ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา สิงห์ได้ใช้เวลา ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งติดกับชายทะเลห่างออกไปทางใต้ ณ หมู่บ้านแห่งนี้นั้นมีสิ่งแปลกๆเกิดขึ้นมากมาย ทั้งผู้คนที่เจ็บป่วย รวมถึงชาวบ้านต่างพากันเห็นวิญญาณ จนรู้สึกขนหัวลุกไปตามๆกัน ไม่เพียงแต่เท่านั้น ผีปอปยังออกอาละวาดแอบกินไก่ของชาวบ้านไปจนหมด ไอ้สิงห์รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างตั้งแต่มันมาถึง และก็เป็นไปตามที่มันคิด เพราะที่นี่นั้นเต็มไปด้วยวิญญาณร้ายที่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิดเนื่องจากสมัยก่อนที่นี่นั้นเป็นที่ที่ทำสงคราม จึงมีจำนวนคนตายเยอะกว่าปกติ แต่โชคดีที่วิญญาณที่นี่นั่นเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนไอ้สิงห์จึงไม่จำเป็นต้องเปลืองตัวมาก เพียงทำคาถาปัดเป่าเสียก็สามารส่งวิญญาณเหล่านั้นไปเกิดได้ แต่ถึงแม้มันจะง่าย....ไอ้สิงห์ก็ยังไม่สามารถไปไหนได้ เพราะดวงวิญญาณมีเป็นหลายหมื่นตัวที่ยังไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ มันจึงต้องค่อยๆทำพิธีกรรมไปเรื่อยๆร่วมสองเดือน “พี่สิงห์ อยู่ไหมจ๊ะ ฉันกับไอ้เดือนเอาน้ำมาให้จ๊ะ” สิงห์ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่บ้านร้างท้ายหมู่บ้าน (ซึ่งเป็นที่พักพิงชั่วคราวของไอ้สิงห์) ลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะลุกออกไปหาเด็กหนุ่มทั้งสองที่ถือถาดข้าวและน้ำมาให้เขา เด็กหนุ่มทั้งสองคนนั้นมีน้ำว่า เดือน กับ พิศ ทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็ก เติบโตมาด้วยกันเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน พอไอ้สิงห์มาประจำที่หมู่บ้าน ทางหมู่บ้านจึงจัดเด็กหนุ่มสองคนนี้ให้มาคอยดูแล หาข้าวอาหาร และอยู่คอยช่วยเหลือหากสิงห์ต้องการอะไร พิศนั้นเป็นเด็กร่าเริง เจื้อยแจ้ว และดูแข็งแรง ส่วนเดือนนั้นตรงกันข้ามร่างกายดูบอบบาง อ่อนช้อย อรชร ดวงตาดูเศร้า แต่ผิวนั้นขาวเนียนยิ่งกว่าใคร พอมาอยู่ที่นี่ได้หนึ่งเดือน สิงห์ก็เริ่มสนิทกับสองคนนี้มากขึ้น และทั้งสองคนก็ชื่นชม และเห็นสิงห์เป็นแบบอย่าง จนพูดอยู่เสมอว่า อยากให้สิงห์สอนวิชาให้แก่ทั้งสองคน และอยากตามดูแลเป็นลูกศิทษ์สิงห์เสมอไป นอกเหนือจากนั้น สิงห์ยังรู้สึกถูกใจเดือนเป็นพิเศษ ด้วยหน้าตาและผิวพรรณของมัน แถมบุคลิกยังเป็นคนซื่อๆ ซึ่งไอ้สิงห์เองก็ไม่เคยรู้สึกกับใครเช่นนี้มาก่อน “พี่สิงห์...เอ่อ...เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหมจ๊ะ” เดือนถาม ในขณะที่หลบตา ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ ไอ้สิงห์ยิ้มรู้สึกดีใจที่เห็นว่าไอ้เดือนเป็นห่วง “อืม สบายดี อากาศที่นี่ไม่ร้อนไม่หนาว ลมพัดเย็นกำลังดี” “ได้ยินดังนั้น ฉันก็ดีใจจ๊ะ” ไอ้เดือนว่าด้วยอาการขวยเขิน “รีบทานข้าวเถอะจ๊ะพี่สิงห์ เดี๋ยวก็เย็นหมดหรอก” ไอ้พิศว่า ทุกอย่างในหมู่บ้านนั้นดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งเหตุการณ์ในคืนหนึ่ง คืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง เป็นคืนที่พวกผีจะมีพลังแก่กล้ามากที่สุด ไอ้สิงห์จึงต้องออกไปปราบเหล่าภูตผีเช่นเคย โดยที่ไอ้พิศนั้นถูกว่ายวารให้นำของขลังออกไปวางตามจุดต่างๆรอบหมู่บ้าน ส่วนเดือนนั้นได้ตามไอ้สิงห์ไปยังจุดแท่นพิธี ถูตผีมากมายปรากฏตัวพยายามจะเข้าทำร้ายหมอผีสิงห์ แต่ไอ้สิงห์นั้นก็ได้ใช้อาคมจัดการพวกมันทันที แต่ถึงอย่างนั้นแม้ตัวเก่าจะตายไปแล้ว แต่ตัวใหม่ก็โผล่มาเรื่อยๆ และดูเหมือนพลังของภูตผีในคืนนี้จะแก่กล้าผิดปกติ “ต้องมีใครควบคุมพวกมันอยู่เบื้องหลังแน่ๆ” ทันใดนั้นเอง สายตาของเดือนหันไปเห็นเงาดำๆที่อยู่ด้านหลังต้นไม้ที่ห่างไกล ร่างนั้นกำลังพ่นคาถาอะไรบางอย่าง ก่อนที่แสงบางอย่างจะพุ่งมาทางไอ้สิงห์ เห็นดังนั้นเดือนจึงตกใจพร้อมกับวิ่งเอาตัวออกไปรับแทนไอ้สิงห์ทันที “พี่สิงห์ระวัง อ๊า” แสงนั้นพุ่งกระทบใส่ร่างของเดือน ไอ้สิงห์เห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบพ่นคาถาใส่ร่างดำที่อยู่ตรงจุดนั้นทันที แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เมื่อบัดนี้ร่างนั้นได้อันตรธานหายไปอย่างไม่มีวี่แวว ไอ้สิงห์รีบวิ่งกลับมาดูไอ้เดือนที่บัดนี้นอนกระอักเลือดอยู่ “เดือน เอ็งเป็นอย่างไรบ้าง” ร่างเล็กที่ดูอ่อนเพลียนั้นได้แต่ยิ้มบางๆ ‘ฉันไม่เป็นไรจ๊ะพี่สิงห์ แค่พี่สิงห์ปลอดภัย แค่นี้ฉันก็ดีใจแล้ว” “เอ็งอย่าเป็นอะไรนะไอ้เดือน” “พี่สิงห์.......” ราวกับเดือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ยังไม่ทันได้เปล่งคำออกมา ร่างของไอ้เดือนก็หมดสติไปเสียก่อน หลังจากเหตุการณ์การนั้น แม้จะไม่ตายแต่ไอ้เดือนก็ได้แต่นอนหมดเรี่ยวเรียวเหมือนมีไข้ตลอดเวลา ไอ้สิงห์จึงนำเดือนมารักษาตัวที่บ้านร้างที่มันอยู่ “ไอ้เดือนจะไม่เป็นไรแน่ๆใช่ไหมจ๊ะพี่สิงห์” พิศถามด้วยความเป็นห่วง “ถึงจะดูหนักหนาเอาการ แต่ก็มีวิธีรักษาอยู่ เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ไอ้สิงห์ว่าในขณะที่กำลังลูบหัวไอ้เดือนไปด้วย เป็นครั้งแรกที่ไอ้สิงห์รู้สึกผิดที่ไม่ได้ดูแลไอ้เดือนให้ดี