# y! r/ l/ e# \+ f: C# p" Y0 k" r
เลิฟ , ~+ B$ V! S" b5 X
เดซี่ ''วอร์มร่างกายกันไปก่อนล่ะ ครูไปคุยธุระแปปนึง'' ครูสอนวิชาพละพูดก่อนจะเดินออกไปจากโรงยิม เลิฟนั่งอยู่บนที่นั่งข้างสนาม มองดูเดซี่ที่กำลังเดาะลูกบาสเล่นอย่างสบายใจ เลิฟถอนหายใจออกมา เลิฟเองก็อยากจะเล่นอย่างสบายใจแบบนั้นบ้างจัง ตั้งแต่ที่เลิฟได้ลงแข่งจตุรเทพเลิฟก็เครียดมาตลอด ที่เครียดหนักกว่าเดิมเพราะว่าอีกสองวันการประลองเพื่อคัดเลือกสี่จตุรเทพจะมาถึงแล้ว แต่ยังไม่มีประกาศออกมาเลยว่าใครได้แข่งคู่กับใคร ทำให้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครมีความสามารถอะไร แล้วต้องเตรียมตัวรับมือกับฝ่ายตรงข้ามอย่างไร ในฝูงของเลิฟนั้นมีจตุรเทพถึง3คน ถ้าเลิฟทำได้ไม่ดีในการประลองล่ะก็ทุกคนต้องขายหน้ากันแน่ๆ เลิฟไม่อยากทำให้พี่ในฝูงผิดหวัง รวมถึงตัวเลิฟเองด้วย ลูกบอลลอยมาที่เลิฟ เลิฟรับเอาไว้ได้ทัน ''นั่งซึมอยู่ทำไม ลงมาวอร์มร่างกายสิ'' เดซี่เรียก เลิฟลุกขึ้นเดินไปหาเดซี่ ''ยังไม่หายเครียดเรื่องการประลองอีกเหรอ'' ''อืม เราแค่กังวลน่ะ ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร'' ''แปปนี้ก็น่าตื่นเต้นดีออกนะเราว่า'' ''งั้นเหรอ'' ''อื้ม ไม่เห็นต้องรู้ก่อนเลยว่าจะต้องสู้กับใคร ยังไงก็ต้องชนะให้ได้แค่นั้นนี่นา'' ''อืม'' เลิฟยืดแขนขึ้นสุดบิดขี้เกียจ เสื้อพละสีขาวตัวน้อยลอยขึ้น เผยให้เห็นเอวบางๆของเลิฟ ผิวขาวเนียนน่าสัมผัส พวกอัลฟ่าที่เล่นกันอยู่ในสนามต่างมองกันตาเป็นมัน ในโรงเรียนเซ้นต์รอยัลแห่งนี้มีนักเรียนเป็นอัลฟ่าถึง99เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันโอเมก้าเป็นชนชั้นต่ำต้อยที่ถูกจัดให้อยู่ล่างสุดมาโดยตลอด การที่จะได้เข้าเรียนนั้นจำเป็นต้องเป็นผู้รากมากดีมีชาตตระกูลและร่ำรวย ทำให้มีโอกาสน้อยที่จะมีโอเมก้าได้รับการศึกษาเทียบเท่ากับอัลฟ่า แต่ยุคสมัยปัจจุบันนั้นเปิดกว้างมากขึ้นแล้ว ถึงจะยังมีการแบ่งชนชั้นกันอยู่ก็ตาม โอเมก้าบางคนก็สามารถสร้างชื่อให้ตัวเองและได้รับการยอมรับว่าเป็นโอเมก้าชั้นสูง กล่าวคือโอเมก้าที่มีชาติตระกูลเป็นที่หมายตาของเหล่าอัลฟ่าชั้นสูงนั่นเอง เลิฟเป็นโอเมก้าเพียงสองคนที่เปิดเผยตัวกับเดซี่ แต่ก็ไม่เคยโดนกลั่นแกล้งแบบที่พวกโอเมก้ามักจะโดนเลย เลิฟเป็นโอเมก้าที่หน้าสวย ตัวเล็กเอวบาง ผิวขาวอมชมพูออร่า นิสัยดีเป็นมิตรกับทุกคน ชอบช่วยเหลือผู้คนอย่างเต็มใจ แถมยังเป็นนักเรียนคนแรกที่สังกัดฝูงตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ และยังทำผลงานการต่อสู้ไว้มากมาย เลื่อนขั้นตัวเองขึ้นไปจนกลายเป็นโอเมก้าที่อยู่คลาสA จนได้รับฉายาว่า