ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏเป็นรูปพระธรรมกาย พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เท่าจำนวนเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา ทรงยืนตั้งกายตรง ด้วยจิต ที่ทรงจะได้โปรดสัตว์อยู่ในธรรมสาคร
ความหมาย
คำว่า ซอผ่อฮอ หมายถึง ถ้าผู้ปฏิบัติได้รู้แจ้งเห็นจริง ในสิ่งไม่จริง ไม่ใช่ของแท้ ด้วยความสัจจริงที่รู้แจ้งเห็นในพระสัจธรรมได้แล้วนั้น ก็จะสำเร็จได้โดยง่าย
อรรถาธิบาย
พระพุทธองค์ทรงตรัสให้เห็นว่า มวลมนุษย์ไม่คำนึกถึงความจริงแต่ดั้งเดิม แต่ยังมีโอกาสที่จะเข้าถึงความจริง ด้วยต้องตั้งใจในการปฏิบัติ อย่าหลงอยู่ในโลกียวิสัย
ขอให้มวลมนุษย์ทั้งหลาย จงมีความพากเพียร ด้วยวิริยะอุตสาหะในธรรม จึงจะทรงสมความเมตตากรุณาที่พระองค์ทรงมีต่อสรรพสัตว์ด้วยความตั้งใจจริง
ปางที่ 55
ม.หา.สิ.ตา.ยา.
หม่อ ฮอ สิด ทอ เย
Mo He Xi Tuo Ye
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏเป็นรูปพระโพธิสัตว์ทรงเปล่งรัศมี พระหัตถ์ทรงถือรัตนธวัช ได้ส่องสว่างเสด็จโปรดสรรพสัตว์ในไปทั่วโลก
ความหมาย
คำว่า หม่อฮอสิดทอเย หมายถึง พระพุทธธรรมที่มีความกว้างใหญ่ไพศาล หากนำมาปฏิบัติไว้ จะสำเร็จในพระพุทธผล
อรรถาธิบาย
องค์พระโพธิสัตว์ทรงเมตตากรุณา ส่องแสงสว่างด้วยพระรัศมีแห่งพระบารมี ช่วยขจัดความทุกข์ให้กับสรรพสัตว์ทั่วโลกธาตุ ให้ซาบซึ้งถึงอมิตาภะ ไม่มีการลำเอียง
ทรงไว้ด้วยความเที่ยงธรรม ในการโปรดสัตว์โลกทั้งปวง ทั้งดีและชั่วให้หลุดพ้นจากการเกิดดับ เข้าสู่สุขาวดีภูมิ
ปางที่ 56
โซ. ฮา.
ซอ ผ่อ ฮอ
Suo Po He
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏเป็นพระโมคคัลลานะเถระ มือขวาทรงถือไม้เท้าขักขระ มือซ้ายทรงอุ้มบาตร
ความหมาย
คำว่า ซอผ่อฮอ หมายถึง ธารณีที่ยังประโยชน์ในการปฏิบัติธรรม เพื่อโปรดมนุษย์ด้วยความเมตตากรุณา
อรรถาธิบาย
องค์พระโพธิสัตว์มุ่งให้สรรพสัตว์ทั้งสามโลกธาตุ ได้เร่งความเพียรในการปฏิบัติด้วยความตั้งใจ และให้หมั่นเร่งชำระล้างจิตใจให้ใสสะอาด ย่อมต้องมีความตื่นตัวใน
การปฏิบัติ เพื่อหลีกหนีความทุกข์ในทุคติทั้ง 3 เพื่อการหลุดพ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ด้วยความเมตตากรุณาของพระพระโพธิสัตว์
ปางที่ 57
สิ.ตา.ยา.เย.
สิด ทอ ยี อี
Xi Tuo Yu Yi
ภาคนิรมาณกาย
บรรดาพระโพธิสัตว์ และทวยเทพเทวาต่างมาชุมนุมพร้อมกัน ณ แดนสุขาวดี
ความหมาย
คำว่า สิดทอ หมายถึง ความสำเร็จ
คำว่า ยีอี หมายถึง ความว่างเปล่า
อรรถาธิบาย
พระพุทธธรรมนั้น มีความกว้างใหญ่ไพศาล เหล่าปวงเทพทั้งหลาย ต่างยอมรับในความสำเร็จ อันเป็นความว่างเปล่า (สุญญตาธรรม) ผู้ใดได้พากเพียรใน
การปฏิบัติบูชา หมั่นสวดมนต์ภาวนาในพระคาถาธารณี ย่อมบันดาลให้เกิดประโยชน์ต่อปวงเทพเป็นอย่างมาก จะทรงโปรดเหล่าสรรพสัตว์และปวงเทพ ให้ได้
บรรลุใน อนุตรธรรม อย่างทั่วกึงกัน
ปางที่ 58
โซว์.รา.ยา.
