แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DomQwQ เมื่อ 2023-9-5 14:41
บทนำ “กร พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย ลงมาคุยด้วยกันหน่อย” พ่อของผมเคาะประตูเรียกผมที่กำลังนั่งเล่นเกมอยู่แล้วเดินลงไปข้างล่าง
น้ำเสียงของพ่อบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆทำให้ผมรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนเล็กน้อย ผมตัดใจรีบออกจากเกมที่กำลังต่อสู้กันอย่างสูสีด้วยความกระอักกระอ่วนพ่อเป็นแบบนี้แค่ไม่กี่รอบ ครั้งแรกตอนเด็กๆที่ผมถามพ่อว่าแม่หายไปไหน...
และหลังจากนั้นผมก็ไม่อยากจะรู้เรื่องแม่ของผมอีกเลย
ผมหาเสื้อยืดสักตัวเอามาเปลี่ยนใส่แทนเสื้อตัวนี้ที่ย่นยับจากการใส่ทั้งวัน เวลาจะออกจากห้องของผมแล้วคงเป็นเรื่องปกติที่ผมจะต้องแต่งตัวเล็กน้อย ยิ่งน้ำเสียงของพ่อบ่งบอกว่าเรื่องที่จะคุยกันน่าจะไม่ใช่เรื่องหรรษาก็ทำให้ผมรู้สึกกังวลขึ้นเล็กน้อย
เมื่อผมเดินลงมาข้างล่างแล้วทั้งพ่อกับพี่ชายของผมก็นั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่น พ่อตบโซฟาส่งสัญญานให้ผมนั่งลงข้างๆพ่อ ถึงแม้ว่าปกติโซฟาตัวมหึมาราคาเหยียบครึ่งแสนนี้จะรองรับได้ทุกคนแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันช่างนั่งไม่สุขสบายเสียเหลือเกิน เมื่อผมนั่งลงผมก็หันไปมองทั้งพ่อกับพี่ชายของผม พ่อของผมเป็นชายร่างแกร่ง มีมัดกล้ามใหญ่เพราะเข้าฟิตเนสเป็นประจำพ่อมักจะตัดผมทรงอันเดอคัทเสมอตั้งแต่ที่ผมจำความได้ เมื่อใส่แว่นตอนทำงานแล้วต้องบอกว่าพ่อมีกลิ่นอายของนักธุรกิจสีเทาแบบอันตรายเสียจริง ถึงแม้ว่าบริษัทของพ่อจะขาวสะอาดหมดจดก็ตาม แต่ยิ่งด้วยความที่พ่อเป็นคนจริงจังและมักเคร่งในการทำงานทำให้เป็นที่หยอกล้อของเหล่าเพื่อนของผมว่าผมเป็นลูก “ป๋ามาเฟีย” เสมอ ผมเทาแทรกที่ตอนแรกพ่ออยากจะย้อมสี ตัวผมก็ห้ามสุดฤทธิ์ แต่เมื่อเพื่อนๆของพ่อบอกว่าผมแซมเทาดำทำให้พ่อของผมดูมีวัยวุฒิน่าเคารพนับถือมาก พ่อก็มักจะถามผมเรื่องการแต่งตัวอยู่เรื่อยๆ และด้วยความที่พ่อเป็นคนดูแลสุขภาพ ถ้ามองผ่านๆก็เหมือนเพิ่งจะสี่สิบต้นๆเท่านั้น หลายๆคนก็สงสัยว่าทำไมพ่อของผมถึงได้ดูหนุ่มกว่าวัยขนาดนี้พ่อก็ยิ้มตอบว่าเพราะกรรมพันธุ์เสมอ ผมเคารพและรักพ่อมากที่เลี้ยงดูพวกเรามาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนพี่ชายของผมทั้งบุคลิกและร่างกายก็ต่างไปจากพ่อของผมมาก