หลังจากเหตุการณ์กับยายเป้า ผมรู้สึกสับสนและกดดันอย่างหนัก ในฐานะแพทย์ ผมรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกตื่นเต้นและพึงพอใจที่ได้รับ
"เราจะปรึกษาใครดี?" ผมถามตัวเองขณะนั่งอยู่ในห้องพักแพทย์ที่โรงพยาบาล "จิตแพทย์เหรอ? ไม่ได้... พวกเขาเป็นอาจารย์เรา ถ้าพวกเขารู้เข้า อนาคตเราจบแน่"
ความกลัวที่จะถูกจับได้ทำให้ผมไม่กล้าเข้าหาใคร ผมเริ่มสังเกตว่าตัวเองมีอาการหวาดระแวงมากขึ้น ทุกครั้งที่มีคนมองมา ผมจะรู้สึกว่าพวกเขารู้ความลับของผม
"หมอต้น วันนี้ดูเครียดนะคะ" พยาบาลคนหนึ่งทัก
ผมสะดุ้งเล็กน้อย "เปล่าครับ แค่นอนไม่ค่อยพอ" ผมตอบกลับพลางพยายามยิ้ม
ผมเริ่มศึกษาเรื่อง gerontophilia ด้วยตัวเอง อ่านบทความทางการแพทย์และจิตวิทยาทุกอย่างที่หาได้
"มันเป็นความผิดปกติจริงๆ หรือเปล่านะ?" ผมถามตัวเองขณะอ่านบทความ "หรือว่านี่แค่ความหลากหลายทางเพศรูปแบบหนึ่ง?"
ยิ่งศึกษา ผมยิ่งรู้สึกสับสน ในแง่หนึ่ง มันถูกจัดอยู่ในกลุ่ม paraphilia ซึ่งถือเป็นความผิดปกติ แต่อีกแง่หนึ่ง ก็มีการถกเถียงว่ามันอาจเป็นเพียงความชอบส่วนบุคคล
ผมเริ่มสังเกตว่าตัวเองมีพฤติกรรม exhibitionism มากขึ้น บางครั้งผมแกล้งปล่อยให้กระดุมเสื้อกาวน์หลุดเวลาตรวจคนไข้สูงอายุ
"ขอโทษครับ" ผมพูดพลางรีบติดกระดุม แต่ในใจกลับรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นปฏิกิริยาของคนไข้
ความรู้สึกผิดและความต้องการต่อสู้กันในใจผม ผมพยายามทำงานอย่างมืออาชีพ แต่ก็อดคิดถึงยายเป้าและประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้
"สังคมไทยไม่พร้อมจะเข้าใจเรื่องแบบนี้หรอก" ผมคิด "ถ้าใครรู้เข้า ชีวิตเราจบแน่"
ความกดดันทำให้ผมรู้สึกโดดเดี่ยว ผมต้องการพื้นที่ที่จะแบ่งปันความรู้สึกโดยไม่ถูกตัดสิน
วันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ gerontophilia บนอินเทอร์เน็ต ผมบังเอิญเจอลิงก์เชิญชวนเข้ากลุ่มเทเลแกรมที่ชื่อว่า "สาวแก่สุดฮอต"
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความต้องการที่จะเข้าใจตัวเองมากขึ้น ผมตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่ม
"สวัสดีครับทุกคน ผมเพิ่งเข้ามาใหม่ อยากทำความรู้จักและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครับ" ผมพิมพ์ข้อความแรกด้วยมือที่สั่นเทา
ไม่นานนัก ก็มีข้อความตอบกลับมามากมาย ทั้งคำทักทายและคำถามต่างๆ
"ยินดีต้อนรับครับน้องใหม่ เราเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคนที่ชื่นชอบสาวแก่นะ" ข้อความหนึ่งเขียน
"คุณเคยมีประสบการณ์กับสาวแก่มาก่อนไหม?" อีกคนถาม
ผมรู้สึกทั้งตื่นเต้นและกลัวในเวลาเดียวกัน แต่ก็ตัดสินใจที่จะเปิดใจ
"ผมเพิ่งมีประสบการณ์ครั้งแรกเมื่อไม่นานมานี้ครับ" ผมตอบกลับ "มันทำให้ผมสับสนมาก ไม่รู้ว่าปกติหรือเปล่า"
คำตอบที่ได้รับทำให้ผมรู้สึกโล่งใจ หลายคนบอกว่าพวกเขาก็เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน และให้กำลังใจผม
"มันเป็นเรื่องปกตินะ เราแค่มีรสนิยมที่แตกต่างจากคนอื่นเท่านั้นเอง" คนหนึ่งตอบ
ผมเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และเริ่มแบ่งปันประสบการณ์และความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น โดยไม่เปิดเผยตัวตนจริง
"บางทีสังคมอาจจะไม่เข้าใจเรา" ผมเขียน "แต่อย่างน้อยเราก็มีกันและกัน"
การได้พูดคุยกับคนที่มีความรู้สึกคล้ายกัน ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป แม้จะยังมีความกังวลและความรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่ผมก็เริ่มยอมรับตัวเองมากขึ้น
"เราต้องระวังตัว" ผมเตือนตัวเอง "แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องเกลียดตัวเองด้วย"
ผมยังคงทำงานอย่างหนัก พยายามเป็นหมอที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในเวลาเดียวกัน ก็ใช้ความเข้าใจใหม่ๆ ที่ได้รับมาช่วยในการดูแลคนไข้ โดยเฉพาะคนไข้สูงอายุ
"บางทีประสบการณ์ของเราอาจทำให้เราเข้าใจความต้องการของคนไข้ได้ดีขึ้นก็ได้" ผมคิด "แต่เราต้องระวังไม่ให้มันกลายเป็นการล่วงละเมิด"
นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางค้นหาตัวตนที่แท้จริงของผม ในฐานะแพทย์ และในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่มีความรู้สึกและความต้องการที่ซับซ้อน ผมยังไม่รู้ว่าการเดินทางนี้จะพาผมไปที่ไหน แต่อย่างน้อย ผมก็รู้ว่าผมไม่ได้เดินทางคนเดียวอีกต่อไป...
