ก่อนหน้านั้นไม่นานนัก...
พลอยที่โดนล้อมประกบด้วยกลุ่มคนที่เคยเป็นเพื่อนได้แต่ยืนปิดปากด้วยความสิ้นหวัง
เหล่าเพื่อนๆของตนเปลี่ยนไปเมื่อถูกจุมพิตจากฟ้าและแฟนของเธอเหมือนฝันร้ายวิปลาส
“อย่าเข้ามานะ... ฮึก.. ฮึก...” พลอยพูดผ่านมือที่ปิดปากเสียงอู้อี้
น้ำตาของสาวสวยร่วงไหลปานเพชรเม็ดงามช่างน่าสงสารยิ่งนัก
“พลอยไม่ต้องกลัวนะ มันเจ็บแค่นิดเดียว” อะไรบางอย่างที่ทำตัวเหมือนฟ้าค่อยๆเดินเข้ามา
พลอยรู้ว่าพวกนี้มีพลังมหาศาลเกินมนุษย์
และเหมือนว่าพวกมันจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเลยด้วยซ้ำ
เพราะไม่ว่านุ่น เพื่อนของพลอยจะเตะจุดอ่อนของคิทตี้... หรืออีกชื่อก็คือกิตติไปแรงเท่าไหร่
เพื่อนของตนก็หาได้สะทกสะท้านไม่
สาวร่างบางได้แต่หลับตาแน่น
แต่โชคชะตายังคงเข้าข้างหญิงสาวคนนี้อยู่
“อ้ากกก” “กรี้ดดดด” “โอ้ยยยย”
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของพวกมันดังก้องทำให้พลอยลืมตาขึ้นมาอย่างตกใจ
ฟ้าและเหล่าพวกมันต่างกุมหูตัวเองแน่นก่อนจะร่วงลงไปคุกเข่าด้วยความทรมาน
ทันใดนั้นก็มีคนคนหนึ่งพุ่งเข้ามาในห้องอพาร์ตเม้นท์ก่อนจะลากตัวพลอยออกมาทันที
พลอยที่วิ่งตามคนที่ลากตนมาก็ตั้งสติได้จึงเริ่มสังเกตคนดังกล่าว
คนคนนี้ใส่หมวกนิรภัย รูปร่างสันทัด สูงพอๆกับตน
เขาใส่เสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำทับเสื้อสีเทา สวมกางเกงยีนโทรมๆที่เหมือนผ่านการใช้งานมาหนัก
พลอยแม้จะไม่รู้ว่าตนจะเชื่อใจคนคนนี้ได้รึเปล่า แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้วิธีหยุดพวกมันได้
“ค.. คุณคือ.. ใครคะ” พลอยที่วิ่งลงบันไดตามคนดังกล่าวพูดออกมาด้วยความเหนื่อย
แต่คนดังกล่าวแค่โยกหัวแปลกๆเท่านั้น
เขาบอกให้รีบๆรึเปล่า? พลอยที่วิ่งตามได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจเท่านั้น
เมื่อพวกพลอยวิ่งลงมาจนถึงหน้าอพาร์ทเม้นท์แล้ว ผู้ช่วยปริศนาก็วิ่งไปยังรถแวนเก่าๆคันหนึ่งที่จอดอยู่ ส่วนพลอยก็วิ่งตามมาติดๆ
ประตูรถคันนั้นเปิดออก เผยให้เห็นชายวัยกลางคนทรงท้วมใส่เสื้อเชิ้ตฮาวายลายดอกสีชมพูและเสื้อในสีขาวที่มีแต่คราบสีส้มๆเหลืองๆดูมอมแมมอยู่
“เร็วๆเข้า!” ชายร่างท้วมร้องออกมาได้ยินดังนั้น ทั้งสองคนยิ่งรีบวิ่ง
เมื่อทั้งพลอยและคนคนนั้นกระโจนเข้ารถแวนแล้ว หนุ่มท้วมก็ลากปิดประตูแน่นดังปึง
รถแวนออกตัวไปอย่างรวดเร็วจนพลอยถึงกับเกาะเบาะ
สายตาของสาวสวยเหลือบมองหลังรถแวนก็ทำให้ขนลุกวาบ
ฟ้ายืนมองตนอยู่ตรงหน้าอพาร์ทเม้นท์ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์....
“เอ้า นี่” หนุ่มร่างท้วมโยนขวดน้ำพลาสติกให้กับพลอยและคนที่สวมหมวกกันน็อค
พลอยได้แต่รับขวดน้ำมาถือไว้ สายตามองทุกคนในรถอย่างไม่มั่นใจ
ส่วนคนคนนั้นรับขวดน้ำก่อนจะคีบขวดด้วยน่องขาของตน มือค่อยๆแกะหมวกกันน็อคออก
พลอยที่ดูทุกอย่างได้แต่นั่งเบาะหลังสุดของรถไม่กล้าพูดจา
“ฟู่ว...” หมวกนิรภัยถูกดึงออกเผยให้เห็นชายหนุ่มย้อมผมสีทองจ้าบ พลอยเห็นว่ามีเจาะหูข้างนึงด้วย
“!!!” ชายหนุ่มทำท่าตกใจก่อนจะคว้าอะไรบางอย่างที่ร่วงลงมาเมื่อถอดหมวกกันน็อคออก
แสงสะท้อนวาปจากเสาไฟข้างนอกทำให้พลอลพอเห็นวัตถุลางๆ
นกหวีดเหล็กรูปร่างแปลกๆอย่างนั้นหรือ?
ชายคนนั้นดื่มน้ำอย่างกระหายส่วนหนุ่มร่างท้วมที่นั่งอยู่ข้างหน้าก็พูดออกมา
“น้องอาจจะยังงงอยู่ เดี๋ยวพวกพี่แนะนำตัวกันก่อนแล้วกัน”
หนุ่มร่างท้วมทักมาด้วยสีหน้าสดใส
“พี่ชื่อฮอนด้า จะเรียกพี่ด้าก็ได้นะ” พี่ด้าแนะนำตัวพลางโบกมือทักทาย
“ค่ะ.. หนูชื่อพลอย...” สาวร่างบางพูดผงกหัวออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างมันช่างเร็วมาก
เพียงเมื่อครู่ตนยังนั่งฟูมฟายกับเหล่าเพื่อนๆอยู่เลย
แต่ในตอนนี้ ตนจะเรียกคนเหล่านั้นว่ามนุษย์ได้หรือเปล่าก็ยากที่จะตัดสิน...