หุ่นของพี่จะเป็นหุ่นลีนเสียมากกว่า มีกล้ามเท่าที่นักมวยจะมีและกล้ามท้องสวยเป็นลอนเลยทีเดียว พี่ของผมออกจะขี้เล่นละช่างพูดมากกว่าพ่อมาก แต่เวลาพี่ตัดสินใจอะไรแล้วจะดื้อสุดขาดใจ ผิดจากพ่อของผมที่แม้จะดูเคร่งแต่ก็ใจอ่อนง่าย พี่ของผมยืนยันจะตัดผมสกินเฮดให้ได้เมื่อเข้ามหาลัย แม้ว่ามันจะทำให้พ่อปวดใจเพราะพ่อคิดว่ามันเป็นทรงผมที่ “ไม่สุภาพ” ก็ตาม แต่ผมว่าทรงของพี่บวกกับแนวหุ่นนักมวยลีนๆก็ดูเท่ไม่น้อยเลยล่ะ สีผิวของพี่ผมก็ออกจะแทนกว่าพ่อของผมที่นั่งทำงานผู้บริหารทั้งวัน ผมอาจจะทะเลาะกับพี่บ่อยๆ บางทีพี่ก็หย้อกล้อแกล้งผมบ้าง แน่นอนว่าผมต้องหาทางแกล้งกลับและบางทีก็โกรธกันอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมก็จะพึ่งพาและเชื่อใจพี่ชายของผมเสมอ ต้องยอมรับว่าเพราะสองคนนี้ทำให้ผมแอบหาคนที่ผมจะเอามาเป็นแฟนได้ยากมาก ไม่ว่าหนุ่มคนไหนต่างก็ไม่ “เท่” เท่าทั้งสองคนนี้เลย ในระหว่างที่ผมกำลังพยายามปรับตัวนั่งยังไงให้สบายใจตัวเอง พ่อก็ยังนั่งกุมมือท่าเดิม ความเงียบกระอักกระอ่วนทบหนาทั่วทั้งห้องแม้แต่พี่ที่ช่างพูดก็ยังทำได้แค่เฉลือบมองสลับระหว่างผมกับพ่อ พอผมหันไปสบตา พี่ก็หลบสายตาผมเหมือนหนีอะไรบางอย่าง เมื่อผมทนความเงียบไม่ไหวและกำลังจะถามพ่ออยู่ๆพ่อผมก็ถามคำถามที่ทำใจผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“กรชอบผู้ชายใช่มั้ย” ผมแทบสะอึก ผมว่าผมก็แอบทุกอย่างไว้อย่างดีแล้วแท้ๆ ผมไม่รู้ว่าพ่อคิดยังไงกับเรื่องพวกนี้ผมจึงอยากจะรอให้โอกาศเหมาะสมก่อนจึงจะบอกความจริงให้กับทุกคนแต่ไม่ทันแม้แต่จะพูด พ่อก็ตัดคำผมไปทันที “ไม่ต้องตกใจหรอกกร...สุดท้ายแล้วก็หนีชะตาของพวกเราไม่พ้นสินะ..” พ่อหลับตาล้มตัวลงโซฟาพูดออกมาด้วยน้ำเสียง..เหนื่อยรึเปล่านะ ทำไมมันฟังดู... ตื่นเต้นเล็กน้อยด้วย? ผมมองพ่อด้วยความสับสนปนความกลัวในสถานการแปลกประหลาดนี้ แต่แล้วทันใดนั้นพ่อก็พูดบางอย่างกับผม ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันออกเสียงยังไง ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร ไม่แม้แต่จะเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่มนุษย์พูดได้จริงๆรึเปล่า แต่ที่แน่ๆมันเหมือนสบั้นอะไรบางอย่างข้างในตัวผม ผมรู้สึกเมื่อยแต่กระปรี้กระเปร่า อิ่มแต่หิวกระหาย พอใจแต่ก็รู้สึกขัดใจ รู้สึกถึงความเอ็นดูแต่กลับอยากขยี้ทำลายอะไรบางอย่างให้สิ้นสาก มันทำให้ผมหายใจแทบไม่ออกแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเหมือนเด็กแรกเกิดที่สูดลมหายใจเข้าปอดเป็นครั้งแรก มวลสารความรู้สึกที่แปลกประหลาดมันทะลักท่วมล้นไปหมดจนผมทนรับไม่ไหว ร่างกายของผมทิ้งตัวลงอย่างควบคุมไม่ได้ราวหุ่นที่โดนตัดสายเชิดทิ้ง แต่พ่อผมคว้ารับผมไว้ได้ทันก่อนที่ผมจะล้มจนบาดเจ็บ ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นก่อนจะสิ้นสติคือพ่อของผมที่ยิ้มในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนและพี่ชายของผมที่มองผมด้วยความเป็นห่วงและ... ความกลัว? หลังจากวันนั้น ชีวิตของผมก็เปลี่ยนไปตลอดกาล --------------------------------------------------------------------------------------- บทที่หนึ่ง ผมตื่นขึ้นมาด้วยความกระหาย แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาจากหน้าต่างบ่งบอกว่านี่คือเวลายามดึกเสียแล้ว ผมลุกขี้นจากเตียงของผมและเดินออกมาจากห้องนอนของผม เสียงทีวีค่อยๆจากข้างล่างพร้อมกับเสียงพูดคุยของพ่อกับพี่ชายของผมทำให้ผมนึกขึ้นได้ถึงเหตุการณ์ที่ผมเพิ่งผ่านมา แต่แปลกที่ความกังวล ความประหม่า และความเครียด ที่ผมน่าจะรู้สึกกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย เพราะตัวผมร้อนกว่าปกติ ผมจึงถอดเสื้อยืดตัวนี้ที่เริ่มรู้สึกอึดอัดออกด้วยความรำคาญแล้วเขวี้ยงไปบนเตียงของผม ในใจก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและจะลงไปถามทุกคนให้รู้แล้วรู้รอดจนไม่ได้สังเกตว่าตนเองคิดและทำในสิ่งที่แตกต่างจากปกติเล็กน้อย พอพ่อเห็นผมเดินลงมาก็ยิ้มทัก “อ่าว กร ตื่นตรงเวลาพอดี นี่ก็เพิ่งเที่ยงคืนไป สุขสันต์วันเ-” “พอเหอะพ่อ หิวน้ำ” ไม่ทันที่พ่อจะพูดจบด้วยความรำคาญและกระหายน้ำ ผมก็พูดตัดไปก่อน พ่อยิ้มหน้าเก้อก่อนจะบอกให้ผมนั่งบนโซฟาและเดี๋ยวพ่อจะไปหยิบให้ ส่วนพี่ชายก็มองผมด้วยความตกตะลึงในขณะที่ผมก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความล้าเล็กน้อย “เฮ้ย.. กร.. กรทำไมพูดอย่างนั้นกับพ่อวะ” พี่ผมถามผมด้วยน้ำเสียง.. ห่วง? ไม่สิ เหมือนกังวลอะไรมากกว่า แต่ในตอนนี้ผมที่รู้สึกขัดใจเสียอยู่หน่อยๆก็สวนกลับไป “อะไรพี่ไกร กรด่าพ่อรึไง เรื่องมากว่ะ” พี่ชายของผมได้แต่มองผมด้วยสายตาที่แปลกไป เหมือน... กลัว? อีกแล้ว