สิด พัน ลา เย
Shi Bo La Ya
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏเป็นรูป องค์พระอมิตภพุทธเจ้ากับพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ และพระโพธิสัตว์อื่นๆ ทรงแสดงในท่ากำยานของรูปมหายาน ทรงปรากฏเป็นรูปลักษณะ
ของเทพนารี (เทพเทพี)
ความหมาย
คำว่า สิดพันลาเย หมายถึง ธรรมที่มีอิสระอย่างสมบูรณ์
อรรถาธิบาย
องค์พระโพธิสัตว์ในธารณีนี้ ทรงปรากฏกายเป็นเทพีและเทพไท เพื่อโปรดเหล่าเทพีและเทพไท ที่มีความดีและความชอบ ได้ส่องแสงสว่าง ทั้งที่เทวโลกและมนุษย์โลก
ด้วยเทพีและเทพไทยังไม่สามารถหลุดพ้นจากวัฏฏะแห่งการเวียนว่ายตายเกิดในแต่ละภพภูมิ เนื่องด้วยไม่เคยรู้และปฏิบัติในธรรม ด้วยความเมตตาจิตขององค์พระโพธิสัตว์
จึงทรงได้ตรัสสั่งสอน ในพระธรรมต่างๆ เพื่อจะช่วยให้เห็นช่องทางและง่ายต่อการนำไปปฏิบัติตน เพื่อจะได้บรรลุเข้าสู่มรรคผลอันบริสุทธิ์
ปางที่ 59
โซ. ฮา
ซอ ผ่อ ฮอ
Suo Po He
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏเป็นพระอชานเถระ ทรงยืนอุ้มบาตรชูขึ้นสูงเสมอศีรษะ ใบหน้าดูอิ่ม ยิ้มแย้มหัวเราะ เป็นการบูชากำลังใจ เพื่อหวังจะเพิ่มกำลังในการโปรดสัตว์ทั้งปวง
ความหมาย
คำว่า ซอผ่อฮอ หมายถึง สภาวธรรมที่มีความสมบูรณ์ มีความเป็นอิสระ ต้องถือคุณธรรมเป็นฐาน ในการประกาศความยิ่งใหญ่ของพระธรรมมรรค ที่มีผลสุดลึกซึ้ง
อรรถาธิบาย
องค์พระโพธิสัตว์ในธารณีพระคาถานี้ ทรงชี้ให้เห็นถึงสรรพธรรมนั้น ไม่มีเขตแดนขอบเขตใดจะขวางกั้นได้ ทั้งสามโลกธาตุ ที่อาศัยกันอยู่ทั่วทั้งสิบทิศ ก็จะบรรลุสำเร็จผล
กันได้ องค์พระโพธิสัตว์ทรงโปรดพระเมตตาและกรุณา สั่งสอนให้ผู้ที่ปฏิบัติมุ่งตั้งจิตให้ตรง ความประสงค์ของพระพุทธเจ้าและบรรดาพระอริยะเจ้า และปราชญ์ทั้งหลาย
ต้องมีความประสงค์ของตนเองเช่นกัน เพื่อประกอบในบุญทานตามความสามารถในฐานะของตนเอง
ปางที่ 60
นี.ลา.เกน.ถา.
นอ ลา กิน ซี
Nuo La Jin Chi
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏกายเป็นพระคิรีสาครปัญญาโพธิสัตว์ พระหัตถ์ทรงถือดาบทองคำ ทรงโปรดพระอริยะเถระทางฝ่ายหินยาน
ความหมาย
คำว่า นอลากินชี หมายถึง ความสำเร็จด้วยความรัก ความเมตตากรุณา ช่วยปกปักรักษา คุ้มครองป้องกันไม่ให้มีจิตเป็นอกุศลกรรม
อรรถาธิบาย
องค์พระโพธิสัตว์ ทรงใช้ธรรมสั่งสอนอบรมให้กลุ่มลัทธิมหายาน ในการยึดธรรมไว้เป็นเครื่องป้องกันในเบื้องแรก เพื่อมิให้ผู้ปฏิบัติไปใฝ่ในหินยาน องค์พระโพธิสัตว์จึง
ทรงแสดงอภินิหารโปรดเหล่าหินยานโดยตรง ให้มีความมุ่งมั่นตั้งใจสำเร็จในพุทธยาน และต้องฟังสรรพธรรมทั้งหลายของมหายาน ย่อมสำเร็จผลด้วยความรัก ความเมตตา
กรุณา ช่วยปกปักรักษา คุ้มครองป้องกันไม่ให้มีจิตเป็นอกุศลกรรม ย่อมพบความสำเร็จได้
ปางที่ 61
โซ. ฮา.
