บทที่ ๘ แค่จุดเริ่มต้น
พาทีตื่นมาในตอนสายของอีกวัน ความรู้สึกย่ำแย่ในจิตใจครอบงำจนทำให้เขาไม่อยากลุกไปทำงานเมื่อวานหลังจากย้งออกจากห้องไปพร้อมคำสั่งให้เขาทำความสะอาดห้อง พาทีทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพตอนนั้นเขาไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกต่อไป หลังจากที่ความเงี่ยนถูกปลดปล่อยออกไป เขาจึงได้เริ่มรู้สึกถึงความอับอายในสิ่งที่ตนเองได้กระทำพาทีมองไปที่ชุดเดรสที่วางกองอยู่ที่พื้น เขาค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นแล้วลากสังขารตัวเองไปหยิบชุดเดรสนั้นขึ้นมาแล้วเอามันมาใช้ทำความสะอาดคราบน้ำเงี่ยนที่กระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วห้อง เขาเช็ดมันแล้วเช็ดมันอีกเพื่อให้คราบคาวนั้นหมดไปจากห้องสภาพของผู้บริหารหนุ่มใหญ่ตอนนี้ช่างดูน่าสมเพชเวทนายิ่งนักมันดูน่าเวทนาเพราะขนาดคนทำความสะอาดเวลาทำงานเขายังมีเสื้อผ้าใส่ครบแต่พาทีต้องทำงานนั้นในสภาพโล่งโจ้งไม่มีอะไรห่อคลุมปกปิดร่างกายเลย
พอเช็ดคราบน้ำเงี่ยนจนหมดจากพื้นห้องแล้ว พาทีกำลังจะออกจากห้องนั้นไปแต่ขณะที่กำลังผลักประตูเตรียมจะออกจากห้องพาทีนึกไปถึงคำพูดประโยคสุดท้ายของย้งที่บอกกับเขาว่า “อย่าให้พวกเรากลับเข้ามาแล้วได้กลิ่นความเงี่ยนของคุณติดอยู่ในห้องนี้อีก”พาทีเกิดความรู้สึกกังวลขึ้นมาอีกครั้งเขาไม่แน่ใจว่าเขาได้ทำความสะอาดห้องนี้ได้เรียบร้อยพอแล้วหรือยังเมื่อไม่แน่ใจเขาจึงคิดว่าควรจะทำความสะอาดมันอีกสักรอบ ผู้บริหารหนุ่มใหญ่เปิดประตูห้องทำงานชะโงกหน้าออกไปมอง ดีที่ห้องทำงานของแผนกครีเอทีฟอยู่ด้านในสุด ห่างจากห้องประชุมพอสมควรพาทีจึงคิดว่าไม่น่ามีใครจะเดินทางทางนี้ คิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบก้าวออกจากห้องตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด ภายในใจภาวนาว่าขออย่าให้มีใครมาเห็นเขาในสภาพนี้เลย
โชคดีเป็นของเขา ไม่มีใครผ่านมาเห็นสภาพอันแสนน่าอดสูของผู้บริหารหนุ่มใหญ่พอเข้าไปในห้องน้ำได้ พาทีก็รีบล็อกประตูทันที เขาเอาชุดเดรสตัวนั้นไปซักกับสบู่เหลวที่อ่างล้างมือเขาขยี้มันอยู่นานเหมือนกลัวว่ามันจะไม่สะอาดพอ พอซักผ้าเสร็จเขาก็ต้องรีบวิ่งกลับไปถูทำความสะอาดห้องนั้นอีกครั้ง
พอห้องนั้นสะอาดเป็นที่น่าพอใจของเขาแล้ว พาทีก็ต้องลุ้นอีกครั้งเมื่อเขาต้องพาตัวเองกลับไปยังห้องทำงานเขาไม่กล้าที่จะแก้ผ้าออกไปจากห้อง เพราะกว่าจะถึงห้องทำงาน มีโอกาสเสี่ยงที่เขาจะเจอไม่ใครก็ใครสักคนเป็นแน่พาทีหยิบชุดชั้นในมาสวม ก่อนจะคลี่ชุดเดรสที่เขาใช้ทำความสะอาดห้องแล้วตัดสินใจสวมมันลงไปที่ตัวแม้ว่าชุดนั้นจะเปียกก็ตาม พอสวมชุดเรียบร้อยหนุ่มใหญ่ก็รวบรวมความกล้า เปิดประตูห้องทำงานแผนกครีเอทีฟ แล้วรีบย่างสามขุมออกไปจากห้องเขาจ้ำอ้าวโดยไม่สนใจว่าจะเจอใครระหว่างทางหรือไม่และถึงแม้จะเจอใครพาทีก็คิดว่าเขาจะทำทีเป็นตีเนียนเดินเลยคนเหล่านั้นไปเหมือนไม่รับรู้การมีอยู่ของพวกเขา