หัวใจของมันสั่นร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวไอ้สิงห์เองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกเป็นห่วงเด็กคนหนึ่งได้มากถึงเพียงนี้ หลังจากไอ้พิศกลับไป สิงห์จึงเริ่มร่ายมนต์บางอย่างเพื่อเพิ่มกำลังให้แก่ตนเอง ก่อนที่จะเดินไปปลุกไอ้เดือนขึ้น “เดือน เอ็งอดทนนิดนึงนะ ข้าจะรักษาเอ็งให้หายขาดให้ได้” ร่างของไอ้เดือนที่ดูอ่อนเพลียได้แต่ยิ้มอย่างเบาบาง ใบหน้าดูซีดเซียว “ฉันเชื่อพี่สิงห์จ๊ะ พี่สิงห์เป็นคนเก่ง ต้องทำได้แน่ๆ ฉันไม่มีห่วงเลย” “แต่....เอ่อ.....วิธีการรักษาอาจจะแปลกๆไปเสียหน่อย ไม่แน่ใจว่าเอ็งอยากจะให้ความร่วมมือหรือไม่” ไอ้สิงห์ว่า หน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อนึกถึงทางเดียวที่มันสามารถทำได้ “ถ้าเป็นสิ่งที่พี่สิงห์บอกให้ทำ ฉันยินดีทำหมดจ๊ะ พี่สิงห์พูดมาเถอะ” “เอ็งอย่าตกใจนะ” แม้จะรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินดังนั้น ไอ้สิงห์จึงลุกขึ้นพร้อมกับดึงกางเกงตัวหลวมของตัวเองลง แท่งเอ็นที่กำลังแข็งตัวได้ที่ขนาดมหึมานั้นออกมาสู่สายตาของไอ้เดือนที่กำลังมองมันด้วยอาการอ้าปากค้าง ภายในใจไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เป็นครั้งแรกที่มันเคยเห็นดุ้นขนาดมหึมาถึงเพียงนี้ “พ...พี่สิงห์จะทำอันใดจ๊ะ...ทำไมพี่เปิดไอ้นั่นของพี่ออกมา” “ยาที่ข้าให้เอ็งกินเข้าไปเมื่อตอนกลางวัน เพียงแค่ทำให้เอ็งมีกำลังขึ้นมาได้บ้างก็เพียงแต่เท่านั้น พลังนี้มันช่างร้ายกาจนัก ทางเดียวที่จะทำให้เอ็งให้ได้คือเอ็งตอนกลืนน้ำควยของข้าสดๆที่กำลังอุ่นๆอยู่เพียงเท่านั้น ตรงนี้เป็นจุดพลังเวทย์ของข้า ข้าหวังว่าเอ็งคงจะไม่มองเป็นอื่น.....ถ้าหากมีวิธีอื่น ข้าก็ไม่อยากทำให้เอ็งต้องแปดเปื้อนเช่นนี้ แต่ข้าก็จนปัญญา...” “พี่สิงห์” ไอ้เดือนว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือของไอ้สิงห์ “ฉันเชื่อใจพี่ พี่ทำตามที่พี่เห็นว่าสมควรเถอะจ๊ะ” ไอ้เดือนพูด หน้าของมันขึ้นสีแดงระเรื่อราวกับลูกตำลึง และเมื่อยิ่งเห็นสายตามองลงมาเห็นท่อนเอ็นใหญ่สีน้ำตาลที่กำลังกระดกหงึกๆนั้น ราวกับร่างทั้งร่างของมันนั้นกำลังร้อนระอุขึ้นอีกหลายเท่าตัว ไอ้สิงห์พยักหน้า ใช้มือด้านซ้ายกุมมือของไอ้เดือนไว้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร ในขณะที่บัดนี้ไอ้สิงห์ได้ขยับตัวเข้าไปใกล้ใบหน้าของไอ้เดือน และใช้มืออีกข้างค่อยๆชักท่อนเอ็นนั้นขึ้นลง กลิ่นสาปความเป็นชายที่เตะจมูกของไอ้เดือนนั้นทำให้คนตัวเล็กกว่าแทบหมดแรง มันเป็นกลิ่นที่น่าหลงไหลที่สุดเท่าที่มันเคยเจอ แจ๊บๆๆๆๆๆๆ ไอ้สิงห์จ้องหน้าเด็กหนุ่มไม่วางตา