สวัสดีครับผม “พล” คนเดิมที่เคยมาตีแผ่เรื่องราวอันฉาวโฉ่ระหว่างลุงตัวเองกับแฟนผมที่แอบไปสมสู่เล่นชู้กันอย่างไม่กลัวผิดบาป และหลังจากคืนที่ผมเห็นลุงเดชพาไอ้เฟย์มาที่บ้าน ผมก็ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าไอ้เฟย์อีกเลย เอาจริงในตอนนั้นมันก็รู้สึกจี๊ดๆนะครับ อารมณ์แผลใจยังหายไม่สนิท ผสมไปกับความอยากรู้อยากเห็นด้วย ว่าไอ้เฟย์จะเจอควยม้าของลุงเดชกระสวกเย็ดท่าไหนบ้าง คิดอยู่นานสองนานว่าจะแอบย่องไปดูคนทั้งคู่ดีไหม แต่สุดท้ายผมก็ข่มใจจนเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็สายโด่ พอมองออกไปยังบ้านลุงเดชก็เห็นว่ารถยนต์แกไม่อยู่เสียแล้ว และหลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้กลับไปบ้านอีกเลยนับ4-5เดือน และครั้งนั้นเองก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นหน้าไอ้เฟย์ด้วย จวบจนกระทั่งผมเรียนจบ และได้งานทำอย่างที่ตั้งใจ ผมก็บอกกับแม่ว่าอยากบวช แน่นอนว่าแม่และพี่สาวไม่ขัด รวมไปถึงแฟนสาวคนปัจจุบันของผมด้วย จัดงานให้ผมสะใหญ่โตพอสมควร และหนึ่งในคนที่ช่วยลงขันในงานบวชผมก็คือลุงเดช และหลังจากพิธีในโบสถ์เสร็จลุงเดชแกก็เดินมาหาผม ก่อนจะนั่งคุกเข่าพนมมือไหว้ผม
“พระ……” ลุงเดชเอ่ยกับผมเบาๆ สีหน้าคมเข้มที่ยังคงหล่อสมวัยของแกดูหม่นหมองราวกับคนมีเรื่องทุกข์ใจ ไม่ต้องบอกให้มากความผมก็รับรู้ได้ว่าแกจะพูดอะไรต่อ เพราะเรื่องราวที่ผ่านมาผมว่าแกน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ
“ ที่ผ่านมา พระอโหสิให้โยมลุงนะ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้แก เอาจริงๆความรู้สึกในตอนนั้นมันไม่มีความโกรธเกลียดอะไรเหลืออยู่แล้ว จะมีก็แต่ค้างคาใจว่าแกยังติดต่อกับไอ้เฟย์อยู่ไหม ผมจึงไม่ลังเลที่จะถามต่อ
“แล้วโยมลุงยังไปมาหาสู่กับเฟย์อยู่ไหม”
“ลุงไม่ได้เจอมันมาปีกว่าแล้ว ลุง…..ลุงเอ่อ….จับได้มามันแอบไปทำเรื่อง…..ระยำกับเพื่อนลุง” เมื่อลุงเดชพูดแบบนั้น ผมก็ได้แต่พยักหน้าอย่างอนิจจา มันก็คงจะเป็นเวรกรรมนั้นแหละ………..