นางฟ้าแห่งคลาสA พวกอัลฟ่าในโรงเรียนทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องต่างเข้ามาจีบพัวพันเลิฟไม่เว้นวัน ยังดีที่ได้เดซี่คอยช่วยกันออกไปได้บ้าง เลิฟยืดเส้นยืดสายตามที่ทำประจำ แหกขาจนสุดทั้งสองฝั่งทิ้งตัวนั่งลงไปได้อย่างสบายๆ เดซี่แค่มองก็รู้สึกเจ็บแล้ว เลิฟนอนราบไปกับพื้น ท่าของเลิฟตอนนี้นั้นเป็นอันตรายต่อใจพวกอัลฟ่าวัยกลัดมันทั้งหลายในโรงยิมมาก เลิฟดันตัวยืนขึ้น พวกเพื่อนในห้องหันกลับไปทำสิ่งที่ค้างไว้กันต่อเพราะกลัวว่าเลิฟจะรู้ว่าแอบมอง ''ไปตีแบตกันมั้ยครับน้อง'' รุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นอัลฟ่าตัวสูงโปร่งเดินเข้ามาทัก ''เอ่อ ผมเรียนอยู่น่ะครับ รอครูมา'' ''ครูมาค่อยกลับไปเรียนไง เค้าให้ยืดเส้นยืดสายไม่ใช่เหรอ'' เลิฟหันไปมองเดซี่ ''น้องจะไปเล่นด้วยกันก็ได้นะ'' พี่คนนั้นชวนเดซี่ ''ไปกันเถอะ'' ''แต่ว่า'' ''เอาน่า สนุกๆ รอครูมา'' เดซี่จูงมือเลิฟเดินไปหากลุ่มอัลฟ่าที่อยู่อีกผากสนาม ''โห ไอไอซ์ ไปพาของดีมาเลยเหรอวะ'' ''เออ กูชวนน้องเค้ามาเล่นด้วย'' เลิฟยกมือสวัสดีพวกรุ่นพี่ที่มองด้วยสายตาแทะโลม ''เพิ่งเคยเห็นใกล้ น้องตัวจริงน่ารักกว่าที่คนเค้าลือกันอีกนะ'' ''ขอบคุณครับ'' เลิฟทำตัวไม่ค่อยถูก ''มาแบ่งทีมกันดีกว่า 2-2โอเคมั้ย'' ''ได้ๆ งั้นกูคู่กับน้องเลิฟ'' ''เฮ้ย ได้ไง กูจะคู่กับน้องเค้า'' ''พี่ไม่ต้องแย่งกันหรอกครับ เลิฟคู่ผมอยู่แล้ว'' เดซี่พูดยิ้ม แบมือรับไม้ไปสองอัน จูงมือเลิฟลงสนามไป พวกรุ่นพี่แอบผิดหวังกันนิดหน่อย ทั้งสองฝั่งยืนประจันหน้ากัน ''พวกพี่จะอ่อนให้ละกันนะครับน้องๆ'' ''อ๋อ ขอบคุณนะครับ แต่ไม่ต้อง'' เดซี่ตอบกลับอย่างท้าทาย รุ่นพี่เสิร์ฟลูกมา เดซี่ตีกลับไปได้อย่างคล่องแคล่ว เลิฟเองก็คอยดูอยู่ข้างหลัง รุ่นพี่กับเดซี่ตีกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร เลิฟจ้องลูกอยู่ตลอดแต่ไม่มีโอกาสได้ตี ''แข็งจังเลยนะ'' รุ่นพี่พูดอย่างเหลืออดก่อนจะตีลูกพุ่งไปข้างหลัง ร่างกายของเลิฟขยับไปเอง เพียงแค่พริบตาเดียวเลิฟก็ไปถึงขอบสนามด้านหลังและตีลูกที่เกือบตกข้ามไปตกอีกฝั่งและได้แต้มไปท่ามกลางความงุนงงของพวกรุ่นพี่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ครูเข้ามาพอดี ''ขอบคุณที่ชวนมาเล่นนะครับ'' เลิฟบอกก่อนจะวิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อนพร้อมกับเดซี่ วิชาพละของโรงเรียนนี้คือการฝึกทักษะร่างกายเพื่อให้พร้อมใช้ในการต่อสู้ เลิฟทำได้ดีมาตลอดในเรื่องของความรวดเร็วและความยืดหยุ่น ติดแค่เรื่องพละกำลังเท่านั้น ซึ่งตอนนี้พัฒนาขึ้นมากจากแต่ก่อน