. ผ่านไปราวสามปีเศษหลังปรากฏการณ์เทเลพาธิคดิสออร์เดอร์กลางเมือง . . . นักคิด นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ ตลอดจนผู้นำความเชื่อแขนงต่าง ๆ พยายามหางมหาคำอธิบายล้างมลทินให้กับบ้านเมืองซึ่งกลายเป็นจำเลยสังคมโลก อย่างไรก็ตามในมุมมองของผู้ทราบลึกตื้นหนาบางในเรื่องนี้ซึ่งมีจำนวนเพียงหยิบมือ ย่อมเข้าใจสภาพความจริงว่าความพยายามในเรื่องดังกล่าว ไม่ต่างกับงมเข็มในมหาสมุทรซึ่งยากต่อการพิสูจน์ยอมรับ หรือหากทำได้คงไม่ใช่ในปรัตยุบันนี้ . . อย่างไรก็ตาม เมืองที่เคยถูกทำให้แปดเปื้อน ขณะนี้กำลังเยียวยาด้วยวิถีของมันเองตามธรรมชาติ แม้เจ็บปวดอับอายแทบสิ้นใจ. . .จมกับห้วงอดีตอันขมขื่น. . .เงาฝังใจคอยหลอกหลอน. . .ทุกคนยังมีอาวุธที่จะต่อกรกับความรู้สึกเหล่านี้ นั่นคือชีวิตและลมหายใจที่ยังสัมผัสได้ . . . วีหนีออกจากบ้านด้วยไม่อาจสู้หน้าคนในครอบครัวที่มีแผลบาดฝังลึก เขาย้ายไปอาศัยกับแจ็คในห้องเช่าแห่งหนึ่ง ยังชีพตนเองโดยเปิดร้านขายเสื้อผ้าในตลาดนัดด้วยกัน . . )))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))) . . “พ่อครับ ๆ! ดูนี่หน่อยครับ” น้องเก่งเด็กผู้เปี่ยมพรสวรรค์ในวัยแปดขวบเศษตื่นเต้นเมื่อรื้อค้นกล่องของเล่นตัวต่อที่เก็บไว้นานจนลืม . . “นึกว่าแม่ทิ้งไปแล้วซะอีกเนี่ย” เก่งเปิดกล่องนำชิ้นส่วนกลับมาต่อเล่นใหม่ “อาคนที่ซื้อให้เก่ง. . .ไปไหนแล้วครับ” . . ภูมิแอบถอนหายใจเมื่อได้ฟังคำถาม . . “. . .อ๋อ อาคนนั้น. . .เค้าไปทำงานที่ไกลมากน่ะครับลูกเก่ง. . .คงไม่เจอกันแล้ว. . .ถ้าคิดถึงอาเขาก็เล่นแล้วเก็บดี ๆ รักษาของด้วยนะครับ” ภูมิลูบศีรษะลูกชาย . . . “ภูมิ ๆ ! มาดูนี่เร็ว!” พลอยตาลีตาลานเข้าดึงตัวภูมิท่าทางราวกับโลกกำลังจะแตก . . “อะไรน่ะพลอย?” ภูมิเกาศีรษะแกรก ๆ อย่างสนเท่ห์ . . “โอ๊ตไง! อีโอ๊ตเพื่อนเรา! ใช่ไหม ๆ ดูสิ” พลอยชี้จอโทรทัศน์ เป็นภาพโอ๊ตเพื่อนร่วมรุ่นชูเหรียญทองประกาศชัยชนะจากงานแข่งกรีฑานานาชาติ เขาหันหลังให้ความพยายามตะเกียกตะกายเข้าวงการมายา ซึ่งได้รู้ซึ้งแล้วว่าไม่เหมาะกับตัวเอง เขาจึงหันมาเอาดีกับสิ่งที่ถนัดและมีความสุข โอ๊ตส่งยิ้มผ่านจอโทรทัศน์ดุจขอแบ่งปันความภาคภูมิใจนี้สู่คนไทยที่ชมอยู่ทางบ้าน . . “ใช่ ๆ! โอ๊ตจริงด้วย! โอ๊ตเก่งมาก! ” ภูมิปรบมือร่วมแสดงความยินดี เฮฮากับพลอยอยู่สองคน น้องเก่งได้แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งคู่ต้องดีใจออกนอกหน้าถึงเพียงนั้น เด็กชายจึงก้มหน้าง่วนกับการต่อปราสาทของเล่นต่อไป . . )))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))) . . สามปีที่ดารินทร์ลี้คำพิพากษาจากสังคมมาอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านกับลูกสาว แม้จะไม่สะดวกสบายเท่าแผ่นดินมาตุภูมิแต่ก็เริ่มคุ้นชิน ที่นี่เธอไม่ได้อยู่ในฐานะ สส. ดารินทร์ หรือท่านดารินทร์ ชาวบ้านทั่วไปคุ้นในนาม “ครูดา” ในชนบทไกลปืนเที่ยงไม่มีใครสนใจขุดคุ้ยประวัติส่วนตัวของเธอ ชาวบ้านรับรู้เพียงว่าตั้งแต่ครูดาย้ายมาอยู่ที่นี่ ความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านก็ดีขึ้น จากเดิมที่แร้นแค้นไม่มีแม้เพียงความหวัง บัดนี้ครูดาเนรมิตโครงการส่งเสริมรายได้คนในท้องถิ่น วางแผนให้แม่บ้านออกแบบสิ่งทอที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด . . งานสำคัญอีกอย่างของเธอคือเป็นครูอาสาสอนหนังสือให้เด็ก ๆ โดยมีเกรซเป็นผู้ช่วย ดูเหมือนเธอปรับตัวได้ดีจนคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม อยู่ที่นี่ดารินทร์ได้สังคายนาอุดมการณ์ใหม่ของเธอจนเป็นอย่างที่เห็น วันนี้หลังลงจากแท่นบัลลังก์ผู้บริหาร หย่ากับสามี เธอมีความสุขตามอัตถภาพที่ได้ทำงานที่ตนเองรักอย่างใกล้ชิดกับลูกสาว ทุกอย่างลงมือเองทุกขั้นตอนจึงพึงใจในผลลัพธ์ . . “แม่คะ. . .มีคนมาหาค่ะ” เกรซหน้าตื่นเมื่อทราบว่ามีหญิงแปลกหน้าแต่งตัวแบบคนเมืองต้องการขอพบแม่ . . ดารินทร์หน้าถอดสีเมื่อพบว่าเป็น “กรแก้ว” ลูกน้องเก่าผู้ศรัทธาในตัวดารินทร์นั่นเอง. . .เธอสังหรณ์ใจว่าไม่ใช่ข่าวดี กระนั้นก็ใจดีสู้เสือเชิญแขกเข้าบ้านหาน้ำท่าต้อนรับ หลังจากถามสารทุกข์สุขดิบพอเป็นกระสัยจึงเข้าสู่ประเด็น . . “คุณดาค่ะ. . .ดิฉันยังต้องการเรียนรู้จากคุณดาต่อไปค่ะ” กรแก้วกล่าว พ่อแม่ของเธอเป็นผู้เคราะห์ร้ายในปรากฏการณ์เทเลพาธิค ดิสออร์เดอร์ เธอจึงรู้ซึ้งว่าดารินทร์รู้สึกอย่างไร หากไม่โดนกับตัวเองคงไม่มีวันเข้าใจ . . “อยู่ที่นี่ไม่มีเงินเดือนให้นะ มีแต่ข้าวให้กินกับที่ให้นอน” ดารินทร์ออกตัว . . “ไม่เป็นไรค่ะ คุณดากับน้องเกรซยังอยู่ได้ ทำไมดิฉันจะอยู่ไม่ได้ล่ะคะ” กรแก้วตอบเสียงร่า . . และดารินทร์คิดว่าไม่มีการร้องไห้ครั้งใดที่ทำให้เธอรู้สึกว่าน้ำตาของเธอมีคุณค่าเท่าครั้งนี้ . . )))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))) . . . “ลงมา! นังเหมียว!” แม่บ้านบัวเดินไปอุ้มแมวขาวจอมซนที่กระโดดขึ้นหลังโทรทัศน์ เป็นการขัดจังหวะละครโปรดของเธอและคุณนายอย่างไม่น่าให้อภัย . . “แหม กำลังมันส์เลย นอนดี ๆ ห้ามซนนะลูก” เธอวางแมวตัวโปรดลงพื้นแล้วจดจ่อกับละครยอดนิยมต่อไป เพลินเพลิดไปกับรอยยิ้มฉ่ำเยิ้มของพระเอกเงินล้านซึ่งยังเรียกเรตติ้งได้คงเส้นคงวา . . “ตาคิธหน้ายังเด็กไม่เปลี่ยนเลย มีแต่เราเหี่ยวลง ๆ เฮ้อ. . .