สายตาแบบนี้เมื่อตอนนั้น ผมเดาะลิ้นอย่างขัดใจความรู้สึกโกรธ เบื่อหน่าย และชิงชัง ของผมเริ่มจะก่อตัวขึ้นเรื่อยๆที่แม้แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันก่อเกิดมาจากไหน ความรู้สึกดำมืดนี้เหมือนกระซิบบอกให้ผมทำตามใจตนเองถึงขีดสุด ในขณะที่ผมกำลังจะบอกว่าพี่ผมมองหาอะไรแต่ก็มีพ่อเข้ามาก่อนพร้อมกับแก้วน้ำ “นี่ครับลูกรัก” เสียงของพ่อที่พูดทักขึ้นหยุดความคิดของผมชั่วครู่ ผมกลับไปมองพ่อที่ถือแก้วน้ำเย็น แต่แทนที่พ่อจะวางแก้วลงบนโต๊ะกลางหรือแค่ยื่นให้ผมที่นั่งอยู่แต่พ่อกลับนั่งคุกเข่าลงบนพื้นและยื่นแก้วให้ผมเหมือนคนใช้ตามในละครแทน มันเป็นการกระทำที่พ่อไม่มีทางทำแน่ๆเมื่อก่อน ความแตกต่างนี้ทำให้ผมรู้สึกตะลึงและสะบัดอารมณ์ร้ายของผมออกอย่างหมดจด สายตาของผมกับพ่อจ้องกัน ผมสัมผัสได้ถึงความรักและ... ความยกย่อง? ความต้องการในสายตาของพ่อ? ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยจาก.. การมีอำนาจเหนือพ่อของผมหรือ? นี่มันอะไรกัน?มันไม่ใช่เรื่องปกติเลยที่ผมจะรู้สึกอะไรอย่างนี้ นี่มัน... ผมที่เริ่มรู้สึกกังวลและรู้ตัวถึงความผิดปกติของตนเองถามพ่อด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “พ่อครับ นี่มัน.. เกิดอะไรขึ้นกับกรกันแน่?”
ผม พ่อกิจ พ่อของผม และ พี่ไกร พี่ชายของผม ต่างก็นั่งบนโซฟาตัวเดิมเหมือนเหตุการณ์เมื่อกลางวัน แตกต่างตรงที่ตอนนี้ผมใส่แต่กางเกง มันทำให้ผมรู้สึกอายเล็กน้อยในการเผยท่อนบนของผมให้พ่อกับพี่ของผมที่เมื่อก่อนผมจะไม่แม้แต่จะถอดเสื้อนอกห้องเพราะผมออกไปทางเงียบๆและขี้อายสวนทางกับพี่ของผม แต่เรื่องนี้ไม่ได้รบกวนใจผมมากเท่าคำที่พ่อพูดกับผมไป “นี่พ่อไม่ได้ล้อกรเล่นใช่มั้ยครับ” “ไม่หรอกกร นี่น่ะเรื่องจริง” สายตาที่พ่อมองผมไม่ได้ปิดบังอะไรเลยแม้แต่น้อย ผมรับรู้ได้ถึงความจริงใจที่ส่งมา “กรสามารถเล่นกับพ่อและไกรได้ตามใจชอบเลยนะ เพราะกรมีความสามารถในการควบคุมมนุษย์ได้” “นี่มันบ้าไปแล้ว ผมไม่เชื่อหรอกนะพ่อว่ากรมันจะมีพลังจ่งพลังจิตอะไรไร้สา-” พี่ไกรลุกขึ้นมาเถียงพ่อด้วยความโกรธและความประหม่า แต่ไม่ทันขาดคำ “ทาสไกร หยุด” สิ้นคำของพ่อที่พูดเปรยออกมาพี่ของผมก็ชะงัก ร่างเกร็งเหมือนถูกหยุดเวลาเอาไว้ ผมสัมผัสได้ถึงความตื่นตระหนก ความสับสนความกลัว และความหวาดระแวงต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น พ่อผมหันมาอธิบายให้กับผมด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่ความจริงแล้วอาจจะอธิบายให้พี่ด้วย “ตระกูลของเราทำอย่างนี้มานานแล้ว.. ไม่สิ...