณทอน
ดอกไม้สวยถูกใจหรือเปล่า
!!!
นี้...เป้นของคุณทอนจริงๆเหรอ หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้นมาเหมือนกับเด็กมัธยมที่พึ่งเริ่มมีความรัก นี้แสดงว่าเขาไม่ได้ลืมเรื่องของเรา แต่คงเพราะกลัวว่าคนจะคอยจับสังเกตเลยไม่ทำอะไรให้ผิดสังเกตอย่างนั้นสินะ
ถูกใจมากเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะหัวหน้า
ข้อความที่ส่งไปขึ้นว่าอ่านแล้ว แต่ไม่มีการตอบกลับมาแต่อย่างใดฉันตอนนี้ก็รออีกฝ่ายตอบกลับมาจนไม่เป็นอันทำงานได้แต่คอยมองไปที่จอโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา
เห้อ คงไม่ส่งกลับมาแล้วละมั้ง
เมื่อตัดใจที่จะรอฉันก็เริ่มลงมือทำงานต่อทันที จนเวลาในตอนนี้ล่วงมาถึงตอนบ่ายแก่ๆ งานของวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ตลอดทั้งวันฉันเอาแต่ลอบมองหน้าของคุณทอนอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากันในที่ทำงานเขาก็ทำตัวปกติอย่างทุกวัน และตลอดทั้งวันนี้ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรที่นอกเหนือจากเรื่องงานกับฉันเลย จนเมื่อใกล้จะถึงเวลาเลิกงานคุณทอนก็เดินมาหาฉันที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิซ
“อีก10นาทีเตรียมตัวไปคุยงานกับลูกค้าข้างนอกหน่อยนะ”
“ได้ค่ะหัวหน้า”
หลังจากอีกฝ่ายเดินออกไปฉันก็เก็บของทุกอย่างก่อนจะเดินไปรออีกฝ่ายที่รถของเจ้าตัว เพราะการออกไปคุยงานทุกครั้งฉันจะเดินทางไปพร้อมกันกับหัวหน้าเลย
“ถ้ายังไงก็ให้เสร็จเฟสนี้ภายในคืนนี้นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเข้ามาดู”
“ได้ครับ”คุณทอนเดินคุยงานมากับคุณต้อมหัวหน้างานก่อนอีกฝ่ายจะเดินแยกออกไป
“ขึ้นรถได้เลย”เมื่อเดินมาถึงรถอีกฝ่ายก็บอกกับฉันก่อนเราทั้งคู่จะขึ้นมาบนรถพร้อมกับ
“นักคุยงานกับลูกค้าที่ไหนเหรอคะ ไม่เห็นมีนัดกับบริษัทไหนเลย หรือว่าลูกค้าด่วน”
“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองแหละ”คุณทอนพูดจบก็หันมามองหน้าฉันก่อนจะยกยิ้มมุมปากร้ายๆอย่างที่อีกฝ่ายชอบทำ สีหน้าแบบนี้มันช่างดูเจ้าเล่ห์เสียจริง แต่ก็เท่อย่าบอกใครเลยละหัวหน้าในลุคแบบนี้
ใช้เวลาเดินทางกันมาประมาณสิบกว่านาทีก็มาถึงห้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ชานเมืองและคนไม่พลุกพล่าน ฉันรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่หัวหน้านัดคุณลูกค้าที่นี่แทนที่จะไปร้านอาหารในโรงแรมอย่างทุกครั้ง
เมื่อลงมาจากบนรถอีกฝ่ายก็เดินอ้อมมาหาฉันก่อนจะเอื้อมมือมาจูงมือของฉันเดินเข้าไปในห้าง นิ้วมือทั้งห้านิ้วของเราทั้งสองคนประสานเข้าหากันก่อนอีกฝ่ายจะกุมมือฉันไว้แน่น
การกระทำแบบนี้ราวกับคู่รักเดินจูงแขนกันในห้างยังไงยังงั้น ตอนนี้เขาก็อดรู้สึกดีไม่ได้กับการกระทำของอีกฝ่ายเพราะฉันก็อยากจะเดินจูงมือกับเขาแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน เราเดินพากันมาจนถึงข้างในร้านกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังก่อนอีกฝ่ายจะหันมาหาฉัน
“ที่รักอยากได้ใบไหนเลือกเอาสิ” !!!
ที่รัก อย่างนั้นเหรอฉันได้ยินอะไรไม่ผิดใช่ไหม
“คะ เมื่อกี้หัวหน้าว่ายังไงนะคะ”ฉันถามย้ำอีกฝ่ายไป ตอนนี้ฉันเริ่มตั้งตัวไม่ถูกแล้วว่านี้มันเรื่องอะไรกัน
“ช่วยพาแฟนผมไปเลือกซื้อกระเป๋าหน่อยนะครับ เอาที่เข้ากับเขา พอดีเขาอาจจะตื่นเต้นไปสักหน่อยพอดีเราพึ่งคบกัน”คุณทอนพูดกับพนักงานที่เดินมาต้อนรับก่อนท้ายประโยคจะหันมาพูดกับฉัน
“เชิญทางนี้เลยค่ะ คุณผู้หญิง”พนังงานเดินพาฉันมาเลือกซื้อกระเป๋าด้านใน ตอนนี้แม่ยังใจเต้นแรงกับประโยคเหล่านั้นของคุณทอนแต่ก็เริ่มตั้งสติได้ว่าต้องสนใจกับพนังานด้านหน้า
จนเมื่อเลือกซื้อกระเป๋าเสร็จได้มาหนึ่งใบราคาสามแสนกว่าบาท นี้เป็นกระเป๋าที่ราคาแพงที่สุดในชีวิตที่ฉันเคยถือ ตอนนี้เราเดินออกมาข้างนอกกันแล้วฉันจึงเอ่ยถามถึงนัดของอีกฝ่าย
“แล้วนัดของหัวหน้าละคะ”อีกฝ่ายหันมาหาฉันก่อนจะตอบ
“จริงๆไม่มีหรอกนัด แค่ฉันอยากจะมาเธอมาเดทกเท่านั้นเอง”
“ดะ เดทหรอคะ”
“ใช่ฉันแค่อยากจะใช้เวลาร่วมกับเธอก็เท่านั้น”
“...”