หนุ่มร่างท้วมผมเซอะเซิงชี้ไปที่ผู้ชายที่ช่วยพลอย
“ไอ้หัวเหลืองนี่ชื่อไผ่ ส่วนลุงคนขับชื่อลุงแสน” พูดจบ หนุ่มท้วมก็โดนคุณลุงคนขับสวนทันที
“อ่าว กวนนะไอ้เวรนี่! เรียกกูลุงอยู่ได้ หนูเรียกอาแสนเถอะ หรือจะพี่แสนก็ได้นะ”
ผู้ชายที่ขับรถแวนโทรมๆคันนี้พูดทัก เสียงห้าวของอาแสนดังมาจากหน้ารถ
แม้ในตอนนี้พลอยจะนั่งอยู่หลังสุดของรถเลยทำให้มองชายคนนั้นไม่ชัด
แต่รูปร่างของอาแสนดูทะมัดทะแมงสมส่วนไม่เหมือนคุณพ่อของพลอยเลย
อย่างไรก็ตามแต่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด
“ช่วยตอบได้รึเปล่าคะว่าเรากำลังจะไปไหน? แล้วพวก.. คนพวกนั้นเค้าคืออะไรกันแน่?”
สาวร่างบางได้แต่ต้องเชื่อใจคนเหล่านี้ไปก่อนและอย่างน้อย... พวกเขาก็น่าจะรู้มากกว่าตัวเธอ
ชายหนุ่มผมเหลืองที่ดื่มน้ำเสร็จก็พูดออกมา
“เชื้อรา” สาวงามได้ยินเสียงของหนุ่มตรงหน้าก็ตกใจ
เสียงแสนแหบต่ำของชายคนนี้เหมือนเสียงคำรามของสัตว์ป่ามากกว่ามนุษย์เสียอีก
“..คะ?”
“พลังพิเศษ...”
“หนีนอกเมือง...” ไผ่พูดด้วยน้ำเสียงแห้งสากก่อนจะหยุดเม้มปาก
พี่ด้าพูดตัดขึ้นมา
“เอางี้ เดี๋ยวพี่เล่าให้...”
“น้องรู้จักพวกผู้มีพลังพิเศษมั้ย?” พี่ด้าถาม
“พลังพิเศษแบบในนิยายแวมไพร์มนุษย์หมาป่า จะไปมั้ย หรอคะ?”
“....เอ่อ.. นั่นแหล่ะ” พี่ด้าทำสีหน้าแปลกๆแต่ก็พูดต่อ
“โลกนี้น่ะ มีพวกมีพลังพิเศษจริงๆนะมีทั้งองค์กร ทั้งราชการ แม้แต่บางครอบครัวที่เขารวยๆกันเขาก็มี”
“...มันฟังดูเพ้อฝันมากเลยนะคะ” ร่างบางได้แต่หลบสายตา
บางทีการตามพวกคนสติไม่ดีพวกนี้อาจจะเป็นความคิดที่ผิดพลาด...
“เฮ้ยน้อง ทำหน้างั้นน่ะพี่รู้นะว่าคิดไร” หนุ่มท้วมผมกระเซิงพูดด้วยความหน่าย
พี่คนนี้อ่านใจได้งั้นรึ!? พลอยคิดอย่างตกใจ
“...เปล่า... แต่ทุกคนที่พี่พูดเรื่องนี้ก็ทำเหมือนพี่บ้ากันหมดนั่นแหล่ะ...”
หนุ่มพุงพลุ้ยแก้มป่องทำสีหน้าน้อยใจ ซึ่งตามความเห็นของพลอยแล้ว
มันก็ไม่น่าดูเท่าไหร่...
พี่ด้าตีหน้าบึ้งมองสาวงามเหมือนรู้ทันความคิด
สาวน้อยว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“แต่ที่พี่พูดถึงเรื่องนี้.. พี่หมายความว่าคนพวกนั้นกลายเป็นผู้มีพลังพิเศษหรือคะ?”
คราวนี้ไม่ใช่พี่ด้าที่ตอบ
“ไม่... ถ้าติดเชื้อ พวกเขาตายก็ไปแล้ว...” หนุ่มผมทองพูดด้วยเสียงแหบแห้ง
“เหลือแค่มัน” ไผ่กัดฟันอารมณ์คุกรุ่น หนุ่มท้วมเห็นดังนั้นก็ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“เราอย่าเพิ่งตัดสินเรื่องนั้นดีกว่านะไผ่ พี่ว่า-”
“ไม่มีทางหรอก!!” ไผ่ตะโกนออกมาดั่งการคำรามของสัตว์ร้าย
“รักษาน่ะ- แค่ก! แค่ก!” ชายหนุ่มพูดไม่เสร็จก็ไอออกมา
“พอแล้วๆ ไม่ต้องพูด เอ้านี่”
พี่ด้ามองไผ่อย่างเป็นห่วงก่อนจะหยิบขวดกระติกน้ำอีกขวดมาให้
ไผ่ที่ไอก็ใช้หลังมือเช็ดปากด้วยความรำคาญ
สาวงามแอบเห็นว่าหลังมือของชายคนนี้มีคราบบางอย่างที่สีเหมือนเลือด
หนุ่มดุดันคนนี้เปิดฝากระติกน้ำยกมาจิบ กลิ่นสมุนไพรและน้ำผึ้งลอยออกมาเล็กน้อย
“เอาเป็นว่า พี่จะสรุปเรื่องของผู้ติดเชื้อแล้วกันนะ...” พี่ด้าพูดออกมา
“คนพวกนี้เหมือนจะสามารถรู้ตำแหน่งของพวกผู้ติดเชื้อคนอื่นๆได้หมด และพวกเขาแพร่กระจายเชื้อด้วยน้ำลาย นอกจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าติดเชื้อแล้วก็จะทำตามคำสั่งของมันอย่างเคร่งครัดแม้จะต้องแลกด้วยชีวิต”
“...มันคืออะไรคะ?”
พี่ด้าเกาหัวแกรกๆ
“เอ่อ... เป็นเหมือนความคิดส่วนกลางน่ะ... น้องเคยได้ยินเรื่องเห็ดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกมั้ย?”
พลอยที่ได้ยินก็งุนงง ถ้าหากเป็นวาฬหรือปลาหมึกสัตว์ประหลาดใต้ทะเลลึกก็อาจฟังขึ้น
แต่เห็ดหรือ?
พี่ด้าเห็นสาวงามฉงนก็ยิ้มแป้นก่อนจะพูดต่อ
“ใช่แล้วล่ะ สิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็คือเห็ดนี่แหล่ะ! แต่มันไม่ได้โผล่หัวออกมาใหญ่เท่าต้นไม้หรอก ร่างจริงๆของมันน่ะอยู่ใต้ดินต่างหาก มันเชื่อมต่อกันเป็นแพทั่วทั้งป่าเป็นสิบตารางกิโลเมตรเลยนะ”
พี่ด้าพูดโชว์ภูมิ
“พวกผู้ติดเชื้อ... กลายเป็นเห็ดหรือคะ?”