ซอ ผ่อ ฮอ
Suo Po He
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏกายเป็นพระจัณฑาลเถระ ทรงถือสัทอรรถธรรมอสังสกฤต และทรงหาบงอบฟาง เพื่อโปรดสัตว์ทั้งหลาย
ความหมาย
คำว่า ซอผ่อฮอ หมายถึง ธารณีที่แสดงถึงการตักเตือน ด้วยความเมตตากรุณาแห่งองค์พระโพธิสัตว์
อรรถาธิบาย
องค์พระโพธิสัตว์ทรงมีความเมตตากรุณา ธารณีที่แสดงถึงการตักเตือน ให้ผู้บรรลุในหินยาน ช่วยแนะนำผู้ที่มุ่งมั่นในหินยานธรรม ไม่ให้ยึดถือเอาทัศนะคติเดิมของ
ที่ตนมีอยู่นั้น ให้รีบกลับตัวและใจในการแสวงหาธรรมที่ถูกต้องในมหายาน อันจะเป็นช่องทางแห่งการสำเร็จผลได้โดยง่าย ต้องเร่งให้มีความตื่นตัว เพื่อเร่งแสวงหา
หลักธรรมที่จะบรรลุ มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ด้วยเหตุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ จึงทรงจุติมายังโลกมนุษย์ได้ทรงเลือกในทางมหายานเป็นสำคัญ
เพื่อนำเอามาโปรดสัตว์โลกทั้งปวง ไม่ถือเอาหินยานมาโปรดสัตว์โลก
ปางที่ 62
มา.ลา.นา.ลา
มอ ลา นอ ลา
Mo Na Nuo La
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏกายเป็นพระรัตนมุทรราชโพธิสัตว์ พระหัตถ์ทรงถือขวานทองคำด้ามยาว ทรงยืนอยู่ระหว่างสรรพสัตว์ เพื่อทดสอบจิตใจและการกระทำของสัตว์โลก
ความหมาย
คำว่า มอลา หมายถึง มโนรถ – ความปรารถนา ความประสงค์
คำว่า นอลา หมายถึง อนุตตรธรรม
มอลานอลา หมายถึง การปฎิบัติ อนุตตรธรรมสมดังประสงค์
อรรถาธิบาย
องค์เทพเจ้า เทพยดา ที่อยู่เบื้องบนสวรรค์ หรืออยู่กลางอากาศ อีกทั้งอยู่ตามพื้นแผ่นดิน พร้อมทั้งมวลมนุษย์ สรรพสัตว์ ครุฑาและเหล่ายักษ์ หากได้ตั้งจิตใจ ปฏิบัติ
ในธรรม ย่อมส่งผลให้สำเร็จพุทธธรรม สมดั่งความมุ่งหวัง
ปางที่ 63
โซ. ฮา
ซอ ผ่อ ฮอ
Suo Po He
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏกายเป็น พระเกาซีลาเถระ สวมรองเท้าหญ้าทำด้วยต้นอ้อ ทรงเดินอยู่บนผิวน้ำ เปล่งสุรเสียงดังคลื่นทะเล
ความหมาย
คำว่า ซอผ่อฮอ หมายถึง พระโพธิสัตว์มุ่งตักเตือนสั่งสอนให้คนปฏิบัติธรรม อีกทั้งยังเปิดเผยอรรถธรรมอันลึกซึ้งของมหามรรคนี้
อรรถาธิบาย
องค์พระโพธิสัตว์ทรงกล่าวเป็นพระคาถา เพื่อตักเตือนสั่งสอนให้สรรพสัตว์ปฏิบัติธรรม ให้ผู้ปฏิบัติใส่ใจมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งไม่นานนักย่อมเข้าสู่มหามรรค วิธีการให้
มองเงาของตนเองเป็นแสงสะท้องกลับมา นั่นก็หมายความถึงว่าการดูตัวใจของตัวเองให้รู้แจ้งเท่านั้น จะสามารถมุ่งตรงต่อสภาวะเดิมได้อย่างปลอดโปร่งอย่างแท้จริง
องค์พระโพธิสัตว์ทรงกล่าวเน้นว่า ให้ผู้ปฏิบัติธรรมศึกษาให้รอบรู้อย่างถ่องแท้ ด้วยความจริงใจ มีความอดทนด้วยความพากเพียรอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
ในภายหน้าจะมีสติกล้าหาญในการทำประโยชน์อันเป็นกุศลธรรมให้กับผู้อื่นและส่วนรวมได้
ปางที่ 64
ลี.ศัง.กะ.รา.ยะ
สิด ลา เซง ออ หมก เค เย
Xi La Sen Ou Mu Qie Ye
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏกายเป็นพระเภสัชราชโพธิสัตว์ ทรงถือสมุนไพร เสด็จออกไปรักษาโรคให้สัตว์โลก
ความหมาย
คำว่า สิดลาเซง หมายถึง การแสดงความรักของพระโพธิสัตว์ต่อหมู่ชน ด้วยสงสารสัตว์โลกทั้งหลาย ที่ต้องทนทุกข์ทรมาน
คำว่า ออหมกเคเย หมายถึง ความหลงผิดคิดทะเยอทะยานอยาก ด้วยความโลภเข้ามาเกาะกินจิตใจ เท่ากับว่าเกิดเป็นโรคร้ายเกิดขึ้น
พระคาถาบทนี้ เป็นการแสดงความรักของพระโพธิสัตว์ต่อหมู่ชน พระองศ์สงสารสัตว์โลกทั้งหลาย ฉะนั้น จึงปรากฏพระธรรมกายเป็นเภสัชราชโพธิสัตว์ เพื่อรักษา
โรคร้ายต่าง ๆ เพื่อให้สรรพสัตว์ได้มีความสุขสบาย