ไม่ใช่แค่ท่อนควยใหญ่ของมันที่เต้นตุบๆ แต่ตอนนี้หัวใจของมันก็เต้นแรงไม่ต่างกัน ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ มีเพียงแต่เสียงดังแจ๊บๆ และเสียงซู้ดปากของไอ้สิงห์เพียงแต่เท่านั้น แจ๊บๆๆๆๆๆๆ “ซี๊ดดดดดดดด อา อืมมมมมมมม อา ฮะ อา” เมื่อเห็นว่าไอ้สิงห์เริ่มขยับจังหวะให้เร็วขึ้นเมื่อใกล้ถึงจุดสุดยอด ไอ้เดือนรีบอ้าปากค้างไว้ทันที “อ๊าสสสสสสส เดือน ซี๊ดดด ข้าขอฉีดน้ำควยเข้าปากเองนะ อ๊าๆๆๆ อ๊าสสสส” น้ำจำนวนมากพุ่งเข้าปากไอ้เดือนระลอกแล้วระลอกเล่า ไอ้เดือนค่อยๆกลืนสิ่งเหล่านั้นลงคอ มันเป็นรสชาติที่ไอ้เดือนจะไม่มีวันลืม ส่วนไอ้สิงห์เองเมื่อเห็นว่าริมฝีปากบางของไอ้เดือนนั้นมีน้ำควยของตัวเองติดอยู่ ควยของมันที่เพิ่งเสร็จกิจไปกลับกระดกหงึกๆทันที แต่ไอ้สิงห์ก็ได้แต่หักห้ามใจเอาไว้ “เอ็งเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกดีขึ้นหรือไม่” สิงห์ว่าพร้อมกับลูบหัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆ ไอ้เดือนที่หน้ายังคงแดงก่ำ ได้แต่หลบตาพร้อมกับตอบ “รู้สึกดีขึ้นมากเลยจ๊ะพี่ ถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็หายแล้วใช่ไหม” “เอ่อ...” ไอ้สิงห์ว่าด้วยความเขิน “ยัง เอ็งจะต้องได้รับยานี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะหายดี ข้า....ข้าต้องป้อนเอ็งวันละสองมื้อ เอ็งสะดวกใจหรือไม่” ไอ้เดือนได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ยิ้มออกมา “งั้นฉันต้องรบกวนพี่ด้วยนะจ๊ะ” ไอ้สิงห์เองก็ยิ้มออกมาไม่ต่างกัน “มาเดี๋ยวข้าเช็ดคราบน้ำควยที่ปากเอ็งให้” ก่อนจะใช้ขันตักน้ำยื่นให้คนตัวเล็ก “กินยาแล้วก็ต้องกินน้ำตาม ให้ข้าป้อนนะ” ไอ้สิงห์จับใบหน้าเล็กนั้น ก่อนจะค่อยๆป้อนน้ำให้คนตัวเล็กกว่า หัวใจของทั้งสองเต้นตุบๆราวกับจะระเบิดเสียให้ได้ “เอ็งนอนพักผ่อนเถอะ” แต่ก่อนที่สิงห์จะได้จากไป เดือนก็ดึงแขนคนตัวโตกว่าไว้เสียก่อน “พี่สิงห์ ขอบใจพี่มากนะจ๊ะ” “ข้าต่างหากที่ต้องขอบใจเอ็ง ที่เอาตัวมารับพลังร้ายนั้นแทนข้า เอ็งรู้ไหมว่าเอ็งทำให้ข้าเป็นห่วงขนาดไหน” “ฉันขอโทษจ๊ะพี่ แต่ฉันเป็นห่วงพี่ ยินดีทำได้ทุกอย่างเพื่อพี่” ไอ้สิงห์ยิ้มเมื่อได้ยินดังนั้น “เอ่อ...คืนนี้...เอ็งจะว่าอะไรหรือไม่ หากข้าจะขอนอนใกล้ๆเอ็ง ถึงวันนั้นจะกำจัดไปหลายตัว แต่ก็ยังเหลืออยู่มากโข ข้าเกรงว่าหากข้าไม่ได้อยู่ใกล้ๆ เอ็งจะเป็นอันตรายอีก” เดือนได้แต่หยักหน้าเบาๆ ก่อนที่สิงห์จนนอนลงข้างๆ คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ไอ้สิงห์รู้สึกนอนหลับเต็มอิ่มถึงเพียงนี้
|