พอสึกออกมาจากพระได้ ผมก็ใช้เวลาที่เหลืออยู่บ้านเสียมากกว่า เพราะช่วงนั้นโรงเรียนปิดเทอมด้วย ครั้นจะไปอยู่บ้านแฟนก็กลัวจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน เพราะผมกับเธอยังไม่ได้แต่งงานงานกัน นั่นจึงทำให้ผมต้องคอยขับรถไปๆมา และเย็นวันนั้นหลังจากที่ผมกลับมาจากบ้านแฟน ผมก็เห็นรถยนต์คันไม่คุ้นตาจอดเทียบอยู่ใต้ต้นหูกวางหน้าบ้าน และพอลงจากรถมาได้ก็เห็นผู้หญิงคนนึงอายุน่าจะอ่อนกว่าแม่ผมไม่กี่ปี พร้อมทั้งเด็กหนุ่มตัวขาวๆกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้านลุงเดช และก็มีแม่ผมกับป้านั่งอยู่ด้วย
“อ่าวพล มานี่มา” แม่เรียกผมทันทีที่เห็นหน้า ผมเลยเดินเข้าไปหาตามประสา
“นี่ ไหว้น้าพรเขาสิพล” แม่ผมเอ่ยยิ้ม มองไปยังผู้หญิงคนนั้น การแต่งตัวและผิวพรรณบ่งบอกว่ามีฐานะไม่น้อย
“สวัสดีครับ ป้าพร” ผมทำท่าสงสัย เพราะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ก่อนที่แม่ผมจะอธิบายเสร็จสรรพว่าเธอก็คือเมียเก่าของลุงเดช และเด็กหนุ่มอายุราวๆ15-16ที่มาด้วยก็คือลูกที่เกิดกับลุงเดชนั่นเอง นาทีนั้นทำเอาผมอึ้งไม่น้อย เพราะตั้งแต่จำความได้ก็เห็นว่าลุงเดชเป็นพ่อหม้ายไร้ทายาทมาตลอด แต่พอมาวันนี้กลับเห็นว่าแกมีลูกชายสะแล้ว แต่พูดก็พูดเถอะครับ ไอ้เด็กหนุ่มตรงหน้าที่ผมเห็นมันช่างไม่มีเค้าโครงของลุงเดชเลยสักนิด เพราะนอกจากหน้าตาจะดูหวานจิ้มลิ้ม ผิวพรรณยังขาวเนียนอมชมพู แถมหุ่นยังอวบอัดอรชรราวกับเด็กผู้หญิง ก่อนที่ผมจะรู้จักว่ามันชื่อ “พู”
“สวัสดีครับ พี่พล” ไอ้พูหันมาไหว้ผม กริยาท่าทางของมันไม่บอกก็รู้ว่าตุ๊ดชัดๆ และหลังจากนั้นไม่นานรถยนต์คันคุ้นตาก็ขับเข้ามา ก่อนที่ชายร่างสูงใหญ่กำยำในชุดสีลายพรางครึ่งท่อนจะออกมาจากรถ
“พ่อ” ไอ้พูเอ่ยยิ้มทันทีที่เห็นหน้าพ่อมัน ไม่ต่างจากลุงเดชที่ยิ้มมุมปากให้ลูกชายตัวเอง ผมที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่คิดว่าคนทั้งคู่คือพ่อลูกกันจริงๆเหรอวะ เพราะไม่มีอะไรเหมือนกันสักกะอย่าง
“มากันนานแล้วเหรอ” ลุงเดชถาม ก่อนที่ไอ้พูจะเดินเข้าไปโอบกอดเอวของแกแนบแน่น ลุงเดชเลยโต้ตอบมันด้วยการใช้ฝ่ามือหนาสากลูบหัวมันเบาๆ จะว่าไปไอ้เด็กพูนี่ก็น่ารักเหมือนกันแฮะ จะว่าไปสภาพของมันแทบก็ไม่ต่างอะไรจากไอ้เฟย์เลย จะต่างก็แต่ไอ้พูจะดูอวบกว่า ชนิดที่ว่านมตั้งเต้าของมันดันเสื้อยืดออกมาเลย
