หลังจากน้ำแตกไปสักพัก สติผมก็เริ่มกลับคืนมา นี่ผมทำอะไรลงไปกันนะ เพราะความเงี่ยนแท้ๆ ไม่สิ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ
“ไอ้เด็กใหม่ มึงทำอะไรกู” ผมตะคอกใส่
อีกฝ่ายมองกลับมาด้วยสีหน้างุนงง ก่อนจะทำท่าคิดแล้วตอบว่า “กูก็แค่ช่วยปลดปล่อยมึงไง คลายเครียดสักหน่อย หัวจะได้โล่งๆ มึงเป็นคนให้จังหวะเองนะ มันก็ไม่ต่างจากชักว่าวด้วยมือตัวเองหรอก อย่าไปคิดมาก มึงกับกูไม่ได้ทำผิดกฏข้อไหน ใช่ไหม ? ”
ผมคิดดูแล้วก็จริงของมัน ถึงจะแปลกๆหน่อยก็เถอะแต่ถ้าไม่ผิดกฎก็คงทำได้มั้ง
“มึงลุกขึ้นมาได้แล้ว คาบบ่ายเรียนยูโดที่ตึกไหนนะกูไปไม่ถูก” ไอ้อารยันยื่นมือมาดึงให้ผมลุกขึ้น มือมันยังมีน้ำเหนียวๆเลอะอยู่ แต่ก็บ่นไม่ได้เพราะแม่งเป็นน้ำว่าวของผมเอง
ผมรีบพามันไปที่โรงยิมก่อนที่คนอื่นๆจะมา ถือโอกาสเปลี่ยนมาสวมชุดยูโด ถอดกางเกงนอกกางเกงในที่มีคราบอสุจิเกรอะกรังมาล้างแล้วตากไว้ในล็อคเกอร์ โชคดีจริง ถ้าคาบบ่ายเรียนในห้องนี่กลิ่นน้ำว่าวคงฟุ้งกระจายจนโดนล้อฉิบหายแน่ๆ
ขนาดผมทำทุกอย่างจนเรียบร้อยแล้ว ไอ้อารยันก็ยังเงอะๆงะๆอยู่กับเสื้อยูโดและสายคาดเอวที่ผมให้มันยืม ผมเลยเดินเข้าไปสอนมัน
“ไง ไอ้เด็กใหม่ ไม่เคยใส่ล่ะซิ นี่เอาสาบเสื้อซ้ายทับขวา เสร็จแล้วมัดสายแบบนี้” ผมทำให้มันดูเป็นตัวอย่าง เลยต้องเข้าไปโอบเอวมัน
ไอ้อารยันมองท่าทางของผมแล้วหัวเราะ “พอถอดเข็มสารวัตรนักเรียนออกแล้วมึงก็ใจดีได้นี่ อ้อเลิกเรียกว่าเด็กใหม่ซะที กูชื่อเล่นว่า ‘อาร์’ นะ เมื่อกี้มึงก็เรียกไปตั้งหลายครั้งแล้วไง”
“ไอ้ห่า ตอนนั้นกูครางเหอะ 555 ส่วนมึงจะเรียกกู’อัค’ ก็ได้” แปลกดีที่การน้ำแตกใส่ ทำให้กลายเป็นสนิทกัน แต่ก็นะมันคงเป็นการเปิดใจละลายพฤติกรรมแบบนึง
ใกล้ถึงเวลาเรียนแล้ว คนอื่นๆเริ่มทยอยเข้ามาเปลี่ยนชุด ผมเลยพาไอ้อาร์เดินออกมาที่ห้องซ้อม
ระหว่างทางก็เจอไอ้คัน มันเห็นผมก็บอกว่า “หายไปไหนมา ประธานอยากเจอมึงตั้งแต่ตอนพักเที่ยง แต่พวกกูหาไม่เจอ เขาเลยบอกว่ารอตอนเย็นก็ได้”
”เข้าใจแล้ว กูจะไปเจอมันหลังเลิกเรียน กูไม่ได้หายไปไหนแค่กำลังสืบเรื่องเมื่อเช้าอยู่”
“โอเค สู้ๆเพื่อน อย่าเครียด” ไอ้คันตบไหล่ให้กำลังใจผมแล้วเดินเข้าห้องล็อคเกอร์ไป
“นอกจากมึงที่เป็นหัวหน้าแล้ว สารวัตรนักเรียนคนอื่นๆใช้เข็มกลัดสีเงิน มึงสงสัยใครบ้างไหม” ไอ้อาร์ถาม