หลังจากเข้าร่วมกลุ่มเทเลแกรม "สาวแก่สุดฮอต" ได้สามวัน ผมรู้สึกกล้ามากขึ้นที่จะแสดงออกถึงความต้องการของตัวเอง วันนั้น มีสมาชิกในกลุ่มชวนให้แชร์รูปเซ็กซี่
ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจถ่ายรูปตัวเองในห้องน้ำโรงพยาบาล ผมถอดเสื้อกาวน์ออก เหลือแค่กางเกงใน มือถือหูฟังแนบหน้าอก
"นี่คือหูฟังที่ผมใช้ตรวจคนไข้ครับ" ผมพิมพ์ส่งพร้อมรูป หัวใจเต้นรัว
ไม่นานก็มีข้อความชื่นชมส่งเข้ามามากมาย
"หล่อมากเลยค่ะหมอ"
"อยากให้มาตรวจจังเลย"
ผมรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกผิดยังคงมีอยู่ แต่ความสุขจากการได้เป็นตัวของตัวเองก็มีมากเช่นกัน
"อยากเห็นมากกว่านี้จัง" มีข้อความหนึ่งส่งมา
ผมตัดสินใจถ่ายวิดีโอสั้นๆ ผมค่อยๆ ถอดกางเกงในออก เผยให้เห็นร่างกายทั้งหมด ก่อนจะใช้หูฟังลูบไล้ไปตามร่างกาย
"สำหรับคุณยายคนพิเศษ" ผมพูดเบาๆ ในคลิป นึกถึงยายเป้า
ผมส่งคลิปนั้นเข้ากลุ่ม รู้สึกทั้งตื่นเต้นและกลัวในเวลาเดียวกัน
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นไม่หยุด สมาชิกในกลุ่มต่างชื่นชมและขอคลิปเพิ่ม
ผมกำลังจะถ่ายคลิปเพิ่ม
แต่จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
"หมอต้นคะ มีเคสฉุกเฉินค่ะ" เสียงพยาบาลดังมาจากนอกห้อง
ผมสะดุ้งตกใจ ความมึนเมาในอารมณ์เมื่อครู่หายวับไปในพริบตา ผมรีบแต่งตัวอย่างลวกๆ มือสั่นไปหมด
"เดี๋ยวผมออกไปครับ" ผมตอบกลับเสียงสั่น
ขณะที่กำลังจะออกจากห้องน้ำ ผมหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยภูมิใจ บัดนี้กลับดูน่าขยะแขยงในสายตาตัวเอง
"เฮ้ย! มึงทำอะไรลงไปวะ" ผมพูดกับตัวเองในกระจก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรังเกียจ "มึงเป็นหมอนะโว้ย ไม่ใช่ไอ้โรคจิต!"
ภาพของน้องน้ำ แฟนสาวที่รออยู่ในกรุงเทพฯ แวบเข้ามาในหัว ทำให้ผมรู้สึกผิดอย่างรุนแรง
"พี่ขอโทษนะน้ำ" ผมพึมพำ น้ำตาคลอ "พี่มันสกปรก ไม่สมควรได้เธอเลย"
ผมรีบล้างหน้า พยายามสลัดความคิดและความรู้สึกสกปรกออกไป แต่มันยังคงเกาะกุมจิตใจ
"กูต้องเลิกทำแบบนี้" ผมบอกตัวเอง "นี่มันผิดจรรยาบรรณ ผิดศีลธรรม ถ้าใครรู้เข้า อนาคตกูจบแน่"
ผมสูดหายใจลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเปิดประตูออกไปทำหน้าที่หมอ
ขณะที่เดินไปที่ห้องฉุกเฉิน ผมรู้สึกเหมือนทุกคนกำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาตำหนิ แม้จะรู้ว่ามันเป็นแค่ความคิดของตัวเอง แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้
"เราต้องหยุด" ผมบอกตัวเอง "เราต้องเป็นหมอที่ดี เป็นคนดีของสังคม"
แต่ลึกๆ ในใจ ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด ความต้องการและความสับสนยังคงอยู่ ผมไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร
ผมเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุด แต่ในใจก็ยังคงต่อสู้กับความรู้สึกผิดและความอยากที่ซ่อนอยู่
"เราจะทำยังไงดีวะ" ผมถามตัวเองในใจ ขณะที่กำลังตรวจคนไข้ "เราจะมีชีวิตอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?"
และนั่นคือคำถามที่ผมยังไม่มีคำตอบ ผมเพียงรู้ว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งในใจ ระหว่างหน้าที่ ศีลธรรม และความต้องการที่ซ่อนอยู่ลึกๆ...