“เปล่า ร่างผู้ติดเชื้อก็มนุษย์นี่แหล่ะ แต่พวกเขาจะปลดขีดจำกัดร่างกายเช่นความเจ็บปวด หรือการใช้แรงเกินกว่าเซลล์จะรับไหว”
พลอยที่ได้ยินก็นึกถึงสิ่งที่ตนเผชิญในอพาร์ทเม้นท์
คนรู้จักที่มีพลังเหนือมนุษย์ ไม่แสดงท่าทีว่าตนจะเจ็บปวด
น่าขนลุกยิ่งนัก...
“มันฟังดูยากที่จะเชื่อ... และเท่าที่หนูเห็น พวกเค้าก็ไม่ได้มีท่าทีบ่งบอกเลยนะคะว่าติด... เชื้อเห็ด?”
“...เชื้อรา เรารู้ว่าไอ้สิ่งที่คอยชักใยควบคุมผู้ติดเชื้อเป็นเชื้อราก็เพราะนี่”
พี่ด้าหยิบแผงยามาหนึ่งแผง
“ยาฆ่าเชื้อรา” พี่ด้าพูดต่อ
“ปกติแล้วถ้าโดนจูบล่ะก็ เชื้อราในน้ำลายจะขโมยการควบคุมบริเวณปากไป นั่นทำให้เหยื่อรู้สึกชาปากและไม่สามารถฝืนปิดปากหรือต่อต้านได้โดยง่าย... หลังจากนั้น เหมือนว่าเชื้อราจะค่อยๆแย่งการควบคุมไปถึงคอ และเหยื่อที่มีน้ำลายท่วมปากก็จะเผลอสำลักน้ำลาย ทำให้เชื้อราลงปอดแล้วก็เข้าควบคุมร่างกายส่วนที่เหลือเริ่มจากทางเดินหายใจ”
พี่ด้าส่ายแผงยาไปมาส่งเสียงกรอบแกรบ
“แต่ถ้ากินยานี้ อาการชาปากจะช้ากว่า และยังพอยื้อเวลาการติดเชื้อไปได้ช่วงนึงถ้าเผลอกลืนน้ำลาย แต่ก็ไม่มีทางป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่ดีอ่ะนะ”
“พี่พูดเหมือนกับ...” พลอยที่ฟังก็รู้สึกว่าหนุ่มท้วมตรงหน้าอธิบายได้... ชัดเจนมากเกินไป
“ปิ้งป่องปิ้งป่อง!! พี่กับไอ้ไผ่เกือบกลายเป็นผู้ติดเชื้อแล้ว แต่พี่ไม่ได้กลืนน้ำลาย และไอ้ไผ่.. เอาชนะด้วยพลังพิเศษน่ะ”
พี่ด้ากระแอมก่อนจะพูดต่อ
“นอกจากนี้ ไม่รู้ทำไม แต่พวกนั้นจะไม่ออกจากเมืองนี้โดยเด็ดขาด”
ไม่ทันที่สาวงามจะคิดต่อ รถแวนก็ค่อยๆหยุดตัว
“ถึงแล้วเว้ย ลงๆ” ลุง... อาแสนก็บอกทุกคนก่อนจะลงจากรถ
“อ่า งั้นเดี๋ยวค่อยคุยต่อ ตอนนี้ไปทักทายทุกคนกันเถอะ” พี่ด้าพูดยิ้มๆ
พลอยเดินลงจากรถแวนก็มองรอบๆตัวด้วยความตะลึง
โครงรถเก่าๆคณานับถูกตั้งเรียงไว้เยี่ยงตึกระฟ้า หากแต่ความโออ่าถูกแทนที่ด้วยการละทิ้งหลงลืม
กลิ่นสนิมและกลิ่นโคลนโชยแตะจมูกของสาวงาม
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มายังลานสุสานรถยนต์สำหรับรถที่ไม่ใช้แล้วของชาวกรุง
“เอ้า มาๆๆ น้องใหม่มาแล้วโว้ย” อาแสนตะโกนลั่น
ในตอนที่ตนอยู่บนรถนั้นค่อนข้างมืดและชายรุ่นใหญ่ตรงหน้าก็เป็นคนขับที่นั่งห่างจากตนมากที่สุด ทำให้พลอยไม่มีโอกาสได้สังเกตอาแสนชัดๆ
อาแสนเป็นชายไทยแท้อายุประมาณพ่อของตน รูปร่างสมส่วนองอาจ มีแผลเป็นตรงแก้มข้างซ้ายใต้ขอบตาเหมือนแผลมีดปาด
รอยสักรูปมังกรตรงคอที่โผล่ให้เห็นเหนือปกเสื้อและแขนที่เต็มไปด้วยรอยสัก เผยให้เห็นว่าชายรุ่นใหญ่ตรงหน้าผ่านเข็มสักมานับครั้งไม่ถ้วน
อาแสนเดินอกผายไหล่ผึ่งจนเกือบจะเรียกว่ากร่าง กลิ่นอายเถื่อนๆเหมือนคนที่ทำงาน... ไม่สะอาด ทำให้พลอยคิดว่าตนคงต้องระมัดระวังเหล่าคนที่ตนจะได้เจอ
แต่ทันใดนั้น
หมับ
“กรี้ดดดด” พลอยร้องอย่างตกใจเมื่อมีมือมาจับไหล่ของตนแบบไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้ย ไอ้รุ้ง! มึงอย่าไปแกล้งน้องเค้าสิวะไอ้เวร! มานี่เลย” อาแสนตะโกนดัง
พลอยที่ได้ยินก็หันหลังไปเจอความว่างเปล่า
แต่อยู่ดีๆก็เหมือนสภาพแวดล้อมพร่ามัว ดั่งวิดีโอปรับภาพไม่ทัน
เค้าโครงร่างมนุษย์ที่ขยับเผยออกมาให้พลอยเห็นก่อนที่สีสันจะปรากฎตามมา เผยให้เห็นเด็กหนุ่มหน้าจิ้มลิ้มยิ้มร่า
“ค้าบ ลุงแสน”
หนุ่มวัยรุ่นท่าทางเก้งก้างค่อยๆวิ่งเหยาะๆไปหาอาแสนส่วนหนุ่มใหญ่ก็เข้าไปเขกกบาลเด็กหนุ่มดังโป้ก
“ไอ้เวรนี่ชอบหาเรื่องทำให้คนตกใจ อาขอโทษด้วยนะ” อาแสนหันมาพูดโดยไม่สนใจรุ้งที่ร้องกุมหัวโอดโอย
“สำออยไอ้เวร แล้วมึงเรียกกูลุงอีกแล้วนะ เดี๋ยวปั้ด..”
“งืออ อย่าทำร้ายเด็กน้อยสิลุงแสน เดี๋ยวรุ้งแจ้งมูลนิธิจับลุงแน่!”
“อย่างมึงต้องเรียกไอ้เด็กเวรโว้ย!”
โป้ก
“โอ้ย!”
“สมน้ำหน้า” เสียงอ่อนนุ่มพูดเบาๆ
พลอยหันหน้าตามหาเสียงที่ตนได้ยิน แต่เมื่อคิดว่าเสียงมันอยู่สูงกว่าตนเองจึงเงยหน้าขึ้นไป
พลอยเห็นผู้ชายไว้ผมยาวปล่อยเซอะเซิงกำลังนั่งบนสุดของกองรถเก่า
ชายหนุ่มมองพลอยด้วยสายตาเฉยชาก่อนปล่อยตัวร่วงลงมาจากความสูงสักสี่เมตรได้
แต่พลอยยังไม่ทันได้ตกใจ หนุ่มผมยาวที่ร่วงอยู่ก็ค่อยๆร่วงช้าลง จนในที่สุดก็หยุดลอยอยู่เหนือพื้นเพียงไม่กี่คืบ
“เปรม” หนุ่มผมยาวพูดเรียบๆก่อนที่แรงโน้มถ่วงจะส่งผลต่อเขาอีกครั้ง
ตุ้บ..
เมื่อเท้าสัมผัสพื้นเบาๆแล้วชายคนนั้นก็เดินหลังงอ มือยัดกระเป๋ากางเกงจากไป
“ไม่ต้องไปสนใจรุ้งกับเปรมหรอกนะ แต่ละคนก็สุดๆกันทั้งนั้น” หนุ่มท้วมพูดออกมา
“ยังเหลืออีกคน มาทักทายพี่เค้าหน่อยสิ” พี่ด้ากวักมือเรียก
เงียบฉี่...
พลอยที่เจอผู้มีพลังพิเศษไปแล้วสองคนก็อดคิดไม่ได้ว่าคนสุดท้ายจะโผล่มายังไง
แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครโผล่มา...
“เอ่อ...” พี่ด้าได้แต่เกาหัวแกรกๆ
“กล้าออกมาเถอะ... พี่เค้าใจดี ไม่ทำร้ายกล้าหรอก”
ความเงียบปกคลุมอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่สาวงามจะเห็นวัยรุ่นคนนึงทำท่าทีกล้าๆกลัวๆโผล่ออกมาจากหลังโครงรถเก่า
“ส.. สวัสดีครับ...” วัยรุ่นคนนี้มีดวงตาสีเขียวมรกตแตกต่างจากหนุ่มไทยมากโข
เส้นผมดำแซมน้ำตาล รอยกระตรงแก้มเล็กน้อย และผิวขาวปานกระดาษฟอกขาว บ่งบอกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกครึ่งหรืออาจจะเด็กชาวต่างชาติที่เลี้ยงดูในไทย
“สวัสดีจะ พี่ชื่อพลอย” พลอยกล่าวยิ้มแนะนำตัว หนุ่มน้อยได้ยินก็พยักหน้าหน้าแดงแต่ไม่มีท่าทีว่าจะออกมาจากหลังโครงรถเก่า
“ช่างมันเถอะ กว่าไอ้กล้าจะออกมาพูดเสร็จก็อีกนาน กูหิวแล้ว เอ่อ น้อง... ชื่อพลอยใช่มั้ย? ตามอามาได้นะ ไอ้เปรมน่าจะมีกับข้าวให้เรากินกันพอ”
“ค่ะ” พลอยพยักหน้า ในใจยังมีคำถามอยู่มากมาย
ในตอนนี้เธอกำลังนั่งตรงโต๊ะกินข้าวในอาคารโทรมๆที่มีเพียงพัดลมตัวเดียวแบ่งกันใช้
อาคารที่มีสองชั้น ชั้นบนเหมือนจะเป็นที่อยู่อาศัยและชั้นล่างเป็นห้องกว้างเดี่ยว มีเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าๆ โซฟา โต๊ะ เก้าอี้และทีวีหนึ่งเครื่องที่ดูเหมือนจะผ่านการซ่อมมานับครั้งไม่ถ้วน
พลอยกำลังนั่งอยู่พร้อมกับไผ่ พี่ด้าและอาแสน
เสียงพูดคุยเจาะแจ๊ะของพี่ด้ากับอาแสนตัดกับสาวร่างบางที่นั่งเขี่ยข้าวเงียบๆ
“อ่าว ไม่หิวหรอพลอย? หรืออาหารไม่ถูกปากก็บอกได้นะ” พี่ด้าทักสาวงาม
“...ตอบพลอยได้มั้ยคะว่าทำไมถึงช่วยพลอย?” สาวงามพูดออกมาเรียบๆ ทำให้โต๊ะอาหารเงียบงัน
“อ่า... น้องพลอยยังไม่รู้สินะ” อาแสนที่นั่งกินข้าว
“อาสัมผัสถึงพวกผู้มีพลังพิเศษได้น่ะ” พลอยที่ได้ยินก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ
“คะ?”
“น้องพลอยมีพลังพิเศษไง เหมือนแม่น้องน่ะ”
สาวงามขมวดคิ้ว
“หมายความว่าไงคะ? แม่หนูเป็นนักแสดงไม่ใช่จะบู๊ฟันเหาะอากาศ”
“น้องพลอยไม่คิดว่ามันน่าสงสัยหรือ ว่าทำไมครอบครัวของพลอยถึงโชคดีมากกว่าคนอื่น? และทุกคนก็มองพลอยด้วยความเป็นมิตรเสมอ?”
พี่ด้าพูดทักส่วนสาวงามก็แย้ง
“แต่มันอาจจะเป็นแค่เรื่อง-”
“บังเอิญ... ไม่มี...” ไผ่พูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง
“...ในเมืองนี้” ไผ่พูดจบก็เกาหัวด้วยความรำคาญก่อนจะเดินเก็บจานไปล้าง พี่ด้าเห็นก็ขอตัวแล้วเดินตามไปติดๆ
อาแสนยิ้มแห้ง
“พวกอาลองตามหาพวกผู้มีพลังพิเศษในเมืองให้ทั่วน่ะ เพราะพวกผู้ติดเชื้อที่มีพลังพิเศษนี่... ขี้โกงชิบหาย”
อาแสนหัวเราะรันทดก่อนจะพูดต่อ
“ได้ติดต่อพ่อแม่พลอยแล้วใช่มั้ย? ระวังด้วยนะเพราะบางทีพวกมันก็จะจู่โจมคนใกล้ตัว ล่อให้พวกมีพลังพิเศษมาติดกับ พวกเพื่อนๆที่ติดเชื้อของพลอยอาจจะพูดอะไรล่อพวกเขา”
“พ่อแม่หนูตอนนี้อยู่ต่างประเทศค่ะ หนูบอกพวกเขาแล้วว่าไม่ต้องเป็นห่วงและอย่าเชื่อคำของเพื่อนหนู”
“อ่า.. หัวไวใช่ย่อยเลยนะเราน่ะ” อาแสนจิบน้ำล้างปาก
“พอไอ้ไผ่เห็นว่าน้องพลอยน่าจะโดนพวกมันจู่โจม พวกเราก็รีบมาหาทันที”
“แปลว่าที่หนูรอดมาได้ก็เพราะพวกพี่เจอหนูก่อนแล้วสินะคะ...”