“ไอ้นักป้ายสีนั่นอุตส่าห์ใส่หน้ากากแต่ดันไม่ถอดเข็มกลัดออกเนี่ยนะ กูว่ามันอาจจะอยากให้สารวัตรนักเรียนสงสัยกันเองมากกว่า”
ไอ้อาร์พยักกน้าเห็นด้วย อาจารย์ยูโดเดินเข้ามาในโรงยิมพอดี ทุกคนจึงไปรวมแถวทำความเคารพ
“สวัสดี วันนี้มีนักเรียนใหม่ด้วยเหรอ เคยเรียนยูโดมาก่อนรึเปล่า” นายอารยันส่ายหน้าแทนคำตอบ อาจารย์จึงพูดต่อ “งั้น อัครา เธอเก่งอยู่แล้ว ให้รับหน้าที่สอนพื้นฐานให้เพื่อนด้วย สัปดาห์หน้าทดสอบต้องผ่านนะ”
ด้วยเหตุนี้ แทนที่ผมจะได้จับคู่ฝึกกับเพื่อน เหมือนคนอื่นๆ ผมจึงต้องแยกมาสอนไอ้อาร์สองต่อสองแทน
“วิชายูโด หรือจูโด พัฒนามาจากยิวยิตสุ ของญี่ปุ่น”
“วิชายูโดกูไม่แน่ใจ แต่ถ้าวิชาจู๋โด่เนี่ย กูยอมรับนะว่ามึงเก่งจริงๆ” ไอ้อาร์ขัด แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วพูดต่อ
“เทคนิคพื้นฐานคือ การทุ่ม การกอดรัด และ การออกอาวุธ….”
“คล้ายกับความรักเหมือนกันนะ ต้องทุ่มเทไปก่อน แล้วก็จะได้กอด สุดท้ายก็ได้กัน”
“มึงเพ้ออะไรเนี่ย ตั้งใจเรียนหน่อย ออกมานี่เลย” ผมฉุดมันขึ้นมายืนด้วยกันบนเบาะ แล้วบอกว่า “มึงลองทุ่มกูดู กูจะยืนเฉยๆ”
มันเข้ามาพยายามผลักๆดึงๆดันๆ แต่ผมยืนหยัดอย่างมั่นคงปานขุนเขา ลูกหมาน้อยอย่างมันไม่อาจขยับผมได้แม้แต่ครึ่งเซน
“คราวนี้ตากูบ้าง” ผมบอกให้ไอ้อาร์เตรียมพร้อม มันพยายามยืนเลียนแบบผม แต่แค่ผมจับชายเสื้อ มันก็ถูกเหวี่ยงลงไปกองบนพื้น โดยมีผมนอนทับอยู่บนตัว
“โอย เจ็บฉิบหาย นี่มึงจงใจแกล้งกูเหรอ”
“บทเรียนแรกของวิชายูโด คือการโดนทุ่มยังไงไม่ให้เจ็บ กูเลยให้มึงลองก่อนว่าแบบเจ็บเป็นยังไง จะได้ตั้งใจฝึก 55”
“มึงจับกูกดได้เฉพาะตอนนี้เท่านั้นแหล่ะ ถ้าอยู่บนเตียงเมื่อไหร่ มึงโดนกูจับกดแน่”
ไอ้อาร์แม่งไม่ขู่เปล่าๆ เสือกขยับเข่ามาเขี่ยน้องชายผมในกางเกงยูโด ที่ตอนนี้ไม่มีกางเกงในป้องกันแล้วด้วย ผมเลยต้องรับลุกจากตัวมัน ก่อนที่ไอ้น้องชายตัวดีจะเกิดตื่นตัวขึ้นมาอีก
“ตั้งใจหน่อย สัปดาห์หน้าอาจารย์เขาจะสอบมึงนะ” หลังจากนั้นผมก็อธิบายหลักการและให้มันฝึกท่าล้มที่ถูกต้องจนหมดคาบ
“จริงๆแล้วคนตัวเล็กอย่างมึง ควรฝึกยูโดนะ มันเป็นวิชาที่ต่อสู้ด้วยการทำลายสมดุลร่างกายของฝ่ายตรงข้าม ไม่ได้ใช้แรงกายเป็นหลัก” ผมสรุป
ไอ้อารยันเลยดูสนใจขึ้นมา “งั้นหลังเลิกเรียนแล้วมาฝึกต่อได้ไหม”
“ก็ได้มั้ง กูไม่ได้มีธุระอะไร แต่ต้องไปเจอประธานนักเรียนก่อน”