โชคเข้าข้างพาทีอีกครั้งที่เขาไม่เจอใครเลยตลอดทางจนเข้ามาในห้องทำงานของตัวเองพอเข้าห้องได้พาทีก็ล็อกประตูห้องทันที เขายืนเอาหลังพิงประตู ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจฝันร้ายมันได้จบลงเสียที พาทีรีบเดินตรงไปยังห้องน้ำ พอเข้าไปได้เขาก็รีบถอดชุดเดรสนั้นออกแล้วโยนชุดนั้นไปกองที่มุมห้อง ก่อนจะเดินไปยังฝักบัวแล้วเปิดน้ำจนสุดแรงแล้วรีบชำระล้างร่างกาย เขาถูตัวแล้ว ถูตัวอีก กดสบู่เพื่อฟอกตัวด้วยความกลัวว่าร่างกายจะไม่สะอาด
พาทีกลับมาในห้องจัดงานอีกทีหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงคราวนี้เขากลับมาในชุดสูทเต็มยศเหมือนวันทำงานปกติ สมาชิกในงานร่อยหรอเหลือคนอยู่เพียงไม่กี่คนและไม่มีคนจากแผนกครีเอทีฟ พาทียิ้มก่อนจะกล่าวลาสมาชิกที่ยังเหลือก่อนจะบึ่งรถกลับบ้านทันทีพอกลับไปยังเตียงนอนเขาก็หลับไปอย่างหมดสภาพ
เขาหลับยาวจนฟื้นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน เพราะแสงแดดที่ส่องแรงผ่านทางหน้าต่างห้องเข้ามาพอมีแรงลุกขึ้นเขาก็รีบยันกายไปหาโทรศัพท์มือถือ กดมันเพื่อดูเวลา
11 โมงกว่าแล้ว
พาทีได้แต่คิดว่า เขาต้องเข้มแข็ง และต้องทำให้เรื่องเลวร้ายเมื่อวานเป็นสิ่งที่เหมือนไม่ได้เกิดขึ้นอยู่ ๆ เขาก็นึกถึงครอบครัว คนเราเวลามีเรื่องทุกข์ ไม่สบายใจ ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครก็มักจะนึกถึงครอบครัวเป็นอันดับแรกเขาเข้าไลน์แล้วพบว่ามีข้อความจากลูกชายส่งมาหลายข้อความ หนุ่มใหญ่ส่งข้อความตอบกลับลูกชายไปก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นพร้อมเผชิญกับทุกสิ่งที่จะเข้ามาในชีวิต
พอถึงออฟฟิศเขาก็ให้เลขาเรียกทีฆายุมาพบทันที
“เป็นอย่างไรบ้างครับคุณพาทีรู้สึกอึดอัดบ้างไหมที่ต้องแต่งตัวแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น ๆ”ทีฆายุเอ่ยถามทันทีที่ได้เจอหน้าประธานหนุ่มใหญ่
“แน่นอนสิ ผมรู้สึกว่าตัวเองดูจะลงทุนมากเกินไปหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร เพราะผลตอบแทนดูจะคุ้มค่า น้อยโหน่งมีกำลังใจและดูมีความสุขมากขึ้นพนักงานคนอื่น ๆ ก็ดูจะเข้าใจเป้าหมายของสิ่งที่เราต้องการสื่อสาร”
พาทีจงใจใช้คำว่า ‘เรา’เพื่อย้ำว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากเขาเพียงคนเดียว
“ใช่ครับ ผมว่ามันคุ้มเกินคุ้มมาก ๆ แล้วพี่ ๆแผนกครีเอทีฟเป็นอย่างไรบ้างครับ คุณพาทีได้ทำตามแผนที่วางไว้ไหมครับ”
พอทีฆายุพูดถึงตรงนี้ใจของพาทีก็เต้นไม่เป็นส่ำขึ้นมาทันที
“ทำสิ ผมทำตามที่คุณบอกทุกอย่างแต่ไม่รู้นะว่าเพราะผมเป็นเจ้านายหรือเปล่า พวกนั้นเลยไม่ได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อกับผม”