สาวคนไหนเป็นแฟนคงโชคดีเนอะคุณ” เธอหันไปวิพากษ์วิจารณ์กับคุณนายเจ้าของบ้านอย่างสนุกสนาน . . ))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))) . . “มึงว่าพี่ต๊ะเป็นไงวะ” นักเรียนช่างกลคนหนึ่งจุดประเด็น . . “เป็นไงของมึงนี่มันยังไง กูงง” เพื่อนนักเรียนอีกคนถามกลับ . . “กูว่าพี่ต๊ะ. . .แม่งเกย์ป่าวว่ะ. . .ไม่เคยเห็นจีบสาวที่ไหนเลย ซีเรียสนะเว้ย” ผู้ถามให้เหตุผลสนับสนุน . . “อ้าวมึงนี่. . .ปาก. . .กูก็ได้ยินมาเหมือนกัน แต่กูไม่แคร์ว่ะ. . .ในเมื่อเค้าคุมอยู่ทั้งโรงเรียนและไม่มีใครทำได้เท่าพี่ต๊ะ. . .เขาบอกกันว่าใจดีกว่าหัวหอกคนก่อน ๆ อีก. . .” อีกฝ่ายปกป้องออกหน้าออกตา . . “เฮ้ย!. . .คุยไรกันวะ” ต๊ะโผล่มาไม่ให้ซุ่มเสี่ยงจนรุ่นน้องสะดุ้งโหย่ง ตอนนี้เขาเรียนอยู่ชั้น ปวส. และรับตำแหน่งแม่ทัพนักเรียนช่างกลรุ่นปัจจุบัน . . “ไม่มีไรครับพี่ต๊ะ แหะ ๆ” ลิงทโมนทั้งสองส่ายหัวกลบเกลื่อนร่องรอย . . “เย็นนี้กูไปหัวหินกับเพื่อน ค้างคืนนึง อยากได้ไรเดี๋ยวเอามาฝาก ห้ามตอบกวนตีน” . . “อะไรก็ได้ครับพี่ แหะ ๆ แล้วแต่พี่เลยคร้าบบ” รุ่นน้องแบ่งรับแบ่งสู้ . . “อืม ตอบไม่ค่อยโลภอย่างนี้ เอาของกินไปแกล้มเหล้าแล้วกันไอ้ห่า” ต๊ะตบไหล่เด็กในอาณัติทั้งสองอย่างเป็นกันเอง ก่อนออกจากวงสนทนาและเดินทางยังจุดนัดพบ . . “พร้อมรึยังครับ สุดหล่อพ่อทุกสถาบัน?” คิธดาราหนุ่มแซวต๊ะ เขาสวมแว่นดำจอดรถรอพร้อมแล้ว ทั้งสองผูกพันกันหลังผ่านวิกฤตการณ์ห่าลงเมืองและตกลงคบเป็นแฟนกันอย่างลับ ๆ ด้วยหัวโขนของทั้งคู่อาจไม่เป็นการดีนักหากแสดงตนประเจิดประเจ้อ . . บนรถ คิธเปิดเพลงจังหวะเครื้นเครงและฮัมตามอย่างสบายอารมณ์ นาน ๆ ทีกว่าจะได้เวลาหาความสำราญใส่ตัวเหมือนรอฝนกลางทะเลทราย . . “เดี๋ยวหรี่เสียงแป๊ปนะพี่ ขอผมโทรศัพท์แป๊ปเดียว” ต๊ะเอื้อมมือไปหรี่ลำโพง เขานึกถึงแทนขึ้นมาพอดีและจะโทรไปถามว่าอยากให้เอาอะไรมาฝากจากหัวหินไหม . . “โหลพี่แทน คุยได้ไหมพี่. . .เหรอครับ. . .จริงดิ. . .