อรรถาธิบาย
องค์พระโพธิสัตว์ทรงมีจิตเมตตากรุณา ให้ความรักสงสาร ในบรรดาสรรพสัตว์และเหล่ามวลมนุษย์ ที่ต้องทนทุกข์ทรมาน พระองค์ทรงแสดงความรักความเมตตา
ด้วยทรงเนรมิตให้เป็น พระเภสัชราชโพธิสัตว์ เสด็จออกไปรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้สัตว์โลก ให้หายดี เหล่ามวลมนุษย์ที่มีโรคเพราะความหลงผิด คิดผิด เมื่อความคิด
เกิดขึ้น โรคก็เกิดขึ้นตามมา หมอที่ดี คือผู้ที่รักษาโรคทางกายให้หายได้ ดุจเช่นกันกับพระอริยะที่เพียงรักษาโรคทางจิตให้หายสิ้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน
ให้สรรพสัตว์ลดละเลิกกิเลสทั้งปวง พระพุทธเจ้าสอนให้เราเพ่งจิต ให้ค้นหาโรคทางจิต เมื่อรู้ว่าจิตของเรานี้หาพบไม่ได้ โรคทางจิตก็จะหายขาดไปได้
ปางที่ 65
โซ. ฮา
ซอ ผ่อ ฮอ
Suo Po He
ภาคนิรมาณกาย
พระโพธิสัตว์ปรากฏกายเป็น องค์พระสมบูรณ์โพธิสัตว์ พระหัตถ์ประณมดุจดอกบัว สวมเสื้อคลุมสีแดง ด้วยจิตอันสมบูรณ์แจ่มใส คอยอำนวยความสุขแก่สัตว์โลก
ความหมาย
พระคาถานี้ติดต่อกับ สิดลาเซง ออหมกเคเย คือ คนเรานั้นมีโรคทางจิตเป็นภัยคุกคามให้ได้รับความทุกข์ และพระธรรมโอสถเท่านั้นที่สามารถรักษาให้หายขาดได้
คำว่า ซอ ผ่อ ฮอ หมายถึง ประโยคนี้ซ้ำกับปางที่ 61 และปางที่ 63 แต่มีความหมายต่างกัน คนเรานั้นมีโรคทางจิตจะต้องมีภัยใหญ่ จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างสาหัส
มีเพียงแต่พระธรรมเท่านั้น ที่รักษาให้หายได้
อรรถาธิบาย
องค์พระโพธิสัตว์ทรงเอาธรรมคาถา มหามรรคในบทนี้มาโปรดสรรพสัตว์และมวลมนุษย์ทั้งปวง ด้วยความเมตตากรุณา พระองค์ทรงขอให้มนุษย์และสัตว์ทั้งปวง จงปล่อย
วางสิ่งที่อยู่ภายนอกรูปกายตนเอง แล้วจงตั้งใจปฏิบัติธรรม
ปางที่ 66
โซ.ฮา.สิ.ตา.ยา
ซอ ผ่อ หม่อ ฮอ ออ สิด ถ่อ เย
Suo Po Mo He Ou Xi Tuo Ye
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฎกายเป็นพระอุตรเภสัชโพธิสัตว์ พระหัตถ์ทรงถือกุณโฑบรรจุยา เพื่อโปรดรักษาโรคร้ายให้กับสรรพสัตว์ทั้งปวง
ความหมาย
คำว่า ซอผ่อหม่อฮอ หมายถึง สัตว์ทุกประเภท มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน สามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิได้เหมือนกัน
คำว่า ออสิดถ่อเย หมายถึง สรรพสัตว์มีโอกาสร่วมรับธรรมมีความสุขสบายทั่วกัน
อรรถาธิบาย
องค์พระโพธิสัตว์ทรงตรัสสั่งสอนว่า ด้วยความเมตตาที่มีต่อสรรพสัตว์อย่างใหญ่หลวง เพื่อให้ได้ร่วมกันรับรู้ในคุณธรรม แล้วจึงจะได้รับความสุขสบายทั่วถึงกัน
จะเข้าถึงธรรมของฝ่ายมหายานได้ด้วยดี ด้วยมีขันติธรรมสามารถสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ
ปางที่ 67
โซ. ฮา
ซอ ผ่อ ฮอ
Suo Po He
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏกายเป็นพระสารีบุตรเถระ ประทับนั่งทรงกางพระสูตร เผยแผ่ชี้ให้เห็นพระสัทธรรมทั้งปวง โปรดสัตว์ไปจุติในสุขาวดีภูมิ
ความหมาย
ประโยคนี้ต่อเนื่องจากประโยคก่อน เพื่อความสำเร็จเป็นมหายานในพุทธภูมิ เป็นพระคาถาที่ประกอบด้วยความเมตตา กรุณาจิตอันสูงสุด
อรรถาธิบาย
พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ทรงสอนเน้นความสำคัญไม่ให้เบียดเบียนฆ่าชีวิตผู้อื่น ดำรงปณิธานที่จะโปรดสัตว์อย่างทั่วถึง รักชีวิตอื่นเหมือนรักชีวิต
ของตนเอง ทำจิตให้มีความเมตตากรุณา จงเอาจิตของสัตว์อื่นมาใสจิตของตน แล้วเราจะพบว่าเราจะเข้าใจในชีวิตอื่นเช่นกัน เพราะสวรรค์ชื่นชมการมีชีวิตยืนยาว
ของสัตว์โลก ผู้ใดปฏิบัติตนในศีลธรรมได้และทำจิตด้วยเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็จะเกิดความรักเมตตาได้อย่างแท้จริง ก็จะบรรลุในพุทธผลได้
