“วันนี้ผมไม่มีถ่ายหนิครับ”
- v0 t* G) ], ?" k! b นักแสดงหน้าใหม่ในวงการเอ่ยถามกับผู้จัดการประจำตัว เพราะจากตารางคิวถ่ายก็อีกสองวันข้างหน้า แถมที่พามาก็อยู่คนละโซนกับส่วนที่ถ่ายโปรไฟล์เมื่อครั้งก่อน มันดูเหมือนออฟฟิศมากกว่าสตูดิโอเสียอีก “พี่พามารู้จักผู้ใหญ่ในวงการ นั่นไง มานู้นละ” ว่าจบพี่โจหันไปยังกลุ่มคนที่เดินรายเข้ามา หน้าแต่ละคนยังดูวัยรุ่นอยู่เลย เมื่อเดินมาถึงต่างฝ่ายต่างยกมือไหว้ทักทายตามมารยาท “พี่โจ มีธุระอะไรทำไมไม่นัดก่อนล่ะครับผมจะได้ให้ไปรอที่ห้อง” ชายหนุ่มภูมิฐานทักทาย แววตาดูจริงใจไม่ถือตัวต่างกับคนอื่นที่เดินมาด้วยกันเพราะพวกนั้นมองเหยียดยังไงไม่รู้ “ไม่มีธุระอะไรหรอก พี่แค่แวะมาทักทาย แล้วก็นี่…อัคคี เด็กปั้นของพี่เอง” พี่โจว่าจบก็ผายมือมายังนักแสดงหน้าใหม่ ไฟไม่สิตอนนี้เขาคืออัคคี อัคคียกมือไหว้ตามมารยาทเพราะเอาเข้าจริงดูอีกฝ่ายหย้าเด็กกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ “สวัสดีครับ ผมอัคคีครับ” “ผมกริชครับ ไม่ต้องยกมือไหว้ก็ได้นะดูแล้วเราน่าจะรุ่นเดียวกัน” กริชพูดด้วยรอยยิ้มสวยแล้วสำรวจใบหน้า รวมไปถึงหุ่นและบุคคลิกท่าทางของเด็กปั้นพี่โจ “ยังไงพี่ฝากน้องกริชด้วยนะ” “ครับพี่โจ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมดีใจนะที่พี่รับข้อเสนอของผม” “พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณ” หลังจากบทสนทนานั้น พี่โจก็พาอัคคีเดินออกมาส่วนคนที่ชื่อกริชหันมายิ้มอ่อนให้แล้วเดินไปยังส่วนที่จำกัด “นั่นใครหรอครับ” อัคคีถามเพราะคนคนนั้นดูน่าสนใจดี “คุณกริชน่ะ เป็นหนึ่งในบอร์ดบริหาร แล้วก็เป็นคนเดียวที่เป็นคนปกติ” คำตอบของพี่โจทำอัคคีฉงนเล็กน้อย เพราะไม่เข้าใจว่ามันสื่อความอย่างไร “มีธุระอะไรต่อไหม ถ้าไม่มีพี่จะพาไปแนะนำให้คนอื่นรู้จักต่อ” “ได้ครับ ผมไม่ติดอะไร” พี่โจพยักหน้ารับรู้ แล้วพาอัคคีเดินออกจากโซนออฟฟิศกลับไปยังสตูดิโอจากนั้นก็แนะนำอัคคีให้ทีมงานหลาย ๆ คนรู้จักแต่พอหลังฉากก็จี้อัคคีให้จำว่าควรไม่ควรคบค้ากับใครเพราะวงการสีเทาคนที่เข้ามาร้อยพ่อพันแม่ แต่ละคนล้วนหาผลประโยชน์ มีก็แต่ส่วนน้อยที่ยังคงศีลธรรมจรรยาได้อยู่บ้างซึ่งก็เป็นคนสนิทของพี่โจทั้งสิ้น “ก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็พี่โจนี่เอง สวัสดีครับ” ระหว่างทางที่กำลังจะเดินไปหาตากล้องอีกคนมีเสียงปริศนาร้องทักจากด้านหลัง อัคคีสังเกตว่าพี่โจตัวสั่นไปชั่วขณะหนึ่ง “มีธุระอะไรหรือเปล่า? ถ้าไม่มีขอตัวนะ” “ไม่มีธุระหรอกครับ ผมแค่เข้ามาทักทายรุ่นพี่ก็เท่านั้น ปะคิว เราไปทำงานที่เรารักกันดีกว่า” คนคนนั้นพูดจบก็หันไปเรียกชายหนุ่มที่เดินตามหลัง ดูท่าอีกคนคงมีเรื่องอะไรแน่ ๆ เพราะคนที่ชื่อคิวมองพี่โจก่อนจะหลุบหน้าก้มลงพื้นตอนที่พี่โจจ้องมอง ราวกับว่าไม่กล้าสบตา ด้วยความสงสัย พอคนทั้งสองพ้นไปอัคคีเตรียมจะเอ่ยปากถามตามวิศัยเพื่อเก็บข้อมูล แต่ดูเหมือนจะเป็นพี่โจเองร้อนใจอ้าปากเฉลยเสียก่อน “มันชื่อซีเคยเป็นเด็กฝึกงานกับพี่ ส่วนคนนั้นก็เด็กปั้นคนก่อนของพี่…ก่อนที่จะถูกทรยศ” “พี่โจครับ…” “พี่รู้ว่าอัคคีไม่ทำแบบนั้นหรอก แต่ถ้าจะไปจากพี่ก็บอกกันก่อน” 0 s1 P2 |% F9 u$ p
อัคคีพอเข้าใจสถานะความสัมพันธ์ เมื่อรวบรวมสิ่งที่รู้ ตั้งแต่วันที่เจอพี่โจครั้งแรกก็งง ๆ อยู่ว่าทำไมพี่โจเป็นแบบนั้น ตอนนี้แจ่มชัดแล้วว่าอีกคนผ่านเรื่องอะไรมา อัคคีเองก็ไม่ชอบคนทรยศเพราะฉนั้นเขาไม่ทำแบบนั้นกับพี่โจแน่ ผู้จัดการมากไฟในการทำงาน แต่หลังพบกับอริเก่าราวกับว่าไปผ่านสมรภูมิรบมาดูหม่นหมอง หน้าซีด ๆ พิกล “วันนี้พอแค่นี้ก่อน เอาไว้คราวหน้านะ พี่ขอโทษ” ผู้จัดการเอ่ยปากออกมาเมื่อรู้ตัวว่าไปต่อไม่ไหว ดูเหมือนพี่โจคงให้ใจไปมากพอสมควร “ครับ ผมยังไงก็ได้ ว่าแต่พี่โจเองจะไม่มีปัญหากับงานประจำหรอครับ” “หึหึ พี่ลาออกแล้ว ตอนแรกพี่กะจะทำงานนี้เป็นงานเสริม แต่คุณกริชเขามีนโยบายให้สวัสดิการแล้วก็ส่งเสริมผู้จัดการพี่เลยมาทำงานนี้เต็มตัว” “...” ไม่รู้มาก่อนว่ามันมีเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย หลังจากนี้คงต้องเก็บข้อมูลพอตัว “ปะ ไปเถอะ” เพราะไม่รู้จะไปไหน ครั้นจะไปห้างสรรพสินค้ากลัวเงินในกระเป๋าจะถูกควักออก อัคคีเลยกลับมายังบ้านพักส่วนตัว ขากลับอัคคีแวะซื้อของจากมินิมาร์ทหน้าหมู่บ้านเป็นของใช้ทั่ว ๆ ไป แต่ยังไม่ทันที่จะผลักรั้วเข้าไปด้านในก็ได้มีเสียงทักทายจากเพื่อนบ้านดังขึ้น “มาอยู่ใหม่หรอครับ” หันไปตามเสียงก็เจอเข้ากับชายวัยกลางคนสวมเสื้อกล้ามสีขาวผุดตัวลุกขึ้นทัก “ครับ” “ขอบคุณนะครับที่เก็บผ้าให้ ไม่งั้นแย่เลย” เขาพูดด้วยความจริงใจจนอัคคีสัมผัสได้ “ว่าแต่คุณรู้ได้ยังไงครับว่าเป็นผม อาจจะเป็นบ้านอื่นก็ได้” เขาถามออกไปด้วยความสงสัย “ผมอยู่แถวนี้มาสักพักแล้ว พอรู้ว่าแต่ละบ้านเขาเป็นยังไง เลยพอเดาได้ว่าเป็นคุณที่มาอยู่ใหม่” อัคคีพยักหน้ารับคำอธิบาย หากแต่ชายคนดังกล่าวยังชำเลืองมองมาทางเขาอยู่ไม่วางตา “มีอะไรหรือเปล่าครับ” หากจะเดินเข้าบ้านไปโดยเมินสายตานั้นก็จะติดค้าง เลยโพล่งปากถามไปตามตรง “อะ อ๋อ เปล่าหรอกครับ ผมแค่แปลกใจที่คุณพักคนเดียว ดูแล้วเหมือนวัยกำลังเรียน สงสัยคุณคงหน้าเด็กจนผมดูผิดครับ ฮ่า ๆ” รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่สดใสอัคคีไม่ได้ยินแบบนี้มานานแล้ว จำได้ว่าล่าสุดคือเสียงหัวเราะร่วนของนีโอตอนที่ฉลองเมื่อรู้ว่าอัคคีสอบติดมหาวิทยาลัย “เอ่อ ถ้าผมพูดอะไรล่วงเกินก็ขอโทษด้วยนะครับ พอดีเห็นคุณแล้วคิดถึงลูกชาย” ชายเพื่อนบ้านหน้าเจื่อนลงเมื่อเล่นมุกตลกแต่อีกฝ่ายกลับสีหน้าสลดเลยรีบเอ่ยปากขอโทษขอโพย “เปล่าครับคุณพูดไม่ผิดหรอก พอดีว่าผมมีปัญหาเลยต้องลาออกกลางคันน่ะครับ” เพื่อนบ้านกำลังคลี่ยิ้มเมื่ออีกคนไม่ถือความ แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อได้ฟังจนจบประโยค หัวใจวูบโหวงรู้สึกสงสารแม้จะไม่รู้จักกัน “ผมชื่อเพลิงนะครับ เรียกว่าพี่ก็ได้ ถ้ามีปัญหาอะไรปรึกษาได้เสมอนะ” รอยยิ้มอบอุ่นแฝงไปด้วยความเป็นห่วงผิดวิสัยคนทั่วไป หากมองดูเผิน ๆ คล้ายคนใจดีแต่อัคคีนั้นยังไม่ไว้ใจเพราะเขาผ่านผู้ใหญ่แบบนี้มามาก “ผมอัคคีครับ ขอตัวก่อนนะครับ” อัคคีรีบเดินกลับเข้าบ้านก่อนที่จะหวั่นไปกับแววตากลมโตนั่น ทางด้านของเพลิงนั้นยังคงมองดูเด็กหนุ่มรุ่นลูกเดินหายลับเข้าไปในบ้านจนสุดสายตา ไม่รู้ว่าเพื่อนบ้านคนใหม่มีปัญหาอะไรกับชีวิต แต่วัยเพียงเท่านี้ต้องลาออกจากโรงเรียนแล้วมาเช่าห้องอยู่คนเดียวช่างเป็นเรื่องที่โหดร้าย แค่จินตนาการตามว่าลูกชายของเขาหากต้องออกจากโรงเรียนแล้วมาหางานทำคนเดียวหัวใจคนเป็นพ่อก็บีบคั้นมากพอแล้ว