ต่อ 02
เปียกปูนที่เห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปแล้ว ก็เลิกเอาหมอนปิดหู แต่ใช้เท้าเขี่ยผ้าห่มที่กองยู่ยี่ข้างเตียงขึ้นมาคลุมโปง ดื่มด่ำไปกับความมืดมิดที่ต้องเผชิญเพียงลำพัง เมื่อไหร่จะผ่านไปสักทีนะ ความรู้สึกนี้ ความเจ็บปวดนี้ กระทั่งผล็อยหลับไป
. . . พอเช้าของอีกวัน
ขนมก็เป็นคนแรกที่ลงมาช่วยแม่ทำงานบ้านอีกเช่นเคย คราวนี้เขาตื่นเช้ากว่าปกติ แถมยังช่วยแม่เตรียมขนมด้วย อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ เลยอ่านหนังสือโต้รุ่งมันซะเลย
"วันนี้วันหยุดไม่ใช่รึ ทำไมเอ็งรีบตื่นล่ะไอ้ขนม แถมยังขยันซะด้วย มีอะไรรึเปล่าลูก"
"ไม่มีอะไรหรอกจ่ะแม่ ผมแค่กังวลเรื่องสอบ แล้วนี่เปียกปูนมันตื่นหรือยัง เมื่อวานเหมือนมันจะไม่ค่อยสบาย"
"ก็นั่นน่ะซี้ รู้ว่าตัวเองไม่สบายก็ไม่รู้จักมาหายูกยาไปกิน นอนหมกแบบนั้นมันคงจะหายหรอกมั้ง ข้าล่ะไม่อยากจะบ่นจะว่ามันเลย" ปากก็บ่นไปแต่ก็แฝงด้วยความเป็นห่วง บ้านนี้คงเลี้ยงลูกสไตล์ไม่เหมือนใคร ก็โตมาได้เพราะผู้หญิงแกร่งคนนี้แหละนะ ถึงจะปากตลาดไปบ้าง
"แล้วแม่มีอะไรให้ผมช่วยอีกมั้ยจ๊ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมว่าจะขอไปเล่นที่บ้านน้ำค้างหน่อย"
"เออ ไปน่ะไปได้ แต่ต้องกลับมาช่วยข้าเก็บร้านด้วยนะ"
"ครับๆ เข้าใจแล้ว"
หลังกินข้าวเช้าเสร็จ ขนมก็อาบน้ำแต่งตัวในชุดสบายๆ ไหว้ลาแม่ที่วุ่นกับการขายขนม ก่อนจะค่อยๆเดินลัดซอยถัดไปอีก 3 ซอย ก็ถึงบ้านน้ำค้าง เพื่อนอีก 2-3 คน ก็รออยู่ก่อนแล้ว
"ขนม~ ทางนี้" น้ำค้างตะโกนเรียก พร้อมกวักมือไวๆ"ออกมาแบบนี้แม่ไม่ว่าหรอ ปกติเห็นที่ร้านวุ่นๆนี่นา"
"ไม่หรอก วันนี้ขอแล้ว เรามีเรื่องไม่ค่อยสบายใจน่ะ" ขนมที่พูดไปก็ทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
"ถ้าให้เดา ก็คงจะเป็นเรื่องน้องชายตัวดีของนายใช่มั้ย" คะนิ้งที่เงียบไปนานพูดขึ้น ดูท่าคงจะไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ขนมหนักใจเท่าเรื่องนี้อีกแล้ว
"อือ" ขนมพยักหน้าให้กลุ่มเพื่อนสนิทของเขา
"คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ" แม้ว่าน้ำค้างจะไม่ค่อยอยากยุ่งนัก แต่การที่เพื่อนๆได้ช่วยกันหาทางออก มันคงจะทำให้ขนมรู้สึกดีขึ้น
"เราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะคืนก่อนเปียกปูนไม่ได้กลับมาบ้าน เรารู้แค่ว่ามันออกไปหาเจ้าตาลตามปกติ แต่มันก็ไม่ได้บอกว่าจะกลับตอนไหน เราเชื่อว่าคนอย่างมันดูแลตัวเองได้ ไม่น่าจะมีใครกล้าทำอะไร แต่พอเจอมันครั้งล่าสุดก็อดคิดไม่ได้ว่ามันมีเรื่องบางอย่างที่ปิดบังไว้”
“ปิดบัง?” “ยังไง”
