แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DomQwQ เมื่อ 2024-3-6 23:11
บทที่หก
“ขอบคุณครับพี่” ชายนักกีฬาหุ่นสมส่วนพูดเสร็จก็จ่ายค่าโดยสารก่อนจะเตรียมตัวลง “เออ โชคดีไอ้น้อง” แท็กซี่หนุ่มผิวเข้มยิ้มระรื่น “อยากใช้แท็กซี่พี่เมื่อไหร่ก็ทักมานะ พี่พร้อมให้บริการเสมอ” ไอ้นิวยิ้มแสยะ บริการของมันนอกจากจะมีค่าโดยสารแล้ว ค่าว่าจ้างอื่นๆมันก็ไม่เกี่ยง
ไกรที่ได้ยินก็หน้าแดงเถือก รีบออกมาจากรถเหมือนน้ำร้อนลวก ไอ้นิวเห็นก็ยิ้มขำ ลูกคนรวยนี่หน้าบางเสียจริง แต่ก็น่าหมั่นเขี้ยวไม่ใช่เล่น...
ไอ้นิวนึกถึงภาพของลูกคุณหนูที่คุกเข่าต่อหน้าตน ลิ้นที่แลบออกมาอย่างเย้ายวน จนมันนึกจินตนาการไอติมแท่งของตนโดนเจ้าของลิ้นนั้นเลียจนชุ่ม เหอะ ไอ้นิวเอ้ย คิดอะไรบ้าๆ ตั้งสติได้สำเร็จ ไอ้นิวก็เตรียมเคลื่อนตัวรถออกไป แต่ทันใดนั้น ก๊อก ก๊อก หืม? ไอ้นิวเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเคาะกระจกฝั่งคนขับอยู่ ไอ้นิวค่อนข้างมั่นใจว่ามันไม่มีคนอยู่ฝั่งนี้ก่อนหน้านี้นะ? แต่อย่างไรมันคงแค่ไม่ทันได้สังเกต ไอ้นิวปัดความคิดออกจากหัวก่อนจะลดกระจกลง
“ไป **** รึเปล่าครับ” ชายคนดังกล่าวพูดออกมา มันเป็นแถวบ้านที่ไอ้นิวอยู่พอดี ในเมื่อมันจะกลับบ้านอยู่แล้ว ได้เงินห้อยมาด้วยก็โอเค “ไปครับ” ไอ้นิวพูดจบก็ได้ยินเสียงเปิดประตูรถตัวเอง มันหันไปมอง ก็เจอผู้ชายอีกสองคนเข้ารถมา ส่วนผู้ชายคนที่คุยกับได้นิว ก็เปิดประตูนั่งหลังไอ้นิวทันที
ไอ้นิวเห็นว่าทุกคนเข้ามานั่งเรียบร้อยก็เดินรถไป ถึงแม้ว่าในใจตัวเองจะรู้สึกพะว้าพะวงแปลกๆก็ตาม
“ฮือๆๆๆ” เสียงร้องไห้อย่างน่าเวทนาของสาวงาม ทำให้เหล่าเพื่อนสาวได้แต่มองด้วยความสงสาร พลอยเป็นดาวคณะที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ฉลาดกิจกรรม ฉลาดการเรียน ฉลาดคุณธรรม และฉลาดสังคม
พลอยเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี และคอยทำความเข้าใจทุกๆคนอย่างใจเย็น ไม่ถืออคติต่อผู้ที่มีน้อยกว่า และทำตัวเป็นกลางยอมรับผิดและรักษาสัจจะเสมอ ทำให้พลอยดึงดูดมิตรที่ดีและเรื่องที่ดีเข้าหาตัวเหมือนโชคชะตาเป็นใจ แต่ในตอนนี้แก้วตาดวงใจของทุกๆคนกำลังนั่งร้องไห้อย่างเศร้าโศก ทำไมหนอ ความรักของสาวงามถึงได้วิปริตผิดที่ผิดท่าขนาดนี้
“แก ไม่ต้องร้องไห้ให้กับไอ้ผู้ชายเลวๆนั่นหรอก ถือซะว่าหลบกับระเบิดไปแล้ว นะ?” นุ่นลูบหลังปลอบใจเพื่อนของตนด้วยความเป็นห่วง มืออีกข้างมีม้วนกระดาษทิชชู่ที่ชักจะเริ่มร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ “จริงอย่างที่อีนุ่นว่าแหล่ะ เห็นหน้าไม่รู้ใจ ไม่คิดเลยว่าอีไกรมันจะ.. เอ่อ..” เพื่อนสาวอีกคนพูดขึ้นมาแต่ก็รู้สึกกระดากปากจนต้องเงียบไป “มีคนดีๆมากมายแก แค่โชคร้ายเจอคนไม่ดีเท่านั้นเอง เปิดแอพนั่นในทีวีดูหนังกันเถอะ ลืมๆมันไปซะ” เจนพูดออกมา “พอๆ ยิ่งพูด พวกแกยิ่งทำอีพลอยเครียด วันนี้เอาให้สุดหยุดที่เมาค้างเว้ย! นังฟ้ากับแฟนมันซื้อเหล้าแล้ว เดี๋ยวก็มา” คิทตี้ เพื่อนสาวอีกคนนึงพูดจัดสรรค์งานประกาศโสดย้อมใจให้เพื่อนตนเอง ก่อนที่จะได้ยินเสียงไขประตู
“นั่นไงแก อีนังฟ้ากับแฟนมันมาละ เข้ามาๆเดี๋ยวฉันช่วยถือ” คิทตี้เดินไปจะรอรับถุงขนมสุรากับแกล้ม แต่เมื่อประตูเปิดขึ้นก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดต่อหน้าทุกคน
จ้วบ จ้วบ “เฮ้ย!” เพื่อนสาวที่อยู่ข้างๆพลอยร้องออกมาอย่างตกใจ แฟนหนุ่มของฟ้าจับหัวคิทตี้มาจูบอย่างดูดดื่ม คิทตี้พยายามผลักร่างชายหนุ่มออกไป แต่ร่างผอมแห้งของแฟนฟ้ากลับไม่เขยื้อนเลยแม้แต่น้อย แม้คิทตี้นั้นจะจิตใจเป็นผู้หญิงบอบบาง หากแต่ตัวเธอก็เป็นสาวร่างแกร่งกล้ามเป็นมัดๆ ภาพที่เกิดขึ้นดูแปลกตาต่อเหล่าเพื่อนสาวเป็นอย่างมาก
“อีกิตติ เลิกเล่นตัวได้แล้ว อย่าไปจูบกับแฟนอีฟ้าสิ!” เพื่อนสาวบางคนยังไม่สามารถประมวลผลภาพที่เกิดตรงหน้าได้จึงพูดออกมา
ความจริงพวกหล่อนควรจะรีบหนีไปให้ไกลที่สุดต่างหาก...
ฟ้าที่ถือถุงของที่ซื้อมามามากมายก็ปล่อยมือ ขวดแก้วสีเข้มกระทบกับพื้นส่งเสียงแตกดังหากแต่ฟ้าก็หาได้สนใจไม่ ฟ้าเดินผ่านแฟนหนุ่มตนเองที่กำลังจูบคิทตี้อย่างไม่ใยดี ก่อนจะเข้าหาเพื่อนสาวอีกคนที่กำลังเดินถอยหลังหนี “อีฟ้า แกเป็นบ้าอะไร นี่ถอยไปน-” จ้วบ จุ๊บ ฟ้าพุ่งเข้ามาจูบเพื่อนสาวด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ เพื่อนสาวพยายามผลัก ข่วน หรือแม้แต่ตบ แต่ก็ไม่สามารถแม้แต่จะสร้างบาดแผลให้กับฟ้าได้เลย ไม่มีแม้แต่ร่องรอยบาดแผลใดๆ
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง ก็ได้ยินเสียงคิทตี้ร่วงลงพื้น คิทตี้กุมคอตนเองอย่างทรมาน อ้าปากพะงาบ ทำสีหน้าเหมือนหายใจไม่ออก ส่วนแฟนของฟ้าก็ยืนมองทั้งห้อง สายตาที่มองสังเกตเหมือนหาอะไรบางอย่าง “หมดแล้วมั้ง มั้งนะ?” แฟนของฟ้าขมวดคิ้วพูดขึ้นพลางเอียงคอด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ นิสัยของการตบท้ายด้วยคำว่า มั้งนะ เป็นสิ่งที่เหล่าเพื่อนสาวแอบเผากันจนชิน
แต่ในเวลานี้ ทุกคนขนลุกวาบ เหมือนใช่ แต่ก็ไม่ใช่ คนที่อยู่ตรงหน้าพวกตน เป็นแฟนของฟ้าจริงๆหรือ?
ยังไม่ทันได้เข้าใจถึงความน่ากลัวที่เกิดขึ้น เหยื่อที่ถูกฟ้าจูบก็ร่วงไปนอนอีกคน เพื่อนสาวทำท่าสำลัก หายใจไม่ออก ทุรนทุรายอย่างทรมาน “กรี้ด!!! ใครก็ได้ช่วยด้วย” เจนรีบวิ่งหนีออกจากห้อง ในใจคิดโทรเรียกตำรวจและจะเรียกให้คนมาช่วย แต่อนิจจา เจนที่วิ่งพยายามหนีก็โดนผู้หญิงที่อยู่นอกห้องจับเข้ามาจูบทันที เจนส่งเสียงอู้อี้พยายามดิ้นรนอย่างถึงที่สุดแต่ก็หาได้สำเร็จไม่ “พ.. พลอย..” นุ่นมองหน้าเกาะแขนพลอยด้วยความกลัว แต่แล้วพวกตนก็เห็นโอกาศ ฟ้าและแฟนของเธอกำลังมองพวกตนอยู่จนไม่ได้สังเกตคิทตี้ที่นอนอยู่ค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างอ่อนล้า
พลอยพูดขึ้นมาทันที “ฟ้า เราไม่รู้นะว่าแกเป็นอะไร แต่ตอนนี้แกไม่เป็นตัวเองเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฟ้าช่วยอธิบายให้เราได้มั้ย” แน่นอนว่าพลอยไม่คิดหรอกว่าฟ้าในตอนนี้จะยอมคุยกับพวกตน แต่เพื่อนสาวตนพยายามต่อสู้อย่างสุดขีด ก็ไม่สามารถทำให้ฟ้าบาดเจ็บได้เลย พลอยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่คุยอยู่คือฟ้ารึเปล่า
พลอยรู้น้อยเกินไปและพวกฟ้าก็ทำได้มากเกินไป พลอยจึงเทหมดหน้าตักให้คิทตี้ช่วยฝืนสถานการณ์ ในกระเป๋ากางเกงเธอกดปุ่มโทรฉุกเฉินแล้ว
“เราไม่รู้หรอกนะว่าฟ้าทำเรื่องแบบนี้ในอพารท์เม้นท์เจนได้ยังไง แต่ฟ้าช่วยใจเย็นๆแล้วเรามาคุยกันดีๆได้มั้ย” เมื่อนุ่นเห็นว่าคิทตี้ลุกขึ้นได้แล้วก็ฉวยโอกาส “นี่แหน่ะ!” นุ่นสาดน้ำอัดลมใส่หน้าฟ้า ทำให้ฟ้าพยายามเอาเสื้อมาเช็ดหน้าตนเอง จังหวะนี้นุ่นกับพลอยพยายามวิ่งอ้อมฟ้าที่กำลังมองไม่เห็น
“คิทตี้ ตอนนี้แหล่ะ” นุ่นตะโกนออกมาแต่พลอยกลับรู้สึกหน่วงๆไม่สบายใจ คิทตี้ที่ได้ยินก็เคลื่อนที่ทันที
...ด้วยการจับตัวนุ่นเอาไว้...
“!! ทำบ้าอะไร ปล่อยนะ” นุ่นเห็นว่ามือตนโดนจับก็ร้องอย่างตกใจ ใช้เข่ากระทุ้งจุดที่คิทตี้ยังไม่ได้ศัลยกรรมอย่างโหดร้าย แต่คิทตี้ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆเลย
พลอยที่เห็นดังนั้นก็ถอยหลังเข้ากำแพงเอามือปิดปาก ร่างบางน้ำตาไหลด้วยความกลัว นุ่นที่กรีดร้องออกมาอย่างสู้ชีวิตก็โดนผู้หญิงที่อยู่นอกห้องจับจูบต่อ เจนที่ดิ้นทุรนทุรายบนพื้นได้หยุดดิ้นไปแล้ว ส่วนฟ้าที่เช็ดหน้าเสร็จก็หันมามองพลอยต่อด้วยสีหน้าลำบากใจของฟ้า “อย่าฝืนเลยแก เดี๋ยวก็เจ็บตัวหรอก” น้ำเสียงท่าทางและสายตาเหมือนฟ้าที่ตนเคยคุยเมื่อเช้าอย่างแยกไม่ออกยิ่งทำให้พลอยตัวสั่นมากยิ่งขึ้นไปอีก
พลอยถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าผู้คนแปลกประหลาดพวกนี้ได้แต่หลับตาปี๋
คาดหวังว่าทุกสิ่งมันเป็นแค่ฝันร้าย...
