Chapter 1: โทษฐานที่รู้จักกัน เสียงดนตรีดังกระหึ่มโหมความคึกคักดังแทรกอยู่ด้านหลังผมแหวกว่ายผู้คนเดินออกมาสูดอากาศข้างนอกถึงแม้มันจะไม่บริสุทธิ์เหมือนกับอากาศแถบชานเมืองหรือต่างจังหวัดแต่มันก็ยังดีกว่าทนมึนหัวเบียดเสียดผู้คน วันนี้ผมกะมาเมาให้เต็มที่ ปรกติผมก็ดื่มตลอดอยู่แล้วแต่ไม่หนักเท่าตอนนี้ แต่ละครั้งก็แค่พอกรึ่มๆเมื่อไม่ไหวก็หยุด แต่สำหรับคืนนี้ไม่! ผมเพิ่งถูกบอกเลิกมา โดย...เอ่อ...คู่หมั้น (มั้ง)เราเป็นคู่ที่ไปด้วยกันได้ดี พ่อแม่จับหมั้นหมายให้ตั้งแต่เด็กผมไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มีให้เธอเรียกว่าความรักไหมแต่ผมก็ไม่เคยปฎิเสธกับความดีที่เธอมีให้ เรารู้จักกันมาตั้งแต่เกิดมันเป็นเหมือนความเคยชิน เราอยู่ด้วยกันมานาน เห็นกันมาจนชินตาผมไม่ได้รังเกียจเธอ เหมือนกับที่เธอก็ไม่รู้สึกว่าผมเป็นคนที่เลวร้ายอะไร แล้วอยู่ๆ เย็นวันนี้ เธอก็โทรเข้ามา “เลิกกันเถอะอย่าถามอะไรชั้นตอนนี้เลยนะ ชั้นรู้ว่าแกเข้าใจชั้น” แล้วก็คลิก.... ผมเสียใจ งง ผมจะเข้าใจ ผมจะเข้าใจอะไรได้(ฟระ!!)...ลึกๆคงจะเสียใจมั้งแต่ ไม่รู้สิ มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ มันเบาโหวง เหมือนคนโล่งอก แต่ก็มองไม่เห็นทางเดินไปข้างหน้า เหมือนกับว่าทำของสำคัญหล่นหาย แต่ก็ไม่รู้สึกว่าต้องรีบเอามาใช้... ผมยังไม่รู้ ว่าจริงๆแล้วตัวเองรู้สึกยังไง... แค่ตอนนี้ผมเมา ครั้งสุดท้ายที่ผมดื่มหนักสุดก็วันรับปริญญาน้องชายวันนั้นผมดีใจมากๆกับความสำเร็จของเขา เลยเมาปลิ้นไม่รู้เนื้อรู้ตัวแต่สภาพวันนั้นก็ไม่ได้ต่างจากวันนี้เท่าไหร่เพียงแต่ผมต้องออกมาสูดอากาศข้างนอกเพราะไม่อยากเมาไปมากกว่านี้ วันนี้ผมขับรถมา ถึงแม้จะอยากเมามากแค่ไหนแต่ผมก็ยังไม่อยากตายเพราะขับรถ หรืออย่างน้อยที่สุดผมก็ไม่อยากโดนจับแล้วไปบำเพ็ญประโยชน์เหมือนพระเอกในเรื่อง “ความจำสั้นแต่รักฉันยาว” (กลัวจะไปเจอคนแก่ซ่าๆแบบนั้น) ผมควักบุหรี่ออกมา จุดไฟและสูบเข้าเต็มปอด ...