เวลาว่างที่เหลืออัคคีใช้มันไปกับการศึกษาประเภทของหนังที่จะถ่ายทำ ซึ่งพี่โจได้ส่งลิงก์หนังผู้ใหญ่ญี่ปุ่นแนว ๆ เดียวกันมาให้เป็นสิบ ๆ คลิป ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่อัคคีดูคลิปโป๊แต่อารมณ์ร่วมที่มีนั้นน้อยนิด เพราะมัวแต่กดหยุดแล้วจดท่วงท่าลีลา จังหวะจะโคนในการถ่ายทำ เนื่องจากมันคืองานไม่ใช่การมีเซ็กปกติทั่วไป การดูคลิปเพื่อศึกษาแม้ว่าจะไม่กระตุ้นอารมณ์เท่าที่ควรแต่ใช่ว่าจะไม่มีเลย แก่นกายของอัคคีพองโตคับกางเกงจนเขาใช้มือลูบคลำบ่อย ๆ ถูไปถูมาหัวก็เชื่อมไปด้วยของเหลวใสซึมจนทะลุออกมาที่เป้ากางเกง “ฟู่ววว พอก่อนดีกว่า” อัคคีปิดคลิปถอนหายใจเฮือกก่อนจะพักสายตาด้วยการออกไปเดินชมวิวชมท้องฟ้าที่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนสี ตึกรามบ้านช่องสว่างไสวด้วยแสงจากไฟนีออน ติ๊ง ติ๊ง เสียงแจ้งเตือนแอปแชทดังขึ้น เมื่อเปิดดูเป็นพี่ชาญที่ส่งข้อความมา เนื้อหาเป็นการแจงรายละเอียดเรื่องเงินตามเคย เพราะเขานั้นให้ครูชาญคอยจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายของนีโอ [เดี๋ยวสิ้นเดือนผมโอนให้นะครับ] [เค] หลังจากเหตุการณ์นั้น อัคคียังไม่ได้เปิดใจคุยเป็นจริงเป็นจังกับครูชาญเสียที อาจเพราะเป็นเรื่องน่าอึดอัดและกระอักกระอ่วนใจทำให้เกิดความห่างระหว่างพวกเขาขึ้น ครืด ครืด ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ มือถือของเขาก็สั่น โชว์เบอร์แปลกที่ไม่คุ้นเคย “...” อัคคีกดรับสายแต่ไม่พูดอะไรเพื่อรอให้ปลายสายเปิดบทสนทนา “...โทรผิดปะวะ ฮัลโหล ฮัลโหล” ปลายสายพูดห้วน ๆ ยิ่งทำอัคคีขมวดคิ้วแน่น และนิ่งเงียบเผื่ออีกฝ่ายจะแนะนำตัว “ใช่เบอร์อัคคีไหมครับ” “ครับ คุณเป็นใคร” ทันทีที่ถูกระบุตัวตนหมายความว่าปลายสายโทรมาหาเขาแน่นอนเลยรีบถามกลับ “ฟู่ว ก็นึกว่าโทรผิด กูคิวที่เจอกันวันนี้” อีกฝ่ายถอนหายใจก่อนตอบคำถาม แต่ยังไม่คลายสงสัยถึงจุดประสงค์ของการติดต่อมาครั้งนี้ “ผู้จัดการกูฝากถามมึงว่ามึงว่างไหม จะพาไปรู้จักผู้ใหญ่ในองค์กร” อัคคีนิ่งไปนาน ใจเป็นกังวลเพราะผู้จัดการของคิวคือพี่ซี ซึ่งพี่โจเคยเตือนว่าไม่ควรยุ่ง แต่หากได้ไปเจอกับผู้ใหญ่ในองค์กรอาจเป็นหนทางสู่ความเจริญในหน้าที่การงานได้ “เดี๋ยวขอถามพี่โจก่อนนะแล้วจะติดต่อกลับ” “เออ ๆ” หลังวางสาย อัคคีติดต่อพี่โจทันที ทว่าโทรหาเป็นสิบสายก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน อัคคีเริ่มใจคอไม่ดีกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับพี่โจ เหมือนเรื่องนี้มันมีอะไรแปลก ๆ ไม่ชอบมาพากลมาก อัคคีใช้เวลาตั้งแต่เย็นจนฟ้ามืดก็ยังติดต่อกับพี่โจไม่ได้ และคิวก็โทรมาถามย้ำ แต่คราวนี้คนพูดสายคือผู้จัดการ “น้องอัคคี วันนี้ผู้ใหญ่เขาอยากเจอน้องใหม่ในวงการ ถ้าน้องอยากสร้างตัวตนในวงการนี้พี่ว่านี่เป็นโอกาสดีนะ จะหน้าตาดีมีเสน่ห์แค่ไหนแต่หากผู้ใหญ่ไม่ดันน้องอาจจะดับไปเลยก็ได้นะ” “...” “พี่รู้ว่าน้องกังวล ที่นี่มีแต่คนกันเองไม่ต้องกลัวหรอก” พี่ซีพูดข่มให้คิดมาก จากนั้นก็ปลอบใจและเร้าโรมทำความคิดอัคคีเปลี่ยนไปมา “ก็ได้ครับ” คำพูดข่มขู่นั้นได้ผล หากไม่มีผู้ใหญ่หนุนหลังอย่างที่พี่ซีว่า เขาอาจไม่ถูกป้อนงานจนกลายเป็นนักแสดงไร้งานไม่มีเงินส่งให้นีโอ “ดีมาก งั้นประมาณ 3 ทุ่มที่ xxx นะ มาถึงแล้วเดินขึ้นชั้นสองเลย” สายตัดไปเพียงเท่านี้ ทันทีที่รู้สถานที่อัคคีค้นข้อมูลทันที ปรากฏว่ามันเป็นคลับธรรมดาทั่วไป เป็นสถานบันเทิงของพวกวัยรุ่นที่มาพบปะสังสรรค์กัน ถึงเวลานัดอัคคีนั่งแท๊กซี่มาลงยังคลับอันเป็นหมุดหมาย สถานบันเทิงขนาดใหญ่สูงตระหง่านมองดูจากสายตามีราว ๆ 4-5 ชั้น “ใหญ่กว่าที่คิดแหะ” พึมพำในใจคนเดียวก่อนจะสูดอากาศเข้าปอดเต็มสูบแล้วเดินไปที่ประตูซึ่งมีชายตัวโตยืนตรวจบัตรอยู่ “ขอดูบัตรด้วยครับ” อัคคีควักกระเป๋าหยิบบัตรประชาชนส่งให้ชายร่างใหญ่ ทว่าอีกคนทำหน้างุนงงหันไปมองเพื่อนที่ยืนคนละฟากแล้วหันกลับมามองอัคคี “ไม่ใช่ครับ หมายถึงบัตรสมาชิก ที่นี่รับแค่สมาชิกเท่านั้น” อัคคีไม่รู้มาก่อนเลยยิ้มเจื่อนถอยกรูดออกมา จากนั้นหยิบมือถือติดต่อไปยังเบอร์ของคิว “ฮัลโหล ผมมาถึงแล้วครับแต่ว่าไม่มีบัตรสมาชิกเลยเข้าไม่ได้” “@#$%^& เออรออยู่ตรงนั้นแหละเดี๋ยวลงไปรับ” มีเสียงงึมงำเหมือนคนกำลังกระซิบกระซาบก่อนที่คิวจะตอบกลับ อัคคีสูดอากาศเพิ่มความมั่นใจแล้วเดินกลับไปที่หน้าประตูคลับอีกครั้ง ไม่นานนัก คิวในลุคแบดบอยสวมเชิ้ตมีลายสีดำก็เดินออกมารับ “มากับผมครับ” หลังจากเคลียร์กับการ์ด คิวก็นำทางอัคคีผ่านประตูเข้าไป ภายในถูกจัดแต่งเป็นอย่างดี ข้าวของเครื่องใช้ล้วนนำเข้า โถงกว้างเต็มไปด้วยโต๊ะใสแบบยืนเรียงรายทั่ว โซนลึกไปหน่อยเป็นโซฟาผ้ากำมะหยี่สีแดงสด ผู้คนภายในแต่ละคนแต่งตัวดูดีมีระดับในมือถือแก้วไวน์จิบพร้อมส่ายเอวตามจังหวะดนตรีผิดกับผับบาร์ที่อัคคีเคยเข้า “เร็ว อีกสักพักผู้ใหญ่จะมากันแล้ว” คิวเรียกพร้อมสะกิดแขนทำให้อัคคีเลิกมองสำรวจแล้วเดินตามอย่างเร่งรีบ พอผ่านโซนโซฟาก็เขอเข้ากับบันไดที่ปูพรมแดงลาดลงมา หลังจากเดินขึ้นชั้นบนคิวนำทางไปยังห้องรับรองแขกที่อยู่ลึกสุดของทางเดิน ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องในสุดทำเอาใจหวิวแปลก ๆ ไม่รู้ว่าอีกฟากหนึ่งนั้นจะมีเหตุการณ์อะไรกำลังรอเขาอยู่ แกร๊ก ครืด คิวดันประตูเปิดออกแล้วแทรกตัวเข้าไปด้านใน อัคคีเลยเดินดุ่ม ๆ ตามอย่างกระชั้นชิด ภายในห้องรับรองประดับประดาไปด้วยของโชว์ราคาแพง มีนักแสดงหน้าตาคุ้นเคยนั่งอยู่ภายในคู่กับผู้จัดการ หนึ่งในนั้นคือพี่ซี “มานั่งก่อนสิ” ผู้จัดการของคิวกวักมือเรียกพร้อมตบเบาะโซฟาหนังสีดำมันข้างกาย คิวเดินไปยังที่ของตัวเองแล้วยกเครื่องดื่มในแก้วขึ้นจิบ อัคคีจึงเดินตามเข้าไป แต่ยังไม่ทันที่อัคคีจะหย่อนก้นนั่งก็มีเสียงดังมาจากหน้าประตู เสียงเย็นยะเยือกที่พอได้ยินแล้วถึงกับเสียวสันหลังวาบ ไม่จริงน่า ทำไมมันถึงได้!! “ไม่เจอกันนานเลยนะคุณไฟ…ไม่สิ คุณอัคคี!” “ไอ้กร!!” ใช่แล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าของอัคคีตอนนี้คือกร ลูกชายนักการเมืองที่เขาเคยสร้างเรื่องเอาไว้จากงานอำลาของพี่ย้ง “มาแล้วหรอครับคุณกร เชิญพักผ่อนตามสบายนะครับ แหมไม่ได้เจอคุณกรตั้งนานยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะครับ” พี่ซีกุลีกุจอลุกขึ้นเดินไปต้อนรับ ไม่สิเรียกว่าเข้าไปเลียดูจะเหมาะสมกว่า กรเดินเข้ามาในห้องแต่สายตาคงจับจ้องอัคคีไม่ลดละ รอยยิ้มเล็กผุดขึ้นข้างแก้มผิดกับอีกคนที่อึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก เหงื่อเม็ดโตไหลจากศีรษะหยดลงเปียกคอเสื้อจนชื้นเป็นดวง “พวกนี้คือนักแสดงหน้าใหม่ที่ค่ายกำลังปั้นอยู่ครับ เป็นยังไงบ้างครับคุณกรถูกใจใครหรือเปล่า” พี่ซียังคงพูดไม่หยุดทำเอาผู้จัดการคนอื่นหมั่นไส้ แต่ทุกคนก็ทำได้เพียงนั่งเงียบและกร่นด่าในใจเพราะไม่กล้าพูดอะไรต่อหน้าลูกชายนักการเมือง ปั๊บ! ปั๊บ! อยู่ ๆ ไอ้กรก็ปรบมือดัง พอสิ้นเสียงปรบมือประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับลูกน้องคู่กายตัวใหญ่ยักษ์ มันถือกระเป๋าใบโตเข้ามาแล้วงวางลงบนโต๊ะ พอไอ้กรใช้นิ้วชี้ตวัดขึ้นสองครั้ง ลูกน้องมันก็เข้าใจเปิดกระเป๋าออกเผยให้เห็นเงินปึกหนาเรียงซ้อนกันจนท่วม ลูกน้องมันหยิบเงินในกระเป๋าแล้วโยนกระจายไปทั่วพื้น เพียงเสี้ยววินาทีห้องที่เงียบสงัดกลับพลุกพล่านไปด้วยคนที่ขาดสติ นักแสดงหน้าใหม่พร้อมผู้จัดการที่มาด้วยกันต่างพากันลุกขึ้นกระโจนตัวลงไปเก็บเงินที่พื้นไม่สนใจว่ามีคนกำลังมองดูด้วยสายตาสมเพช “ไม่ลงไปแย่งหรอ เห็นชอบนักหนิ เงินน่ะ” มันพูดพร้อมส่งสายตาเหยียดมองมาที่อัคคีแล้วหัวเราะเยาะเย้ย เป็นครั้งแรกที่อัคคีโดนดูถูกแต่ไม่คิดตอบโต้ เขาได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมเพราะรู้สึกพลาดแล้วที่มางานนี้ “ไอ้สายตาขึงขังมันหายไปไหนแล้วล่ะ จะยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้หรอ” อัคคีสะอึกนั่งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก จะหันซ้ายหันขวารู้สึกครั่นตัวไปหมด “ต้องการอะไร คำขอโทษหรอ” “หึหึ ของแบบนั้นกูไม่สนใจหรอก” ในที่สุดแววตาที่แท้จริงก็เผยออกมา มันจ้องอัคคีเขม็งก่อนจะยิ้มมุมปากลุกขึ้นยืนแล้วทำไม้ทำมือส่งสัญญาณให้ลูกน้อง หลังจากรับรู้ลูกน้องมันเทกระจาดคว่ำกระเป๋าที่มีเงินออกจนหมดแล้วจับไหล่อัคคีลุกเดินตามลูกพี่ของมันออกจากห้อง ไอ้กรเดินนำออกจากห้องแล้วตรงขึ้นบันไดชั้น 3 อัคคีกระอักกระอ่วนแต่ทำได้เพียงเดินย่องตามมันเชื่อง ๆ ไม่รู้จะถูกพาไปไหนแต่เขาไม่กล้าขัดใจเพราะรู้ซึ้งถึงอำนาจที่มันมี แกร๊ก ครืด ประตูห้องหนึ่งถูกเปิดออก ภายในเหมือนเป็นห้องพักในดรงแรมหรู บนเตียงนอนคิงไซต์มีร่างของชายคนหนึ่งกำลังนอนเปลือยกายสวมเพียงบอกเซอร์บางตัวเดียว “คุณกร ไหนบอกว่าจะให้ผมไงล่ะครับ” ชายหน้าตาดีรีบร้อนเดินมาหาผู้มาเยือน อัคคีจำได้แล้ว เขาคือตี๋ หนึ่งในนักแสดงซีรีส์วายที่เป็นกระแสก่อนหน้านี้ แต่ว่าทำไมนักแสดงจอแก้วถึงอยู่ในสภาพนี้กันล่ะ “คุณกร ให้ผมเถอะนะครับผมขอร้อง คุณสัญญากับผมไว้แล้วนี่” น้ำเสียงและท่าทางของตี๋กระวนกระวายผิดกับคนปกติ “ไหนหลักฐาน” หนุ่มหล่อขวัญใจสาววายเดินไปที่เตียงหยิบมือถือเปิดภาพส่งให้ไอ้กรดู อัคคีถือโอกาสชะเง้อหน้ามอง นี่มันอะไรกันเนี่ย!! มันเป็นโปรแกรมแชทระหว่างตี๋กับเพื่อนและคนสนิท ตี๋ส่งรูปภาพให้คนเหล่านั้น ซึ่งล้วนเป็นภาพอนาจารที่เห็นอวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ บางรูปมีน้ำไสไหลแล้วถูกนิ้วแตะยืดออก ทำไมนักแสดงที่กำลังมีชื่อเสียงถึงกล้าทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้น ทำลายอนาคตตัวเองชัด ๆ “หึหึ ดีมาก” ไอ้กรชอบใจดีดนิ้วทีนึง ลูกน้องอีกคนที่เดินตามมาเปิดกระเป๋าอีกใบแล้วหยิบของบางอย่างส่งให้นักแสดงหนุ่ม พอได้ของมันรีบแกะออกปรากฏเห็นเป็นเข็มฉีดยาที่มีของเหลวสีม่วงอยู่ข้างใน หลังจากนั้นเข็มก็ถูกปักลงบนแขนแล้วดันของเหลวเข้าสู่ร่างกาย ภาพนักแสดงวัยรุ่นฉีดสารบางอย่างเข้าตัวทำเอาอัคคีหดหู่ใจ เพียงเพราะอยากเล่นยาถึงขนาดส่งรูปโป๊ตัวเองให้คนใกล้ตัวแล้วแกล้งบอกว่าส่งผิด นี่มันเกินไปแล้ว “มึงมันโรคจิตชัด ๆ” เขาทนไม่ไหวถึงขนาดหันไปพูดกับไอ้กร แต่แทนที่จะโมโหมันหลับยิ้มชอบใจราวกับกำลังรออยู่เลย “กูจะถือว่าเป็นคำชม” “ผมไปข้างบนได้ไหมครับ!” ท่าทีของตี๋หนุ่มนักแสดงเปลี่ยนไป มันคึกผิดจากเดิมสิ้นเชิง เพียงแค่ไอ้กรพยักหน้ามันกระโดดโลดเต้นแล้วปรี่ออกจากห้องเร็วพลัน “ถึงเวลาสนุกแล้ว ตามมาสิ” อัคคีเดินตาม ไอ้กรพาเดินขึ้นชั้นสีซึ่งพอเดินขึ้นมาสิ่งแรกที่สัมผัสได้คือเสียงร้องครวญครางของผู้ชายนับไม่ถ้วน ไอ้กรเดินตามนักแสดงไปยังห้องหนึ่ง พอลูกน้องมันเปิดประตูให้อัคคีถึงกับวิงเวียนเพราะกลิ่นคาวคลุ้งลอยมากระทบจมูก ภาพที่เขาเห็นทำเอาดวงตาเบิกโพลง ชายหนุ่มวัยรุ่นนับสิบแก้ผ้าเปลือยกายมั่วเซ็กภายใน แต่ละคนหุ่นกำยำกล้ามเป็นกล้าม อกเป็นอก บางคนมีหน้ากากปิดครึ่งหน้าบางคนไม่มีอะไรปกปิด แต่สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือห่วงสแตนเลทที่รัดขึงแยกฐานไข่กับโคนเอ็น
9 _ q% R' G/ d$ D* a- f0 t! c. Y) ~: |
|