โคตรคิดถึงพี่เลย” . . . ))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))) . . “เออ. . . มึงไม่ต้องห่วงกูหรอก จะไปตีกะหรี่หรือเมาหัวจุ่มส้วมก็เรื่องของมึง ขับรถราระวัง ๆ แล้วกัน. . . เออ ๆ แค่นี้นะ” . . “พี่แทนพูดกับเพื่อนเพราะ ๆ หน่อยสิคะ” แคทซึ่งฟังอยู่แสดงความเห็น . . “เพื่อน ๆ พี่มันก็พูดแบบนี้ทั้งนั้นแหละไม่คิดไรหรอกน่า” . . แทนวางสายและดูแลร้านต่อ หลังจบ ปวส. เขาเปิดอู่ซ่อมรถเป็นของตัวเอง เวลานี้ถอดเขี้ยวเล็บเก็บเข้าฝักหมดแล้ว เขาคบกับแคท เด็กสาวผู้รอดจากภัยโทรจิตครองเมือง ตอนนี้อยู่ในช่วงสร้างเนื้อตัวเพิ่มเครดิตให้ตนเองเพื่อเอาชนะใจแม่ยายสุดเฮี้ยบ . . )))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))) . . “ขอบคุณมากเลยนะคะที่สร้างสรรค์หนังสือดี ๆ เช่นนี้ ดิฉันเคยทำเรื่องน่าอาย แต่ต้องขออภัยที่ไม่สะดวกจะเล่าให้คุณฟัง มันน่าอายจริง ๆ ค่ะ คือมันเล่าให้ฟังไม่ได้แม้จะอยากเล่าก็ตาม เอาเป็นว่าขอไม่เล่านะคะ” . . “/เอิ่ม. . เจออีกแล้วสำนวนแนวนี้ ชี“เยอะ”ชัวร์/” . . “ดิฉันคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง เป็นโรคซึมเศร้า แต่พอได้อ่านหนังสือ “ลมหายใจที่ยังมีอยู่” ของคุณแล้วดิฉันจึงพบทางสว่างค่ะ จริง ๆ นะคะคุณ. . .ได้ยินว่าในคำนำว่าคุณขออุทิตย์. . .” . . “/อุทิศใช้ศอศาลาต่างหาก ให้ตายสิแค่นี้ก็สะกดผิด/” . . “. . .ความดีของหนังสือเล่มนี้ให้ผู้หญิงที่คุณรักที่สุดในชีวิต ฟังดูโรแมนติกมากเลยค่ะ ดิฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครมีอิทธิพลกับชีวิตคุณยังไง. . “ . . “./ เอิ่ม บอกไปชีจะรู้จักกับกูไหมเนี่ย/ ” . . . “แล้วนามปากกา “ผีพ่นควัน” ของคุณมีที่มายังไงคะ ดิฉันอยากทราบจริง ๆ ฟังดูบ๊องส์ ๆ แต่งานเขียนมีความทรงพลัง ให้กำลังใจผู้คนได้อย่างน่ามหัศจันทน์จริง ๆ ค่ะ” . . “/มหัศจรรย์สะกดแบบนั้นได้ไงวะเนี่ย. . .แล้วไอ้ที่มานามปากกาก็บอกไว้ในหน้าคำนำนั่นแหละ เล่มอื่นก็มีบอก ย้ำจนปากฉีกถึงหูแล้วว่าสาวที่แอบชอบให้ฉายานี้มา นี่ตกลงชีได้ตั้งใจอ่านคำนำจริง ๆ รึเปล่าวะ/” . . “ขอเป็นแฟนคลับคุณผีพ่นควันต่อไปค่ะ ดิฉันยินดีอุดหนุนงานของคุณทุกเล่มเลยค่ะ ปล่อยเล่ม 3 ไว ๆ นะคะ แล้วดิฉันจะรอค่ะ. . .ด้วยความนับถือ. . .ปรียา” . . อ้นยุติการอ่านเมลแฟนคลับและตอบเองเออเองหน้าจอคอมพิวเตอร์ ใกล้ตัวเป็นที่เขี่ยบุหรี่ที่อัดแน่นจนล้น ว่าแล้วก็เข้าอีหรอบเดิม จุดขึ้นสูบอีกสักมวน . . “วันนี้โคตรขี้เกียจเลย. . .ไว้ว่าง ๆ จะตอบเมลให้นะจ๊ะน้องปรียา” อ้นลงชื่อออกจากอีเมล เขาถูกปลดออกจากงานประจำ ผันตัวเป็นนักเขียนอิสระโดยใช้นามแฝง เนื่องจากตัวตนและชื่อสกุลของเขาป่นปี้สูญเสียความน่าเชื่อถือไปแล้ว อย่างไรก็แล้วแต่ ดูเหมือนสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับอ้นนั้นไม่สะท้อนผลรุนแรงเท่าเหยื่อโทรจิตรายอื่น