เลิฟเริ่มมีเรี่ยวแรงมากขึ้นในการชกต่อยและเตะ บาลานซ์การทรงตัวของตัวเองได้ดี ทำให้ตอนนี้เลิฟตามเพื่อนคนอื่นทันแล้ว นักเรียนทยอยออกมาจากโรงยิมหลังจากหมดคาบ 'ขอให้นักเรียนที่ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งสี่จตุรเทพมารวมตัวกันที่ห้องประชุมหินขาวตอนนี้ นักเรียนอื่นที่ประสงค์จะมาสามารถมาได้' เสียงประกาศดังไปทั่วโรงเรียน นักเรียนต่างแตกตื่นกันใหญ่และพากันไปที่ห้องประชุม ''เค้ามีอะไรกันเหรอ'' เลิฟหันมาหาเดซี่ ''ถึงเวลาแล้วไง ไปเร็ว'' เดซี่จูงมือเลิฟเดินไปที่ห้องประชุมหินอ่อน ห้องประชุมขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางโรงเรียน ใช้ในการจัดงานพิธีกรรมต่างๆหรือประชุมเรื่องสำคัญมากๆของโรงเรียน ตรงกลางมีเวทียกสูงทรงกลมอยู่ ผอยืนอยู่กลางเวที หรือพูกกให้ถูกน่าจะเป็นภาพเสมือนของผอมากกว่า เดซี่พาเลิฟมานั่งตรงที่ที่ยังว่างอยู่ ''นั่งด้วยดิ'' ''อ้าว หิน'' หินโบกมือส่งยิ้มมาให้ นั่งลงข้างทั้งคู่ คนเริ่มทยอยกันมาจนเต็มห้อง ทุกคนอยู่ในความสงบเพราะออร่าจากผอ ถึงจะไม่ใช่ตัวจริงแต่รังสีพลังนั้นแข็งแกร่งมาก สมแล้วที่เป็นผอโรงเรียนนี้ได้ ''ในเมื่อทุกคนมากันครบหมดแล้ว จะขอเริ่มการประกาศข่าวสำคัญ ณ บัดนี้'' ไฟในห้องดับจนมืดสนิท ภายฉายขึ้นมาบนจอผ้าขนาดใหญ่ เป็นรูปโรงเรียนเซ้นต์รอยัลในสมัยก่อน ''โรงเรียนเซ้นต์รอยัลนั้นมีประวัติมายาวนานอย่างที่ทุกคนรู้ และสิ่งที่เรามีทุกปีนั่นก็คือ สี่จตุรเทพแห่งเซ้นต์รอยัล'' ภาพฉายรูปนักเรียนที่เคยได้เป็น4จตุรเทพรุ่นก่อนขึ้นมา เลิฟคุ้นหน้าคุ้นตาหลายคนมาก จนกระทั่งเห็นรูปเซ็ตที่มีโฬม ราคาน และอาร์ท ทั้งสามคนหน้าไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่เลย โดยเฉพาะโฬมที่ยังคงตัวใหญ่กว่าใครเพื่อน ราคานนั้นดูหล่อมีภูมิฐาน ส่วนอาร์ทหน้านิ่งสงบดูเท่มาก ส่วนอีกคนนั้นเป็นผู้ชายหน้าสวย สายตาและรอยยิ้มเต็มไปด้วยความพิศวงชวนให้มอง ทั้งๆที่เป็นภาพแต่ดวงตากลับส่งพลังออกมาได้มากขนาดนี้ ''เราใช้การประลองในการคัดจตุรเทพมาตลอด แต่ก็ใช่ว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดจะได้เข้ามารับตำแหน่งนี้ เพราะการเป็นจตุรเทพเท่ากับต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนักดเรียนคนอื่นในโรงเรียนด้วย'' นักเรียนคนหนึ่งยกมือขึ้น ''ว่ายังไง'' ''โรงเรียนเราไม่ได้กำลังสร้างคนที่แข็งแกร่งเหรือครับ งั้นยิ่งแข็งแกร่งก็ต้องยิ่งดีสิ'' ''ไม่เสมอไปหรอก'' ในจอฉายภาพของคนที่เลิฟคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี รัมแสยะยิ้มอยู่ในรูปชวนขนลุก ''นักเรียนคนนี้ได้รับการยอมรับจากทั้งโรงเรียนว่าเป็นผู้มีพลังสูงสุดในรุ่นนั้น