ปางที่ 68
จา.ลา.สิ.ตา.ยา
เจ กิด ลา ออ สิด ถ่อ เย
Zhe Ji La Ou Xi Tuo Ye
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏกายเป็น แม่ทัพพยัคฆ์คำราม ทรงถือขวานทองคำ ทรงตั้งจิตมุ่งมั่น ออกปราบศัตรูหมู่มาร
ความหมาย
คำว่า เจกิดลา หมายถึง การใช้วชิรจักรทองคำปราบเหล่ามาร
คำว่า ออสิดถ่อเย หมายถึง ความสำเร็จอันไม่มีสิ่งใดเทียบได้
เจกิดลา ออสิดถ่อเย หมายถึง การใช้วชิรธรรมจักร ปราบเหล่ามารศัตรู เพื่อความสำเร็จผล
อรรถาธิบาย
พระโพธิสัตว์ ทรงแผ่ความเมตตากรุณาในสมาธิจิตให้ปรากฏโดยทั่วไป ต่างได้รับความกรุณานี้อย่างทั่วถึงกัน ผู้ปฏิบัติต่างได้รับความสว่างไสว ด้วยความเป็นอิสระ
บรรดามารร้ายและสิ่งต่างๆ อันขัดข้องจะหมดสิ้นไป เพราะเหล่ามารร้ายและสิ่งอันขัดข้องเกิดจากจิตใจที่ไปยึดไปหลงในกังวลอยู่นั่นเอง พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ถึง
ความบริสุทธิ์นั้น คือความไม่ยึดมั่นในธรรมใดๆ มุ่งตรงเข้าสู่พุทธภูมิ
ปางที่ 69
โซ. ฮา
ซอ ผ่อ ฮอ
Suo Po he
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏกายเป็นองค์เทพมารราช ทรงแบกหอกทองคำด้ามยาว จาริกไปแนะนำสั่งสอนสัตว์โลก ระงับความเกลียดชังซึ่งกันและกัน
ความหมาย
คำว่า ซอผ่อฮอ หมายถึง ประโยคนี้ซ้ำกับปางที่ 61 และปางที่ 63 ,65,67,68 จะเห็นว่าเป็นพระคาถาเดียวกัน แต่มีความหมายต่างกัน ถ้าจะอ่านพระคาถาบทนี้ต่อ
เนื่องจากบทก่อนคือปางที่ 68 หมายความว่า สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนสำเร็จ ในความบริสุทธิ์ ได้จึงไม่ควรประกอบอกุศลกรรมทั้งหลาย
อรรถาธิบาย
พระโพธิสัตว์ผู้ประกาศมหามรรคนี้ หากผู้ใดปฏิบัติตามด้วยความศรัทธา ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ แล้วไม่เพียงแต่ลบล้างบาปกรรมและกำจัดมารได้เท่านั้นยังสามารถ
บรรลุสู่พุทธภูมิได้ด้วย
ปางที่ 70
บา.ตา.มา.สิ.ตา.ยา.
ปอ ทอ มอ กิด สิด ถ่อ เย
Bo Tuo Mo Ji Xi Tuo Ye
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏเป็นพระสัทคนธ์เทพโพธิสัตว์ ทรงยกกระถางธูปมโนรถ เพื่อคุ้มครองสัตว์โลก
ความหมาย
คำว่า ปอทอ หมายถึง ดอกบัวแดง
คำว่า มอกิด หมายถึง ชนะ
คำว่า สิดถ่อเย หมายถึง มีผลสำเร็จหมดทั้งสิ้น
ฉะนั้น ปอถ่อมอกิด หมายถึง พุทธธรรมเป็นธรรมที่ไม่มีขอบเขต จะต้องปฏิบัติเพื่อรับความสุขร่วมกัน
ส่วน สิดถ่อเย เป็นการย้ำเตือนให้ผู้ปฏิบัติจะต้องประกอบด้วยสติปัญญาเพื่อการหลุดพ้น ละจากกิเลส
อรรถาธิบาย
พระโพธิสัตว์ ทรงนั่งประทับอยู่บนรัตนบัลลังก์ปทุมอาสน์สีแดง ส่องแสงสว่างไปตลอด แล้วพระองค์ทรงได้ทำนายไว้ว่า แสงนี้จะเกิดประโยชน์มหาศาลหาสิ่งใดเทียบไม่ได้
ปางที่ 71
โซ. ฮา
ซอ ผ่อ ฮอ
Suo Po He
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏกายเป็นเทพเจ้าโปรยดอกบัวจำนวน ๑,๐๐๐ กลีบ เพื่อจะได้บรรลุสิ่งปรารถนาที่จะให้สัตว์โลกประสพแต่ความสุข
ความหมาย
ประโยคนี้ เมื่อนำไปต่อกันกับประโยคก่อน จะมีหมายถึงว่าผู้ปฏิบัติไม่ยึดไม่หลงทางไปในทางใดทางหนึ่ง ปฏิบัติอย่างอุตส่าห์และพยายาม ด้วยการพิจารณาถึง
หิริโอตตัปปะ ความละอายต่อบาปกรรม
อรรถาธิบาย
องค์พระโพธิสัตว์ทรงได้ตรัสสอน สัตว์ทั้งปวงอีกว่า มรรคผลนั้นสำเร็จได้ด้วยตนเอง สำเร็จได้ด้วยการพิจารณาตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน ในทุกขณะจิต จะต้อง
พิจารณาจิตของตน รักษาไว้ในทุกขณะของเหตุปัจจัยไม่ให้วิตกจิตเกิดขึ้นได้ เมื่อปฏิบัติได้ดังนี้ความสำเร็จผลย่อมบังเกิดตามปรารถนา
ปางที่ 72
นี.ลา.กัน.เถ.ปัน.ตะ.ลา.ยะ.