ในตอนนี้เธอกับอาแสนกำลังนั่งกันสองต่อสอง
นี่อาจจะเป็นโอกาสในการถามถึงสิ่งที่คอยกวนใจเธอมาอาทิตย์นึงแล้ว
คนตรงหน้าน่าจะพอรู้ เรื่องนั้น
“...อาแสนคะ”
“หืม?”
“ถ้าวันดีคืนดี... คนปกติเค้ามีพฤติกรรมเปลี่ยนไป... อาจจะเป็นไปได้ว่ามันเป็นเพราะพวกมีพลังพิเศษรึเปล่าคะ?”
“คนปกติจะเปลี่ยนความคิดหน้ามือเป็นหลังมือก็ไม่ใช่จะยากนะ?”
“หนูหมายถึง.. อยู่ดีๆก็ทำเรื่อง... ผิดศีลธรรมอย่างมากน่ะค่ะ”
“...คนใกล้ตัวเปลี่ยนไปรึไง?”
“...เพื่อนค่ะ.. หนูอยากรู้ว่ามันมีพลังพิเศษชนิดควบคุมจิตใจรึเปล่า”
“ไอ้มีน่ะก็มีอยู่แล้ว... แต่จะถามว่ามันมีวิธีแก้รึเปล่าสินะ?”
“...ค่ะ”
“ถ้าเค้าไม่อยากทำอะไรบางอย่างสุดขีด นั่นก็จะปลดอำนาจลงได้เองแหล่ะ”
พลอยหลบสายตา ในตอนนี้มีหลายสิ่งที่เธอต้องคิด
อาแสนเห็นสาวงามทำท่าทางเช่นนี้ก็พาสาวงามไปที่ห้องนอนที่ไม่ได้ใช้ในอีกอาคารใกล้ๆกัน
“ห้องอาจจะไม่ได้หรูหรา แต่ทนหน่อยนะ อากับพวกผู้ชายจะอยู่ตรงตึกโน้นนั่นแหล่ะ มีอะไรก็เดินมาตะโกนเรียกได้เลย”
“ค่ะ...”
“นี่ผ้าเช็ดตัวนี่สบู่.. เอ.. แปรงสีฟันอยู่ไหนวะ..”
“ไม่เป็นไรค่ะ.. ตอนนี้หนู.. เหนื่อยมากแล้ว...”
“อ่า งั้นอาไม่ยุ่งละ ที่นี่มันนอกเมือง เสียงจักจั่นจะน่ารำคาญหน่อยนะ”
เมื่ออาแสนปิดประตู ร่างบางก็ร่วงแผ่ตัวลงกับเตียง
“ถ้าเค้าไม่อยากทำอะไรบางอย่างสุดขีด...” คำพูดของอาแสนก้องวนไปมาในหัว
หล่อนพยายามคิดหา ตัวคนร้าย ที่น่าจะเป็นไปได้ในหมู่คนรู้จัก
อย่างน้อยเธอก็ยังอยากจะเชื่อในตัวของชายคนนั้นอยู่...
หลังจากคุยกับน้องสาวสุดสวยคนนั้นเสร็จ หนุ่มใหญ่ก็เดินขึ้นชั้นสองทันที
อาแสนเปิดประตูห้องนอนที่ใหญ่ที่สุดของอาคารโทรมๆนี้ด้วยความตื่นเต้น
ประตูเผยให้เห็นไอ้ไผ่หนุ่มหัวทอง กำลังตัวล่อนจ้อนคลานกับพื้นไม้
ปากของชายหน้าคมกำลังครอบละเลงแท่งกามของไอ้ด้าอย่างหื่นกระหาย
ร่างกล้ามแน่นของไอ้ไผ่ประดับด้วยแผลเป็นมากมาย รอยแผลสีจางตัดกับสีผิวเข้มน้ำตาลของชายตรงหน้าไม่รู้ว่าร่างชาตรีผ่านศึกอะไรมาบ้าง
ชายหนุ่มท่าทางดุดัน ในตอนนี้กลับเหลือเพียงที่รองรับกามให้กับทุกคนเท่านั้น
แต่มันก็ไม่ได้ยุ่งแค่ปาก เพราะวัยรุ่นคึกคะนองอย่างไอ้รุ้งก็กำลังกระหน่ำสืบสมกับรูกามของหนุ่มหน้าคมอย่างหรรษา
“อ่า.. ซี้ด... มึงเริ่มแดกควยกูเก่งขึ้นแล้วนี่ไอ้เหี้ยไผ่? คิดไม่ผิดจริงๆที่กูให้ไอ้รุ้งยืมมึงไปใช้” หนุ่มท้วมตบหน้ากะหรี่ของตนอย่างสะใจ
มันชื่นชอบที่สุดที่ชายหนุ่มกร่างกระด้านตรงหน้ากลายสภาพเป็นผู้ถูกกระทำในยามค่ำคืนให้กับมัน
“ไอ้เหี้ยไผ่ฝึกโม้กเก่งขึ้นมากเลยพี่! พี่เปรมต้องอย่าแพ้ไอ้เหี้ยไผ่นะ ไม่งั้นจะเสียหน้าเอา อ่า แม่งเอ้ย...ซี้ด.. รูตอดโคตรสุด...”
ไอ้รุ้งว่าแล้วก็เงยหน้าขึ้นไปมองเพดานยิ้มกวนๆ ก่อนจะร้องซี้ดเพราะโดนร่องกามของไอ้ไผ่บีบคั้น เหมือนโกรธที่โดนเรียกโดยไม่ให้เกียรติแม้จะอายุมากกว่า
ส่วนไอ้เปรม หนุ่มผมยาวร่างบางก็กำลังนอนเปลือยตัว ลอยคว่ำทาบบนผนังเพดานด้วยพลังของตน
แขนขาของหนุ่มงามถูกเชือกมัดพันแน่น มีเพียงเอ็นกามที่แข็งโด่อยู่เท่านั้นที่ปล่อยน้ำไหลหยดร่วงลงมา
เพี้ยะ!