แข็งแกร่งชนิดที่ว่าราวกับเป็นอมตะ เพราะไม่มีอะไรฆ่าเค้าตาย แต่ว่า'' วิดิโอคลิปฉายขึ้นมา รัมกัดแขนของคู่ต่อสู้จนขาด ''เป็นคนแรกที่โดนพักการเรียนตั้งแต่เปิดเทอมเพราะฝ่าฝืนกฏความรุนแรง และยังก่อเรื่องอีกหลายครั้ง ทั้งแทงทะลุท้องเพื่อนด้วยกรงเล็บเพราะทำน้ำแข็งหกใส่ หรือพยายามตัดหัวเพื่อนทิ้งเพราะไม่ชอบสีตา'' ผอพูดสิ่งน่ากลัวเหล่านั้นออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ''แข็งแกร่งแค่ไหน สิ่งที่เราต้องมีคือความพอดี ไม่อย่างนั้นทุกคนคงตายกันไปหมดแล้ว'' ดวงตาของผอเปลี่ยนเป็นสีทอง ภาพใบหน้าของนักเรียนแปดคนฉายขึ้นกลางอากาศ ''จากนี้จะขอประกาศการจับคู่ประลองเพื่อค้นหา4จตุรเทพ โดยจับคู่จากการสุ่ม 'อย่างยุติธรรม' '' ผอเน้นคำท้ายพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย ''คู่ที่1'' แสงสีทองขึ้นล้อมรอบรูปของเยน อัลฟ่าท่าทางสุขุมสีหน้าจริงจังที่เป็นประธานนักเรียนคนปัจจุบัน ค่อยๆลากไปเชื่อมเข้ากับรูปของนิล อัลฟ่าอันธพาลประจำโรงเรียน ผู้คนส่งเสียงเฮกันใหญ่ ''เยนจากเกรด11และนิลจากเกรด11 ขอเชิญออกมาด้านหน้า'' ทั้งสองเดินไปยืนบนเวที นิลมองหน้าเยนแล้วหัวเราะออกมา เยนดูไม่ได้สนใจนิลมากนัก ''คู่ที่สอง'' เกิดแสงสีทองขึ้นอีกครั้ง ล้อมรอบรูปของธันเดอร์ อัลฟ่าหนุ่มหัวทองร่างใหญ่ที่ยืนขึ้นรอดูคู่ต่อสู้ของตัวเอง มันค่อยๆลากไปเชื่อมเข้ากับรูปของลูปิน อัลฟ่าที่ใส่เสื้อคลุมปิดหน้าปิดตา ''ธันเดอร์จากเกรด11และลูปินจากเกรด11'' ทั้งสองขึ้นไปบนเวที ธันเดอร์ได้รับเสียงเชียร์อย่างล้นหลามจากเพื่อนๆ เลิฟรู้สึกตื่นเต้นมาก ตอนนี้คนที่เหลือก็มีแค่คิงเพื่อนในห้อง ฟรอสท์คนที่เคยมีปัญหากับเดซี่ และราฟเพื่อนของเลิฟเอง ''คู่ที่สาม'' แสงสีทองเปล่งแสงขึ้นรอบรูปของราฟ ''ราฟแล้วๆ'' เดซี่เขย่าแขนของเลิฟอย่างตื่นเต้น เลิฟนั้นไม่อยากจะสู้กับราฟเลย เพราะนอกจากจะเป็นเพื่อนกันแล้วราฟยังเป็นคนที่มีฝีมือมา ราฟยืนขึ้น บรรยากาศรอบๆเย็นลงจนขนลุก รังสีออร่าที่ปล่อยออกมาจากตัวราฟนั้นเย็นยะเยือกดูน่ากลัว สัมผัสได้ถึงจิตสังหารเล็กๆที่ปล่อยออกมาอีกด้วย เลิฟหันไปสบตาเข้ากับราฟที่จ้องมาด้วยสายตาที่น่ากลัวจนเลิฟต้องหันหนี ''อ๊ะ'' เลิฟจับแผลเป็นรูปกางเขนที่ต้นคอ ''เป็นอะไรหรือเปล่า'' ''เปล่าๆ'' อยู่ๆมันก็แสบขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันเจ็บแบบนี้ แต่เป็นทีไรมักจะรักษาไม่ได้ทุกที ได้แต่ปล่อยให้มันหายไปเอง มันลากไปเชื่อมกับอีกรูป ''เกรด10'' หัวใจของเลิฟเต้นแรง ''คิง'' ''วู้ว'' คิงร้องพร้อมกับกระโดดลุกขึ้น ''ชิ'' ราฟสบถ กระโดดขึ้นไปบนเวทีด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เลิฟเอามือจับอกไว้ ไม่รู้ว่าเมื่อกี๊เลิฟเป็นอะไรหายใจไม่ออกขึ้นมา เลิฟปรบมือให้กับราฟ ราฟส่งยิ้มมาให้ ''นึกว่าจะได้สู้กับราฟแล้วนะเนี่ย'' เดซี่พูดอย่างโล่งอก ''และแน่นอน คู่สุดท้าย'' ภาพของเลิฟเปล่งแสงสีทอง ลากไปเชื่อมเข้ากับฟรอสท์ ฟรอสท์เดินขึ้นมาบนเวที ใส่เสื้อขนสัตว์สีขาวดูสง่า เลิฟค่อยๆยื่นขึ้น ทันทีที่เลิฟยืนขึ้นก็ได้รับเสียงปรบมือและเสียงผิวปากจากพวกอัลฟ่าหนุ่มทั้งโรงเรียน เลิฟเดินอย่างเขินอายขึ้นไปบนเวที ฟรอสท์มองเลิฟอย่างไม่พอใจนัก ''คู่ต่อสูกระจอกแบบนี้น่าเบื่อตาย'' ฟรอสท์พูดโดยไม่มองหน้าเลิฟ เลิฟไม่ได้โต้ตอบอะไร ''นี่คือคู่ประลองอย่างเป็นทางการของการคัดเลือกจตุรเทพรอบนี้ ทำให้เต็มที่ จบการประชุม'' ภาพผอหายวับไปพร้อมกับรูปภาพกลางอากาศ เลิฟหันไปหาฟรอสท์ ''ขอฝากตัวด้วยนะครับ'' ฟรอสท์เหลือบตามามองเลิฟด้วยสายตาดูถูกก่อนจะเดินจากไป ราฟเดินเข้ามาหาเลิฟ ''นึกว่าจะได้ประลองกันเองแล้วนะเนี่ย'' ''นั่นสิ ดีจังเนอะ'' ''ไม่ดีเลย เราอยากสู้กับเลิฟจะตาย'' เลิฟทำหน้างง ''ทำไมล่ะ'' ''ก็เราไม่เคยสู้กันเองเลยนี่นา คิดว่าน่าจะสนุกดี'' ราฟยิ้ม เดซี่เดินเข้ามาหาทั้งคู่ ''ไว้จะรอเชียร์นะราฟ'' ''ขอบคุณนะ เราต้องไปแล้วล่ะ'' ราฟโบกมือให้ก่อนจะเดินจากไป ''ตบให้ร่วงเลยนะ ไอพี่ฟรอสท์นั่นอะ'' เดซี่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ เลิฟหัวเราะ เลิฟแยกกับเดซี่ เดินกลับมาที่บ้านฝูง ทิ้งกระเป๋าลงบนโต๊ะ นอนลงบนโซฟา เอามือก่ายหน้าผาก เลิฟรู้สึกเครียดเพราะต้องสู้กับฟรอสท์ ฟรอสท์เป็นนักเรียนที่มีชื่อเสียงพอตัว โตมาในตระกูลผู้ใช้น้ำแข็งที่แข็งแกร่ง ทักษะการต่อสู้ก็ยอดเยี่ยม โอกาสชนะแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ เลิฟพยายามไม่เครียด ขึ้นไปบนห้อง อาบน้ำล้างหน้าให้สดชื่นแล้วกลับลงมานอนเล่นบนโซฟาข้างล่าง ดวงจิตดวงหนึ่งที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นมา ''กลับมาแล้วเหรอ'' 6 D1 Z9 u3 | |# b( P
โฬม โฬมเดินลงมาจากชั้นบนโดยที่ไม่ใส่เสื้อ โชว์หุ่นล่ำๆที่มีกล้ามเนื้อชัดเจน เลิฟมองแล้วรู้สึกเขินเลยหลบสายตา ''กลับมาแล้วครับ'' โฬมนั่งลงข้างๆเลิฟ ''พี่โฬมมาทำอะไรเหรอครับ'' ''มาเคลียร์งานอะไรนิดหน่อย แล้วทำไมวันนี้ถึงกลับช้า'' ''ที่โรงเรียนเรียกประชุมน่ะครับ แต่ว่า ทำไมพี่ถึงรู้ล่ะครับว่าผมกลับช้า พี่รู้เหรอว่าผมกลับมาเวลาไหน'' ''ก็..