อย่าเพิ่งคิดว่าผมเป็นคนไม่ดีนะ ตอนเป็นเด็กผมเกลียดคนสูบบุหรี่เข้าไส้แม้แต่พ่อผมก็โดนผมอาละวาดใส่ไม่หยุดเวลาท่านควักบุหรี่ออกมาสูบ แต่พอโตขึ้น ชีวิตในมหาวิทยาลัยมันยั่วยวนให้ผมต้องดำดิ่งไปกับอบายมุขเหล่านั้นผมดื่มเหล้า ผมสูบบุหรี่ ใช้ชีวิตทุกอย่างแบบเต็มรูปแบบ ยิ่งเมื่อไหร่ที่ผมรู้สึกแย่และผิดหวังสองสิ่งที่เป็นเหมือนเครื่องยึดเหนี่ยวผมไว้ก็มีแต่ บุหรี่ กับเหล้า “ขอโทษนะครับ ไปสูบที่อื่นได้มั้ย ผมเหม็น” ผมกำลังจะเดินหนี แล้วบุหรี่ก็หลุดออกจากปากผมไปอยู่ในมือเจ้าของเสียงนั้น ไอ้!!! เสียมารยาท ไอ้!!! สีหน้าผมคงแสดงออกว่าโมโหมากๆที่อยู่ๆโดนดึงบุหรี่ออกไป เขาโยนมันทิ้ง เอาเท้าบี้ให้ดับกับพื้น ผมได้แต่มองด้วยความเสียดาย “เฮ้ย! ทำไมคุณทำแบบนี้ละ?!?” หน้าผมร้อนผ่าว ความเมาบวกกับความหงุดหงิดที่สะสมมามันยิ่งเหมือนไฟสุมทรวง(โอ๊ยศัพท์โบราณได้อีก) ผมอยากจะชกหน้าไอ้นี่!! มันเป็นอารมณ์ที่อยากระบายด้วยอะไรสักอย่างและไอ้นี่ก็เข้ามารองรับได้ทันใจจริงๆ วินาทีที่ผมออกหมัด มันเหมือนภาพสโลว์โมชั่นตามละครทีวีที่พระเอกจะต้องมีฉากง้างหมัดสวยๆและพุ่งตรงไปที่หน้าเป้าหมายแต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร ผมรู้สึกเหมือนมีแรงโน้นถ่วงฉุดทางด้านหลัง ยิ่งรั้งก็ยิ่งประครองตัวไม่อยู่ ผมค้างเติ่ง ใจคอเริ่มไม่ดี เพราะยิ่งออกแรงยิ่งรู้สึกเหมือนโดนรั้ง...แล้วผมก็ล้มตึงหงายหลังลงไป... อ๊างงงง ทั้งโกรธ ทั้งอายเลยตอนนั้น!!! ผมหงายหลังหน้าผับ ค่อยๆลืมตา ผู้คนที่อยู่ด้านหน้าเริ่มเข้ามามุงว่าเกิดอะไรขึ้นหลายคนเอ่ยถามว่าไหวไหม ไหวไหมเรอะ!! ถ้าไหวกรูจะเท้งเต้งแบบนี้เรอะ!!! หมดกันภาพพจน์กรู T_T “ลุก” ผมถูกดึงขึ้นสิ้นเสียงนั้น ความโกรธแล่นพล่านอีกครา มันนั่นเอง ไอ้ตัวต้นเหตุ!!! ผมขืนตัวเล็กน้อย แต่ด้วยความเมาหรืออะไรซักอย่างทำให้ผมสู้แรงเค้าไม่ได้ แม่งแรงยังกะหมีควาย กระชากแขนผมยังกับผักปลา ไม่ใยดีเล้ยว่าที่กรูต้องหงายท้องแบบนี้เพราะมรึง!! แต่สุดท้ายผมก็ลุกได้ และโดนลากออกมาจากกลุ่มไทยมุง ฤทธิ์น้องแอล(กอฮอล์)มันส่งผลชัดเจนขึ้นหลังผมล้มตัวลงหัวผมกำลังหมุนไปกับแสงฉุดกระชาก “ปล่อย” ผมสะบัดแขน กะว่าถ้าดิ้นไม่หลุดก็จะกัดแขนมันตรงนั้นแหละ(แมนมากกรู)แล้วเดินเซซัดไปที่รถ “เฮ้ย ขับรถไม่ได้นะ!!” เสียงไอ้คนนั้นมันสั่งดึงกุญแจรถผม และเป็นอีกครั้งที่ผมโดนกระชากของออกจากมือ “เอากูนแจโร๊ดมา” เห้ย ทำไมเสียงกรูยานแบบนี้วะเนี่ย -_-‘’ ผมพยายามยื้อแย่ง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะไอ้คนที่เอาไปตัวใหญ่กว่าผมเสียอีก “จาคาโมยโร๊ดกรูเหรออออ” ยิ่งพูดสำเนียงยิ่งแย่นี่ถ้าไม่หงายท้องไปกองกับพื้นคงไม่เป็นอะไรแบบนี้ แล้วผมก็ฟุบคากระโปรงรถตัวเอง...