ประสบการณ์อาชีพนักข่าวเสี่ยงตายหล่อหลอมเขามีภูมิคุ้มกันในชีวิตค่อนข้างเข้มแข็ง มีสิ่งเดียวที่ต้องสยบยอมคืออาการเสี้ยนบุหรี่ . . . “เมื่อไหร่มะเร็งจะลงปอดตายซะทีวะ จะได้เจอแกเร็ว ๆ ” อ้นหยิบรูปมีนมองด้วยอาลัย . . )))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))) . . หลังจบปริญญาไม่กี่ปี ไม้และดาวก็ตกลงปลงใจร่วมชีวิตคู่กัน งานแต่งของทั้งสองจัดขึ้นตามขนบพิธีไทย ไม่เอิกเกริกเท่าไหร่เพราะเจ้าบ่าวและเจ้าสาวชอบความสันโดษเรียบง่าย มีเพียงญาติและเพื่อนคนสำคัญร่วมเป็นสักขีพยาน รวมแล้วเพียงยี่สิบกว่าคน . . “เป็นอะไรไปไม้. . .ยิ้มหน่อยสิ. . .ทำหน้าแบบนี้ไม่หล่อเลย” ดาวติงเจ้าบ่าวที่กำลังยืนครุ่นคิดบางอย่างจนดวงหน้าออกอาการซึมเล็กน้อย . . “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ช่างเถอะ” ไม้ปั้นยิ้มเอาใจเจ้าสาวทันที เขาเพิ่งนึกได้ว่าแท้จริงแล้วลืมเชิญแขกสำคัญคนหนึ่ง เป็นบุคคลที่ยังอยู่แฟ้มภาพแห่งความทรงจำของไม้ไม่เสื่อมคลาย . . “ป่านนี้มึงจะเป็นยังไงนะเต๋อ. . . .กูเป็นห่วงมึงจริง ๆ. . .ตอนนี้ชีวิตกูมีความสุขมาก หวังว่ามึงก็คงเหมือนกัน” ชายหนุ่มรำพันในใจเพื่อรำลึกถึงเพื่อนเก่า ก่อนผันความนึกคิดกลับสู่ปัจจุบันและเข้าร่วมพิธีด้วยใบหน้าแจ่มใส . . . ))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))) . . . บ่ายแก่วันหนึ่ง เต๋อลางานกลับบ้านเร็วกว่าทุกวัน วันนี้มีนัดสำคัญที่เขาจะไม่ยอมพลาดเด็ดขาด . . เขาถอดชุดออฟฟิศและเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง หลังสำเร็จการศึกษา เต๋อใช้ทุนที่มีอยู่ต่อยอดทางธุรกิจ ใช้เงินต่อเงินจนทรัพย์สินเพิ่มพูนเป็นทวีคูณ เขาตั้งองค์กรการกุศลขึ้นและบริหารจัดการเองเพื่อเป็นการไถ่บาปต่อผู้คน และสานต่อปณิธานบางส่วนแด่ผู้มีพลังพิเศษที่ล่วงลับทั้งหลาย . . ชาสมุนไพรหอมกรุ่นรินสู่ถ้วยอย่างปราณีต เต๋อยกถ้วยขึ้นจิบพลางนึกถึงเหตุการณ์เก่า ๆ ฆ่าเวลารอใครบางคน . . มีภาพเหตุการณ์หนึ่งที่เขายังจดจำได้ดี . . หลังจากปรากฏการณ์เทเลพาธิค ดิสออร์เดอร์สงบลงไม่กี่วัน เต๋อเดินทางไปร่วมงานศพครูวิไล โดยเลือกวันและเวลาที่ไม่ค่อยมีผู้คนเพื่อลดความเสี่ยงเจอหน้าอดีตเพื่อนร่วมชั้น เขาออกแรงยกข้าวของดูแลน้ำท่าแก่แขกผู้ร่วมงานเท่าที่จะช่วยได้ อ้อยหลานสาวครูวิไลกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ท่วงทีมั่นคงของเธอบ่งบอกว่าเป็นคนทำใจได้เร็ว หรือไม่ก็เข้าใจความไม่แน่นอนในโลกได้ยืดหยุ่นกว่าคนทั่วไปโดยเฉลี่ย . . จุดประสงค์ของเต๋อไม่ได้มาเพื่อแสดงความอาดรูเสียทีเดียว ว่ากันตามตรง มันก็มีราคาที่ครูวิไลต้องจ่ายให้กับการกระทำของตนเอง แต่สิ่งที่ติดใจเต๋อคืออ้อย อย่างน้อยขอให้ผ่อนปรนความรู้สึกผิดต่อหญิงผู้สูญเสียป้า ด้วยตัวเขาซึ่งเป็นลูกของหญิงที่เป็นเหตุให้พี่สาวของเธอฆ่าตัวตาย หากกล่าวว่าทั้งเต๋อและแม่มีส่วนต้องรู้สึกผิดชอบกับอ้อยผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ไม่เกินความพอเหมาะพอสมเลย . . ในความอึดอัด เต๋อรวบรวมพลังจากภายในเพื่อที่จะพูดสิ่งที่ค้างคาออกมา . . “ผมยังไม่เคยบอกคุณอ้อยเรื่องหนึ่ง คือ. . . ผมเป็นลูกของคุณทิพย์ครับ คุณอ้อยน่าจะรู้จักดี” หลังจากเกริ่นนำแล้ว เพียงเต๋อให้รายละเอียดอีกสองสามประโยค อ้อยก็เข้าใจว่าใครเป็นใครโดยไม่ต้องว่ากันให้มากความ . . “ก่อนแม่สิ้นลม เขาบอกผมว่าเสียใจที่เป็นต้นเหตุให้พี่สาวคุณ. . .ทำแบบนั้น” เต๋อบิดเบือนข้อเท็จจริงเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะแก่กาลเทศะของเรื่อง ซึ่งควรหลีกเลี่ยงศัพท์แสงบางคำ เป็นต้นว่า ไซโคเมทรี่ . . อ้อยสำรวมท่าทีและฟังทุกถ้อยอย่างตั้งใจ จนกระทั่งเต๋อกล่าวเสร็จจึงไหว้ขอขมาต่อเธอในนามลูกชายของทิพย์ . . “ช่างมันเถอะ มันผ่านไปแล้ว ใครก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้น. . .” อ้อยยกมือรับไหว้ น้ำเสียงของเธอราบเรียบราวกับว่าปลงได้นานแล้ว . . “คุณเคยนึกแค้นจนอยากทำอะไรสักอย่างกับแม่ผมไหมครับ” แม้ไม่เป็นการสมควร แต่เต๋อก็กล้ายิงคำถามตรง ๆ เขาอยากทราบเป็นการส่วนตัวว่าเธอจะรู้สึกต่างหรือเหมือนกับครูวิไลหรือไม่ อย่างไร . . “เคยสิ ฉันก็เป็นคนนะ ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง ยังไม่สิ้นอารมณ์แบบคนหรอก” เธอตอบเสียงเรียบ . . “แต่ฉันไม่รู้จะทำไปทำไม. . .ในเมื่อมีเรื่องอีกมากมายที่ฉันควรทำ” . . “คุณหมายถึงการให้อภัยเหรอครับ” . . “ไม่ใช่หรอก ฉันมีภาระมากมายที่ต้องคิดต้องทำ สู้เอาเวลาเผาพริกเผาเกลือไปทุ่มกับเรื่องพวกนั้นไม่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตฉันมากกว่าหรือ” อ้อยยกน้ำขึ้นจิบคั่นความคิด . . “พอเวลาผ่านไป มันก็เป็นเพียงเรื่องที่เคยเกิดขึ้น เท่านั้นเอง ใครจะปล่อยให้อดีตมามีอิทธิพลจนไม่ต้องเป็นอันทำอะไร แต่ใครจะมองว่าเป็นการให้อภัยก็สุดแล้วแต่” . . “มีบางคนว่าฉันซื่อเกินไป มีแขนขาไม่รู้จักสู้ ทำดีแล้วได้อะไร. . . ไม่ว่าใครบอกว่าเป็นคนดีด้วยเยินยอหรือกระแนะกระแหน ฉันไม่ใส่ใจ แล้วจะได้หรือไม่ได้อะไร ฉันก็ไม่เคยเก็บมานั่งคิดให้หนักหัว. . . . . . . . .