ปกติเด็กเลิกเรียน4โมงกันนี่ เลยเดาๆเอาว่าเหมือนกัน'' ''อ๋อ ครับ'' ''แล้วที่โรงเรียนเรียกประชุมเรื่องอะไร'' ''จับคู่ประลองจตุรเทพ'' ''เออ นานแล้วนะที่ไม่ได้พูดเรื่องนี้ แล้วเลิฟได้สู้กับใครล่ะ'' เลิฟทำหน้าเหมือนอึ้งอะไรสักอย่าง โฬมงงว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ''อะไร'' ''พี่เรียกผมว่าเลิฟ'' ''ใช่ ก็ชื่อเลิฟไม่ใช่หรือไง'' ''ครับ แต่ปกติพี่พูดมึงกูกับผมไม่ใช่เหรอ'' ''พี่ก็แค่..อยากเปลี่ยนดูบ้าง ไม่เห็นเป็นอะไรเลย มีปัญหาหรือยังไง ไม่ให้เรียกเหรอ ทีไอราคานยังเรียกได้เลย'' โฬมตีโพยตีพาย ''ใจเย็นๆครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่ไม่ชินนิดหน่อยเฉยๆ'' เลิฟขำ โฬมเกาหัว ''เล่ามาได้แล้ว'' เลิฟเล่าเรื่องการจับคู่ให้โฬมฟัง ''ได้คู่กับไอฟรอสท์ เจอตัวใหญ่เหมือนกันนะ'' ''เหรอครับ'' ''พี่ชายมันเรียนรุ่นเดียวกันกับพี่'' โฬมพูดอย่างอึกอักเพราะไม่ชินปากกับการเรียกตัวเองว่าพี่จนเลิฟอดขำไม่ได้ ''เออ พี่มันเรียนรุ่นเดียวกับกู'' ค่อยหายอึดอัดหน่อย เลิฟยิ้ม ''พี่ไม่ต้องพูดสุภาพกับผมก็ได้นะครับ'' ''ทำไม มึงชอบให้กูพูดคำหยาบกับมึงเหรอ'' เลิฟส่ายหัว ''ผมชอบพี่โฬมที่เป็นพี่โฬมครับ จะพูดหยาบหรือไม่หยาบ แค่พี่โฬมเป็นตัวเองก็พอแล้วครับ'' เลิฟพูดไปตามใจโดยที่ไม่ได้คิดอะไรแต่กลับทำให้โฬมใจเต้น ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเลิฟนั้นช่างน่ารักเสียจริง ''เออ นั่นแหละ แล้วมึงเตรียมตัวยังไงบ้าง'' ''ผมก็ออกกำลังกายแล้วก็ฝึกตามที่พี่โฬมเคยบอกนั่นแหละครับ ครูวิชาพละชมผมด้วยว่ามีเรี่ยวมีแรงมากขึ้นแล้ว ผมรู้สึกว่าตัวผมใหญ่ขึ้นด้วย'' ''เหรอ ขอกูดูหน่อยได้มั้ย'' เลิฟพยักหน้าแล้วยืนขึ้น โฬมเดินเข้าไปใกล้ จับแขนของเลิฟ จับขึ้นลงเรื่อยๆ ผิวของเลิฟนั้นทั้งเนียนทั้งนุ่ม กลิ่นตัวที่หอมเหมือนมิ้นต์ของเลิฟนั้นติดอยู่ในหัวของโฬมเสมอ มือโฬมไล้ต่ำลงไปเรื่อยๆ จับที่เอวของเลิฟ เลิฟรู้สึกเสียววาบ เขินจนหน้าแดง กลิ่นกายอัลฟ่าของโฬมทำให้เลิฟครั่นเนื้อครั่นตัว ''ตัวใหญ่อะไร'' โฬมยื่นหน้ามาข้างหูของเลิฟ ''เอวยังเล็กนิดเดียวอยู่เลย'' เลิฟขนลุกที่ต้นคอ ดันมือของโฬมออก ''ปล่อยก่อนครับพี่โฬม'' แต่โฬมไม่ปล่อย กอดเอวเลิฟเข้ามาชิดตัวแน่นขึ้นอีก สูดดมกลิ่นหอมที่ซอกคอของเลิฟเข้าไปเต็มปอด เลิฟเขินจนทำอะไรไม่ถูก ร่างกายของเลิฟตอบสนองต่อสัมผัสของโฬมไปตามสัญชาตญาณ แม้เลิฟจะไม่อยากแต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้ ''ขอกูได้มั้ยวะ'' มือโฬมสอดเข้าไปในกางเกงของเลิฟ เลิฟจับเอาไว้ สายตาทั้งสองประสานกัน ''ผมไม่อยากครับ'' โฬมชะงักไปก่อนจะผละออก ''กูขอโทษ'' เลิฟดึงเสื้อและกางเกงของตัวเองขึ้นมาให้เรียบร้อย โฬมพยายามไม่มองแต่สายตาก็เหลือบไปมองเอวบางๆของเลิฟทุกที ''มึงยังไม่เคยเหรอ'' ''เคยแล้วครับ'' ''แล้วทำไมถึงเป็นกูบ้างไม่ได้ล่ะ'' เลิฟหันมามองโฬม โฬมนั่งลงบนโซฟา ''กับคนอื่นมึงทำได้ แต่กับกูมึงไม่อยากเหรอ'' เลิฟนั่งลง ''ไม่ใช่แบบนั้นครับ'' ''แล้วมันทำไมล่ะ'' ''ผมแค่..