ถูกบังคับให้ทำอย่างนี้มานานแล้ว... ในอดีต มีชายคนหนึ่งคนที่มีความสามารถในการควบคุมเหนือมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นความคิด ความรู้สึก หรือแม้แต่ดัดแปลงร่างกาย” “ชายคนนั้นใช้ความสามารถของตนเองตามใจชอบ ยกตัวเองเหนือมนุษย์คนอื่นๆแทนตัวเองอย่างพระเจ้า สร้างความวุ่นวายไปทั่วทั้งแผ่นดิน” “แต่ในที่สุดชายคนนั้นก็ถูกผู้มีพรพลังพิเศษคนอื่นๆที่รวมพลังกันต่อต้านเขาจนชนะทรราชได้ พวกผู้มีพลังพิเศษใช้พลังที่มีลบล้างตัวตนของชายคนนั้นออกไปจากประวัติศาสตร์ แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่ยังหลงเหลืออยู่” “ลูกชายของทรราช” คำพูดค่อยๆของพ่อทำให้ผมพอเดาได้บ้างเล็กน้อยถึงสถานการณ์แปลกประหลาดนี้ “แลกกับการมีชีวิตอยู่และได้ใช้ชีวิตอย่าง เกือบ มนุษย์ปกติ เขาใช้พลังกับตนเองและทายาทของเขา เพื่อไม่ให้ทายาทสร้างโศกนาฏกรรมขึ้นอีก” “เราคือทายาทของชายคนนั้น และพ่อกับไกร...”พ่อมองผมเหมือนเจาะลึกเข้าไปในส่วนลึกที่สุดในวิญญานของผม “คือของบำเรอให้กับกร..” ผมแทบไม่เชื่อหูตนเองกับเรื่องที่ได้ยิน ส่วนพ่อก็หันไปบอกพี่ไกร “พอได้แล้วทาสไกร อย่าไปไหนนะ” ได้ยินคำจากปากพ่อพี่ไกรก็ร่วงตัวนั่งลงบนโซฟาทันที ปากอ้าค้างอย่างไม่เชื่อหูตนเอง พ่อลุกขึ้นหยิบแก้วที่ไม่มีน้ำจากมือผมออกมาเดินไปเปิดตู้เย็น เสียงเทเติมน้ำในแก้วดังกรอกๆ ส่วนพ่อก็พูดต่อไป “คนที่มีความสามารถนี้จะได้อยู่เหนือมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม” “แต่มันก็มีจุดอ่อนอยู่เช่นกัน” เสียงน้ำเทลงแก้วอีกรอบ รอบนี้เหมือนจะมีอีกแก้วให้พี่ไกรด้วย “คนที่มีพลังนี้จะสามารถรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของมนุษย์ใกล้เคียง แม้ความคิดคร่าวๆก็ไม่อาจซ่อนจากจิตสัมผัสได้ แต่ที่เป็นปัญหาก็เพราะพวกเขาจะมีความอ่อนไหวต่อความรู้สึกของมนุษย์มาก.. มากจนเกินไป..” “มากจนดูดซับความรู้สึกต่างๆมาเป็นของตนเองได้...” พ่อเดินกลับมา ยื่นแก้วน้ำให้ผมกับพี่ รอบนี้เป็นน้ำส้ม “ไม่ว่าจะเลี้ยงดูด้วยความดีงามแค่ไหน โลกก็ไม่ได้จะมีแต่คนที่คิดดี ทำดี พูดดี ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนดีแค่ไหนมาก่อน เมื่อพลังตื่นขึ้นแล้ว ก็อาจจะปะทุได้ทุกเมื่อ เหมือนหินที่โดนน้ำหยดลงทุกวัน มันเป็นเรื่องที่พวกเขาควบคุมไม่ได้” สายตาของพี่ก้มลงมองแก้วน้ำส้ม ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิด... รู้สึกผิดที่คิดว่าผม...