“ไอ้เหี้ย ปล่อยกูนะ!” ไอ้นิวคำราม ในตอนนี้มันกำลังโดนจับแขนจับขานอนไม่เป็นท่าในรถแท็กซี่ของมันเอง ไอ้พวกเวรนี้เอาแรงมาจากไหนกันวะ!? ไอ้นิวกัดฟันกรอดๆ
“ขอโทษด้วยนะครับที่ต้องรุนแรง แปบเดียวเดี๋ยวมันก็จบแล้วครับ” ชายหนึ่งในนั้นลูบหัวมันอย่างอ่อนโยน ไอ้นิวตอบแทนด้วยการถุยน้ำลายใส่หน้าชายคนนั้น “มึงต้องการอะไรจากกูวะ! กูไม่เคยเห็นหน้าพวกมึงเลยด้วยซ้ำ!!”
แต่ม้าพยศก็โดนชายคนดังกล่าวจับจูบทันที น้ำลายที่เพิ่งปล่อยออกไปได้ไหลร่วงโดนคางตนเองเหมือนกรรมตามสนอง ไอ้นิวตกใจและพยายามจะกัดลิ้นของไอ้แก๊งข่มขืนนี่ให้ขาด หากแต่ปากตนกลับรู้สึกชาๆไม่สามารถออกแรงอย่างที่ตนหวังได้
ไอ้นิวได้แต่ร้องอู้อี้ มือพยายามข่วน ดันหรือต่อย อย่างสุดชีวิต แต่ชายคนนั้นกลับไม่แม้แต่เขยื้อน น้ำลายที่ปนผสมกันในปากของไอ้นิวเริ่มรู้สึกลื่นเป็นเมือกแปลกๆ และความรู้สึกชาๆจากปากของตนก็เริ่มลามมาถึงคอ ไอ้นิวเผลอกลืนน้ำลายเองอัตโนมัติ
นี่ทำให้ชะตาของไอ้นิวเปลี่ยนไปตลอดกาล
ไอ้นิวเริ่มไออย่างควบคุมไม่ได้ ความรู้สึกเหมือนสำลักน้ำลายตนเองที่ไม่ว่าจะไอเท่าไหร่ก็ไม่หาย พวกผู้ชายที่จับตัวไอ้นิวแน่นปล่อยไอ้นิวทันที ส่วนไอ้นิวที่ได้รับอิสรภาพแล้วก็รีบเปิดประตูรถตัวเองออกมา แต่ความรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกมันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ไอ้นิวออกมาจากรถมันได้ไม่ถึงก้าวก็ร่วงลงพื้นฟุตบาท มือข้างนึงกุมคอส่วนอีกข้างได้แต่ค้ำพื้น ความรู้สึกเจ็บทั่วทั้งปอดของมันทำให้มันได้แต่ไอและบีบคอตนเองอย่างทุกข์ทรมาน สายตามันเริ่มพร่ามัวและได้ยินเสียงวิ้งๆก้องหู
ตำรวจจราจรเห็นประชาชนคนหนึ่งกำลังคลานบนฟุตบาทอย่างทรมานก็รีบวิ่งเข้ามาดู ยิ่งเห็นชายคนนั้นร่วงตัวนอนกับพื้นตนยิ่งรีบวิ่งไปให้เร็วที่สุด
“คุณครับ! คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ!” ชายคนดังกล่าวได้ยินคำเรียกก็ค่อยๆดันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก นายตำรวจเห็นก็ออกแรงช่วยพยุงตัวขึ้นทันที “ผมโดน...” ชายคนนั้นพูดเสียงแห้งพร่า นายตำรวจหันไปมองรถแท็กซี่ที่ไร้ซึ่งผู้โดยสารของชายคนนี้
แต่ทันใดนั้น ชายที่นายตำรวจพยุงอยู่ก็ยืนตัวตรง สร้างความงุนงงให้กับนายตำรวจเป็นอย่างมาก “ผมสำลักอาหารเข้าหลอดลมน่ะครับ สงสัยเมื่อกี้มันลงกระเพาะไปแล้ว” คนขับรถแท็กซี่ผิวเข้มยิ้มแห้งๆ พลางเอามือเช็ดคราบน้ำลายตรงคางของตน
ผมยืนรอชายคนนึงตรงหน้าประตูบ้าน รสชาติอารมณ์ที่สัมผัสได้ทำให้ผมมั่นใจว่าพี่ชายของผมกลับมาจากการสอบวิชาสุดท้ายของมหาลัย
ใช่ครับ พลังของผมพัฒนาขึ้นจนผมสามารถ“ลิ้มรส” ความคิดอารมณ์ของผู้อื่นได้แล้ว ข้อดีหรอ? รับรสที่ไม่มีมนุษย์คนไหนเคยลิ้มลองมาก่อนล่ะมั้ง คุณลองจินตนาการณ์รสชาติของความกระสันดูสิ รสอุ่นชาลิ้นที่ทำให้ร่างกายของคุณสั่นสะท้าน ขยี้หัวใจของคุณให้ต้องการมันมากขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายคุณสำเร็จสม เหลือไว้เพียงลอมหอบพึงใจและความหลัง
นี่คงเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับรสสัมผัสคนปกติมากที่สุดเท่าที่ผมจะมีปัญญาร่าย แต่ทำไม... มันรู้สึกเขินอายกับไอ้คนขับรถแท็กซี่นั่นด้วย? ช่างเถอะ คงแค่คุยกันตอนขับรถ
ผมกลบอารมณ์หึงหวงของผมลง คงเป็นบุญของพี่ไกรแล้วที่ผมเพิ่งระบายอารมณ์ร้ายของผมใส่พ่อจนเต็มร่อง ไม่อย่างนั้นผมคงจะเล่นนิสัยไม่ดีใส่แน่ๆ
ผมละความสนใจออกจากไอ้หนุ่มแท็กซี่ผิวเข้มคนนั้น แล้วหันมาสนใจเหยื่อคู่กรรมของผมแทน เมื่อพี่ชายสุดเท่ของผมเปิดประตูเข้ามาเจอผมก็สะดุ้ง ทำหน้าอย่างกับเห็นผี...
“มาแล้วหรอพี่ไกร” ผมมองพ่อหนุ่มรูปหล่อพลางยักคิ้วทักทาย พี่ไกรเห็นก็เบือนหน้าหลบตาก่อนจะตอบกลับมา “ก.. กลับมาแล้วครับ” หนุ่มห้าวกล่าวรับคำโดยไม่ทันสังเกตว่าได้พูดกับผมอย่างสุภาพ หรือต่อให้รู้ตัว ในตอนนี้สถานภาพของพวกเราสองคนก็ไม่ต่างจากนายทาสและขี้ข้าเสียเท่าไหร่ ความรู้สึกละอายปน ความกระหาย ที่ผมสัมผัสได้จากพี่ตัวเองทำให้ผมชักอยากจะแกล้งพี่เสียจริง
“สอบเป็นยังไงบ้างครับพี่?” ผมโยนคำถามให้พี่ตอบ “เอ่อ.. ก็โอเคนะ.. ไม่รู้สิ..” พี่ที่หลบหน้าก็พูดเปรย อารมณ์ที่นึกถึงข้อสอบกลับไม่ได้รุนแรงเท่าที่ผมคิดไว้ ในคืนนั้นที่เราเล่นกันครั้งแรก ผมเล่นกับพี่ด้วยการทำให้พี่เซ่อลง ถึงแม้จะไม่มากก็เถอะ แต่การที่พี่ไม่สนใจในข้อสอบเลยก็ทำให้ผมแปลกใจไม่ใช่น้อย ผมลองเชิงกับพี่ไปหนึ่งโจทย์
“พี่ไกรครับ เก้าบวกหกได้เท่าไหร่” พี่ไกรที่ได้ยินก็ทำหน้าเหวอหวา “เอ่อ.. ส.. สิบสามมั้ง? อ่า..” พี่ไกรพูดพลางรู้สึกสับสน สีหน้าเลิกลั่กของหนุ่มรูปงาม ทำผมอดอยากแกล้งไม่ได้ ในใจผมนึกถึงสิ่งที่พ่อเล่า ถ้าเปลี่ยนให้พี่ไกรเป็น จิ๋มกระป๋อง แล้วใช้มันจนมันลืมแม้แต่ชื่อตัวเอง แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว
แต่ผมไม่เล่นซ้ำรอยอาหรอก ไม่อย่างนั้นจะเอาชนะอาได้ยังไง?
“เก้าบวกหกมันได้สิบห้าต่างหากล่ะพี่ ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะพลางขยี้เล่นหัวพี่ตนเองอย่างเอ็นดู ส่วนพี่ที่รู้ว่าตนตอบผิดก็หน้าแดงพยายามแก้ต่าง พี่ไม่รู้ว่าผมแอบทำให้สติปัญญาของพี่ลดน้อยลงจึงรู้สึกเสียหน้า
“ส.. สงสัยวันนี้พี่เหนื่อยน่ะ มาแอบถามทีเผลอก็มึนสิโธ่..” ผมได้แต่ยิ้ม พี่นี่บางทีก็น่ารักดีเหมือนกัน “งั้นไหนๆพี่เหนื่อย เราไปเดินเล่นกันมั้ยครับ? กรอยากจะทำการทดลองน่ะ” พี่ไกรได้ยินก็ตากระตุก ในใจของพี่ไกรรู้สึกกลัวแต่ก็ตื่นเต้นนิดๆ พี่ไกรถามกลับ “เอ่อ... การทดลองหรอ? พี่เพิ่งกลับบ้านขอล้างตัวก่อนได้มั้ย” “ได้สิครับ” ผมยิ้มด้วยความเมตตาดั่งนักบุญ
พี่ไกรได้ยินก็ทำหน้าเก้กัง ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป ส่วนผมก็เดินติดห้อยไปด้วย เมื่อพี่เดินมาถึงห้องตัวเองก็หันมาถามผมต่ออย่างไร้เดียงสา “เอ่อ ตามพี่มาทำไมหรอ?” ผมที่ได้ยินก็ตีหน้าซื่อ “ก็จะขออาบน้ำด้วยคนไงครับ?” พี่กิจที่ได้ยินเผลอกลืนน้ำลายเอือก
เสียงน้ำฝักบัวไหลซ่าในห้องน้ำผสมกับไอน้ำอุ่นทำให้กระจกฝ้ามัว
ภาพสะท้อนขมุกขมัวในกระจกเผยให้เห็นชายสองคนกำลังยืนอยู่ในห้องน้ำ
คนหนึ่งมัดผ้าเช็ดตัวครึ่งล่าง ส่วนอีกคนยืนเปล่าเปลือยอย่างไม่แยแส
“จะอาบน้ำทั้งอย่างนั้นรึไงพี่” ผมทักพี่ที่กำลังกำผ้าเช็ดตัวของตนด้วยความอับอาย หุ่นลีนเผยให้เห็นซิกแพคน่าลูบไล้ของนักมวย หนุ่มหัวแข็งที่ยืนยันจะตัดผมสกินเฮดต่อหน้าพ่อตนเอง ในตอนนี้กลับดูจ๋อยดั่งลูกหมาตกน้ำ
ผมแสยะยิ้ม ย้ำเติมสภาพของพี่ไกรอย่างสนุกปาก “ยังไงก็ไม่มีอะไรให้ดูอยู่แล้วนี่? กลัวอะไรล่ะพี่ไกร” ว่าแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ผมเดินไปกระตุกผ้าเช็ดตัวของพี่ทันที ผ้าเช็ดตัวของพี่ร่วงลงบนพื้นที่เปียกแฉะ แต่ในตอนนี้ก็หาได้มีใครสนใจไม่
พี่ไกรเอามือกุมเป้าของตนเอง เม้มปากพลางหลบสายตา ผมที่เห็นพี่แอบชำเลืองท่อนกามที่กำลังหลับอยู่ของผมก็พ่นลมขำไปทีนึง เมื่อรู้สึกตัว พี่ไกรก็หลบมามองพื้นที่เจิ่งนองด้วยความอับอายและประหม่า
ผมเดินเข้ามาประชิดร่างหนุ่มนักกีฬา ในใจอยากจะดึงมือที่กุมเป้าของพี่ออก แต่บังคับเองมันจะไปสนุกกว่าเจ้าตัวทำให้ได้ยังไง?
ผมเอียงคอ มือจับลูบไล้ไหล่กว้างและลำแขนของชายชาตินักสู้ ร่างชาตรีสะดุ้งกับมือที่ลูบไล้ตนเองอย่างแผ่วเบา พี่ไกรหายใจสั่นระรัว ลอนกล้ามหน้าท้องของนักมวยกระเพื่อมตามทุกการสัมผัสของผมอย่างคาดหวัง “พี่บิดบังผมอีกแล้วหรอ? นั่นมันไม่เท่เลยนะ” ผมพูดเปรยๆ ส่วนพี่ไกรที่ได้ยินก็เงยหน้ามาสบตาผมเหมือนขอร้องความเห็นใจ
ผมไม่ได้ใช้พลังสั่งพี่เลย พี่ที่รู้เช่นนั้นก็มองผมด้วยความลังเล ความรู้สึกอันหลากหลายเอ่อล้นออกมาให้ผมดูดซับ
พี่น้องสองคนกำลังจ้องตาซึ่งกันและกันในบรรยากาศที่อธิบายไม่ได้
ไม่นานนัก พี่ไกรสุดเท่ของผมก็ยอมแพ้ ชายหนุ่มละมือที่กุมเป้าตนเองออกเองอย่างว่าง่าย เผยให้เห็นส่วนที่เรียบเนียนปานหุ่นแต่งตัวไม่เหมือนมนุษย์
พยามังกรและถุงสมบัติที่เคยประจำอยู่ในตอนนี้ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย แน่นอน นี่เป็นเพราะพี่ไกรบังอาจปิดบัง และไม่ยอมบอกผมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่เราเล่นกัน ผมเลยลงโทษด้วยการไม่ให้มันใช้งานลำกระบองอันแสนภาคภูมิของมันเองไปอาทิตย์นึง
ผมเอานิ้วลากเป้าไร้ค่าของพี่ชายอย่างแผ่วเบา แต่พี่ไกรกลับยืนเกร็งตัวสั่น พี่ไกรกัดฟันแน่นพลางส่งเสียงฮึดฮัด แทบจะเหมือนตอนคนหลั่งสำเร็จสุขเลยด้วยซ้ำ หากแต่ไม่ว่าจะนานเพียงใด กลับไม่มีน้ำกามข้นออกมาให้สมปรารถนา พี่ไกรแทบสติเตลิดด้วยความมักมากในกามที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
“เหอะ” ผมพูดอย่างสมเพชก่อนจะดีดเป้าที่ว่างเปล่าของพี่ไกรไปเบาๆ พี่ไกรที่โดนเพียงสะกิดเดียวก็กัดฟันร่างสั่นระรัว ก่อนที่ชายชาตรีจะร้องครางส่งเสียงไม่ได้ศัพท์ ไม่เหลือคราบของหนุ่มนักชกสุดเท่ที่อยู่บนสังเวียนเลย
พี่ไกรได้แต่ขาอ่อนร่วงลงไปบนพื้นห้องน้ำ มือหยาบกร้านกุมเป้าที่เรียบเนียนของตนแน่น
ผมเป็นน้องที่ดี
ผมรอให้มันหยุดตัวสั่นเกร็งอย่างน่าเวทนา ก่อนที่ผมจะเดินโทงเทงข้ามพี่ไปใช้ฝักบัวล้างตัวสบายใจ “อย่ามัวชักช้า มานี่” ผมพูด
พี่ไกรที่นั่งสูดหายใจสักครู่ได้ยินผมก็ทำท่าจะลุกขึ้น แต่ผมที่ยืนดูหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของพี่ชายก็พูดต่ออย่างไร้เยื่อใย “ใครใช้ให้มึงลุก? คลานมา” “...ครับ”
หนุ่มผิวแทนได้ยินคำพูดของน้องตนเองก็เปลี่ยนท่าอย่างว่าง่าย ผมสัมผัสได้ถึงความอับอาย ความกลัว และความต้องการ ที่ออกมาจากร่างแกร่งยิ่งทำให้รู้สึกฮึกเหิม พี่ไกรค่อยๆคลานสี่ขาเข้ามาคุกเข่าตรงที่อาบน้ำ ผมเห็นดังนั้นก็เอาสบู่น้ำมาถูทั่วตัว น้ำสบู่เป็นฟองไหลโดนตัวหนุ่มนักกีฬา
“เอ่อ... กร.. จะให้ผมทำอะไรครับ?” พี่ไกรถาม สายตามองมาที่บางส่วนของผมอย่างคาดหวัง แต่ผมเพิ่งจะเสพสุขกับพ่อไปหมาดๆ พี่ไกรคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ
“อาบน้ำ” ผมตอบเปรยๆ เหมือนมันเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดในโลก พี่ไกรทำหน้าจ๋อย สายตามองเครื่องเพศผมละห้อย พี่ที่รู้ว่าตนจะต้องอาบน้ำก็พยายามจะลุกขึ้นแต่ผมก็ห้ามไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องลุกหรอก เข้ามาชิดๆสิพี่ มันจะได้ประหยัดสบู่” “ประหยัดสบู่? ยังไงครับ?” “ก็ใช้มือรองจากของที่กูใช้สิ หรือจะกวักจากพื้นมาก็ได้นะ น้ำสบู่มันสะอาดอยู่แล้ว”
พี่ไกรได้ยินก็ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก่อนที่พี่จะเข้ามาใกล้ขาผม อีกนิดเดียว หน้าพี่ก็แทบจะจูบท่อนเอ็นผมได้แล้ว แต่เมื่อพี่ไกรพยายามจะเอาหน้าถูเอ็นผม ผมก็หันตัวหลบ
เมื่อพี่รู้ว่าไม่มีการเล่นกันในเมนูก็ทำหน้าเสียดาย อดใจไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวก็สมใจจนซึ้งน้ำตาเล็ดแน่
เมื่อผมอาบน้ำถูสบ่จนคิดว่าสะอาดพอแล้ว ก็หันมาดูว่าพี่อาบน้ำอย่างไร พี่ไกรใช้มือรองน้ำสบู่ใช้แล้วที่ไหลผ่านตัวผมก่อนจะเอามาถูทั่วตัว น้ำสบู่ร่วงลงหัวด้วย จึงทำให้พี่ต้องสระผมด้วยน้ำสบู่นี่อย่างช่วยไม่ได้
ผมเห็นพี่ทำตัวแสนรู้ก็ประทับใจ ดึงฝักบัว เอาสายน้ำจ่อเป้าอันแสนบอบบางของพี่ไปเป็นรางวัล เมื่อผมมองดูพี่ที่ทำหน้าเสียว ตัวเกร็งจนเซลงไปนอนพื้นอย่างพอใจแล้ว ผมก็เอาสายน้ำล้างหัวและตัวพี่ทั้งๆที่พี่กำลังนอนอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ ไม่ลืมทิ้งท้ายบอก “เสร็จแล้วก็รีบๆเช็ดตัวออกมานะพี่ เดี๋ยวเราจะไปข้างนอกกัน” “แล้วก็... ไม่ต้องใส่เสื้อผ้านะ” พูดเสร็จ ผมก็เดินไปที่ห้องผมเพื่อจะเอาผ้าเช็ดตัว โดยไม่สนใจพี่ที่นอนบนพื้นห้องน้ำกับผ้าเช็ดตัวเปียกๆของมันเลย
หลังจากที่ผมเช็ดตัว ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ผมก็ชงกาแฟดื่ม เปิดดูโทรทัศน์รอพี่ชายของผมด้วยความตื่นเต้น ภาพในหัวคิดถึงการทดลองที่พวกเราจะทำกันวันนี้ ผมเชื่อว่ามันจะสนองพี่ไกรจนหายอยากแน่นอน
ละครแย่งผัวกัน ก็เดาเรื่องได้จนจบเหมือนเดิม โฆษณาที่กลายเป็นแค่สีสันฉูดฉาด ไร้ซึ่งวิญญาณเหมือนเดิม ข่าวกินบ้านกินเมืองแต่ไม่มีใครเถียงสู้ได้ ก็น่าเบื่อเหมือนเดิม ถึงแม้จะมีข่าวน่าสนใจ ว่ามีคนบ้าบอกว่าลูกตัวเองเปลี่ยนไป หรืออะไรพวกนี้ด้วยก็เถอะ
“อ้าวพี่ไกร! นึกว่าจะหลับคาห้องน้ำซะแล้ว” ผมที่ดูโทรทัศน์จนอารมณ์ฝืดเห็นขี้ข้าสุดน่ารักลงมาก็ยิ้มแป้น วางแก้วกาแฟในมือลง ใช้สายตาเชยชมหนุ่มตรงหน้าอย่างละเอียด
พี่ไกรสุดหล่อทำตามคำสั่งผมอย่างเคร่งครัด หุ่นลีนของนักมวยคนนี้ยืนเปล่าเปลือย เผยให้เห็นทุกมุมของร่างกาย หากแต่จุดกามของตนกลับไม่มีร่องรอยของอวัยวะเพศอยู่ จึงทำให้เหมือนเป็นตุ๊กตาเคน ไซส์เสมือนจริง มากกว่ามนุษย์เสียอีก แต่ผมสังเกตว่าขอบตาของหนุ่มหน้าคมชื้นและแดงนิดๆด้วย
“เราจะออกไปกันทั้งอย่างนี้จริงๆหรอครับ? ถ้ามันมีคนจำเราได้ล่ะ?” พี่ไกรถามด้วยความกลัว แต่ผมก็เตรียมคำตอบไว้แล้ว “ไม่ต้องคิดมากหรอกพี่ไกร มีผมทั้งคน” “แต่ก่อนอื่น..” ผมลุกขึ้นมาจากโซฟาที่เคยเป็นจุดที่ครอบครัวของพวกเราเล่นกัน ก่อนจะเดินเข้าหาพี่ชายตนเอง
เมื่อเห็นผมเดินเข้าไปหา พี่ไกรก็เผลอถอยหลังไปครึ่งก้าว เมื่อพี่ไกรรู้ตัวจึงหยุดถอยหลังก่อนจะหลับตาปี๋ ในใจคิดว่าตนจะต้องโดนลงโทษหรือเล่นอะไรแน่ๆ
ผมลูบแก้มของพี่อย่างอ่อนโยน นิ้วโป้งเช็ดคราบน้ำตาที่ยังเหลืออยู่ตรงขอบตาของพี่ไกรออก “พี่ไกรไม่ชอบหรอครับ? ในห้องน้ำนั่นน่ะ...พี่พูดได้เสมอนะ” พี่ไกรได้แต่พยักหน้าเม้มปาก ความรู้สึกอับอายและน้อยใจเผยออกมาให้ผมรับรู้อย่างช่วยไม่ได้
หนุ่มกล้ามแน่นตรงหน้าค่อยๆพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “ผม.. ไม่ได้ไม่ชอบที่กร... มองผมหรือทำกับผมแบบนั้น” “แต่ตอนที่กรเดินออกไป ทิ้งให้ผมอยู่ในห้องน้ำมัน.. มัน..” “ชู่ว...” ผมเอานิ้วชี้มาทาบริมฝีปากของพี่ไกรที่เริ่มน้ำตาคลออีกครั้ง
การทำให้ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ทำให้ผมดูดซับความรู้สึกนึกคิดของพี่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ความโดดเดี่ยว ว่างเปล่า และไร้ค่า ที่พี่ไกรรู้สึก มันทำให้ผมรู้สึกผิดกับจินตนาการณ์ของผมที่นึกอยากจะให้พี่ไกรเจอประสบการณ์จิ๋มกระป๋องแบบเดียวกับพ่อ
นี่ทำให้ผมตระหนักขึ้นมาอีกครั้งว่าพ่อกับพี่ ไม่ใช่จะเหมือนกันทุกเรื่อง
“กรขอโทษนะพี่ไกร... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่สามารถเรียกกรได้ตลอด กรจะรีบมาหาพี่เสมอ เชื่อกรสิ” ผมว่าแล้วก็จุมพิตพี่ไกรอย่างแผ่วเบา พี่ไกรก็หลับตา น้ำตาที่ร่วงเป็นหยาดชำระล้างความเศร้าที่พี่รู้สึก พี่ไกรที่โดนผมจูบก็ค่อยๆดึงตัวผมมากอด พี่ไกรเปลี่ยนการจุมพิตเบาๆเป็นการจูบอย่างดูดดื่ม จุดที่เรียบเนียนพยายามถูกับเป้ากางเกงของผม ส่วนมือก็ค่อยๆแอบเอื้อมลง จะคว้าเจ้ากรที่แอบในกางเกงในผมอย่างซุกซน
“อ๊ะๆ อย่าซนสิครับพี่ ผมเพิ่งเล่นกับพ่อไปเมื่อเช้านี้เอง ยังไม่มีอารมณ์” ผมตีมือของคนแอบฉวยโอกาสเบาๆ “ยังหนุ่มยังแน่นก็ยอมแพ้ยกสองซะแล้ว ผมน่ะสู้ทุกยกทั้งวันก็ได้นะ ไม่อยากจะอวด” พี่ไกรที่กอดผมอยู่ก็ยิ้มยกคิ้วอย่างท้าทาย ร่างที่เปล่าเปลือยของนักมวยสุดเท่ส่งความร้อนผ่านเนื้อผ้าที่ผมสวมใส่ มันเกือบจะทำให้ผมควบคุมสติไม่อยู่ จับพี่เล่นตรงนี้เสียแล้ว