ผมเขินครับ'' โฬมเงยหน้ามองเลิฟแล้วรู่้สึกหมั่นเขี้ยวอยากจับฟัดมันซะตรงนี้เลย เลิฟมีสีหน้าเคร่งเครียด ''มึงเครียดเหรอ'' ''ครับ นิดหน่อยแหละ ถึงไม่อยากเครียดแต่มันก็เครียดอยู่ดี ผมแค่ ไม่อยากทำให้พี่ๆผิดหวังน่ะครับ'' โฬมพยายามคิดว่าเวลาคนเครียดต้องช่วยบยังไง โฬมยืนขึ้นแล้วอ้าแขน ''มานี่'' เลิฟลุกขึ้นเดินไปหาโฬม มองหน้าโฬมก่อนจะสวมกอด หัวเลิฟสูงแค่เกือบถึงอกโฬมเท่านั้น โฬมเอามือโอบกอดเลิฟไว้ ''คิดมากทำห่าอะไร เป็นหรือไม่ได้เป็นก็ไม่ได้เกี่ยวกับพวกกูสักหน่อยใช่มั้ยล่ะ มันชีวิตมึงไม่ใช่ชีวิตกู ถ้ามึงทำสำเร็จกูก็จะยินดีด้วย ถ้าไม่สำเร็จก็ช่างแม่ง กูก็ยังอยู่ตรงนี้นี่แหละ'' เลิฟยิ้มแล้วพยักหน้า โฬมลูบหัวของเลิฟ เชยคางเลิฟขึ้นมา โน้มหน้าลงมาช้าๆ ก่อนจะประกบปากจูบเลิฟเบาๆ ริมฝีปากของโฬมนั้นทั้งหนาทั้งอุ่น สัมผัสนุ่มๆจากปากเล็กของเลิฟทำให้โฬมหายใจไม่ทั่วท้อง ขบกัดริมฝีปากของเลิฟเบาๆก่อนจะผละออก ''วันนี้กูเอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน อยากให้กูเอามากกว่านี้ค่อยบอก'' โฬมเอามือยีผมของเลิฟ ''กูไปละ'' โฬมหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปจากบ้าน เลิฟเอามือจับริมฝีปากของตัวเอง เขินจนหน้าร้อนผ่าว ทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา เมื่อกี๊นี้มันอะไรกัน โฬมจูบเลิฟทำไมกัน แค่อยากได้เลิฟงั้นสินะ ก็เหมือนอัลฟ่าทั่วๆไปงั้นสิ แต่ถ้าเหมือนอัลฟ่าทั่วไปคงไม่ฟังที่เลิฟบอกว่าไม่อยากหรอก เลิฟรู้สึกประทับใจในตัวโฬมขึ้นทุกวัน จริงๆแล้วโฬมเป็นคนดีกว่าที่เห็นภายนอกมาก เลิฟรู้สึกหิวเลยเดินไปเปิดตู้เย็น เจอกับกล่องสีฟ้าที่คุ้นเคยพร้อมกับกระดาษบนกล่อง 'แดกซะ จะได้เลิกเครียด' เลิฟเปิดกล่องออก มองเค้กที่เลิฟนั้นชอบกิน เลิฟเอามันมาวางที่โต๊ะหน้าโซฟา ตักขึ้นมากินแล้วยิ้มออกมา ''ยังอร่อยเหมือนเดิม'' เลิฟกินไปดูวิดิโอคลิปการต่อสู้ไปพลาง ยังเหลือเวลาอีก1วันก่อนแข่ง เลิฟยังพอมีเวลาฝึกอยู่ โฬมบอกขนาดนั้นแล้วเลิฟยิ่งต้องพยายามเข้าไปกันใหญ่ * Q9 Q& f8 m/ J
ราคาน
: {- E* P5 v- U; `+ Y