“อื้อ!” ไอ้เปรมร้องเสียงหลงเมื่อหัวเอ็นกามของมันโดนฟาดด้วยแส้เฆี่ยนหนังที่ปลายแตกออกมาเป็นเส้นๆ
หนุ่มร่างบางเหงื่อชุ่ม ร่างที่ถูกเชือกมัดจนแน่นเผยให้เห็นสัดส่วนกล้ามอกแน่น รอยแดงจากการดิ้นฝืนทิ้งเป็นทางบนผิวขาวน้ำนมนุ่ม
“ฟาดอีกกล้า! เอาให้พี่เปรมแม่งแตกเลย!”
ไอ้รุ้งพูดให้กำลังใจให้ไอ้กล้าที่ตอนนี้หน้าแดงเถือก
หนุ่มน้อยหน้าลูกครึ่งตาเขียวมรกต มองหัวลำเขื่องของไอ้เปรมตาไม่กะพริบ
ไอ้กล้าถือแส่เฆี่ยนข้างนึงในมือ ส่วนอีกข้างก็กำลังชักแก่นกามของตัวเองอย่างเมามัน
ฟาดไปทีก็ได้ยินเสียงร้องสนองกลับมาอีกที
ยิ่งโดนเพื่อนยุยง ไอ้กล้าก็ยิ่งฟาดหน้าอกเนียนและหัวเอ็นอุ่นของไอ้เปรมอย่างไร้เมตตา
ไอ้เปรมดิ้นจะเป็นจะตาย หัวของแก่นกามแดงเถือก ปล่อยน้ำหล่อลื่นไหลกระฉอกร่วงลงบนพื้นดั่งน้ำรั่ว
ชายรุ่นใหญ่ยกยิ้มริมฝีปาก
“พวกมึงเริ่มกันไวจังวะ ไม่รอกูเลยไอ้พวกขี้เงี่ยนเอ้ย!”
ไอ้รุ้งยักคิ้วกวนโอ้ย ส่วนไอ้ด้าก็ทักตอบกลับ
“อ่าว ลุงแสนมาแล้วสินะครับ แล้วเรื่องเด็กนั่น...”
“อาแสนต่างหากล่ะ ไอ้หัวควยเอ้ย ส่วนน้องคนนั้นกูให้ไปนอนอีกตึกละ”
ด้าพยักหน้า ก่อนจะจับผมไอ้ไผ่แน่นและถอนตัวออกมาจากปากของมัน
“เอ้า ไอ้เหี้ยไผ่ พ่อมึงมาแล้ว” ด้าพูดเสร็จก็เอากระบองตบหน้าไปมาจนหนุ่มหัวทองหน้าเปียกเลอะด้วยน้ำลายและกลิ่นกาม
หนุ่มใหญ่เห็นลูกชายของตนถูกกระทำก็ยิ้มแห้ง
“ไอ้ด้าเอ้ย มึงนี่นับวันเข้ายิ่งทำเหมือนลูกกูมันเป็นกะหรี่ร่านเลยนะ”
“ไอ้เหี้ยไผ่มันยิ่งกว่ากะหรี่อีกลุงแสน แค่จ่ายด้วยควย มันก็พร้อมจะแทบเท้าผมละ ใช่มั้ย ไอ้! เหี้ย!ไผ่!”
รุ้งยิ้มร่าตอบก่อนจะกระทุ้งแรงๆแต่ละคำจนได้ยินเสียงคำรามต่ำไร้ซึ่งปราณี
หนุ่มใหญ่ถอนหายใจก่อนจะแก้ผ้าจนหมดตัว
ร่างทะมัดทะแมงสมส่วนของชายรุ่นใหญ่เผยออกมาให้เห็น
ทั่วทั้งร่างประดับด้วยรอยสักดั่งนักเลงยากูซ่าเหลือไว้เพียงหัว มือ เท้า และบริเวณแท่งกามเท่านั้นที่ยังไร้ซึ่งมลทินน้ำหมึก
ด้ามองร่างของหนุ่มใหญ่ด้วยความหื่นกระหาย รอยสักประดับร่างของหนุ่มใหญ่ยิ่งทำให้เห็นรอยมัดกล้ามที่ผ่านการฝึกอย่างทรหดชัดเจนมากขึ้น
ด้าถอยตัว เปิดทางให้หนุ่มใหญ่เดินเข้ามาและยื่นแก่นกามตนต่อหน้าลูกตัวเอง
“ไอ้เหี้ยไผ่ ช่วยพ่อหน่อยนะ...” หนุ่มใหญ่พูดเบาๆก่อนจะร้องซี้ดเสียวเพราะพยามังกรโดนลิ้นของลูกชายตัวเองละเลง
หนุ่มใหญ่จับหัวของลูกตัวเองแน่น ก่อนจะกระหน่ำสืบสมแรงเสียจนได้ยินเสียงอ็อคๆจากไผ่ที่สำลักท่อนกามจนน้ำตาเล็ด
หากแต่ลูกชายก็หาได้โทษผู้เป็นบิดา พยายามรับพลองมหึมาเข้าคอให้ได้
รุ้งที่สืบสมอยู่ข้างหลังก็เร่งเครื่อง ตบแก้มก้นพลางสบทด่าไผ่อย่างไม่ใยดี
“ซี้ด รับควยกูไปไอ้เหี้ยไผ่! ร่านๆอย่างมึงต้องโดนเย็ดทั้งวันทั้งคืน มึงถึงจะพอใจใช่มั้ย ไอ้เหี้ยเอ้ย!”
ในตอนนี้ หนุ่มกร่างโดนระยำทั้งจากหน้าและหลัง ดูแล้วน่าสมเพชไร้ศักดิ์ศรียิ่งนัก
ด้าดูอยู่ก็อยากมีส่วนร่วม เอามือจับลูบแก้มก้นแน่นๆของหนุ่มใหญ่ที่ก็มีรอยสักเช่นกัน ใช้ลิ้นตวัดเลียหัวนมของหนุ่มใหญ่อย่างสนุกสนาน
“อ่า ซี้ด... เสียวชิบหาย” หนุ่มใหญ่ครางซี้ดสุขสม เร่งกระแทกใส่ปากลูกชายอย่างไม่ใยดีว่าลูกตัวเองจะเป็นจะตายขนาดไหน
หน้าที่เลอะเทอะด้วยน้ำลายน้ำกามและน้ำตาของไผ่ดูไม่ได้เอาเสียเลย
เสียงครางสุขสมของเด็กหนุ่มและชายฉกรรย์ต่างผสานกันดั่งเสียงเพลงในห้องนี้ โดยมีเสียงกระแทกเนื้อแน่นๆและเสียงฟาดเฆี่ยนอย่างมันมือของกล้าเป็นจังหวะ
แต่แล้ว รุ้งก็ร้องออกมา
“ซี้ด แม่งเอ้ย อ้าาา! ไอ้เหี้ย!” รุ้งสบทก่อนจะแตกน้ำชีวิตกระฉูดเข้าตัวของไผ่
“อึก” หนุ่มใหญ่เองก็ไม่ไหวเช่นกัน ชายรุ่นใหญ่ถอยตัวออกมาก่อนจะปล่อยน้องๆของไผ่ราดประดับเต็มหน้า
ไผ่อ้าปากรับน้องๆของตนอย่างสุขใจ รับกลิ่นคาวๆและรสชาติกามที่ตนเองได้ลิ้มรสมานับครั้งไม่ถ้วนไม่เคยจะหน่าย
“แม่งเอ้ย... ไอ้เหี้ยไผ่... หีมึงโคตรตอดควยกูเลยว่ะ เข้าใจละว่าทำไมพี่ด้าชอบเย็ดมึงจัง”
รุ้งพูดออกมาอย่างเหนื่อยหอบ ในตอนนี้รูรักของชายหนุ่มเปิดกว้าง น้ำรักของรุ้งไหลออกมาเป็นทาง
วัยรุ่นวัยซนยิ้มร่า มือนวดแก้มก้นของไผ่ก่อนจะก้มลงไปอ้ารูและตวัดเลียแหย่ลิ้นเข้ารูกามของชายหนุ่ม ลิ้มรสน้ำรักของตัวเองอย่างไม่รังเกียจ
ส่วนหนุ่มใหญ่หลังจากที่ปล่อยนมข้นราดหน้าลูกชายก็หอบหายใจ ก่อนจะหันไปเห็นเปรมกับกล้าที่เล่นกันอยู่อีกคู่
“เย็ดเข้ ไอ้เปรม! นี่มึงแตกแค่เพราะโดนเฆี่ยนหัวควยได้จริงๆหรือวะเนี่ย!?”
หนุ่มใหญ่พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เปรม หนุ่มผมยาวที่ถูกมัดเชือกแขนขาทั่วตัวในตอนนี้ได้นั่งคุกเข่าอมท่อนกามของกล้าแล้ว หัวของท่อนกามชายร่างบางมีสีแดงก่ำดูน่ากลัวมิใช่น้อย
หากแต่คราบกามที่อยู่แทบเท้าของกล้า บ่งบอกได้อย่างดีว่าเปรมสุขสมกับการถูกกระทำเมื่อครู่ขนาดไหน
ด้าเห็นหนุ่มใหญ่ทำท่าตกใจก็หัวเราะก่อนจะพูดออกมา
“เปรมเค้าชอบโดนแรงๆอยู่แล้วครับ บางทีแค่เหยียบไข่ เปรมก็แตกคาตีนเองแล้ว”
หนุ่มท้วมพูดเสร็จก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะเสริมต่อ
“แต่มาแตกเรี่ยราดตรงนี้นี่คงต้องให้เป็นหน้าที่มึงแล้วล่ะ ไอ้เหี้ยแสน...”
เมื่อหนุ่มใหญ่ได้ยินคำเรียกชื่อตนเอง พลองของตนก็กระดกเองตามสัญชาตญาณ
วัยใหญ่เลียริมฝีปากที่แห้งผากก่อนจะกล่าวรับคำ
“ครับ...” ไอ้แสนกลืนน้ำลายก่อนจะคลานเข้าไปแทบเท้าของกล้าเด็กรุ่นลูกตัวเอง
เปรมกับกล้าก็ยังคงอยู่ในเกมกามส่วนตัวหาได้สนใจร่างของหนุ่มใหญ่ที่มาคลานแทบเท้าไม่
ไอ้แสนแลบลิ้นเลียคราบน้ำคาวของเปรมที่อยู่บนพื้น ดูสภาพไม่ต่างจากสุนัขเอาเสียเลย
หนุ่มใหญ่เลียละเมียดละไม ลิ้มรสคาวกามที่อยู่บนพื้น หากแต่ตนก็ยังไม่ยอมกลืนลงคอ
เพราะพ่อที่ดี ก็ต้องเอาของดีๆไปให้ลูกเสมอ
หนุ่มใหญ่คลานมาอยู่ต่อหน้าลูกตัวเองที่ตอนนี้เลอะเทอะด้วยน้ำกามน้ำลายก่อนจะจูบไผ่อย่างดูดดื่ม
ไผ่ลิ้มรสน้ำขาวขุ่นที่อยู่ในปากของพระบิดากลืนลงคออย่างเอร็ดอร่อย
หน้าที่เปื้อนด้วยคราบกามของมันก็ทำให้พ่อตัวเองมีน้ำข้นแปะด้วยเช่นกัน
หนุ่มใหญ่เลียทั่วหน้าลูกชายอย่างรักใคร่ เก็บเอานมข้นของตนเข้าปากก่อนจะแบ่งให้ไผ่ดูดดื่มอีกครั้ง
ด้าที่มองดูอยู่ข้างหลังก็เดินมาลูบก้นแน่นของชายวัยใหญ่ก่อนจะแหย่นิ้วเข้าไปเล่น ทำเอาไอ้แสนถึงกับครางออกมาอย่างตื่นเต้น
“กล้า ยังไม่แตกใช่มั้ย? มาเอาไอ้เหี้ยไผ่ได้นะ ให้เปรมได้พักปากบ้าง”
หนุ่มร่างท้วมพูดขึ้น วัยรุ่นผมน้ำตาลเข้มได้ยินก็พยักหน้า ก่อนจะละท่อนเอ็นของตนออกจากปากของเปรม
เมื่อเปรมไม่มีท่อนกามในปาก หนุ่มผมยาวก็ร่วงตัวลงนอนคว่ำหายใจหอบอย่างเหนื่อยอ่อน
แรงที่มีอยู่ก็แทบหายไปแทบหมดแล้วเมื่อดิ้นไปมาแม้จะโดนมัดทั่วตัว
เปรมเป็นคนที่มีร่างกายอ่อนแอกว่าคนอื่นๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่สามารถสู้พวกมหาอสุรกามที่ยื้อไปจนเกือบรุ่งสางได้