ยังไม่ทันที่เราจะพูดคุยอะไรกันมากก็เดินมาถึงที่หน้าโรงหนังกันแล้ว
“ฉันเหมารอบไว้ดูหนังด้วยกัน ไม่รู้ว่าเธอจะอยากดูกับฉันหรือเปล่า”
ฉันหันไปมองหน้าโรงหนัง ก่อนจะหันมามองหน้าของอีกฝ่าย หัวใจฉันตอนนี้เต้นแรงจะแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับแฟนเขาทำกันเลย แต่ตอนนี้เป็นฉัน เป็นฉันกับหัวหน้าที่อยากจะทำมานาน
“ได้ค่ะ”
เราทั้งคู่เข้าไปดูหนังด้วยกัน ระหว่างที่ดูหนังก็ไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันเป้นพิเศษมีเพียงแค่เราทั้งคู่ที่นั่งจับมือกันตลอดทั้งเรื่อง จนเมื่อออกมาจากโรงหนังเราทั้งคู่ก็ออกจากห้างและขับรถเดินทางกันไปที่ร้านอาหารในโรงแรมในตอนเย็น
เมื่อเข้ามาในร้านก็พบว่าทั้งร้านตอนนี้ไม่มีใครเลยนอกจากพวกเราคงจะเหมาทั้งร้านไว้แล้วสินะ เมื่อเราทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะกลางร้านที่จัดเตรียมไว้แล้วหลังจากพนักงานมารับออเดอร์และเดินออกไปฉันก็เอ่ยถามกับเขาไป
“ที่หัวหน้าพาฉันมาเดทวันนี้ คืออะไรเหรอคะ”ฉันเอ่ยถามอีกฝ่ายออกไปตามสิ่งที่สงสัยมาตั้งนาน
“ก็ทำตามความรู้สึกของฉันกับเธอไง”
“แบบนี้มันจะดีเหรอคะหัวหน้า”ฉันถามเสียงอ่อน
“สิ่งที่ฉันทำมันอาจจะดูเห็นแก่ตัวไปสักหน่อย แต่กระต่ายอย่างที่ฉันเคยบอกกับเธอว่าฉันรักเธอ และความรู้สึกเราสองคนมันตรงกัน”อีกฝ่ายเอื้อมมือมากุมมือของฉันไว้ “แต่จะเป็นไปได้ไหมถ้าเราจะอยู่ในสถานะแบบนี้กัน ฉันจะบังคับเธอถ้าเธอไม่เต็มใจ”
ฉันมองหน้าของเขาในตอนนี้ ความรู้สึกที่มากมายจากใจ แต่จะให้ฉันทิ้งเขาไปแบบนี้ฉันก็ทำไม่ลงหรอก การได้รักกับเขาแม้สถานะไหนฉันก็เต็มใจอย่างแน่นอน เพราะฉันรอเวลานี้มานานแล้ว
“หัวหน้าคะ ฉันเต็มใจค่ะ”
อีกฝ่ายยกยิ้มอ่อนโยน สำหรับฉันเขาช่างเป็นสุภาพบุรุษแสนเสน่ห์และแสนอบอุ่น
“ของคุณนะ”
“ค่ะหัวหน้า”
“ต่อไปนี้ถ้าเราอยู่กันแค่สองคนให้เธอเรียกฉันว่าพี่ทอนไม่ต้องเรียกหัวหน้าเข้าใจไหม”
“ได้ค่ะ หัว เอ้ย พี่ทอน”รู้สึกไม่ชินเลยกับคำนี้แต่รู้สึกดีไม่น้อยเหมือนกัน
“หึ ส่วนฉันจะเรียกเธอว่าที่รักก็แล้วกันดีไหม”
“ดีค่ะ”ฉันก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าสู้หน้าของเขา เมื่ออาหารมาเสริฟเราทั้งคู่ก็ลงมือทานกันพร้อมพูดคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อย
จนเมื่อเราทั้งคู่ต่างทานเสร็จและเรียกเช็คบิลฉันก็เอ่ยถามกับอีกฝ่าย
“แล้วพี่ทอนจะกลับเลยหรือปล่าคะ”ฉันถามเสียงอ่อน
“แล้วอยากให้กลับเลยหรอเปล่าละ”
“ทางนั้นเขาจะไม่รอพี่แย่หรอ”
“หึ พี่บอกไปว่าจะอยู่คุยลูกค้าถึงดึงเลย ไม่ต้องห่วงหรอกเรามีเวลาว่างด้วยกันอีกนาน”
“...”
“พี่เปิดห้องสวีทไว้ข้างบน ถ้ายังไม่อยากกลับจะไปหาเรื่องคุยกันสักเรื่องก็ยังได้”
“เรื่องอะไรหรอคะ”
“ขึ้นไปก่อนไว้เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”พี่ทอนยกยิ้มมุมปาก คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องอะไร.....หึ
|