วาโย ราคานนั่งอยู่ในห้องทำงาน ใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตาเปล่งประกายสีแดงฉานสาดส่องไปทั่วห้อง กำหมัดแน่นมองภาพที่มองผ่านนิมิต ''ของๆกูไม่ว่าผ่านไปอีกกี่ช่ติก็คือของกู'' ราคานพูดด้วยเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำดูน่ากลัว เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ราคานได้สติ ''ผมเข้าไปนะ'' ประตูห้องเปิดออก วาโยเดินถือเอกสารเข้ามาในห้อง ''ผมจัดการให้หมดแล้ว เหลือแค่ลายเซ็นต์จากคุณนี่แหละ'' ''ขอบคุณมากนะ ขอผมอ่านแปปนึง'' ราคานเปิดเอกสารอ่านและเซ็นต์ไปเรื่อยๆ วาโยนั่งเท้าคางมองหน้าของราคาน รานคานเหลือบตาขึ้นมามอง ''มีอะไรหรือเปล่าคุณ'' ''คุณเครียดอะไรหรือเปล่า'' ''ก็มีแค่เรื่องงานนี่แหละ'' ''จะใช่เหรอ'' วาโยไขว่ห้าง ''ใช่สิครับ'' ''เมื่อกี๊จิตสังหารของคุณแรงมากเลยนะ พนักงานตกใจกันใหญ่เลย'' ''ผมแค่คิดถึงพวกแก๊งค์Black Spiderน่ะ'' ''เอาเถอะ ผมจะเชื่อคุณละกันแม้ผมจะรู้ว่าคุณโกหกก็ตาม'' วาโยเดินไปเปิดหน้าต่างก่อนจะเลื่อนตัวขึ้นไปนั่งบนขอบ วาโยทำงานเป็นเลขาส่วนตัวให้ราคานมากพักใหญ่ๆแล้ว ทั้งสองทำงานได้เข้าขากันมาก วาโยสามารถทำได้ทุกอย่างตั้งแต่งานเอกสารทจนถึงการเป็นสายไปสืบตามที่ต่างๆ ราคานจัดการเรื่องข้อมูลของวาโยในฐานระบบจนตอนนี้วาโยไร้มลทินและสามารถใช้ชีวิตแบบคนปกติได้แล้ว แต่ก็ยังต้องระวังพวกBlack Spiderที่ต้องการกำจัดวาโยอยู่ดี ''คุณจะไปดูเลิฟประลองมั้ย วันมะรืนนี้'' ราคานถาม ''ไปสิ ตอนนี้ผมไร้มลทินแล้วนี่นา'' วาโยไม่ได้เจอเลิฟมาสักพักแล้ว เพราะกลัวว่าเลิฟจะเป็นอันตรายถ้าอยู่ใกล้วาโย ''ทำไมคุณไม่มาสมัครเข้าฝูงล่ะ'' ''ไม่รู้สิ ผมจะเหมาะเหรอ'' ''ทำไมจะไม่เหมาะล่ะ'' ''ที่ผ่านมาผมเกลียดการเข้าฝูงมาตลอด เพราะพวกมันใช้ให้ผมเป็นนักฆ่าคอยทำร้ายผู้คนมาตลอด'' ''ฝูงแบบนั้นไม่นับว่าเป็นฝูงหรอกนะ'' ราคานเซ็นต์เอกสารชุดสุดท้ายแล้วคืนให้วาโย วาโยวางมันลง ''คุณนั่งเฉยๆนะ'' วาโยลอยขึ้นมาบนโต๊ะ เอามือจับที่ขมับของราคาน ''คุณหลับตา'' ราคานหลับตาตามที่บอก วาโยนวดขมับของราคานเบาๆจนรู้สึกผ่อนคลาย ลมอ่อนๆจากตัวของวาโยทำให้รู้สึกสบาย ''คุณกลับมาเครียดมากอีกแล้วนะ'' ''ผมก็เครียดอยู่ตลอดนั่นแหละ'' ''หาเวลาผ่อนคลายบ้างสิ วันๆคุณทำแต่งาน ดูแลฝูงอีก'' ''ถ้าผมพักแล้วงานใครจะทำล่ะ'' วาโยถอนหายใจ ''คุณนี่หัวดื้อจังเลยนะ'' ''นี่ คุณไม่ใช่พี่ผมนะ ไม่ต้องมาดุผมเลย'' ราคานขำ วาโยลอยตัวลงมาจากโต๊ะ ''วันประลองคุณไปพร้อมผมเลยละกันนะ'' ''ได้ครับ แต่ก่อนอื่นคุณต้องรีบเคลียร์เอกสารเกี่ยวกับมีตติ้งพรุ่งนี้ให้เสร็จทันเที่ยงนะ'' ''ผมรู้แล้วน่า คุณไปพักเถอะ'' ''คุณก็พักบ้างล่ะ อ้อ'' วาโยกระดิกนิ้ว แก้วกาแฟลอยเข้ามาในห้องทำงานวางลงบนโตีะ ''ผมชงกาแฟไว้ให้คุณ'' ''คุณนี่เป็นเลขาที่ดีจริงๆ'' ''งานถนัดผมแหละ'' วาโยยิ้มก่อนจะลอยออกไปจากห้อง ประตูปิดลง ราคานเอากาแฟขึ้นมาจิบแล้วทำงานต่อ |