ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 667|ตอบกลับ: 2

ข้าวจี่ร้อนๆ

[คัดลอกลิงก์]

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
192
พลังน้ำใจ
1816
Zenny
15174
ออนไลน์
31 ชั่วโมง

         ข้าวจี่
                                       

“ข้าว จี่” คือข้าวเหนียวปั้นขนาดเท่ากำมือ โรยเกลือนำมาปิ้งบนถ่านไฟ ชุบไข่ไก่ แล้วนำไปย่างอีกรอบรับรองว่าแซบอีหลี.. หนาวๆ แบบนี้ได้ข้าวจี่ร้อนๆ กลิ่นหอมๆ สีเหลืองน่ารับประทานสักก้อนก็น่าจะดีทีเดียว ข้าวจี่เป็นอาหารที่นิยมกินในฤดูหนาว เพราะคนสมัยก่อนจะนิยมนั่งผิงไฟคุยกัน แล้วก็ทำข้าวจี่กินแก้หนาวไปด้วย อีกอย่างช่วงนี้เป็นฤดูหลังเก็บเกี่ยวข้าว ข้าวใหม่จะมีกลิ่นหอมและนุ่ม จึงเหมาะที่จะนำมาทำข้าวจี่กินกันเป็นอย่างมาก

แต่บ้างก็ว่า เป็นเพราะชาวอีสานชอบเดินทางไกลหลังฤดูทำนา จึงต้องเตรียมอาหารเก็บไว้กินนานๆ ซึ่งนั่นก็คือข้าวจี่ และเมื่อทำมากพอสมควรก็จะนำไปถวายพระ จนกลายเป็นประเพณีทำบุญข้าวจี่

“เดือนสามค้อย เจ้าหัวคอยปั้นข้าวจี่
ข้าวจี่บ่ใส่น้ำอ้อย จัวน้อยเช็ดน้ำตา”

( “ปลายเดือนสาม พระสงฆ์จะคอยชาวบ้านทำบุญถวายข้าวจี่ถ้าข้าวจี่ไม่ทาน้ำอ้อย สามเณรน้อยจะร้องไห้ ” )

เป็น คำผญาที่บ่งบอกว่า ในสมัยโบราณข้าวจี่ถือเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำหรับคนอีสานมาก ดังจะเห็นได้จากพิธี “บุญเดือนสาม” ใน“ฮีตสิบสอง” ซึ่งเป็นประเพณีที่ชาวอีสานจะทำข้าวจี่ไปถวายพระที่วัด หรือที่เรียกว่า “บุญข้าวจี่” ซึ่งเป็นประเพณีงานบุญเดือนสามของชาวอีสานที่ทำร่วมกันในชุมชน การทำข้าวจี่ของคนสมัยก่อนนี้ชาวบ้านจะปั้นข้าวเหนียวนึ่งสุกให้มีขนาดเท่า ไข่ห่านหรือเท่ากำมือ โรยเกลือ แล้วใช้ไม้ไผ่เสียบเป็นแถวประมาณ 5-8 ก้อนต่อไม้ จากนั้นนำไปปิ้งบนเตาถ่านพร้อมพลิกกลับไปกลับมาจนข้าวเหนียวสุกเหลืองเสมอ กัน แล้วนำไข่ไก่ที่ตีแล้วมาทาให้ทั่วก้อนข้าวหลายๆ ครั้งเพื่อให้ไข่ติดข้าว แล้วนำไปปิ้งบนเตาถ่านจนไข่สุกเหลืองส่งกลิ่นหอม นำข้าวที่สุกแล้วมาถอดออกจากไม้เสียบ นำก้อนน้ำอ้อยมายัดใส่ในรูไม้เสียบ เป็นอันเสร็จ ซึ่งจะเห็นว่าแตกต่างจากข้าวจี่ในปัจจุบัน ซึ่งเรามักจะเห็นแต่ข้าวจี่ทาไข่, ข้าวจี่โรยเกลือ

                                                      
ใน การทำบุญข้าวจี่นี้ชาวบ้านจะทำเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำเพื่อใส่บาตรเท่านั้น แต่จะทำเพื่อแจกจ่ายผู้คนหรือแลกเปลี่ยนกัน เมื่อได้ข้าวจี่แล้ว ชาวบ้านจะนำมารวมกันที่วัดพร้อมกับนิมนต์พระภิกษุสามเณรมารับบิณฑบาต ชาวบ้านจะนำข้าวจี่มาใส่บาตรพร้อมกัน เมื่อถวายภัตตาหารและข้าวจี่เรียบร้อยแล้ว พระภิกษุจะเทศน์ อานิสงส์บุญข้าวจี่ 1 กัณฑ์เพื่อเป็นการอธิบายให้เห็นว่า การทำบุญด้วยข้าวจี่นั้นได้อานิสงส์มากเช่นเดียวกับการทำบุญด้วยวิธีอื่น ส่วนตอนบ่ายจะมีการเทศน์นิทานชาดก โดยส่วนใหญ่จะเป็นนิทานพื้นบ้านทางภาคอีสาน เช่น ท้าวก่ำกาดำ, จำปาสี่ต้น ฯลฯ


อานิสงส์ถวายข้าวจี่

มีเรื่องเล่าความเชื่อเกี่ยวกับ “อานิสงส์ถวายข้าวจี่” ในหนังสือธรรมบทซึ่งกล่าวเอาไว้ว่า... ครั้งเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปประทับอยู่ที่กรุงราชคฤห์นั้น มีนางผู้หนึ่งชื่อ นางปุณณา นางมีหน้าที่ต้องไปตักน้ำซึ่งอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านทุกวัน นางจึงต้องเตรียมอาหารเช้าไปกินระหว่างทางด้วย โดยนางจะนำข้าวผสมรำอ่อนมาปั้นเป็นก้อนแล้วนำไปย่างไฟจนสุกเกรียม