นอ ลา กิน ซี พัน เค ลา เย
Nuo La Jin Chi Bu Qie La Ye
ภาคนิรมาณกาย ปรากฏเป็นพระปูรณเถระ ทรงนั่งอุ้มบาตร ช่วยเหล่าสัตว์ให้พ้นจากทุกภัยทั้งปวง
ความหมาย
คำว่า นอลากินซี หมายถึง รักษาไว้ด้วยความเป็นภัทร
คำว่า พันเคลาเย หมายถึง พระเถระทรงเพ่งโดยอิสระ
นอลากินซีพันเคลาเย รวมหมายความว่า เป็นที่รักของผู้ประเสริฐ เป็นที่รักของพระอริยะ พระโพธิสัตว์จะทรงยื่นพระหัตถ์มาช่วยกำจัด ความน่าหวั่นกลัวทั้งปวง
ยังผลให้เกิดความสงบสุข
อรรถาธิบาย
จิตเมตตากรุณาของพระโพธิสัตว์ จึงปรากฏเป็นพระธรรมกายทั่วสหัสสโลกธาตุ เพื่อโปรดสัตว์ทั้งหลาย ให้เร่งรีบปฏิบัติธรรม เพื่อความหลุดพ้นจากสรรพภัยและ
ภยันตรายทั้งหลาย ให้ห่างหายไป ด้วยสาเหตุที่สัตว์โลกทั้งหลายมักจะตกอยู่ในความหวั่นกลัว เนื่องจากยังหลงยึดถือสิ่งหลอกลวงมาครอบครองไว้ว่าเป็นของเที่ยงแท้
พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนให้เราละลักษณะกิริยาท่าทางในอาการต่าง ๆ ในสิ่งปลอมแปลงทุกอย่างให้หมดสิ้น เมื่อหมดความกังวลและกดดันต่อจิตใจ ก็จะง่ายต่อการ
เข้าสู่มหามรรค
ปางที่ 73
โซ. ฮา.
ซอ ผ่อ ฮอ
Suo Po He
ภาคนิรมาณกาย ปรากฏเป็นพระตาลาณี เป็นพระราชบุตรขององค์พระโพธิสัตว์ ทรงถือถาดใส่ผลไม้ เพื่อโปรดสัตว์ ให้ทานแก่สรรพสัตว์
ความหมาย
ประโยคนี้ร่วมกันเข้าต่อเนื่องกับพระคาถาบทก่อน หมายถึง การปฏิบัติให้ถือเอาสัมมาจิต และความมีสัจเป็นหลักในการปฏิบัติ
อรรถาธิบาย
พระองค์ท่าน ได้บรรยายให้รู้ซึ้งถึงความทุกข์ยาก หวาดระแวงหวั่นกลัว ที่ได้รับกันอยู่นั้น ซึ่งมาจากความคิดอันไม่สะอาดบริสุทธิ์ จึงได้เกิดความไม่สงบขึ้น
ในพื้นฐานการปฏิบัติธรรม เพราะทุกสิ่งอย่างล้วนต้องสำเร็จ ด้วยความคิดรู้สำนึกในทุกโอกาส แต่ชาวโลกยังเข้าไม่ถึงสภาวะดั้งเดิมกันได้ ยังวนเวียนพาชีวิตตน
ไปสู่ทางที่ผิด เป็นที่น่าเวทนา สงสารยิ่งนัก พระองค์ท่านจึงได้บรรยายคำสั่งสอน เอาไว้เพื่อให้สรรพสัตว์ได้มองเห็น เข้าใจได้อย่างถูกต้อง
ปางที่ 74
โม.โบ.ลี.ศังกะ.รา.ยะ.