“สักพักแล้วล่ะ ก็ตั้งแต่พี่ไปเจอในครั้งนั้น เจ้าพูก็อ้อนให้พรมามาเที่ยวหาพี่ตลอดเลย” คำพูดของน้าพรทำให้ผมรู้ว่า ทั้งลุงเดชและไอ้พูเคยเจอกันมาก่อนหน้านั้นแล้ว ผมอยู่พูดคุยไปได้สักพักก็ขอตัวไปพักผ่อน กว่าจะตื่นขึ้นมาก็ได้ตะวันก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว ผมที่เห็นแม่เดินเข้าบ้านมาพอดี ก็เลยถือโอกาสถามไถ่เรื่องราวของลุงเดชกับน้าพรสะเลย แม่เล่าประมาณว่าครั้งแรกที่แกรู้ว่าลุงเดชมีลูกก็ตกใจเหมือนกัน เพราะแกก็ไม่เคยรู้เรื่องราวเหล่านี้มาก่อนเลย ว่าพี่ชายตัวเองจะแอบไปไข่ทิ้งไว้ในตัวสาวแถวจังหวัดเพชรบูรณ์ ก่อนที่ทั้งคู่จะเลิกลากันไป ในขณะนั้นเองน้าพรก็ตั้งท้องไอ้พูอ่อนๆ แล้วได้พบรักใหม่กับหนุ่มชาวญี่ปุ่น ซึ่งหนุ่มญี่ปุ่นก็รับได้ที่น้าพรตั้งท้องกับสามีเก่าคาไว้แบบนี้ ก่อนที่เธอกับสามีจะสร้างเนื้อสร้างตัวทำโฮมสเตย์ และเมื่อช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้าลุงเดชก็ไปทำธุระแถวนั้นพอดี ทำให้ทั้งคู่ได้เจอกันอีกครั้ง ป้าพรเลยเล่าความจริงให้ลุงเดชฟัง แล้วได้แนะนำให้แกรู้จักกับไอ้พู ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าพ่อลูกที่ไม่เคยเห็นหน้ากันจะเข้ากันได้เป็นอย่างดี ชนิดที่ว่าเจ้าพูยอมนอนกับพ่อที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาเลยตั้ง2คืน ก่อนที่เจ้าพูจะร้องอ้อนให้น้าพรพามาเที่ยวหาลุงเดชในช่วงปิดเทอมซึ่งก็คือวันนี้ ผมที่ฟังก็ได้แต่ยิ้มคิดติดตลกว่านี่มันนิยายน้ำเน้าชัดๆ ผมคุยกับแม่ได้ไม่นานก็ขอตัวขึ้นมาบนห้อง พอเข้าห้องมาได้ก็เดินตรงไปยังหน้าต่างเพื่อสูดอากาสเข้าปอดตามประสา ถึงแม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม แต่บรรยากาศแถวบ้านของผมยังคงสดชื่นไม่เคยเปลี่ยน และแน่นอนว่ามามุมนี้ทีไรสายตาของผมก็ต้องเหลือบไปเห็นบ้านลุงเดชทุกที ผมมองดูว่าน้าพรกับไอ้พูจะกลับกันไปหรือยัง ก็เห็นว่ามีแต่รถของลุงเดชจอดอยู่เพียงคันเดียวเท่านั้น พลันให้ผมคิดไปว่าถ้ายายยังอยู่แกคงจะดีใจไม่น้อยที่ได้เห็นหน้าหลานชายอีกคน และในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรไปเรือยเปื่อย สายตาผมก็เห็นลุงเดชเดินออกมานอกบ้านในสภาพสวมใส่ผ้าขาวม้าผืนเดียว ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้ชายวัยใกล้เลข5ในไม่กี่ปีข้างหน้า จะยังคงหุ่นกร้านล่ำบึกได้ขนาดนี้ ถึงจะมีพุ่งแข็งๆยื่นออกมาบ้าง แต่ก็ไม่ทำให้แผงอกและมัดกล้ามแขนแข็งแกร่งลดแรงลงได้เลย