เพราะฉันมั่นใจว่า ทางที่ฉันเลือกไม่ใช่ทางของคนโง่แน่นอน” . . ไม่ทราบว่าโดยความบังเอิญหรือเหตุผลกลใด จึงเกิดดลใจให้ทั้งสองหันมองกรอบรูปครูวิไลพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย . . . เต๋อจิบชาอึกสุดท้ายจนเกลี้ยงถ้วย กลิ่นรสของสมุนไพรช่วยกล่อมเกลาให้อารมณ์นุ่มขรึม . . เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแหวกกลางบรรยากาศแห่งการตรึกตรอง เต๋อสลัดอารมณ์นึกคิดให้กลับสู่โลกแห่งความจริง . . “รออยู่หน้าบ้านแล้วคร้าบบบ ไปมอไซค์ผมเถอะ แมตซ์นี้หาที่จอดรถลำบากแน่พี่” น้ำเสียงคึกคักของเอฟทั้งชวนรำคาญและน่าเอ็นดูในคราเดียวกัน . . “ได้ครับ เดี๋ยวเจอกัน” . . , )))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))) . . ในห้องเก็บตัวนักกีฬา ณัฐนั่งหลับตาเพ่งนิมิตไปเรื่อยฆ่าเวลาก่อนลงสนาม เขาและแบงค์เข้าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยโควต้านักกีฬาและทำงานควบคู่ไปด้วยโดยเป็นนักฟุตบอลอาชีพสังกัดสโมสรแห่งหนึ่ง ยามนี้กิตติศัพท์ทั้งสองระบือในวงการฟุตบอลไทยด้วยสมญาที่สื่อมวลชนขนานนาม “ณัฐหัตถ์เทพ” และ “แบงค์แข้งเพชร” ในฐานะได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้รักษาประตูมือทอง ณัฐค่อย ๆ ลดการใช้นิมิตอ่านทิศทางลูกฟุตบอลลงเพื่อให้ตนได้ฝึกใช้ความสามารถแท้จริงอย่างสมศักดิ์ศรี . . “ไอ้ณัฐ ทำสมาธิอีกแล้วมึง เตรียมตัวได้แล้ว” แบงค์ทักหลังจากเห็นณัฐขลุกอยู่ในโลกหลังเปลือกตาอยู่ร่วมสิบนาที . . “พี่นิก พี่มีน เอาใจช่วยผมด้วยนะครับ” ณัฐเปิดตา ดวงเนตรทอประกายแห่งความแน่วแน่ สามปีที่ผ่านมา การฝึกตนอยู่กับสังคมนักฟุตบอลเจียระไนให้เขาขับฉายความสง่างามทั้งภายในและภายนอก ตัวสูงขึ้น ล่ำสันขึ้น พูดจาลื่นไหล และควบคุมการแสดงอารมณ์ได้เหมาะสม ไม่เพียงแค่นั้น พลังจิตของณัฐแข็งกล้าจนถึงขั้นอ่านนิมิตได้ล่วงหน้าได้เป็นปี ๆ. . ขณะนักฟุตบอลทยอยเดินเรียงแถวออกจากห้องเก็บตัว ณัฐพลางนึกถึงนิมิตที่ตนเห็นเมื่อครู่ . . หลังปรากฏการณ์เทเลพาธิค ดิสออร์เดอร์ ณัฐเคยเข้าใจว่าตนคือผู้มีพลังพิเศษคนสุดท้ายที่เหลืออยู่บนโลก . . ในวันนี้ความเป็นจริงกลับหาเป็นเช่นนั้น นิมิตบอกทุกอย่างกับณัฐ . . หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับธนิกก่อนตาย เธอตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ ให้กำเนิดบุตรแฝดเพศชาย ปัจจุบันมีอายุราวสองขวบ . . จะด้วยว่าเป็นความซุกซนของยีนพันธุกรรม หรือเจตนารมณ์สุดท้ายของธนิกถูกถ่ายทอดสู่เลือดเนื้อเชื้อไข