เปลี่ยนไปจนไม่ใช่น้องของพี่... พี่ไกรจิบน้ำส้มหวังให้ความหวานบรรเทาความรู้สึกกลัวต่อผมลง ผมเองก็กระดกน้ำส้มตาม สมองพยายามประมวลผลถึงสิ่งที่เกิดขึ้น “เพื่อไม่ให้เกิดทรราชขึ้นอีกจึงต้องมีใครสักคนที่จะคอยทำหน้าที่ดึงดูดความสนใจ และพร้อมคอยรับใช้และตอบสนองต่อความคิดและความต้องการดำมืดใดๆของคนที่มีพลังพิเศษเหล่านั้น” พ่อพูดต่อ แต่ผมก็นึกถึงการที่พ่อบังคับพี่ไกรเมื่อครู่ได้จึงถามกลับ “ไม่ใช่ว่า... พ่อก็เป็นผู้มีพลังพิเศษหรอครับ..ที่พ่อสั่งพี่ไกรเมื่อกี้มัน..” “ไม่ใช่หรอกกร” พ่อขำเล็กน้อย ผมสัมผัสได้ถึง...ความคิดถึงและความโศกเศร้า? “ที่พ่อทำ มันไม่ใช่จากคำสั่งของพ่อหรอกนะ มันคือคำสั่งของผู้มีพลังพิเศษก่อนหน้าลูก อาของลูกนั่นแหล่ะที่ฝังคำสั่งให้ไกรทำตามคำสั่งของพ่อถ้าพ่อต้องการ” ว่าแล้วก็มองผมก่อนจะพูดขึ้น “อาของลูกเป็นคนที่กดพลังให้กับลูกในตอนแรกเกิดด้วยนะ ให้ลูกได้มีชีวิตในวัยเด็กที่เป็นปกติ ให้พวกเราทุกคนได้มีโอกาสในการใช้ชีวิต..ปกติเท่าที่จะปกติได้ ก่อนที่ลูกจะโตขึ้นและพ่อต้องปลดผนึกให้ลูกในเวลาอันสมควร” “อ่า... และเป็นคนเปลี่ยนให้ลูกชอบผู้ชายด้วยนะ... ไม่ว่าลูกจะเกิดมาชอบผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม.. ลูก.. ไม่ควรสืบทอดสายเลือดเพราะมันอาจจะเพิ่มจำนวนของผู้มีพลังพิเศษแบบลูก ชีวิตของลูกส่วนใหญ่ถูกกำหนดไว้แล้ว... พ่อขอโทษนะที่ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้...” พ่อยิ้มเศร้าๆ ผมรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ผมกำลังจะพูดปลอบใจ แต่ผมเห็นแววตาของพ่อ มันซ่อนความซุกซนเอาไว้อยู่ พ่อมองไปที่พี่ไกร พี่ไกรที่นั่งกุมมือเงียบพยายามปิดบังเป้าของตนเอง ลมหายใจถี่และความรู้สึกหื่นกระหายแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าร่างกายของพี่ต้องการปลดปล่อยให้สบายตัว พ่อหันมาหาผมแบบยิ้มๆ และพูดขึ้น “เหมือนยาจะส่งผลไวกว่าที่พ่อคิดเอาไว้” ผมรู้ได้ในทันทีว่าน้ำส้มมันไม่ได้มีแค่น้ำส้ม แต่ผมยังไม่ทันจะคิดให้จบเสร็จสรรพ พ่อก็ถอดเสื้อของพ่อออกมา