“เหอะ เหม็นปากคนขี้โม้ว่ะพี่” ผมละตัวออกมา นึกถึงช่วงในอดีตที่เราสองพี่น้องต่อล้อกันเป็นชั่วโมงกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ตั้งแต่วันที่ผมตื่นพลัง พี่ไกรสุดกวนก็หายไป เหลือแค่ทาสที่กลัวนายของตนทุกการกระทำ
แต่ในที่สุด วันนี้พี่ไกรคนเดิมก็กลับมา แม้อาจจะแปดเปื้อนเปลี่ยนไปด้วยความวิปริต เป็นกรรมที่ผูกชะตาของตระกูลเรามาอย่างช้านานก็ตาม
“เรากำลังจะออกนอกบ้านแล้ว อ่ะ เอานี่ไปครับพี่” ผมโยนปลอกคอและสายจูงสุนัขให้หนุ่มหน้าคมที่เปลือยเปล่า ส่วนพี่ไกรที่คว้าไว้ก็ทำหน้าสงสัย “บ้านเราไม่มีหมานี่ครับกร? กรให้ผมทำไม?” “บ้าแล้วพี่ไกร มันคือของที่ใช้ลากต่างหาก” ผมพูดพลางทำหน้านิ่งที่สุด ไม่ยอมหลุดปล่อยหัวเราะออกมาสักแอะ “ใช้ลากของ? ลากอะไรครับ?” พี่ไกรยกสายจูงมาจ่อหน้าตัวเองก่อนจะมองรอบตัว หาของที่น่าจะเอามาลากด้วยสิ่งที่ถือในมือได้
“ใช้ลากพี่ไง ที่กรบอกจะทำการทดลองน่ะ” ผมพูดพลางเลียริมฝีปาก “ตลกละ! ผมไม่ใช่สิ่งของสักหน่อย!” พี่ไกรแย้ง “แต่คนอื่นไม่จำเป็นต้องรู้สักหน่อยนี่นา” ผมยิ้ม ส่วนพี่ไกรที่ได้ยินก็ขมวดคิ้ว สายตามองมาที่ผมอย่างผิดสงสัย “ก็ในเมื่อ... พี่ไม่เหมือนคนอื่นตรงนี้!! นี่นา” ผมกำแน่นตรงจุดที่แตกต่างไปทีนึง ทำเอาพี่ครางเสียงหลง ขาอ่อนยวบ ส่วนผมก็คว้าสายจูงที่หลุดจากมือของพี่มา
“กรก็จะหลอกคน ว่าพี่คือหุ่นที่กรใช้ทำโมเดลให้เยอะที่สุดเป็นไง จ๊าบป่าว?” ผมใช้นิ้วควงปลอกคอสุนัขในมือเล่น ส่วนตาก็มองพี่ที่นั่งกุมเป้าตัวเองอยู่พลางยิ้มเยาะอย่างกวนตีน “ซี้ด... ไอ้.. ไอ้กร..” หนุ่มแกร่งเงยหน้ากัดฟันมามองผม
อารมณ์ที่ผมสัมผัสได้ก็ชัดเจนบนหน้าพี่ไกรจนไม่ต้องอธิบาย ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี่ พี่ไกรคงจะลุกขึ้นมาเตะผมเสียแล้ว แต่ในตอนนี้ผมมีอาวุธลับน่ะสิ
“เอาหน่าพี่ กรรู้ว่าพี่อยากได้อะไรนะ” ผมพูดเสร็จก็เดินเข้าประชิดพี่ไกร อาวุธลับที่อยู่ในกางเกงของผมจ่อหน้าพี่อย่างเชื้อเชิญ ส่วนพี่ไกรก็ไม่พลาดโอกาส เอาหน้าซุกเป้าสูดดมจนสุขใจ
“ถ้ากรทดลองเสร็จแล้ว กรจะให้พี่ขอกรอะไรก็ได้อย่างนึง เป็นไง?” เมื่อผมให้อาหารเรียกน้ำย่อยจนพี่พอใจแล้วก็ละออกมา มือทั้งสองกุมแก้มของพี่ ยกให้พี่เงยหน้ามาสบตาผม
“เชื่อใจกรสิครับคนดี” ผมพูดออกมาอย่างอ่อนโยน พี่ไกรที่ได้ยินก็เหมือนต้องมนต์สะกด ร่างแกร่งปลดปล่อยอารมณ์ความอบอุ่น ความสุข และ... ความรัก
ความรักที่ผิดเบี้ยวเกินไปของสองพี่น้อง ความรักที่สร้างบนพื้นฐานของทาสและนายของมัน ความรักที่อยู่ระหว่างสองคนเคียงข้างชั่วฟ้าดินสลาย ความรักที่งดงามและน่าสะอิดสะเอียน
“ตั้งแต่วันนี้... และตลอดไปนะครับ... พี่ไกรสุดเท่ของผม” ผมสวมปลอกคอให้พี่ชายของผมที่เงยหน้ามองตาผมไม่กะพริบ หนุ่มเข้มเงียบไปเสียพักหนึ่งก่อนจะยอมรับในชีวิตวิปริตของตน “ครับ... ตั้งแต่วันนี้... และตลอดไป...”
“เฮ้ยเจ้ากร! ทำไมไอ้ไกรทำอย่างนั้นวะ!?” ลุงแถวบ้านที่ปั่นจักรยานหยุดทักมาอย่างตกใจ แน่ล่ะ ถ้าเห็นพี่ไกรเดินโป้เปลือย มีแค่ปลอกคอใส่ให้ผมจูง คนรู้จักก็น่าจะตกใจน่าดู
“อย่าตกใจสิลุง ดูดีๆสิ นี่ไม่ใช่พี่ไกรสักหน่อย มนุษย์ที่ไหนจะมีเป้าอย่างนี้” “เอ๊ะ?” ลุงที่หยุดทักอย่างตกใจ ก็ค่อยๆคิดตามก่อนจะทำหน้าสงสัย ลุงโชคเดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะเอามือจับลูบแขนล่ำๆของพี่
“แปลกว่ะ จับแล้วอย่างกับเนื้อมนุษย์..” “หุ่นโมเดลตัวใหม่ของผมเองครับ มีตัวเดียวในโลกนะจะบอกให้” “เหมือนเจ้าตัวโคตรๆ คงจะแพงหูฉี่เลยล่ะสิ...” “เปล่าหรอกครับ ไอ้เนี่ย ผม ทำเองกับตีนเลยนะ” ว่าแล้วก็เอามือลูบเป้าอันเรียบเนียนของพี่ “ฮ่าๆ ตกไทยแล้วมั้งไอ้กร เค้าใช้คำว่าทำเองกับมือต่างหาก” “อ่าวหรอครับ แหม่ ปกติไม่ค่อยพูดไทยไงครับ เดี๋ยวนี้ผมติดสปีกอิงลิช” ในระหว่างที่พวกเราสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน สายตาของคนละแวกแถวบ้าน ก็มองอย่างสงสัยในร่างที่เปลือยเปล่าของพี่ไกร แต่เพียงไม่นาน พวกเขาทุกคนก็คิดว่ามันเป็นแค่หุ่นธรรมดา ก่อนที่จะละสายตาไป
“เออ โชคดีเว้ย” “ครับ สวัสดีครับลุง” ผมโบกมือลาด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อลุงคนนั้นหันหลัง รอยยิ้มที่ประดับหน้าผมก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ความรู้สึกอิจฉาริษยาในความร่ำรวยของผม แผ่ออกมาจากตัวของลุงที่เดินจากไป ไม่ว่ามันจะมากน้อยแค่ไหน ความรู้สึกอันน่ารังเกียจ ก็ยังเป็นความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากใจของตัวมันเองอยู่ดี น่ารำคาญชิบหาย...
ละอองความดำมืดของมนุษย์ลอยล่องคลุ้งไปหมด นี่ขนาดยังเป็นแถวหมู่บ้านผู้คนน้อย ที่พ่อเตรียมมาอย่างดีแล้วนะ ถ้าเป็นในเมือง ผมล่ะไม่อยากจะคิด ว่าคนที่ไวต่ออารมณ์อย่างผมจะเป็นอย่างไร
คำพูดของพ่อที่บอกว่าผมยังไม่พร้อมน่าจะจริง สักวันผมน่าจะพร้อมกลับมาใช้ชีวิตในเมืองได้เกือบเหมือนคนปกติ แต่นั่นไม่ใช่ตอนนี้...
ผมกระตุกสายจูงที่อยู่ในมือด้วยอารมณ์ที่เริ่มขมุกขมัว หุ่นตัวนี้ก็เดินตามผมมาอย่างว่าง่าย โดยที่ไม่มีใครคิดสงสัยเลยสักคน
เมื่อผมเดินมาอีกละแวก ก็เห็นพวกวัยรุ่นสามคนกำลังนั่งเล่นกัน ผมกล่าวทักทายอย่างเป็นมิตร พวกน้องๆจะเชื่อใจผมเสมอ
“เฮ้ย น้อง! เบื่อป่าว?” วัยรุ่นใส่แว่นร่างผอมแห้ง ที่กำลังดูหนังสือกับเพื่อนก็หันมามอง เมื่อเห็นหุ่นที่ผมจูงมาก็ทำหน้าตกใจ “ทำไมพี่จูงคนโป้มาครับพี่!?”
ได้ยินเพื่อนตนเองพูดขึ้น วัยรุ่นผิวดำแดงท่าทางเกเรใส่เสื้อนักเรียนย่นยู่ ก็ละสายตาออกมาจากโทรศัพท์ในมือ ก่อนจะมองหุ่นเปลือยตรงหน้าตาค้าง หนุ่มน้อยอาตี๋สมส่วนอีกคนที่นั่งอ่านหนังสือเล่มเดียวกันกับน้องแว่น ก็เงยหน้ามาดูตาม ก่อนจะอ้าปากเหวอตามไปติดๆ
“เย็ดเข้... พี่แม่งเจ๋งว่ะ โคตรกล้าเลย” เด็กเกยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมา “ขอเซลฟี่ลงแอพได้ป่าวพี่ เดะเซนหน้าให้” เด็กหนุ่มมองกล้ามหน้าท้องของหุ่นเหมือนผ่านๆ แต่ผมสัมผัสได้ถึงความกระหายในใจได้เป็นอย่างดี
วัยรุ่นเกเรคนนี้ที่แท้ก็ผีเผ่าเดียวกัน
“เฮ้ย อย่าถ่ายเลยออม! มันไม่ดีนะเว้ย..” เด็กแว่นเนิร์ดท้วง ส่วนน้องตี๋มองหุ่นอย่างไม่ละสายตา... แต่เมื่อสายตาของพวกน้องๆมองหุ่นจนไปถึงเป้าของหุ่นตัวนี้ แก็งวัยรุ่นก็ทำหน้าสงสัยตกใจถามผมทันที
“เอ่อ... ค.. ควยเค้าหายไปไหนอ่ะครับพี่?” วัยรุ่นหน้าจีนถามด้วยความงุนงงและสนใจ “คนมันจะไม่มี.. ไอ้นั่นได้ยังไงล่ะยุ.. เค้าน่าจะใส่อะไรครอบแน่ๆ..” หนุ่มแว่นทักเพื่อนตนด้วยทฤษฎีในหัว แต่ผมจะพิสูจน์ทฤษฎีให้น้องเค้าเอง
“ไม่มีหรอกน้อง เนี่ยมันแค่หุ่นโมเดลของพี่เอง ดูดีๆสิ” ผมเดินเข้ามาใกล้ๆพลางดึงมือน้องแว่นมาจับเป้าของหุ่นตัวนี้ ส่วนน้องที่เพิ่งเข้าใจในหัวว่ากำลังจับส่วนไหน ของอะไร ก็ตัวแข็ง แต่พอตั้งสติ คิดได้ว่าตรงหน้ามันแค่หุ่น มือก็ค่อยๆลูบเป้าที่ว่างเปล่าของมันด้วยความอยากรู้
“หุ่นพี่ใช้วัสดุอะไรอ่ะครับ มันไม่ใช่ผ้าแน่ๆ จับแล้วอย่างกับหนังคน” ว่าแล้ว มือหนุ่มน้อยก็จีบหนังตรงส่วนนั้นลูบถูเหมือนวิเคราะห์เนื้อผ้า ส่วนหุ่นเมื่อโดนทำเช่นนั้นก็ร่างเกร็งสั่น สร้างความตกใจให้กับพวกแก็งวัยรุ่นอย่างมาก
“เฮ้ย!! ห..หุ่นพี่ขยับเองอ่ะ!” น้องแว่นผงะออกมา เด็กหนุ่มเกเรหน้าซีด “ผ.. หุ่นผี..” ส่วนวัยรุ่นอาตี๋ได้ยินเพื่อนพูดก็ขยับตัวยุกยิก สีหน้าไม่สบายใจ ความคิดของทั้งสามคนเริ่มค่อยๆกระจ่างชัดขึ้นเรื่อยๆเหมือนกำลังจะตื่นจากฝันกลางวัน.. ผมที่สัมผัสได้ว่าการควบคุมของตนเองกำลังจะหายไปก็รีบหาข้ออ้าง
“เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ หุ่นตัวนี้มันขยับได้เพราะเป็น.. เอ่อ.. หุ่นยนต์!” ทั้งสามคนได้ยินก็หยุดชะงัก แต่หลังจากนั้นก็แสดงอาการแตกต่างกันไป “เฮ้อ... นั่นน่ะสิ ผีไม่มีจริงซะหน่อย ส่วนหุ่นตัวนี้ก็น่าจะไม่ใช่คนอยู่แล้ว มันเป้าเรียบจนไม่มีที่ให้ซ่อนไอ้นั่นเลย” น้องแว่นได้ยินข้ออ้างก็หลงกลเข้าสู่ความคิดที่ผมต้องการอย่างง่ายดาย “อ่า.. ม.. ไม่ใช่ผีใช่มั้ยครับพี่..กลางวันแสกๆ แหะๆ..” หนุ่มน้อยผิวดำแดงขำแห้งๆ สายตามองหุ่นพะว้าพะวง ไม่โดนควบคุมง่ายๆ ส่วนอาตี๋มองผมด้วยสายตาสงสัย
อ่า.. แย่ละ..
“มันคือเอไอที่คนเค้าคุยกันไง.. เอ่อ.. เอางี้ เดี๋ยวพี่ให้ลองเล่นกับหุ่นตัวนี้เป็นไง ฟังดูน่าสนุกมั้ย?” ผมพยายามให้ทั้งสามคนรู้สึกและคิดใกล้เคียงกันมากที่สุด ผมรู้สึกได้ตามสัญชาตญาณว่านั่นจะทำให้น้องๆตกหลุมได้ง่ายกว่า
“อืม...” น้องหน้าจีนส่งเสียงอืมลอยๆเหมือนคิด “หุ่นเอไอ? มันน่าสนใจดีนะครับพี่ ผมของลองดูหน่อยสิ” น้องแว่นที่เข้าสู่ความคิดที่ผมต้องการเรียบร้อยก็เสนอตัวก่อนใครเพื่อน “เอ่อ พายุ มึงก็มาดูด้วยสิ..” เด็กเกเรที่เดินเข้ามาหาหุ่นก็ดึงอาตี๋มาด้วย แสร้งว่าตนไม่ได้จะขนลุกกับเรื่องผีๆสางๆเมื่อครู่ น้องคนนั้นที่เหมือนจะเริ่มสงสัยในตัวผม หรือก็คือน้องพายุ ยอมโดนเพื่อนลากมาโดยดี
หนุ่มแว่นกำลังเอามือลูบไล้กล้ามเป็นมัดๆ จับแขนจับขาของหุ่น เหมือนนักวิจัยกำลังพิจารณาร่างของสัตว์ทดลอง
“เป็นไงบ้างหิน?” พายุถามน้องแว่นอย่างลองเชิง น้องแว่นหรือน้องหิน ที่ได้ยินก็พูดออกมา “หุ่นตัวนี้ไม่เย็นเหมือนที่เราคิดไว้เลย มันอุ่นๆทั้งตัว นี่เป็นเพราะข้างในมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รึเปล่าครับ?” น้องแว่นพูดสิ่งที่ตนค้นพบพลางหันมาถามผม ส่วนวัยรุ่นผิวดำก็พูดลอยๆออกมา
“...มันดูเหมือนคนมากเลยนะครับพี่... เหมือน.. มีชีวิตเลย..” เด็กเกมองหุ่นด้วยความลังเล หินที่ได้ยินก็พูดกลับทันที “โธ่ เมฆ ผีเผอมันไม่มีจริงหรอกน่า ทำเป็นกลัวไปได้” เด็กหนุ่มผิวดำแดงได้ยินก็หน้าบึ้ง “กูไม่ได้จะพูดเรื่องผีอะไรสักหน่อยไอ้หิน! ไม่ได้จะกลัวหรอก ผีอ่ะ” วัยรุ่นเกเรผิวดำแดง หรือน้องเมฆ แย้งกลับมา
“เอาหน่าๆ ไม่ต้องเถียงกัน หุ่นตัวนี้มันเป็นหุ่นล้ำสมัยมากเลยนะ ไม่ว่าจะทำอะไร ระบบของมันก็จะตอบสนองเหมือนคนจริงๆเลย ลองเล่นกับมันดูสิ” ผมพูดไกล่เกลี่ย พยายามให้ทั้งสามคนตกอยู่ในความคิดที่ผมกำหนด แต่เป้าหมายหลักในตอนนี้ของผมก็คือ...
“เหมือนมนุษย์ทุกอย่างจริงๆหรอพี่?” พายุน้องวัยรุ่นคนไทยเชื้อสายจีน ถามผมด้วยสายตาสงสัย ผมที่สัมผัสถึงความคิดในหัวของน้อง รีบออกตัวก่อนทันที
“..ใช่แล้ว น้องจะลองทำอะไรกับมันก็ได้ แต่อย่าเล่นแรงนะ วัสดุมันหายากน่ะ” ผมพูดรับหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจเหงื่อแตกพลั่ก น้องคนนี้เห็นติ๋มๆ ไม่นึกว่าในหัวคิดจะต่อยหน้าท้องหุ่นอย่างไม่ใยดี
ทำไมการควบคุมความคิดหลายๆคนมันช่างยากเย็นขนาดนี้...
หรือเป็นเพราะ พ่อกับพี่ชาย ถูกสั่งให้ยอมโดนผมเล่นเป็นปกติกันนะ...
น้องพายุได้ยินกติกาก็ขออย่างอื่นแทน “งั้นพี่ให้มันนอนบนโต๊ะหินอ่อนนี่ได้มั้ยครับ?” เด็กหนุ่มถามผมด้วยสีหน้าใสซื่อ “อืม ได้สิ” ผมทำการกวักมือ หุ่นที่เห็นก็เดินไปนอนบนโต๊ะหินอ่อนอย่างว่าง่าย
“....” แต่สายตาของน้องพายุกลับหรี่ลง อารมณ์ที่สัมผัสได้คือ ความมั่นใจ และความต้องการ ทำไมกัน?
“โห หุ่นตัวนี้ฉลาดมากเลยนะครับ แค่กวักมือ กล้องในตามันก็ประมวลผลตามคำสั่งได้เลย แถมมันรู้ด้วยว่าจะให้ไปนอนบนโต๊ะหิน” หินพูดออกมาอย่างประทับใจ แต่ผมที่ได้ยินก็รู้ว่าไอ้หุ่นพลาดท่าน้องพายุตรงหน้าเสียแล้ว
แย่ล่ะ...
ผมหน้าเครียดทันที ในใจคิดว่าอาจจะต้องล้มเลิกการทดลองนี่ แล้วใช้พลังควบคุมน้องพายุอย่างเต็มตัวให้ลืมเรื่องทุกอย่าง... แต่ไม่ทันที่ผมจะลงมือ น้องพายุก็เดินไปหาเจ้าหุ่นที่นอนบนโต๊ะหินอ่อน แล้วจับหุ่นมันยกขาอ้า แล้วทำในสิ่งที่ผมไม่ทันได้คิด
“!!” เจ้าหุ่นถึงกับขากระตุก เพราะน้องพายุเอาปากกาแหย่เข้ารูบริสุทธิ์ของมัน ไอ้หุ่นตัวแข็งเกร็ง ร่องรักที่โดนสิ่งแปลกปลอมแหย่เข้ามาก็หนีบต้านเสียเต็มที่แต่ก็มิอาจสู้มือน้องพายุได้ ปากกาที่เย็นเฉียบรูดเข้าออกตรงริมประตูคงทำให้ไอ้หุ่นรู้สึกคันร่องของมันยุบยับอย่างแน่นอน มือที่วางทาบตัวก็กำแน่น และปากไอ้หุ่นก็หลุดเสียงอือเบาๆ
“เฮ้ยไอ้ยุ! นายเอาปากกาของเราเข้าไปแหย่มันได้ยังไงกัน” หินร้องออกมาด้วยความรังเกียจก่อนจะนิ่งไป ทำหน้าขมวดคิ้วสงสัย “รังเกียจทำไม? มันแค่หุ่นนี่?” พายุเอ่ยปากบอกเพื่อนๆด้วยตัวเอง ผมได้แต่มองน้องเจ้าเล่ห์คนนี้ เดาว่าน้องวางแผนอะไร แต่ไหนๆโอกาสมาถึงแล้ว ผมก็จะฉวยมันไว้
“เอ้า เข้ามาสิน้อง เนี่ยลองจับดู พี่รับรองว่าน้องจะอึ้งที่ไอ้หุ่นมันสมจริงมาก” ผมเชิญชวนให้หนุ่มน้อยเมฆเข้ามาจับตัวหุ่น จากที่สัมผัสได้คร่าวๆ น้องก็เป็นคนชอบแนวเดียวกันกับผม น่าจะต้องมนต์อำนาจผมได้โดยง่าย
และมันก็จริงอย่างที่ผมคิดไว้ น้องเมฆเดินเข้ามาด้วยสายตากระหาย ไม่สามารถปกปิดเอ็นที่ตื่นเต้นของตนใต้กางเกงได้ เมฆจับหน้าอก ลากมือลูบหน้าท้องแกร่ง ก่อนจะหยุดมากุมที่เป้าอันว่างเปล่าของหุ่น
“โห จริงด้วยพี่... กล้ามจับโคตรแน่นเลย... ผิวเหมือนเนื้อคนมาก” เมฆพูดแล้วก็กลืนน้ำลาย นิ้วมืออีกข้างเอื้อมไปดีดหัวนมของหุ่น หุ่นที่ได้แต่นอนรับการกระทำของหนุ่มน้อยทั้งสองคน ได้แต่เผยอปากน้ำลายไหล ส่วนน้องหินที่เห็นหุ่นครางออกมา ก็เดินมาสำรวจหน้าของหุ่น
“โหพี่ ทำไมมีน้ำออกมาจากปากหุ่นด้วยล่ะครับ?” น้องหินเอานิ้วแหย่ลงปากของไอ้หุ่น ส่วนไอ้หุ่นมันเมื่อมีของเข้าปาก ก็ทำการดูดเลียสนอง
น้องหินที่รู้สึกถึงนิ้วของตนโดนดูด ก็ดึงนิ้วตัวเองออกมา น้ำลายไหลเชื่อมเป็นทาง “อี๋..” น้องหินเอานิ้วที่เปื้อนน้ำลายปาดเช็ดกับหน้าของหุ่น แต่เมื่อคิดว่าเส้นผมของหุ่นน่าจะเช็ดได้ดีกว่า ก็ย้ายมือไปเช็ดที่หัวของหุ่นแทน
“มันเป็นหุ่นที่สามารถใช้เล่นอย่างว่าได้น่ะน้อง” ผมพูดกับน้องหินเบาๆ ส่วนเด็กเนิร์ดที่ได้ยินก็หน้าซีด
“อ.. เอาของเล่นพวกนี้มาข้างนอกมันไม่ดีนะครับ.. ล.. แล้วมันเป็นของผิดกฎหมายด้วย” หนุ่มแว่นว่าด้วยสีหน้าเขินอาย ในหัวนึกถึงสิ่งที่นิ้วตนเพิ่งรู้สึกไป... “เอาหน่าหิน ของแปลกตาแบบนี้ไม่ได้จะมีมาง่ายๆนะ ถือซะว่าเป็นประสบการณ์” พายุพูดออกมา “ใช่แล้วน้อง นี่มันคือการทดลองประสิทธิภาพของหุ่นน่ะ ไม่ต้องคิดมาก” ผมช่วยออกเสียงสนับสนุน มือพลางจูงน้องหินมาดูรูรักที่กำลังโดนปากกาเสียบอยู่ของไอ้หุ่นตัวนี้ ส่วนพายุที่เป็นคนถือปากกาก็ผละออกมาอย่างว่าง่าย
“นี่ ลองดูนี่สิ” ผมเอาปากกาเข้าออกจากรูไอ้หุ่นเบาๆ ขอบเนื้อของรูกาม เลื่อนตามสิ่งแปลกปลอมอย่างน่าพิศวง แต่อย่างไรปากกามันก็เล็กและแหลมไป ผมไม่อยากให้ไอ้หุ่นตัวดีมันโดนจิ้มจนเป็นแผล จึงดึงปากกาออกมา สายตาลาดเลาหาอย่างอื่นมาแทน
“พี่กลัวใช้ทดลองแล้วมันพังน่ะ ลองเอาอันนี้ดูก่อน” ผมว่าแล้วก็หยิบสิ่งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเอามาให้น้องเมฆ “เอ่อ... นี่มันขวดแก้วน้ำอัดลมนี่ครับ?” น้องเมฆมองขวดแก้วสีใสในมือด้วยสีหน้าหนักใจ ต่อให้ไอ้หุ่นตัวนี้จะเป็นของเล่นทางเพศ แต่เอาขวดแก้วมาใช้ในทางที่ผิดนี่จะดีจริงๆหรือ?