“เอ้า ไหวมั้ยอ่ะพี่เปรม ยังไม่ทันได้ใช้อีกรูนึงเลยนะ คืนนี้อ่ะ”
แต่อสุรกามรุ้งกลับยิ้มอย่างร้ายกาจ ในมือของตนถือแท่งของเล่นกามลำเขื่องใหญ่มหึมา
หนุ่มร่างบางได้แต่คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร แม้ตัวเปรมเองจะเคยฝึกกับของเล่นชิ้นนี้จนรูมันชินแล้วก็ตาม
ส่วนสองขี้ข้าพ่อลูก ในตอนนี้ได้ตั้งท่าคลานอยู่บนพื้น ทั้งสองจูบแลกลิ้นกันอย่างรักใคร่
กล้าที่เดินมาหาไผ่ก็ถือลำเอ็นของจริงเข้าจ่อรูอย่างตื่นเต้น
“อื้ออ!” ไอ้แสนร้องออกมา ใบหน้าของชายใหญ่ประดับรอยยิ้มมีความสุข
ด้าได้ยัดกระบองของตนเข้าไอ้แสนไปก่อนแล้ว หนุ่มท้วมร้องซี้ดเสียวสะใจ
กล้าที่เห็นดังนั้นก็ค่อยๆยัดตัวเอ็นของตนเข้ารูรักไอ้ไผ่
น้ำกามของรุ้งที่เคยปล่อยเข้าไปยังคงพอเหลืออยู่บ้าง ทำให้เอ็นกามของวัยรุ่นลูกครึ่งยัดเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
“ซี้ด... ไอ้เหี้ยแสนเอ้ย... รูมึงก็ฟิตไม่แพ้ลูกชายมึงเลยนะรู้มั้ย”
ด้าพูดพลางเริ่มเล่นเกมกามของตน ส่วนไอ้แสนที่ได้ยินคำชมก็ยิ้มอย่างภูมิใจ
“อ่า... พี่ไผ่...” ส่วนกล้าก็พูดเบาๆ
รูที่ยังคงมีน้ำรักเหลืออยู่ทำให้เกมกามของฝั่งนี้เคลื่อนเร็วไวดั่งเครื่องจักร
เสียงแฉะๆจากน้ำกามและเนื้อที่กระทบกันดังน่าฟังมาก
ส่วนไอ้ไผ่ไอ้แสนที่กำลังโดนกระหน่ำสืบสมก็มองหน้ากันและกัน
ฝ่ายพ่อยิ้มร่า แม้ด้าจะกระแทกแรงจนตัวโยกเสียเหงื่อท่วมก็ไม่หวั่น เพราะรู้ว่าด้ามีความสุขกับร่างของตน
ต่างจากฝ่ายลูก ที่แม้จะโดนกล้าเร่งเครื่องไวกว่ามากแต่กระแทกไม่แรงนัก
หากแต่สีหน้าของไอ้ไผ่กลับบิดเบี้ยวทั้งเสียวทั้งจุก
ไอ้แสนสงสารจึงจูบประโลมลูกชายมันอย่างดูดดื่ม
ภาพการแสดงความรักตรงหน้ายิ่งทำให้ผู้กระทำทั้งสองคนเร่งเครื่องด้วยความหื่นกระหาย
“ซี้ด.. ไอ้พวกเหี้ยเอ้ย... แม่งร่านชิบหาย... อ่ะซี้ดด..” หนุ่มท้วมสบทด่าตามอารมณ์ดิบเถื่อน
ส่วนวัยรุ่นขี้อายอย่างกล้าก็ไม่พูดมาก หนุ่มน้อยจับไหล่ของไอ้ไผ่แน่น
กล้ากระแทกเร็วขึ้นจนไอ้ไผ่ร้องครางเสียงต่ำสติแทบเตลิด
ทั้งสี่คนสืบเกมกามกันจนในที่สุดก็มีคนยกธงขาว
“อึก กรอด!” ไอ้ไผ่กัดฟันคำรามดั่งสัตว์ดุร้าย น้ำข้นขาวพุ่งกระฉูดลงบนพื้นไม้เป็นทางยาว
และเมื่อมันหลั่งน้ำ รูที่หดเกร็งก็บีบคั้นท่อนกามของกล้าที่อยู่ในตัวให้แตกไปตามๆกัน
“อ้า อ้า อ้าาา!” หนุ่มน้อยครางเสียงใสกระแทกเข้าในรูแน่น หวังปล่อยน้ำรักของตัวเองเข้าให้ลึกที่สุดในตัวของไอ้ไผ่
เมื่อเห็นไอ้ไผ่กับกล้าสำเร็จสุขแล้ว หนุ่มท้วมก็เร่งเครื่องแตกไปตามๆกัน
“ซี้ด แม่งเอ้ย ไอ้เหี้ยแสน! มึงรับน้ำควยกูไป ไอ้สัตว์!” ด้ากระแทกไปอีกหลายทีก่อนจะปล่อยน้ำกามตัวเองเข้ารูรักของหนุ่มใหญ่
และหนุ่มใหญ่ที่รู้ว่ารูของตนแปดเปื้อนด้วยน้ำกามแล้วก็ยิ้ม จับท่อนเอ็นของตนชักระรัวจนแตกตามคนอื่นๆไปติดๆ
เหล่าชายหนุ่มคละวัยต่างหอบหายใจอย่างสุขสม
ก่อนที่ไอ้พวกพ่อลูกจะทำหน้าที่ของพวกมันด้วยการผลัดกันเอารูจ่อให้อีกตัวเล่นลิ้นดื่มด่ำกับน้ำกามในรูและเลียคราบน้ำข้นขาวบนพื้นให้สะอาดเป็นปกติ
หลังจากเสร็จแล้วหนุ่มๆแทบทุกคนต่างก็ใส่เสื้อผ้าเดินกลับห้องของตัวเอง
เหลือเพียงเปรมที่ยังนอนอยู่ที่เดิม โดนมัดมือมัดเท้าขยับไม่ได้ มีของเล่นยัดรูมันแน่น เอ็นกามของมันกระตุกแข็งปล่อยน้ำเมือกใสเป็นระยะๆ
กว่า หนุ่มร่างบางจะโดนคนเห็นใจช่วยก็คงจะเช้าตรู่...
--ช่วงคุยกะคนเขียน--มาแล้ว บทถัดไปแบบยาวมัก
เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว เป็นไงครับ อ่านแล้วพอเข้าใจเนื้อเรื่องกันได้รึเปล่า
พ่อของพระเอกเราหายไปไหน จะเป็นเพราะพวกผู้ติดเชื้อรึเปล่า? แล้วกลุ่มลุงแสนเค้ามีที่มาที่ไปยังไงกันแน่!?
แล้วถ้าเพื่อนๆเดาสงสัยได้ว่าทำไมตอนผมเขียน ผมถึงนิยามอวยพลอยซะเหลือเกิน เพื่อนๆเป็นคนที่เซ้นส์ดีมาก บอกเลย ต้องลองซื้อหวยดูแล้วล่ะ ปล. กลับมาแก้ช่องว่างให้อ่านง่านขึ้นแล้วครับ