มิหนำซ้ำหน้าตายังหล่อคมเข้มไม่เปลี่ยน ผมเห็นแกเดินมาเอาอะไรบางอย่างที่รถ ก่อนที่ไอ้พูจะเดินตามออกมาด้วยสภาพที่ทำผมอึ้งไม่น้อย เด็กผู้ชายตัดรองทรงกำลังเดินใช้ผ้าขนหนูโอบอกราวกับผู้หญิง แสดงว่าไอ้พูมันไม่ได้กลับไปกับแม่ทันแน่ๆ ไอ้เด็กนี่กริยามันช่างตุ้งติ้งไม่เกรงใจพ่อมันเลย แต่พอลุงเดชหันมาได้ แกกลับไม่ทีท่าทีตกใจอะไรสักนิด แกรีบเดินเจ้าไปโอบกอดร่างลูกชายที่สูงเพียงอกทันที ก่อนที่ไอ้พูจะรีบอ้าแขนโอบแผ่นหลังกว้างแกร่งของพ่อมัน สีผิวขาวอมชมพูของมันสะท้อนกับผิวสีคล้ำของพ่อมันได้เป็นอย่างดี การกระทำของคนทั้งคู่ในครั้งนี้จะไม่แตกต่างอะไรกับพ่อลูกที่คิดถึงกันเลย หากแต่ไอ้พูไม่ใช้หน้าหวานๆถูไถไปกับแผงอกพ่อมันยกใหญ่ แถมมือไม้เรียวยังกอดตวัดไปกับแผ่นหลังสีแทนไม่หยุด ในขณะที่ลุงเดชเองก็ค่อยๆจับคางลูกชายขึ้นมา แล้วประกบฝีปากหนาของตนเข้าริมฝีปากบางชมพูทันที
“เหี้ย…..” ผมถึงกับอุทานออกมาเบาๆอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าพ่อลูกสมัยนี้โต้ตอบกันด้วยการดูดปากแลกลิ้นแล้วเหรอเนี่ย และยิ่งไปกว่านั้นคือผมเห็นเป้าลุงเดชจากที่ตุงๆเป็นดุ้นลำก็ค่อยๆแข็งตั้งผงาดชนแนบไปกับร่างลูกชายถนัด พอไอ้พูเห็นแบบนั้นก็รีบใช้มือจับดุ้นที่ให้กำเนิดมันอย่างจัง ผมเห็นลุงเดชแกยิ้มอย่างพอใจ ในขณะที่ไอ้พูเองก็ยิ้มร่านให้พ่อมันยกใหญ่ พร้อมใช้ฝ่ามือเรียวขาวบีบเค้นดุ้นควยภายใต้ผ้าขาวม้าไม่หยุด ก่อนที่ลุงเดชจะก้มไปกระซิบอะไรบางอย่างที่หูไอ้พู ทำเอาไอ้พูยิ้มเขินจนหน้าแดงพร้อมกับใช้มือตบลงบนแผงอกนูนแน่นของพ่อมัน จากนั้นลุงเดชก็ทำทีเป็นมองซ้ายมองขวาก่อนจะค่อยๆดันร่างลูกชายเข้าไปในบ้าน จังหวะนั้นผมจึงรีบหลบสายตาแกเข้ามุมหน้าต่างอย่างไว ก่อนจะค่อยๆเหลือบม่านตาออกไปดูอีกครั้ง ก็เห็นว่าประตูบ้านลุงเดชถูกปิดไปเสียแล้ว นาทีนั้นหัวใจผมสั่นตื่นเต้นไม่เป็นจังหวะ พลันอดคิดไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างลุงเดชกับไอ้พูคือพ่อลูกกันแบบไหน แต่ที่ดูจากการกระทำเมื่อครู่มันช่างไม่ต่างอะไรกับคู่ผัวเงี่ยนเมียร่านดีๆนี่เอง แล้วถ้าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เป็นอย่างหลังล่ะ คืนนี้ภายในบ้านหลังนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างนะ……………………
เอามาส่งเรียกน้ำย่อยก่อนนะครับ ห่างหายไปนานมาก ไม่รู้ว่างานเขียนยังดีอยู่หรือป่าว
|