วิธีเอาชนะปัญหาต่างๆ หลังอกหัก

konbannok

อกหัก...ไม่ยักตาย (Men's Health)

          การยุติความสัมพันธ์ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีดรามาเสมอไป รับมือกับการเลิกร้างของคุณด้วย 7 ขั้นตอนสู่ความโสดของเราที่จะช่วยให้คุณเข้มแข็งขึ้น

ขั้นที่ 1 ช็อก

          ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตท ระบุว่า การเลิกรากันกระตุ้นให้ร่างกายคุณผลิตอะดรีนาลินมากเกินจำเป็น กล้ามเนื้อของคุณจะบวมซึ่งทำให้รู้สึกปวดตามแขนขา ปวดศีรษะ และเกิดความวิตกกังวล

          เอาชนะให้ได้ : งานวิจัยจากโรงพยาบาลโรคปวดศีรษะไดมอนด์ในชิคาโกพบว่า การดื่มคาเฟอีน 200 มก. สามารถรักษาอาการปวดศีรษะจากความเครียดได้มีประสิทธิภาพกว่ายาไอบูโปรเฟน จากนั้น คุณต้องทำอะไรบางอย่างกับพลังงานที่ถูกเก็บกดไว้

          "การออกกำลังกายระดับปานกลางจะช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกินได้" เดวิด อาร์เชอร์ อาจารย์ทางด้านสรีรศาสตร์สาขาการออกกำลังกายแห่งมหาวิทยาลัยซันเดอร์แลนด์ กล่าว สวมรองเท้าแล้วออกไปวิ่งเอนดอร์ฟินจะช่วยไล่เธอออกไปจากหัวคุณเอง

ขั้นที่ 2 ทรุนทุราย

          ความรู้สึกอยากโทรหาเธอจะวนเวียนอยู่ในหัวคุณตลอดเวลา "สมองคุณกำลังล้นปรี่ไปด้วยโดพามีนส่วนเกิน เพราะเซลล์ประสาทที่คุ้นเคยกับสารเคมีเกี่ยวกับอารมณ์รักยังคงทำงานต่อไป" ดร.เฮเลน ฟิชเชอร์ นักมานุษยวิทยาชีวภาพ กล่าว ปฏิกิริยาที่มากเกินไปในสมองนี้เองที่ทำให้คุณรู้สึกว้าวุ่นใจ

          เอาชนะให้ได้ : ไม่มีอะไรจะปลดปล่อยได้ดีเท่ากับการจองตั๋วไปเที่ยวอีกแล้ว การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Applied Research in Quality of Life แสดงให้เห็นว่า สารเคมีที่ทำให้รู้สึกดีจะเพิ่มมากขึ้นเวลาที่คุณจองตั๋วไปเที่ยว มากยิ่งกว่าเวลาที่คุณไปเที่ยวจริง ๆ เสียอีก และไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ระดับทริปค้นหาตัวเองในเนปาล เพียงแค่นัดไปเที่ยวกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ช่วยให้สมองของคุณได้พักแล้วล่ะ

ขั้นที่ 3 หดหู่

          การที่อะดรีนาลินเพิ่มสูงขึ้นทำให้เกิดความเครียดในร่างกายและนำไปสู่อาการอกหัก งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์เปิดเผยว่า เหตุการณ์ชวนเครียดในชีวิตสามารถทำให้หัวใจของคุณเต้นช้าลงได้ เป็นเหตุให้ความดันเลือดลดต่ำลงและเกิดอาการเหนื่อยล้า

          เอาชนะให้ได้ : นี่เป็นเวลาเอาใจเพื่อน ๆ แล้วครับ ลองออกไปสังสรรค์กันตามประสาหนุ่ม ๆ บ้าง งานวิจัยจากยูซีแอสเอพบว่า แคปไซซินสารเคมีที่ให้รสเผ็ดในแกงช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจตามธรรมชาติได้ จึงเปลี่ยนภาวะเซื่องซึมหดหู่ของคุณให้หมดไป อย่าลืมจิบเบียร์เย็น ๆ ไปด้วยขณะซดแกง การดื่มระดับปานกลางจะช่วยพัฒนาการทำงานของสมองได้

          การทดสอบของมหาวิทยาลัยลอนดอนบอกไว้ว่า ต้องขอบคุณแอลกอฮอล์ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในสมอง แต่ถ้าคุณดื่มมากเกินไป ผลลัพธ์ดี ๆ จะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอยากเขียนบทกวีรำพันพิลาปในหน้าเฟซบุ๊กของเธอแทน

ขั้นที่ 4 ความเครียด

          งานวิจัยของ ดร.ฟิชเชอร์บอกว่า ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวันกว่าที่คลื่นสึนามิโดพามีนจะลดต่ำลง แต่แล้วสมองของคุณก็จะเข้าสู่โหมดป้องกันตนเองโดยคิดว่าคุณถูกคุกคาม ตามมาด้วยระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะเจ็บป่วยได้ง่าย

          เอาชนะให้ได้ : หันกลับมาเข้าครัวเพื่อดึงตัวเองเข้าสู่โหมดปกติ พิซซ่าโฮมเมดใส่มะเขือเทศออร์แกนิกและหัวหอมใหญ่จะช่วยทำให้ร่างกายคุณแข็งแรงขึ้น เพราะช่วยเพิ่มสารเควอเซตินในร่างกาย "องุ่น บรอกโคลี และชาเขียว ก็เป็นแหล่งของสารฟลาโวนอยด์ที่ทรงพลังนี้ด้วย" ฮันเตอร์กล่าว

          งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโทกุชิมะในญี่ปุ่นพบว่า สารเควอเซตินช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนความเครียดคอร์ติซอล และมะเขือเทศ ออร์แกนิกก็มีสารชนิดนี้สูงกว่าผักทั่วไปถึง 79 เปอร์เซ็นต์

ขั้นที่ 5 ความโกรธ

          ในขณะที่คุณคิดว่าทำใจได้แล้ว ฮอร์โมนความเครียดก็กลับพุ่งสูงขึ้น และสมองก็ปิดรับการผลิตเซโรโทนิน งานวิจัยจากโอไอโออธิบายว่า "คุณมีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อเรื่องชวนหงุดหงิดด้วยความก้าวร้าว" ไมค์ กรีน แห่งมหาวิทยาลัยแอสตันกล่าว ผองเพื่อน และคนรอบข้างที่ใกล้ชิดคุณคงต้องรับบทหนักสักหน่อยในช่วงนี้

          เอาชนะให้ได้ : งานวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียแนะนำว่า การรับรู้อารมณ์โกรธของตัวเองเป็นการระบายออกที่ดี และทำให้คุณคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น ให้คิดถึงอะไรก็ตามที่เคยทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิดในความสัมพันธ์ที่เพิ่งจบไป แล้วในไม่ช้าคุณจะดีใจที่หลุดพ้นจากสิ่งนั้นมาได้ แต่อย่าหลงติดอยู่ในวังวนของความโกรธ เวลาที่คุณรู้สึกเดือดดาล ให้หันไปหาสิ่งที่จะทำให้คุณสงบลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลากับครอบครัว นั่งสมาธิ หรือออกแรงอัดกระสอบทรายให้น่วม

ขั้นที่ 6 ความรู้สึกว่างเปล่า

          "ถ้าคุณยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่ล่ะก็ เตรียมหาอาหารใส่ตู้เย็นไว้ให้เต็ม" ไมค์ กรีน แห่งมหาวิทยาลัยแอสตันแนะนำ "ในระหว่างประสบการณ์ที่ตึงเครียด สมองอาจเพิ่มการทำงานในส่วนระบบประสาทเวกัส" ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ช่วงนี้คุณอาจจะอินไปกับเสียงเพลง เล่นบทพระเอกเอ็มวีอย่างไรก็ได้ครับ แต่ต้องหาวิธีรับมือกับภาวะเบื่ออาหารด้วย

          เอาชนะให้ได้ : คุณต้องการความผ่อนคลาย "การสูดหายใจลึก ๆ ส่งสัญญาณไปยังสมองว่าไม่มีสิ่งเร้าความเครียดอยู่" เจค โทบี นักสะกดจิตบำบัดประจำศูนย์การแพทย์บอดี้มายด์ในกรุงลอนดอน กล่าว "หายใจเข้านับหนึ่งถึงแปด ค้างไว้นับหนึ่งถึงสี่แล้วหายใจออกช้า ๆ ต่อด้วยการสำรวจร่างกายแบบเร็ว ๆ ที่ไหนก็ตามที่คุณรู้สึกเกร็ง ให้เพ่งสมาธิไป เพื่อผ่อนคลายส่วนนั้นนาน 30 วินาที"

          โทบี แนะนำวิธีนี้จะช่วยขจัดความเครียดให้หมดไป แล้วความรู้สึกหิวแบบใหม่ก็จะเข้ามาแทนที่ความคิดวนเวียนเกี่ยวกับดินเนอร์สุดโรแมนซ์ในอดีต

ขั้นที่ 7 ความเจ็บปวด

          ถึงตอนนี้ชีวิตโสดควรจะกลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้ง "แต่การขาดความสัมพันธ์ทางสังคมสามารถรบกวนการทำงานของระบบประสาทได้" เบรตเทอ กันเทอร์มอร์ จากมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม ซึ่งศึกษาผลกระทบทางร่างกายจากการถูกปฏิเสธ กล่าว นี่อาจเป็นตัวแปรสุดท้ายที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งทำให้คุณวิตกกังวลและรู้สึกคลื่นไส้

          เอาชนะให้ได้ : การไม่ยินยอมทำตามคำสั่งจากสมองเมื่อคุณอยากได้ "เบียร์อีกสักแก้ว" ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย "ความรู้สึกตัดขาดจะส่งผลทางลบต่อร่างกาย ดังนั้นการกลับมาสานสัมพันธ์อีกครั้ง ก็จะให้ผลในทางตรงข้าม" มอร์กล่าว

          หวนกลับมาทำกิจกรรมที่เคยเป็นไปได้ยากเวลาที่คุณมีแฟน ไม่ว่าจะเป็นนัดเชียร์บอลหรือนัดดื่มกับเพื่อนทั้งหมดทั้งมวล ก็คือการกลับไปสู่สิ่งที่นักจิตวิทยาเรียกว่าความเป็นตัวเอง หมายถึงสิ่งที่เป็นตัวคุณโดยไม่รวมเธอคนนั้นเข้าไปด้วย รู้สึกได้ไหม มันคืออิสระไงล่ะ...เพื่อนยาก

เค

ขอบคุณสาระดีๆน่ะครับ

yellow2550

ขอบคุรครับ