หลังจากหมดคาบเรียน ผมใส่ชุดยูโดไปที่ตึกอำนวยการ โดยมีไอ้อาร์ติดสอยห้อยตามมาด้วย
“กูก็อยากรู้จักประธานนักเรียนกับเขาบ้างป่ะ” มันบอก
“ประธานนักเรียนมันชื่อจริงว่าประธาน สงสัยพ่อมันคงรู้ว่าจะได้เป็นประธานมั้งเลยตั้งให้ บ้านมันรวยมากนะ แม่งต้องซื้อเสียงแน่ๆ ถึงได้รับเลือก” ผมเล่าให้มันฟังระหว่างเดินขึ้นตึก
“พวกมึงน่าจะสนิทกันไม่ใช่เหรอ ประธานนักเรียนกับสารวัตรนักเรียน ทำไมดูเหมือนไม่ถูกกัน” ไอ้อาร์ถาม
“ไม่รู้ว่ะ มันกับสมาชิกสภานักเรียนชอบทำตัวมีอภิสิทธิ์ คอยขัดขวางงานของสารวัตรนักเรียน ตลอด”
พวกเรามาถึงหน้าห้องสภานักเรียน ผมเคาะห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปข้างใน
“มาแล้วเหรอ อัคร” ไอ้ประธานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเป็นระเบียบคนเดียว มันรูปร่างสูงโปร่ง หน้าคมเหมือนดารา ผิวพรรณขาวมีออร่าแบบผู้ดี มันขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ามีไอ้อาร์ตามมาด้วย
“นี่ อารยัน เด็กใหม่ มันอยากเห็นหน้ามึง”
“บนโปสเตอร์หน้าโรงเรียนก็มี” มันพูดเสียงเรียบๆเหมือนกำลังบอกข้อเท็จจริง ไม่ได้มีเจตนาโอ้อวดอะไร พอเห็นผมยังเฉย มันก็พูดต่อ “มีคนรายงานผมเรื่องเมื่อเช้าแล้ว การสืบสวนเป็นยังไงบ้าง”
“ก็อยู่ระหว่างดำเนินการ”
“ข่าวด้านลบ ทำให้สภานักเรียนเสื่อมเสีย ผมอยากจะให้คุณพักงานชั่วคราว”
“ขอปฏิเสธ กูจะหาตัวคนผิดมาลงโทษเอง ขอใช้ตำแหน่งหัวหน้าสารวัตรนักเรียนเป็นเดิมพัน”
“ถึงจะหาตัวคนผิดเจอ ชื่อเสียงของคุณก็เสียหายไปแล้ว ความศักดิ์สิทธิ์ในตำแหน่งคุณย่อมถูกสั่นคลอนด้วยความสงสัยของทุกคน”
“แล้วยังไงล่ะ เราจะเปลี่ยนตัวหัวหน้าทุกครั้งที่มีคนปล่อยข่าวปลอมๆเหรอ ถ้าพรุ่งนี้มึงโดนบ้าง มึงจะลาออกไหม”
“ผมถึงอยากจะช่วยคุณไง ผมเสนอให้คุณเข้าพิธี [พิสูจน์ชายแท้] ที่สืบทอดกันมาในตำนานของโรงเรียนเรา ต่อหน้านักเรียนทุกคน ถ้าคุณผ่าน ก็จะไม่มีใครสงสัยในตัวคุณอีก เป็นผู้ปราศจากมลทินมัวหมองใดๆ”
ไอ้ประธานยิ้มด้วยสีหน้าเปี่ยมความหวังดี แต่ผมสัมผัสได้ถึงเจตนาชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ในนั้น
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขออภัยที่หายไปนานครับ ตอนนี้พยายามจะใส่ฉาก nc แต่มันยาวเกินละ เลยขอยกยอดไปตอนหน้าแล้วกัน
|