มอ พอ ลี เซง กิต ลา เย
Mo Po Li Sen Ji Na Ye
ภาคนิรมาณกาย ปรากฏเป็นพระสมาธิฌานโพธิสัตว์ ทรงนั่งขัดสมาธิบนจักร พระหัตถ์ทรงถือโคมไฟรัตนะ ส่องแสงไปทั่วโลกธาตุและพระธรรมธาตุ
ความหมาย
คำว่า มอพอลีเซง หมายถึง ผู้กล้าหาญ
คำว่า กิตลาเย หมายถึง สภาวะเดิม
มอพอลีเซงกิตลาเย จึงหมายถึง ผู้มีสัจจะและคุณธรรม ย่อมสำเร็จได้ ด้วยอาศัยสภาวะแห่งเมตตาธรรม หากจิตตั้งอยู่ในอกุศลกรรม คิดมุ่งไปสู่ทางร้าย ย่อมเป็นการยาก
ที่จะสำเร็จพระอนุตตรธรรม
อรรถาธิบาย
พญามารเป็นผู้กล่าวถึง พระโพธิสัตว์ ด้วยผลแห่งเมตตาธรรม ในพระมหากรุณา จึงปรากฏเป็นพันกร พันเนตร พระองค์ทรงสอดส่องมองเห็นทั้งสิ่งดี สิ่งชั่ว ยังผล
เมตตาแผ่ไปทั่ว โลกธาตุ ที่สรรพสัตว์ทั้งหลายพึ่งต้องอาศัยการนำทางขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อจะได้ไม่ลุ่มหลง หวั่นไหว ในจิตใจ ทั้งกายและใจ
ก็จะไม่สะเทือนเมื่อประสบกับภาวะทั้งทางดีและทางร้าย ก็จะสามารถอยู่ด้วยจิตใจสงบสุข
ปางที่ 75
โซ. ฮา
ซอ ผ่อ ฮอ
Suo Po He
ภาคนิรมาณกาย
ทรงจำแลงพระวรกายเป็นพระมหากัสสปเถระเจ้า พระหัตถ์ซ้ายทรงถือลูกประคำ พระหัตถ์ขวาทรงถือไม้เท้า ทรงเที่ยวแนะนำสั่งสอนให้สรรพสัตว์ ได้ปฏิบัติธรรม
ด้วยความตั้งใจจริง
ความหมาย
คำว่า ซอผ่อฮอ หมายถึง การรวมเอาพระคาถาทั้งหมดแห่งมหากรุณาธารณีสูตร มาไว้ครบถ้วนทั้งบทในประโยค
อรรถาธิบาย
ความเมตตากรุณาแห่งพระโพธิสัตว์ เพื่อโปรดเหล่าสรรพสัตว์ทั้งปวงให้ได้รับประโยชน์ในธรรม ไม่หลงเดินผิดทาง มุ่งตรงไปตามธรรมบารมี สู่ความสำเร็จบริบูรณ์ดี
ปางที่ 76
น.โม.ระตะนะ.ตรา.ยา.ยะ.
นำ มอ ห่อ ลา ตัน นอ ตอ ลา เหย่ เย
Na Mo He Na Da Na Duo Na Ye Ye
ภาคนิรมาณกาย
ปรากฏให้เห็นเป็นลักษณะขององค์พระโพธิสัตว์ ได้ทรงเนรมิตเป็นอากาศครรภ์พระโพธิสัตว์ ทรงประทับนั่งอยู่บนอาสน์หินศิลา พระหัตถ์ขวาทรงวางไว้บนอาสนะ
พระหัตถ์ซ้ายทรงถือดอกไม้ เพื่อการสั่งสอนตักเตือน ให้มวลสัตว์โลก จงมั่นคงในศรัทธาวิริยะกล้าหาญอดทนขยันหมั่นเพียรในการปฏิบัติพระธรรม
ความหมาย
พระโพธิสัตว์ได้ย้ำถึงมนตราบทนี้ เพื่อให้แจ้งด้วย การปฏิบัตินั้นมีทางดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว มวลสัตว์โลกทั้งหลายอย่าปล่อยให้เสียโอกาส หรือเสียชาติเกิดมานี้
จงมุ่งมั่นตั้งใจในการปฏิบัติให้สำเร็จผล อรรถาธิบาย
องค์พระโพธิสัตว์ ท่านทรงได้ย้ำถึงผู้ที่มีจิตมุ่งในการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด หมั่นสวดท่องมนต์บทนี้ ให้เป็นประจำสม่ำเสมอ ให้มีความพยายามควบคุมกายใจ อย่าปล่อยให้ท่องมนต์คาถาด้วยความเลื่อนลอยไปตามเรื่องตามราว ให้น้อมจิตเอาฌานสมาธิเพ่งถึงการเกิดดับ พิจารณาถึงบุคคลที่ถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ แต่ก็ยังไม่ยอมเพ่งตถาธรรม คงยึดแต่การกินเจเพียงประการเดียว และให้หมั่นระลึกถึงพระพุทธเจ้าในธรรมการปฏิบัติของพระองค์ท่าน จงตั้งจิตตั้งใจในการปฏิบัติ ขยันหมั่นเพียรในการปฏิบัติธรรมเถิด
ปางที่ 77
นะ.มา.อา.รยา.
นำ มอ ออ ลี เย
Na Mo AO Li Ye
ภาคนิรมาณกาย
ทรงจำแลงพระวรกายเป็นพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ ทรงประทับนั่งขัดสมาธิบนคันธหัตถ์ ทรงร้อยรัตนะเพื่อให้สัตว์โลก ได้รู้เห็น ได้เพียรพยายามในการปฏิบัติ
เพื่อการบรรลุธรรมได้อย่างสมบูรณ์
ความหมาย
คำว่า นำมอออลีเย หมายถึง การสาธยายมนต์ เพื่อเป็นการนมัสการ บูชา สรรเสริญพระอริยะ
อรรถาธิบาย
นัยแห่งพระธารณี เป็นการย้ำเตือนให้เร่งรีบสวดท่องธารณี ให้รีบเร่งตื่นตัวปฏิบัติในภูมิธรรมอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ แก้ไขในความผิดพลาดที่สร้างไว้ แล้วหันกลับ
มาตั้งต้นใหม่ในสิ่งถูกต้องดีงาม เพื่อแสวงหาพระธรรมด้วยความเพียรพยายามทุกขณะจิต หมั่นระลึกถึงพระธรรมคุณอยู่เนืองๆ ไม่ว่าจะอยู่ในอากัปกิริยาใดๆ คง
เสมอต้นเสมอปลาย และยังต้องละความเป็นตัวของตัวเอง เพื่อเป็นการบังคับจิตใจไม่ให้นึกคิดไปตามกระแสกิเลสหรือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ให้ได้สำเร็จผลบรรลุถึงความ
ไม่มีตัวตนได้ด้วยดี
ปางที่ 78
อ. วา.โล.กิ.เต.