“หรือน้องอยากจะให้พี่ใช้งานมันจริงๆให้ดูตรงนี้เลยล่ะ” ผมพูดยิ้มๆ ส่วนน้องแว่นที่ได้ยินก็หน้าแดงก่อนจะส่ายหน้ารัวๆ “ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่หุ่นผู้หญิงก็เถอะ... พวกผมลองเล่นดูหน่อยไม่ได้หรอพี่..” วัยรุ่นผิวดำแดงพูดออกมาอย่างหิวกระหาย ในหัวไม่ได้คิดเรื่องการแสดงกามกลางวันแสกๆแล้ว มือลูบไล้ร่างของหุ่นแทบจะทุกส่วนด้วยความอยาก แม้ปากจะเอ่ยข้ออ้างของชายแท้ แต่ในใจก็ไม่สามารถซ่อนความต้องการที่แท้จริงจากผมได้
“ใช้ของคนอื่นมันไม่สะอาดนะ พี่ให้น้องๆเล่นกันแค่นี้มันปลอดภัยกว่า” แต่ผมไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งของของผมหรอก
พายุที่ดูอยู่ก็ไม่อยากยืนนอกวง จึงเอ่ยปากออกมา “เหอะ ไอ้เมฆ นี่มันกลางแจ้งนะเว้ย มึงจะมาถอกควยอะไรตรงนี้วะ? มีแต่พวกโรคจิตร่านๆเท่านั้นแหล่ะ ที่จะถอดเสื้อผ้าให้คนเค้าดูเล่น” พายุพูดเสร็จ ก็เดินหยิบปากกาที่เพิ่งเอาออกจากรูของไอ้หุ่นสดๆร้อนๆ มากดปากกาเขี่ยหัวนมของไอ้หุ่น ส่วนมันที่ไม่ได้รับคำสั่งให้ทำอย่างอื่นนอกจากนอนบนโต๊ะหินอ่อน ก็ทำได้แค่ยอมรับชะตากรรมของมันโดยดี
แม้ว่ามันจะเสียวขนาดไหนจากมือสากๆของไอ้เมฆที่ลูบตัวและเป้าของมัน หรือจากการใช้ปากกาเขี่ยหัวนมโดยไอ้พายุ มันก็ทำได้แค่หลับตาปี๋ กัดฟัน กำมือแน่น หายใจไม่เป็นจังหวะ จากการจู่โจมของเหล่าเด็กหนุ่มเท่านั้น
แต่ยังเหลืออีกวัยรุ่นอีกคนที่กำลังยืนดูภาพตรงหน้าอยู่ หินได้แต่ลังเลใจ และมองเพื่อนๆของตนทดสอบใช้งานไอ้หุ่นเสียคะนองมือ หินกลับมามองรูสำหรับการใช้งานของไอ้หุ่นอีกครั้ง ก่อนจะกลืนน้ำลายดังเอื้อก
หินค่อยๆเอานิ้วแหย่เข้าไปในร่องกามของไอ้หุ่น ความอุ่นนุ่มและการขยับของผนังข้างใน มันช่างน่าเชื้อชวนเสียจริง หินลองใช้นิ้วกวาดร่องของไอ้หุ่นให้ทั่ว แม้จะรู้สึกว่าไอ้หุ่นมันเกร็งรูสู้ แต่หินก็คิดว่าเป็นเพราะวัสดุมันยังยืดหยุ่นไม่พอเท่านั้น หินสรุปได้แล้วจึงค่อยๆเปลี่ยนจากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว จากสองนิ้วเป็นสามนิ้ว โดยไม่สนแรงต้านของไอ้หุ่นเลย แค่นี้ไอ้หุ่นมันก็เริ่มร้องเสียงหลงเสียแล้ว
ไอ้หุ่นแก้มแดงน้ำตาเล็ด ลมหายใจสั่นระรัว ทำเอากล้ามท้องที่เป็นลอนๆกระเพื่อมตาม สติของไอ้หุ่นกระเจิดกระเจิงเพราะการโดนจู่โจมจากทั่วทั้งร่าง และการอยู่ในที่สาธารณะที่มีคนเดินผ่านมองมันไปมา ถ้ามีใครสักคนถ่ายมันล่ะก็...
แต่สายตาที่กรจ้องมองมันในสภาพนี้ กลับแทบทำให้บ้าเสียยิ่งกว่าถ้ามันโดนประจานบนโลกอินเตอร์เน็ตเสียอีก
แต่กรรมเก่าชาติที่แล้วมันคงยังชำระไม่หมด เพราะไม่ทันได้รวบรวมสติสูดลมหายใจ น้องหินตัวดีก็เอาขวดแก้วสอดเข้าตัวมัน โดยไม่สนใจว่าไอ้หุ่นจะร้องหรือมือมันจะกระดิ้นกระดอนยังไง มีเพียงพายุที่ตีมือของไอ้หุ่นอย่างเสียอารมณ์ กับไอ้เมฆที่จับแขนมันแน่นด้วยความรำคาญเท่านั้น ไอ้หุ่นก็ได้แต่ยอมจำนน เอามือกุมของโต๊ะหินอ่อนแน่น นอนให้ไอ้เด็กเนิร์ดเสียบขวดแก้วเข้าออกพลางมองรูของมันตาไม่กะพริบแต่โดยดี มีเมฆจับลูบไล้ร่างมันอย่างหื่นกระหาย และไอ้น้องหน้าติ๋มจู่โจมจุดประสาทเสียวของมันอย่างแม่นยำ
สุดท้ายแล้วสภาพของไอ้หุ่นตรงหน้านี่ก็ดูไม่ได้เลย... ผมปล่อยให้น้องๆเค้าทดลองกับร่างของไอ้หุ่นจนกว่าแก๊งวัยรุ่นจะสบายใจ และในที่สุด ผมก็สามารถทำให้หินกับเมฆตกอยู่ภายใต้ความคิดที่ผมต้องการได้สำเร็จ และถึงแม้ผมจะควบคุมพายุได้ครึ่งๆกลางๆ แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
ผมมองไอ้หุ่นตัวนี้พลางถอนหายใจ ร่างของมันชุ่มด้วยเหงื่อ และมันหายใจหอบอย่างอ่อนล้า มันนอนคว่ำก้นโด่งบนโต๊ะหินอ่อน แขนปล่อยทาบโต๊ะหมดแรงแม้จะพยุงตัว ร่องกามของมัน มีทั้งกระดาษที่ม้วนจนเป็นแท่ง ปากกา และแม้แต่ก้อนยางลบยัดเข้าไป
ทั่วตัวมีรอยหมึกเขียนเป็นคำสรรเสริญต่างๆนาๆของเจ้าหนุ่มพายุ หุ่นล่อควย ตัวร่าน ของเล่นโรคจิต นี่แค่ไม่กี่คำจากที่เด็กหนุ่มเขียนให้สนุกมือเท่านั้น ไม่นับภาพจิตรกรรมปลัดขิกทั่วร่างของเมฆ หรือการเขียนบรรยายร่างของมันเหมือนรีวิวสินค้าของหินตรงแก้มก้น ตรงเป้า หรือแม้แต่ตรงหน้าอก
ผมเดินเอามือมาจับก้นเนียนนุ่มของไอ้หุ่น ใช้พลังสำรวจร่างกายของมัน ถึงแม้มันจะโดนไปขนาดนี้ แต่ยังดีที่ร่องกามของมันไม่มีบาดแผล เมื่อผมหมดกังวลแล้ว จึงค่อยๆล้วงทยอยเอากระดาษและปากกาออกมา มันส่งเสียงอืออาออกมาทุกครั้งที่หยิบของออก ผมค่อยๆเอาเศษกระดาษม้วนและปากกาออกก่อน ส่วนมันก็พยายามเบ่งคลอดยางลบร่วงลงบนโต๊ะทีละชิ้นๆ
“เอ่อ พี่ครับ ผมขอถามได้รึเปล่า...” ผมที่มองแต่โพลงรูที่โดนทารุนจนอ้าของไอ้หุ่นได้ยินคนเรียกก็หันหลัง เผยให้เห็นอาตี๋น้อยคนดียืนเก้ๆกังๆอยู่คนเดียว “อ่าว น้อง... ชื่อพายุใช่มั้ย? กลับมาทำไมหรอ?” ผมถามเจ้าตัวดีที่เพิ่งรังแกหุ่นโมเดลอันเกรียงไกรของผมอย่างไร้เมตตาไปเมื่อครู่ ส่วนน้องพายุก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง บอกสิ่งที่ตนต้องการทันที
“พี่... ทำให้ผมเป็นแบบพี่คนนั้นได้มั้ยครับ?” พายุพูดหน้าแดงก่ำ มือเอื้อมมากำเอ็นในกางเกงของตนที่แข็งโป้ก “ทำให้เป็นแบบมัน? ยังไง?” ผมถามออกมา “ผมอยากให้ควยผมหายไป... ให้ผมแตกไม่ได้อีกเลย” น้องวัยรุ่นพูดออกมาด้วยความอยาก ผมที่ได้ยินก็เลิกคิ้วมอง “ผม... ดูพี่คนนั้นแล้วผมชอบมากครับ.. ผมชอบที่พี่เค้าเงี่ยนแต่แตกไม่ได้.. เหมือนกับพี่เค้า... พร้อมทำตามสั่งทุกอย่าง.. ว่าควยพี่เค้าไม่จ.. ไม่จำเป็น” ยิ่งพูด น้องพายุยิ่งกำหนัดกำเริบ ความอยากกระสันโชติช่วงออกมาจากตัวอย่างรุนแรง น้องพายุเม้มปากแน่น
“พายุ... พี่คิดว่าตอนนี้น้องแค่กำลังคิดวู่วาม น้องฟังให้ดีๆนะ..” “ผมยอมทุกอย่างครับพี่ ขอแค่พี่ช่วยผมครั้งเดียว... ผมชักว่าวทีไรได้แต่นึกถึงอะไรแบบนี้ ผมอยากเป็นแบบพี่เขา ที่เราเจอกันวันนี้ต้องเป็นโชคชะตาของผมแน่ๆ นะครับพี่ ช่วยทำให้ฝันผมเป็นจริงเถอะ...” น้องพายุได้แต่มองผมด้วยสายตาอ้อนวอนกึ่งกระหาย ผมที่เห็นก็เงียบไป
ตามจริงแล้วผมไม่คิดจะพูดคุยกับพวกน้องๆจนเลยเถิดขนาดนี้ แผนการทดลองพลังของผมคืออาจจะแค่เดินทั่วหมู่บ้าน ทดสอบว่าจำนวนคนที่ผมสั่งให้เชื่อมากที่สุดน่าจะเท่าไหร่ แล้วพอเดินโชว์ไอ้หุ่นจนสะใจแล้วก็กลับบ้านไปเปิดซิงมันเท่านั้น แต่นี่กลับมีคนที่เพิ่งเจอกันขอให้ผมใช้พลังเปลี่ยนร่างให้...
ผมล่ะกลัวจริงๆว่าผมจะติดใจ...
“...พายุ พี่บอกไว้ก่อนนะว่าน้องก็ตกอยู่ในอำนาจพี่แล้ว.. ในวันถัดไป น้องจะลืมและไม่สนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้อีก...” ผมพูดออกมาเรียบๆ ส่วนน้องพายุที่ได้ยินก็ดวงตาเบิกโพลง “พี่เล่นกับไอ้หุ่นนี่ได้ตามที่พี่ต้องการเพราะมันมีพี่คอยย้อนคืนร่างให้ แต่นั่นไม่ใช่กับน้อง...” “พี่ไม่อยากให้น้องทำอะไรที่มันแก้ไม่ได้... เพราะนี่คือครั้งสุดท้ายที่เราจะเจอกัน และน้องจะไม่มีควยไปตลอดกาล” พายุที่ได้ยินก็กัดฟัน กำมือแน่น แม้ตนเองจะเพิ่งพูดเรื่องอยากกลายเป็นแบบไอ้หุ่นตลอดกาล แต่เมื่อมันออกมาจากปากของคนอื่น สติที่เตลิดเปิดเปิงก็ค่อยๆหวนกลับมา...
“...แล้วมันยังไง?” ผมที่ได้ยินก็ขมวดคิ้ว “พายุ” “ถ้าพี่ทำให้ผมได้ ผมจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพมั้ย?” “พายุ!” “ตอบผมมาก่อนเถอะครับพี่...” ผมได้แต่ถอนหายใจทำไมมันดื้อขนาดนี้นะ
“นอกจากจะเรื่องไม่มีควยแล้ว น้องก็จะถ่ายทุกอย่างลงข้างหลังทั้งหมด...” “ถ้าแค่นั้นผมรับได้ครับ ผมไม่คิดจะมีลูกอยู่แล้ว” “พายุ!” “ไม่อย่างนั้นผมจะประจานให้คนเค้ารู้กันหมดเลยว่าพี่มีพลังพิเศษ!” พายุขู่ออกมา ผมที่สั่งลงจิตใต้สำนึกของพายุไปสำเร็จแล้วก็รู้ว่าการขู่นี้มันแค่เสือกระดาษ แต่อย่างไรผมก็ยังอดอารมณ์เสียไม่ได้อยู่ดี...