ไม่มีใครชี้ชัดได้. . . . . แฝดพี่ได้รับพลังไซโคไคเนซิส ส่วนคนน้องมีพลังเทเลพาธี . . . และสองพี่น้องฉลาดพอที่จะควบคุมการใช้พลังของตนไม่ให้เป็นที่สะดุดตาในสังคมมนุษย์ ทั้งคู่จะเติบโตด้วยกันอย่างสนิทชิดเชื้อ หมั่นหารือถึงแผนการตอบโต้เมื่อเกิดความไม่พอใจสังคม ณัฐได้หยุดการท่องนิมิตไว้เพียงเท่านั้น พลันนึกสังหรณ์ว่าในอนาคตอาจมีเรื่องน่าหนักใจเกิดขึ้นอีก . . . แต่ ณ ขณะนี้ไม่ใช่เวลาจมอยู่กับอดีตที่ไม่น่ารื้อฟื้นหรือกังวลกับอนาคตซึ่งยังมาไม่ถึง . . สิ่งสำคัญกับณัฐที่สุดในยามนี้คือปวงชนที่มาให้กำลังใจถึงที่นี่ นั่นคือคนที่เขาควรนึกถึงให้มาก . . แสงแสดอัสดงส่องประกายผ่านประตูเบื้องหน้า อีกฝากฝั่งคือลานศึกซึ่งประชันด้วยเกียรติยศแห่งลูกผู้ชาย ณัฐและผองเพื่อนก้าวย่างสู่สนามพร้อมเสียงกองเชียร์กระฮึ่มส่งกำลังใจให้เกินร้อย ผืนธงสัญลักษณ์ประจำทีมโบกสะบัดตามแรงลม เสียงกลองระรัวปลุกใจชวนคึกคัก . . . “นั่นไง ๆ ณัฐหัตถ์เทพ น้องพี่นี่ครับ ดูดีขึ้นเป็นกองเลย” เอฟชี้อย่างกระตือรือร้น สองหนุ่มจองที่ติดขอบสนามเพื่อที่จะส่งแรงใจให้อย่างใกล้ชิด . . “นั่นเหรอ ฟีนิกซ์ตัวพ่อเลยล่ะ” เต๋อนั่งกอดอกวิจารณ์น้องชาย . . “เขาได้ทำในสิ่งที่พี่ไม่มีโอกาสทำ ได้เปลี่ยนในสิ่งที่พี่กลับไปแก้ไขไม่ได้ เป็นประติมากรรมที่พี่ตั้งใจสลักให้ออกมาสง่างามกว่าตัวพี่เอง” . . “พี่นี่มีภาษาแปลก ๆ ไว้ทั้งด่าทั้งชมคนเลยนะครับ ฮะ ๆ ๆ” เอฟหัวเราะร่า “อ๊ะ! พี่ ๆ เค้าหันมามองเราแล้ว” . . ณัฐแหงนหน้าหาเต๋อ เขาส่งยิ้มและตะเบ๊ะให้ เป็นนัยว่าจะขอทำให้ดีที่สุด . . “สู้เขาน้องชาย” เต๋อยกชากระป๋องขึ้นจิบพร้อมส่งตะเบ๊ะกลับไป . . . ณัฐมองใบหน้ามวลชนและซึมซับบรรยากาศแห่งความเบิกบาน เขาเองก็อยากให้เป็นเช่นนี้ชั่วกาลนาน . . อย่าละทิ้ง อย่ามองข้าม ตราบที่ลมหายใจยังมีอยู่ ทุกคนคือนกฟีนิกซ์. . .ยังมีเวลา โอกาส และความหวัง. . . . . . วันพิพากษาถูกเลื่อนออกไป . . . หากดำรงตนอยู่ด้วยความเคารพต่อสรรพสิ่งรอบข้าง. . . . . . . มนุษย์มีเวลาเพียงพอที่จะพิสูจน์ตนเองว่าไม่จำเป็นต้องให้เผ่าพันธุ์ผู้มีพลังพิเศษคอยกำกับ . . . . มนุษย์มีภูมิธรรมสูงพอที่จะดูแลกันเองได้โดยไม่ต้องใช้ความหวาดกลัว. . . . . . . . . มนุษย์ยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลง. . . . . . . . . . จนกว่าเมื่อถึงวันนั้น. . . . . . . . . . . . จบบริบูรณ์ . . . “แค้นวิปริต จิตสั่งกาม” โดย โทรจิตคุง 30 ธันวาคม 2553 – 7 ธันวาคม 25
. Z2 q% w7 } Q, i- N! K |