เช้า วันหนึ่งขณะที่นางปุณณากำลังเดินทางเพื่อไปตักน้ำตามปกติ นางเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จพร้อมพระอานนท์ผ่านมา นางจึงเกิดศรัทธาอยากที่จะถวายสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า “เราตกทุกข์ได้ยากลำบากทั้งกายใจ มีชีวิตอยู่ไปวันๆ เท่านั้นก็เพราะเราไม่ได้ให้ทานรักษาศีลทำบุญไว้ในชาติก่อนและชาตินี้เป็น แน่ ในตอนนี้เราได้มีโอกาสพบกับพระพุทธเจ้าแต่ไม่มีของที่จะถวาย จะมีก็แต่ข้าวจี่ปั้นนี้ซึ่งเป็นอาหารที่ไม่ได้ทำด้วยความประณีต พระพุทธเจ้าจะทรงอนุเคราะห์ฉันหรือ แต่พระพุทธเจ้าท่านย่อมมีพระเมตตามหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ย่อมไม่รังเกียจ ว่าเป็นของเลวหรือของประณีต”

เมื่อนางคิดได้ดังนั้น นางจึงตัดสินใจที่จะเดินไปหาพระพุทธเจ้าพร้อมอาราธนา... “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ทรงรับข้าวจี่ของหม่อมฉันผู้ยากจนเถิด...” พระพุทธเจ้าจึงทรงเปิดฝาบาตรรับข้าวจี่ของนาง แล้วพระองค์จึงเสด็จต่อไปยังบ้านเศรษฐี แต่นางปุณณายังคงมองพระองค์พร้อมอดคิดในใจไม่ได้ว่า ที่เรือนเศรษฐีล้วนมีแต่ภัตตาหารของดีๆ รสชาติโอชาและประณีตซึ่งเทียบกับข้าวจี่ของนางไม่ได้เลย คงไม่พ้นที่พระพุทธเจ้าจะโยนข้าวจี่ของนางทิ้งให้สุนัขกินเป็นแน่

แต่ ปรากฏว่าพระพุทธองค์ทรงเสวยข้าวจี่จนหมด เพราะพระพุทธเจ้าทรงทราบดีว่า การทำบุญนั้นขึ้นอยู่กับศรัทธา มิได้อยู่ที่ราคาสิ่งของที่นำมาทำบุญ จากนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงเทศน์โปรดนางปุณณา เมื่อนางได้ฟังแล้วเกิดซาบซึ้งในพระธรรมจนเกิดบรรลุโสดาปัตติผล

ปัจจุบัน เราจะเห็นข้าวจี่ที่แม่ค้าเขาทำขายเป็นลักษณะก้อนกลม เป็นข้าวจี่โรยเกลือและทาไข่เพราะทำง่ายและวัตถุดิบก็น้อย บางเจ้าอาจจะมีแจ่วแถมมาให้จิ้มเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติ บางเจ้าอาจจะมูลข้าวเหนียวกับกะทิเพื่อให้ข้าวเหนียวนุ่มอร่อยขึ้น ก็แล้วแต่เคล็ดลับของใครของมัน แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหน

ว่าแล้ว หนาวนี้ไปหาซื้อข้าวจี่ร้อนๆ กลิ่นหอมฉุยมากินก็น่าจะดี หรือไม่...ถ้ามีเวลาก็ลองทำข้าวจี่กินกันเอง นั่งล้อมรอบกองไฟเพื่อคลายหนาว พร้อมกับพูดคุยกันไปแบบไทบ้าน ก็ได้บรรยากาศอีกแบบ...

ขอขอบคุณ : หนังสือสารานุกรมวัฒนธรรม ภาคอีสาน, www.84000.org

http://guideubon.com/news/view.php?t=99&s_id=8&d_id=8





ข้าวจี่ - นิยมรับประทานกันในฤดูหนาวเพราะชาวบ้านจะมานั่งจะมานั่งผิงไฟ
แล้วทำการจี่ข้าวกันไปผิงไฟกันไปเป็นการแก้หนาว
และอีกเหตุผลหนึ่งช่วงนี้เป็นช่วงหลังเก็บเกี่ยวข้าวเหนียวที่ได้จะมีกลิ่นหอมนุ่ม
เหมาะแท้ที่จะนำมาทำการจี่กิน ด้วยเหตุนี้ในช่วงฤดูหนาวจึงเหมาะที่จะจี่ข้าวกินกัน

เครื่องปรุง
ข้าวเหนียวนึ่งสุก ไข่ไก่หรือไข่เป็ดก็แล้วแต่ความชอบของใครของใคร น้ำปลา
วิธีทำ
-นำข้าวเหนียวนึ่งสุกมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ หรือรูปร่างตามที่ชอบ
-ทำการจี่ด้วยไฟอ่อนๆ ให้เหลืองพองาม
-ตีไข่ให้แตก ใส่น้ำปลา
-นำข้าวที่ปิ้งมาจุ่มลงในไข่ที่เตรียมไว้แล้วทำการจี่ต่อไปจนสุก
เคล็ดไม่ลับ
-สามารถประยุกต์วิธีทำและเครื่องปรุงตามความคิดได้
คุณค่าอาหาร
-วิตามิน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต





มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1005
Zenny
5565
ออนไลน์
200 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-7-17 15:13:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎ

โพสต์ 2011-7-17 22:30:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เพิ่งเคยเห็นครับ
ท่าทางจะอร่อยนะครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 07:24 , Processed in 0.094159 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้