ความดำมืดของพวกมนุษย์ที่สะสมมาตั้งแต่ออกนอกบ้านทำให้ผมเริ่มคิดด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เด็กหนุ่มตรงหน้าเอาแต่คิดเรื่องตัวเอง ช่างเป็นคนที่ทุเรศเสียเหลือเกิน
“เออ ดี! กูก็หมดความอดทนกับมึงแล้วเหมือนกัน มึงอยากนักใช่มั้ย?” พายุที่ได้ยินผมพูดจากักขฬะก็ทำท่าหวั่นไหว แต่มาทำตอนนี้มันก็สายไปแล้ว “มึงถอดเสื้อผ้ามึงออกมา ตรงนี้เนี่ยแหล่ะ” ผมพูดเสียงต่ำ “ตรงนี้..” พายุที่เริ่มรู้สึกตัวก็มองรอบข้างอย่างลังเลใจ ช่วงยามเย็นได้หมดไปแล้วกับการใช้เวลาทดสอบไอ้หุ่น ในตอนนี้นกกาบินกลับรังและท้องฟ้าที่เริ่มย่ำค่ำ จุดนี้เป็นจุดต้นไม้มืดครึ้มที่ห่างจากสายตาและยากที่จะเห็น แต่อย่างไรก็ยังอยู่เทียบถนนและทางคนเดิน
ผู้คนที่อยู่ละแวกนี้ ถ้าไม่เป็นคนแก่ที่อยู่แต่ในบ้าน ก็เป็นคนที่กลับบ้านมาเจอผมใช้พลังทำให้คิดว่าตรงจุดนี้ไม่มีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้น แต่พายุที่ไม่รู้เรื่องนั้นก็ลูบแขนด้วยสีหน้าลังเล
“เอ้า มึงบอกว่าเป็นโชคชะตาของมึงไม่ใช่รึไง กูบอกให้ถอด มึงก็ถอดสิ” ยิ่งผมพูดเสียงดังมากเท่าไหร่ น้องพายุยิ่งตัวแข็งเหมือนกวางหน้ารถ หนุ่มน้อยเริ่มตาชื้นหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย
แกล้งขู่อีกซักพัก น้องพายุก็คงยอมแพ้และหนีไปเอง
“มึงบอกว่ามึงพร้อมจะทำตามคำสั่งทุกอย่างน่ะเรื่องโกหกรึไง? อีกเดี๋ยวมึงก็จะเป็นแบบไอ้หุ่นตัวนี้ ที่ใครก็เอามึงไปเย็ดได้แล้วนะ ไม่ยิ้มหน่อยล่ะ? ร้องทำเหี้ยอะไร!?” ผมใส่อารมณ์พูดอย่างดุดันไม่ไว้หน้า ข่มเหงน้องพายุเต็มที่ วัยรุ่นมัธยมปลายอย่างพายุยังมีโอกาศใช้ชีวิตอีกยาวไกล และต่อให้ผมจะเป็นคนดีขนาดไหน ผมก็ไม่คิดจะใช้พลังกับใครก็ไม่รู้ให้เสี่ยงกับครอบครัวของผมหรอก
แต่อนาคตของชาติเก่งกล้าเหนือความคาดหวังของผมไปหลายขุม พายุถอดชุดนักเรียนของตนออกเหมือนไม่อยากมีศักดิ์ศรี หรืออาจจะอยากเอาชนะผม น้องอาตี๋ผิวขาวปลดกางเกงและกางเกงในลงพื้น เผยให้เห็นแก่นกามยืนสู้สายตาของผมที่เผลอมองอย่างไม่ทันคิด
เอ็นอุ่นครั่นครื้นปล่อยน้ำหล่อลื่นไหลหกย้อมกางเกงในจนชุ่ม น้องพายุก้มมองลำเขื่องของตนเองด้วยความอาย ก่อนจะเอามือจับชักสายตาสอดส่องหาว่ามีคนอยู่แถวนี้หรือไม่ด้วยความตื่นเต้น เมื่อแก่นกามของตนแข็งโป้กจนแทบเจ็บแล้วก็ละมือออก ก่อนจะเอามือไขว้หลังตามระเบียบพักเยี่ยงทหารต่อหน้าผู้บัญชาการ
หัวใจของหนุ่มน้อยเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้น พายุพยายามเกร็งอาวุธของตน ไม่ให้มันอ่อนตัวแม้แต่วินาทีเดียว ทำให้น้ำใสไหลระรินออกมาจนถึงถุงบรรจุกระสุนของตนเอง ผมมองน้องพายุที่ทำตัวอุบาทว์ตาด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนที่จะมีหุ่นของชายร่างเปลือยมายืนข้างตัวผม
“พี่ไกร...” ผมหันไปเรียกชื่อไอ้หุ่น อาจจะเพราะในตอนนี้ผมไม่รู้จริงๆว่าผมจะต้องทำอย่างไรดี... ส่วนไอ้หุ่นที่ได้ยินผมเรียก ก็หันมาสบตากับผม ดวงตาของหนุ่มเข้มเผยความเชื่อใจต่อผมอย่างสุดชีวิต มือแกร่งกุมมือผมเหมือนให้กำลังใจก่อนจะพูดออกมา
“ถ้าน้องเค้าสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องพวกเราพี่ว่าเราก็สามารถช่วยน้องเค้าได้นะ” ไอ้หุ่นที่ทั่วตัวมีแต่รอยขีดเขียนอุบาทว์ของแก๊งวันรุ่นออกความคิดเห็น สภาพน่าหัวร่อนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องตรงหน้าผมในอนาคต และผมคือคนที่จะประทับตาเปลี่ยนชีวิตของคนคนนึงไปตลอดกาล “แต่แน่นอน.. นั่นคือถ้าไกรไม่ติดใจอะไร” เพราะสำหรับไอ้หุ่นแล้ว ไม่มีใครสำคัญมากที่สุดเท่าผมอีกแล้ว
ผมก็เช่นกัน
ผมหันไปมองน้องพายุที่ยังคงยืนอยู่ท่าเดิม ในใจของน้อง ผมสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้น ความต้องการ และความกลัว หากแต่น้องก็ยังคงหน้าด้านยืนสู้ไม่ไปไหนแม้จะมีคำว่าตลอดกาลคอยพะวงในหัว การลงมือทำแม้ตนอาจจะต้องเสียใจในภายหลัง...
มันช่างโง่เง่ามาก
แต่ก็เท่ไม่ใช่น้อยเลย...
ผมได้แต่หลับตาถอนหายใจ ถ้านี่คือสิ่งที่น้องต้องการจริงๆ... กรรมของการเปลี่ยนชีวิตนี้ ผมก็จะยอมรับให้เด็กมันก็ได้
“กูจะให้เวลามึงสิบนาทีบอกลาควยของมึง ปฏิบัติ!” ผมให้เวลาน้องพายุทำอะไรก็ได้ตามใจก่อนจะนั่งดูหนุ่มน้อยตรงหน้า พายุที่ได้ยินดังนั้น ก็ถอกเอ็นอุ่นของตนเองอย่างเร็ว หนุ่มหน้าตี๋กัดฟันหายใจฟืดฟาดด้วยความเสียวกระสัน น้ำใสที่เชื่อมแก่นของหนุ่มน้อยจนเปียกทำให้ทุกการถอกชักมีเสียงเหนียวแฉะ
“พ.. พี่หุ่นช่วยผมได้มั้ยครับ อ.. อมผมที” พายุขอร้องเสียงอ่อนระทวย ร่างที่ยืนเกร็งเริ่มโยกกระแทกอากาศตามสัญชาติญาณความเป็นชาย ไอ้หุ่นที่ได้ยินก็หันมามองผมขอคำอนุญาต
ถึงขนาดนี้แล้วถ้าผมยังหวงของอีกก็คงจะใจร้ายเกินไปหน่อย ผมพยักหน้าอนุมัติสงเคราะห์เด็ก
ไอ้หุ่นที่ได้โอกาสก็เข้าไปนั่งคุกเข่าจ่อหน้าลำพลองของพายุเหมือนอดอยาก ไอ้หุ่นจับมือของวัยรุ่นออกก่อนจะแลบลิ้นดูดเลียลิ้มรสเนื้อของน้องอย่างชำนาญ? มันดูดเล่นเสียงดังจ๊วบๆก่อนที่พายุจะจับหัวมันกระหน่ำอย่างไม่ปราณี
ไอ้หุ่นปล่อยให้เอ็นกามวัยกลัดมันลึกถึงคอหอยส่งเสียงดังอ็อคๆ แม้มันจะน้ำหูน้ำตาไหลเพราะหายใจไม่ออก แต่ก็ยังฝืนสู้อาวุธที่กระทุ้งมาไม่กลัวตาย เมื่อพายุกระหน่ำจนพอใจแล้วถึงปล่อยหัวมัน ส่วนมันเมื่อได้รับอิสรภาพก็ผละตัวออกมาไอสำลัก น้ำเมือกน้ำลายไหลเลอะจากปากกระเด็นโดนขาของพายุ ส่วนท่อนกามของวัยรุ่นก็โดนเชื่อมจนชุ่มโชก
“มึง... อ้าแดก..” พายุจับท่อนซุงตนชักแน่น ความเสียวสุดขีดเข้าถาโถมจนหนุ่มวัยรุ่นพูดเยี่ยงคนเถื่อน ไอ้หุ่นรู้ดีเพราะเคยเจอคนเถื่อนๆรังแกมาก่อน จึงอ้าปากแลบลิ้นรอรับลูกๆของพายุอย่างสุขสันต์ “ซี้ด.. โอ้ยย.. กูแตกแล้ว กูแตกแล้ว!” หนุ่มหน้าตี๋ร้องซี้ดซ๊าดก่อนจะคำรามออกมาประกาศการสำเร็จกาม น้ำข้นคาวสีขาวแตกทะลักป้ายหน้าและลิ้นที่อ้ารับของไอ้หุ่นจนทั่ว
ไอ้หุ่นรับของขวัญครั้งสุดท้ายของพายุพลางครางด้วยความสุขสม ส่วนน้องพายุยืนขาสั่น ยังคงชักกำเอ็นของตัวเองสติแทบหลุด มือทั้งสองข้างจับเอ็นอุ่นเร็วระรัวหวังจะคั้นน้ำออกมาให้คุ้มค่า
เมื่อวัยรุ่นชักของตนนานเสียจนเริ่มรู้สึกเจ็บก็หยุดหอบหายใจ มือที่ออกแรงชักอย่างบ้าคลั่ง ก็ร่วงทาบตัวไร้เรี่ยวแรง หนุ่มน้อยผิวขาวนุ่มร่างเก้งก้างเหงื่อเปียกโชก สายตามองไอ้หุ่นที่กำลังเอาน้ำกามของตนเข้าปากด้วยความเหนื่อยล้าและพึงใจ
“หายเงี่ยนแล้วรึยัง?” ผมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หินก็ถามวัยรุ่น “ครับพี่...” พายุสูดหายใจตอบรับ ก่อนจะเอาแขนเช็ดเหงื่อที่หน้าผากตนเอง “แล้วมึงจะเอายังไง? จะเปลี่ยนใจมั้ย?” ผมถามเด็กมัธยมคนนี้อีกครั้ง นี่คือคำถามวัดใจครั้งสุดท้าย ถ้าน้องพายุลังเลใจแม้แต่เสี้ยววินาที ผมก็จะปฏิเสธการทำเรื่องบ้าๆนี่แล้วกลับทันที
“ผมไม่เปลี่ยนใจครับพี่ ผมพร้อมแล้ว” พายุตอบแบบไม่เสียเวลาแม้แต่จะคิดทบทวน เด็กหนุ่มเดินเข้ามาหาผม ก่อนจะนั่งคุกเข่าต่อหน้าผม สายตามุ่งมั่นพร้อมเผชิญทุกสิ่งเพื่อรสนิยมวิปลาสของตนเอง “...ดี ในเมื่อมึงตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็ดี... งั้นระหว่างมือกับเท้า มึงอยากได้อะไร?” “...มือได้รึเปล่าครับ?” “ตามนั้น”
ผมไล่ให้น้องพายุไปนอนบนโต๊ะหิน มือผมกวาดปากกา เศษกระดาษ และยางลบ ที่อยู่บนโต๊ะร่วงลงพื้น พายุมองของพวกนั้นแล้วก็หน้าแดงก่อนจะลงไปนอนหัวใจเต้นตึกตัก
“กูจะเริ่มเมื่อมึงพร้อม” วัยรุ่นได้ยินที่ผมพูดก็พยักหน้า พายุหลับตาสูดหายใจชั่วครู่ก่อนจะส่งสัญญาณ “ครับ ผมพร้อมแล้ว” น้องพูดดังนั้น ผมก็เอามือจับคลำเอ็นที่นอนอย่างหมดแรงของเจ้าตัวอย่างระมัดระวัง เจ้าพายุน้อยมีคราบน้ำลายน้ำกามเปียกปอน
ผมค่อยๆใช้พลังของผมมองเข้าไปในตัวพายุ
เสมือนมีตาทิพย์ ผมสามารถเห็นได้ทุกเส้นเลือด เส้นประสาท ของวัยรุ่นตรงหน้า แต่ถ้าทำได้แค่นั้น ทรราชในอดีตคงไม่ถูกถือตัวเป็นพระเจ้าได้หรอก มือผมจับเจ้าพายุทาบกับถุงสมบัติของน้องก่อนจะลงมือกดลงไปเรื่อยๆ ในหัวปรากฏภาพของร่างกายพายุส่องแสงสว่างจ้า เห็นชัดเพียงรูปทรงของหนุ่มมัธยม หน้าที่ผมคือจะต้องทำให้ทรงของร่างแสงนี้เป็นไปตามที่พายุต้องการ นั่นก็คือการทำให้เครื่องเพศและถุงของมันหายไป
ผมพยายามปรับให้จุดแก่นกามของพายุจมลงตัว ปล่อยให้การปรับเปลี่ยนระบบอวัยวะ เส้นเลือดและจุดรวมประสาทเป็นหน้าที่ของสัญชาตญาณตัวผมเอง แต่มันกลับยากกว่าที่ผมคิดไว้หลายเท่า ผมรู้สึกเหมือนมีแรงต้านยื้อผมกลับมา ยิ่งดันลงไป ก็ยิ่งควบคุมอย่างประณีตยากขึ้น เหมือนนำแม่เหล็กขั้วเดียวกันมาประกบให้เนียนตรง
นอกจากนี้ การควบคุมปรับเปลี่ยนกายเนื้อโดยสัญชาตญาณ กลับยากเกินกว่าที่ผมทำกับพี่ไกรหลายร้อยเท่า สติของผมต้องคอยย้ายไปคำนวณทุกเส้นเลือด เส้นประสาท และกล้ามเนื้อ อย่างละเอียดจนเหงื่อไหลโชก ต่อให้พ่อกับพี่จะไม่มีการต่อต้านเมื่อถูกเล่น แต่ผมก็ไม่มีปัญหาในการใช้พลังตนเองกับคนอื่นมากเท่าน้องพายุเลย
บางที...