เผยให้เห็นชายแกร่งที่ประดับไปด้วยมัดกล้าม เรือนร่างของชายผู้มอบชีวิตให้กับสองพี่น้องงดงามเหมือนงานศิลปะ ผมไม่เคยมองพ่อในเรื่องแบบนี้มาก่อน เหมือนว่าการมองพ่อเป็นชายที่ผมปราถนาจะถูกปลดปล่อยหลังจากที่พ่อปลดผนึกผม พ่อมองผมแบบไม่ละสายตาในขณะที่พ่อถอดกางเกงออกมา ในตอนนี้พ่อของผมผู้ที่ผมเคารพรักกำลังยืนตรงเผยให้ผมเห็นทุกอย่างแบบไร้ยางอายใดๆทั้งสิ้น ความเป็นชายของพ่อผงกหัวทักทายผมด้วยความเป็นกันเองก่อนที่พ่อจะคุกเข่าลงต่อหน้าผม มือถอดกางเกงของผมด้วยความกระหาย กางเกงมันหลุดพ้นไวมากจนผมนึกขึ้นได้ว่าผมก็ยกตัวให้พ่อดึงกางเกงง่ายขึ้นก่อนจะเป็นคนเตะกางเกงออกไปเอง ผมไม่ทันแม้แต่จะอายก็โดนพ่อจับลูบคลำเล่นแก่นกายของผมที่มีเลือดสูบฉีดแน่น ผมได้แต่ครางซี้ดด้วยความเสียว สบสายตากับพ่อและสัมผัสได้ถึงความรักที่มีให้ผม ความต้องการ และความสุข พ่อยิ้มและบอกผม “สุขสันต์วันเกิดที่สิบแปดนะ ลูกรัก” ก่อนจะครอบปากดูดลิ้มรสความเป็นผู้ใหญ่ของผมแบบไม่ละสายตาจากผมเลย อ่า... ผมคิดผิดมาตลอดว่าผมเหมือนพ่อมากกว่า ความจริงแล้วเป็นพี่ต่างหากที่เหมือนพ่อมากกว่าผม เสียงหนังจากทีวีก็ไม่อาจบดบังเสียงเสียวกระสันของผมปนกับเสียงเปียกแฉะจากกายกามของบิดาได้ในตอนนี้
---ช่วงคุยกะคนเขียน---ผมกลับมาแล้วครับ ในตอนแรกคือลืมรหัสผ่านของแอคเคานี้เลยไปสร้างแอคเคาใหม่ แล้วมีเหตุการ์มากมายเกิดขึ้นในชีวิตผม ผมจึงไม่ได้มีเวลาพอจะต่อเรื่องอะไรให้จบเลย แล้วนี่คือกลับมาอีกครั้งกับไอเดียใหม่ให้ตัวเองเครียดเล่นๆว่าจะเขียนจบรึเปล่า **จบแหล่ะ หวังว่านะ**
และมีเรื่องที่ผมเขียนก่อนหน้านี้ที่ผมยังไม่ได้ต่อ ถ้าเพื่อนๆต้องการ ผมก็จะพยายามปั่นเขียนต่อไปให้จบครับ ในฐานะคนเริ่มเขียนฝีมือขี้ไก่แต่เป็นคนอ่านที่อ่านทุกเรื่องลามกอนาจารอย่างโชกโชนแล้ว ผมยังรู้สึกว่าเรื่องอันเก่าของผมมันยังไม่ดีพอต่อความสนุกของผมนัก แต่อย่างไรแล้วนั่นก็ คหสต. ของคนคิดมาก ถ้าเพื่อนๆชอบเรื่องนี้ก็สามารถเสนอไอเดียอะไรมาได้นะครับ ผมจะจ้องงาบไอเดียของเพื่อนๆไปใช้อย่างไร้ยางอาย ไม่แม้แต่จะมอบเครดิตให้ด้วยล่ะ ร้ายกาจจริงๆ ส่วนเรื่องการอัพแต่ละที... เอาเป็นว่าทุกๆครั้งที่ผมกระเหี้ยนกระหือรือ ผมก็จะพยายามต่อเรื่องละกัน หวังว่านะครับ (ตอนแรกฟรี แต่ที่เหลือคิดราคานะ ผมงก) ***ลืมอีกแล้วว่าต้องปรับคำให้มีช่องว่าง ก็อปจาก word ลงมาที่นี่ ช่องว่างหายไปหมดเลย {:4_78:}
|