ไม่ไหวแล้วครับ สิ้นเรี่ยวแรงไม่มีอะไรไปสู้ได้ซักอย่าง ไม่รู้ว่านานแค่ไหน โลกแต่โลกมันยังไม่เลิกหยุดหมุนติ้วๆผมรู้สึกโครงเครงยิ่งกว่าเดิม ใครสักคนกำลังเขย่าตัวผมอยู่ “ตื่น เฮ้ย คุณ ตื่นดิ เห้ย!” ผมงัวเงียหันหลังกลับกลิ่นน้ำหอมของเค้ายิ่งทำให้ผมรู้สึกคลื่นไส้อีกเป็นเท่าตัว... “ไหวมั้ยเนี่ย” เสียงแหบๆของเค้าถาม พร้อมกับเอามือตบหน้าผมแปะๆ แต่ผมก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะไปห้ามอะไรเค้า (เอ๊ะ เปลี่ยนสรรพนามจากมรึงหรือไอ้นี่เป็นเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย) แม่ง หน้าชาไปหมดแล้ว เลิกตบกรูซะทีสิโว้ยยยยยยยย! ผมงัวเงียหรี่ตาขึ้น ว่าจะทำหน้าโกรธๆแต่ก็ไม่รู้จะเอาแรงมาจากไหน ...นี่คนหรือเทวดา...ดูมีออร่า “นี่โผมตายปายแล้วเหรออออ” ... เพราะหัวฟาดพิ้นเมื่อกี้ผมถึงมาอยู่กับเทวดารูปงามแบบนี้ ในความพร่ามัว ใบหน้าอันหล่อเหลาของเค้ายังทะลุเข้ามายังสมองส่วนกลางของผมได้เทวดาหน้าตี๋ คิ้วเข้มจมูกโด่งใบหน้าเรียวกำลังขบกรามด้วยสีหน้าลำบากใจกับคนตรงหน้า เราจ้องตากัน...ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะจมน้ำตาย ลมหายใจขาดห้วงด้วยความรู้สึกแปลกๆ ตัวผมเบาหวิว เหมือนกำลังล่องลอยอยู่ท่ามกลางก้อนเมฆสีขาว ผมคงแพ้เหล้า... “คุณ ไหวมั้ย” เค้าพูดเหมือนกระซิบริมฝีปากบางสีชมพูเคลื่อนไหวตามการออกเสียง “นี่โผมตายแล้วเหรอ เอิ๊ก!” ตายหะ!@@#$^#***%$#%# ดันเรอใส่หน้าเทวดาตนนี้เข้าจังเบ้อเร่อ เมื่อสติไม่อยู่กับตัว ความอายของผมโดนแอลกอฮอล์ขุดหลุมฝังกลบเสียมิด มือของผมกำลังลูบใบหน้างามๆตรงหน้าเหมือนผมกำลังถูกดึงดูดด้วยแรงขับที่มองไม่เห็น “เทวดาหล่อจัง นี่โผมอยู่สวรรค์ช่ายม้าย” เค้าแกะมือผมออก ผมได้แต่รั้งคอไว้นี่กลัวจะล้มหรอกนะ! ผมเลื่อนตัวไปพิงกระจกรถฝั่งคนขับ เทวดาเอนตัวตามแรงฉุดของผมสองมือพยายามดันไม่ให้ผมผุดลุกผุดนั่งล้มลงไปอีก ผมยืนนิ่งๆ ตั้งสติตัวเองให้มั่น ไหนๆกรูก็ตายไปแล้ว... เขาเอามือมาแกะมือผมจากคอ ...นี่คือสิ่งที่ผมจะไม่ทำเด็ดขาดตอนมีชีวิตอยู่ ผมเลื่อนมือจากรั้งคอเค้า มากระชับตรงกราม แล้วฉุดหน้าเค้ามาใกล้ๆ... แล้วดึงเขามาจูบ...แล้วผมก็วูบไปจริงๆ
|