ผมมองร่างพายุด้วยอารมณ์หลากหลาย พายุที่นอนอยู่ก็รู้สึกระคายเคืองครั่นเนื้อครั่นตัว ไม่สบายใจ ผมที่เห็นก็พูดต่อทันที “พายุ นอนให้นิ่งที่สุด หลับตาและตั้งใจฟัง ไม่ต้องคิดอย่างอื่นที่ไม่จำเป็น ปล่อยให้กูทำทุกอย่างต่อเอง”
พายุที่ได้ยินก็พยักหน้า ในตอนนี้พายุรู้สึกแปลกตัวมากเสียจนอยากจะลุกขึ้นหนีไปให้ไกลที่สุด แต่ก็ยับยั้งชั่งใจตัวเองไว้ก่อน ความปรารถนาของตนกำลังจะเป็นจริงแล้ว... เอ็นอุ่นของวัยรุ่นกระตุกเล็กน้อย “มึงนอนอย่างนั้นแล้วค่อยๆนับทีละเลขในใจตามกู ฟังในสิ่งที่กูพูดนี่สำคัญมากนะ ให้คำของกูเข้าซึมให้ลึกที่สุด นั่นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมึง” พายุที่หลับตาก็พยักหน้ารับรู้อีกครั้ง การหลับตาทำให้ตนรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นโครมคราม ร่างกายของตนหนาวๆร้อนๆ และสัมผัสถึงแรงกดบีบทั่วตัว ทำให้ตนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
เป๊าะ
เสียงดีดนิ้วดังข้างหูทำให้ความคิดที่ว้าวุ่นของตนหายไปเหลือเพียงความสนใจต่อเสียงที่ได้ยิน พายุสูดหายใจลึก ก่อนจะรู้สึกถึงความเย็นวูบไหลเข้าหัวของตน
“ห้า มึงไม่มีชื่อ”
พายุไม่มีชื่อ
“คนต้องการจะเรียกมึงยังไง นั่นก็คือชื่อของมึง ปลดปล่อยมันไปซะ”
มันค่อยๆรู้สึกถึงบางอย่างของมันโดนลบขมุกขมัวเยี่ยงรอยดินสอโดนถูด้วยยางลบ บางสิ่งที่มันรู้ดี ในตอนนี้มันนึกไม่ออกเสียแล้ว
“สี่ มึงไม่มีความต้องการ”
มันไม่มีความต้องการ
“คนต้องการให้มึงทำอะไรนั่นก็คือความต้องการของมึง ปลดปล่อยมันไปซะ”
สิ่งที่มันเคยคิดฝันเอาไว้ค่อยๆจางลงเหมือนหมอก ภาพและอารมณ์หลากหลายที่เคยชัดเจน ในตอนนี้เหลือเพียงสีเทา ก่อนจะหายไปจนหมด บางสิ่งที่เคยสดใส ในตอนนี้มันนึกไม่ออกเสียแล้ว
“สาม มึงไม่มีศักดิ์ศรี”
มันไม่มีศักดิ์ศรี
“คนต้องการใช้มึงยังไง นั่นก็คือศักดิ์ศรีของมึง ปลดปล่อยมันไปซะ”
สิ่งที่เคยนิยามความหมายของการเป็นตัวมันก็ค่อยๆโดนหยดสีร่วงมาแปดเปื้อน เหมือนภาพวาดตัวมันกำลังโดนจิตรกรคนอื่นๆมาสาดสีอย่างสนุกมือจนในที่สุดก็ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยของความหมายเดิมอยู่เลย บางสิ่งที่เคยชัดเจน ในตอนนี้มันนึกไม่ออกเสียแล้ว
“สอง มึงไม่มีสิทธิ”
มันไม่มีสิทธิ
“คนต้องการให้มึงมีอะไร นั่นก็คือสิทธิของมึง ปลดปล่อยมันไปซะ”
สิ่งที่เคยล้อมรอบตัวมันค่อยๆโดนฉกฉวยออกไป เหมือนกล่องสมบัติที่เต็มไปด้วยเพชรนิลจินดาต่างๆที่โดนขโมยกอบกำออกไปจนสุดท้ายมันมีเพียงความว่างเปล่า สิ่งที่มันครอบครอง ในตอนนี้มันนึกไม่ออกเสียแล้ว
“หนึ่ง มึงไม่มีความคิด”
มันไม่มีความคิด
“คนต้องการให้มึงคิดยังไงนั่นก็คือความคิดของมึง”
มัน... ค่อยๆ.. หายไป...
“ปลดปล่อยมันซะ” ... ..มั น.. ..คิ ด.ไ ม่..อ อ..ก เสี.. ย.. แ.. ล้.. ว ...
“พายุ ตื่น” เฮือก! มันตื่นขึ้นมาสูดหายใจเฮือกเหมือนคนที่เพิ่งฟื้นจากความตาย
มัน... พายุมองรอบๆตัว พี่คนที่มีพลังพิเศษมองตนด้วยสายตายากจะคาดเดา แต่ทันใดนั้นพายุก็รู้คลื่นไส้ก่อนจะรีบเอียงไปอ้วกอีกฝั่งของโต๊ะหินอ่อนที่มันกำลังนอนอยู่แทน
“โอ้กกก เอาะ.. อ้วก” พายุอาเจียนออกมาจนน้ำตาเล็ด พี่ที่มีพลังพิเศษก็ลูบหลังให้กำลังใจ เมื่อพายุหยุดอาเจียนแล้วก็ค่อยๆเช็ดน้ำมูกน้ำตาก่อนจะลุกขึ้นนั่งอย่างอ่อนล้า สมองปรับความคิดยังไม่ค่อยทัน มันเหมือนตัวเองไม่เป็น ตัวเอง? แม้จะอยากคิดแค่ไหนแต่ในตอนนี้สมองกลับคำนวนได้เพียงความว่างเปล่า
พายุนั่งเอามือกุมหัวไปซักพักก่อนจะเริ่มรู้สึกมีสติสมาธิอีกครั้งจึงค่อยๆถาม “มัน... เกิดอะไรขึ้นครับพี่?” พี่ที่นั่งสังเกตอาการตนอยู่ก็พูดออกมา “ลองชักว่าวดูสิ” พายุได้ยินก็เอามือมาอยู่ในท่าที่ตนเคยทำปกติ แต่มือเคว้งเท่าไหร่ก็หาอาวุธของตนไม่เจอ แล้วพายุก็นึกขึ้นได้ ตนไม่รู้สึกถึงเอ็นอุ่นด้วยซ้ำ คิดได้เช่นนั้นก็ก้มลงมามองด้วยความตกใจ ภาพที่พายุเห็นก็คือเป้าเรียบนูนเหมือนกับพี่หุ่นที่ดูตนอยู่
ความเป็นชายที่ตนเคยมีในตอนนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย พายุมือสั่น กลืนน้ำลายเอือกก่อนจะค่อยๆลูบเป้าที่ไร้ประโยชน์ของตน ความรู้สึกแปลกใหม่ทำให้ตนตื่นกระสันขึ้นมาจนเผลอขมิบทางเข้าด้านหลังของตนอย่างช่วยไม่ได้ แต่นั้นยิ่งทำให้ตนรู้สึกกระหายมากกว่าเดิมจนปากแห้งผาก มือวัยรุ่นลูบเป้าตนเองเหมือนตกอยู่ในภวังค์ก่อนจะถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงทุ้มเข้มของพี่หุ่น
“นี่ก็ดึกแล้ว พี่ว่าน้องควรรีบกลับได้แล้วนะ” หนุ่มกล้ามแน่นพูดทักพายุ เมื่อหนุ่มน้อยรู้สึกตัวว่าท้องฟ้าเริ่มมืดค่ำจนมีเสียงจักจั่นแสบแก้วหู ก็รีบกล่าวสวัสดี ก่อนจะสวมเสื้อนักเรียนที่วางบนพื้นสกปรกไม่รู้สึกผิดปกติ
“เออ เดี๋ยวก่อน นี่โทรศัพท์น้อง พี่เพิ่มเบอร์ติดต่อพี่แล้วนะ ถ้าอยากให้ช่วยหรือสงสัยว่ามีอาการอะไรก็โทรมาได้” พายุเห็นพี่ที่มีพลังพิเศษยื่นโทรศัพท์ของตนมาให้ก็กล่าวขอบคุณก่อนจะรีบวิ่งออกไป โดยไม่สังเกตว่าตนโดนหนุ่มทั้งสองจ้องมองจนตนวิ่งสุดละสายตา
ผมกับพี่ไกรเดินกลับมาถึงบ้านด้วยความเงียบงัน ระหว่างทาง ไม่มีใครคิดจะพูดคุยเลยแม้แต่คนเดียวเพราะทั้งสองคนต่างก็ตกอยู่ในความคิดของตนเอง เมื่อพวกเราถึงบ้านแล้ว ผมก็จูงมือพี่ไกรจะมาอาบน้ำล้างตัวด้วยกันให้สะอาด “กร... เด็กคนนั้น” พี่ไกรพูดออกมา “ผมรู้ครับ” ผมตอบโดยทันที เด็กหนุ่มที่มีพลังต้านพลังพิเศษของผม ผมล้างคราบหมึกที่เขียนบนตัวของพี่อย่างพิถีพิถันเช่นเดียวกับที่พี่ไกรใช้สบู่ถูล้างตัวผม พวกเรายืนคู่กันในห้องน้ำช่วยกันทำความสะอาดอีกคนโดยมีเพียงเสียงน้ำไหลประกอบเท่านั้น
--ช่วงคุยกะคนเขียน--มาแล้วคร้าบ เป็นงัย คิดถึงป่ะ
เป็นยังไงบ้างครับ บทที่หก เนื้อเรื่องอาจจะมีมาเสริมเพิ่มเติมนอกเหนือจากเกมกามธรรมดาแล้วนะครับ ไอ้เราก็ไม่อยากจะโปรยคาวลงทุกช่วงของเรื่องเสียเท่าไหร่ กลัวของหมดแล้วผู้อ่านจะไม่ประทับใจ
แต่ไม่ต้องห่วงครับ นอกจากเนื้อเรื่องที่เริ่มเดินแล้ว ผมก็ค้นคว้าเรื่องต่างๆบนโลกอินเตอร์เน็ตประกอบศาสตร์กามของผมเหมือนกัน ในบทหน้าๆจะมีเรื่องแปลกใหม่สะใจพี่ๆน้องๆแน่นอนครับ
อ่านจบแล้วมาเขียนขอบคุณหรือติแนะอะไรก็ได้นะครับ เวลามีคนเข้ามาปฏิสัมพันธ์เรื่องที่เขียนแล้วก็รู้สึกทิฐิตัวเองโด่ดี {:4_101:}
|