พาทีตอบเด็กหนุ่มออกไปไม่ตรงกับความเป็นจริง เขาไม่กล้าเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้เด็กฝึกงานได้รู้และไม่รู้ด้วยว่าที่แผนกครีเอทีฟคุยอะไรกันในเรื่องนี้หรือไม่ การที่เขาเรียกทีฆายุมาพบนั้นก็เพราะเขาอยากรู้ความเคลื่อนไหวของทางฝ่ายนั้นด้วย
“แล้วทางนั้นได้คุยอะไรกันเรื่องนี้ไหม”
“ไม่ได้พูดอะไรกันเลยครับ ปกติทุกอย่าง คงเพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่คุณพาทีว่าหรือจริง ๆ แล้วพี่ ๆ แผนกครีเอทีฟอาจไม่ใช่ตัวการอย่างที่เราคิดและใบคำร้องพวกนั้นมีเบื้องลึกเบื้องหลังบางอย่างอยู่”
พาทีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากตอนที่ได้ยินคำพูดนั้นจากอีกฝ่ายเพราะความรู้สึกผิดกำลังครอบงำจิตใจเขา ตอนนี้เขาเหมือนคนที่กำลังช่วยปกป้องคนกระทำผิดแต่เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาเลยต้องบอกกับทีฆายุออกไปว่า
“ผมว่าเรารอดูหลังจากนี้ดีกว่าผมว่าที่เราทำกันเมื่อวานน่าช่วยทำให้อะไร ๆ มันดีขึ้น ต่อจากนี้ผมจะบอกให้ทางแผนกเอชอาร์คอยจับตาดูเรื่องนี้และหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะขอให้เขารีบรายงานผมทันที ตอนนี้คุณไม่ต้องเป็นกังวลนะกลับไปที่แผนกของคุณเถอะ”
พอทีฆายุออกจากห้องไป พาทีก็ทอดลมหายใจ ทิ้งกายลงกับพนักเก้าอี้อย่างน้อยตอนนี้เรื่องทีเกิดขึ้นในห้องแผนกครีเอทีฟก็ยังเป็นความลับอย่างที่ย้งบอกกับเขาเอาไว้
วันนั้นพาทีเอาแต่ชลุกอยู่ในห้องไม่ได้ออกไปให้ใครเห็นเลย
ในช่วงเวลาเดียวกันท็อปเปิดดูข้อความจากไลน์ที่พ่อของเขาส่งมาให้
‘ขอโทษทีที่เมื่อวานไม่ได้ตอบ พ่อเหนื่อยมาก มีงานปาร์ตี้เดย์สิ่งที่ดีคือวันนี้พ่อทำให้พนักงานกลับมามีความสุขในการทำงานได้อีกครั้งต้องขอบคุณที่ปรึกษาคนสำคัญ จำได้ไหมที่พ่อเคยเลยเล่าเรื่องเขาให้ฟังเห็นท็อปเคยขอดูรูปเขา พ่อส่งรูปนี้มาให้ ถ่ายกันช่วงเริ่มงาน มีพนักงานครบทุกคน’
พาทีแนบรูปไปให้ลูกชายดู มันเป็นภาพหมู่งานปาร์ตี้เดย์พาทีจงใจเลือกภาพที่มีคนยืนบังไม่ให้เห็นชุดที่เขาสวมใส่เพื่อเลี่ยงไม่ให้ลูกชายรู้ว่าเขาแต่งกายอย่างไรแต่สิ่งที่สะดุดตาในรูปที่พาทีส่งไปนั้น คือวงกลมขนาดใหญ่ที่วงรอบชายหนุ่มในชุดนักศึกษาคนหนึ่งอยู่
‘คนที่อยู่ในวงกลมนั่นคือ คนที่พ่อพูดถึง เขาน่าจะอายุเท่ากันกับลูกชื่อ ทีฆายุ’
ท็อปคลิกรูปที่พ่อส่งให้ขึ้นมาเพื่อขยายดูและเห็นคนที่อยู่ในวงกลมนั้นชัด ๆ ถนัดตา เขาก็เกิดอาการตกตะลึงขนในตัวลุกชันขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ แม้จะไม่ได้เจอกันนาน แต่ท็อปมั่นใจว่าคนที่เห็นในรูปต้องเป็นคนๆ เดียวกับคนที่เขาเคยรู้จัก เด็กหนุ่มเผลอหลุดอุทานออกมาว่า
‘ทำไมมันมาทำงานอยู่กับพ่อ’
---------------------------------
|