“ก็มันไม่ยอมออกมาจากห้องเลยน่ะสิ ไม่ยอมเจอหน้าใคร แถมน้ำเสียงก็ลนลาน เหมือนไม่อยากให้เรากับแม่เข้าไป น้องเรามันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ ถึงจะขี้โวยวาย แต่มันก็เป็นคนสดใสร่าเริง แถมยังหลงตัวเองอีก แต่ตอนนี้มันต่างไป เงียบเชียบ เก็บตัว เหมือนคนที่ไปเจอเรื่องร้ายมา”
“จากที่ฟังขนมพูด มันก็มีความเป็นไปได้นะ เพียงแต่เราจะทำอะไรได้ ในเมื่อเจ้าตัวก็ไม่ยอมพูด แต่ในเมื่อเป็นความอัดอั้นของขนม ฉันน้ำค้างกับคะนิ้งจะช่วยอีกแรง”
“ขอบใจเธอมากนะ อีกสักพักเราคงต้องกลับแล้วล่ะ ถ้าได้เรื่องยังไงก็บอกด้วยนะ”
“ได้เลย”
หลังจากแยกย้าย ขนมก็ตรงดิ่งกลับบ้าน และได้พบกับคนๆนึง
คะนิ้งที่เป็นญาติกับเจ้าตาล ก็ไปแอบถามถึงเรื่องราวในวันนั้น
“หวัดดีจ๊ะน้านี วันนี้เป็นยังไงบ้างจ๊ะ พอดีหนูแวะมาหาตาล พอจะเห็นมั้ย” คะนิ้งยกมือไหว้แม่ของเจ้าตาลที่นั่งเล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านยกใต้ถุนสูง
“อ้าวหนูนิ้ง มาหาตาลเรอะ มันไปเล่นน้ำอยู่ท้ายสวนโน้น”
“แล้ววันนี้เปียกปูนไม่มาหรอจ๊ะ”
“ไม่เห็นมันมาหลายวันแล้วน่ะ แต่ก็สงบหูดี สองคนนั้นอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ พาแต่กันไปหม้อสาว”
พอรู้ว่าเจ้าตาลอยู่ไหน คะนิ้งก็เดินลัดป่าไปท้ายทุ่ง เห็นกลุ่มวัยรุ่น 2-3 คน ดำผุดดำว่ายอยู่ในสระน้ำขนาดกลาง บ้างก็งมหาปลา
“ตาล มานี่สักเดี๋ยวสิ พอดีนิ้งมีเรื่องจะถาม”
“อ้าวคะนิ้ง มีเรื่องไร มาถึงนี่เลย มาๆนั่งก่อน”
“เรื่องเปียกปูนน่ะ”
“เออ จะว่าไปหมู่นี้มันหายหน้าหายตาไปเลย”
“พอจะจำได้มั้ย ว่าวันก่อนที่เจอเปียกปูน ได้มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า แล้วขนมบอกว่าวันนั้นเปียกปูนไม่ได้กลับบ้านด้วย”
“เป็นไปไม่ได้ วันนั้นมันดึกก็จริง แต่ไอ้เปียกมันกลับบ้านแน่ๆ ข้ายังออกปากแซวมันอยู่เลย ว่ามืดแล้ว อันตราย แต่มันก็ยังดึงดันที่จะกลับ”
“หรือ เป็นไปได้ว่าคืนนั้น เกิดเรื่องไม่ดีตามที่ขนมคิดจริงๆนะ”
“เรื่องไม่ดีที่ว่า คืออะไรหรอ” ตาลฉุดคิดสงสัยขึ้นมาได้
“ก็ขนมน่ะสิ เล่าว่าหลังจากที่เปียกปูนกลับมา นายนั่นก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง ไม่อยากเจอหน้าใคร”
“เชี่ยย! หมาตัวไหนมันกล้าทำเพื่อนกู” ตาลสบถออกมาเสียงดัง “นี่ถ้าเธอไม่มาบอก ข้าคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไอ้เปียก ข้านี่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ งั้นตอนเย็นข้าจะแวะไปดูมันที่บ้านแล้วกันนะ ขอบใจมากที่มาบอก”
“อย่าให้กูรู้นะว่าใครมันทำมึงไอ้เปียก กูจะซัดหน้ามันให้ล่วงเลย”
|