ผ่อ ลู กิต ตี
Po Lu Jie Di
ภาคนิรมาณกาย
ทรงจำแลงพระวรกายเป็นมัญชูศรีโพธิสัตว์ ประทับนั่งบนหลังสิงหอาสน์ พระหัตถ์ชี้ขึ้นฟ้า เพื่อสั่งสอนให้สรรพสัตว์เข้าถึงธรรม
ความหมาย
คำว่า ผ่อลูกิตตี หมายถึง สัทธรรม เป็นความจริง ความเป็นกลาง ความพอดี ไม่มีที่สิ้นสุด บรรดาผู้ปฏิบัติธรรมย่อมมีความบริสุทธิ์ เพื่อนำทางก้าวเข้าสู่แดนสุขาวดี
อรรถาธิบาย
พระโพธิสัตว์ทรงย้ำถึงความลึกซึ้งเข้าใจของมนต์คาถา ตามความเป็นจริงและสามารถยอมรับความเป็นจริงที่เกิดอย่างลึกซึ้งเข้าใจ ให้ได้ว่า เมื่อมีการเกิดก็จะต้อง
มีการดับ มีชนะก็ย่อมต้องมีแพ้ มีสุขก็ต้องมีทุกข์ เมื่อมีความสบายก็ต้องมีความลำบาก แต่เมื่อมองดูสัตว์โลกทุกชนชั้นวรรณะ ต่างยอมรับความสุขเพียงอย่างเดียว
ต่างไม่ยอมรับความทุกข์ที่เกิดขึ้น ยอมรับความชนะเพียงอย่างเดียว ต่างไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ยอมรับความสบายเพียงอย่างเดียว ต่างไม่ยอมรับความลำบาก
และยอมรับการเกิดเพียงอย่างเดียว ต่างไม่ยอมรับในการดับด้วยความแตกสลาย สูญเสียใดๆ เพราะท้ายที่สุดก็หนีไม่พ้นทุกสิ่งทุกอย่างมันจะต้องเป็นไปตามกาล
เวลาที่เปลี่ยนเวียนไป โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างเด็ดขาด ในที่สุดก็ต้องมีการแพ้ มีความลำบาก มีความทุกข์ มีความตายอยู่นั่นเอง หากผู้ปฏิบัติต้องการให้มีอายุ
ยืนยาว ต้องค้นหาในความเกิดให้บังเกิดขึ้นมาจากความแตกดับ ค้นหาในความชนะให้เกิดขึ้นในความพ่ายแพ้ ค้นหาความสุขให้เกิดขึ้นมาจากความทุกข์ ค้นหา
ความสบายให้เกิดขึ้นมาจากความลำบาก เพียงเท่านี้ก็สามารถสำเร็จในคุณธรรมทั้งหมด ไม่กังวลในการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นหนทางก้าวเข้าถึงความจริง
ปางที่ 79
โซว์.รา.ยะ.
ชอ พัน ลา เย
Suo Bo Na Ye
ภาคนิรมาณกาย
เป็นภาคที่กำลังปลดประสาททางตารับรู้มองเห็น นั่งบนดอกบัวทองพันกลีบ เพื่อแนะนำชักชวนให้สัตว์โลก ลดละประสาททางตา จะได้ไม่มองเห็นรูปเพียงภายนอก
ให้มองเห็นในสภาวะแห่งตน เข้าใจในจิตภายในตนอย่างแท้จริง
ความหมาย
คำว่า ซอพันลาเย หมายถึง ผู้ปฏิบัติต้องการสำเร็จเป็นธรรมกายอันบริสุทธิ์ได้โดยเร็วกว่าปกติ จะต้องชำระประสาททางตาให้สะอาดเสียก่อน เพื่อการมองเห็นธรรม
วิสัยอันเป็นอนุตตระ (ดวงตาเห็นธรรม) ได้อย่างแท้จริง
อรรถาธิบาย
การปฏิบัติธรรมจำเป็นต้องปิดทวารทั้ง 6 กำจัดประสาทตาด้วยใจไม่ไปยึดติดไปตามภาพนั้นๆ ที่มองเห็นรับรู้ ในสิ่งที่จะเกิดเป็นบาปกรรมเพราะรูปขึ้นมาได้อีก
ผู้ปฏิบัติทั้งหลายจงรับรู้ไว้ด้วยเถิดว่า ตา เป็นมารอย่างร้ายกาจ ที่คอยขัดขวางการเข้าถึงพระธรรม จงระลึกนึกถึงธรรมไว้ในใจเสมอ เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
หากมุ่งเข้าสู่สุขาวดีภูมิต้องละประสาทตาให้หมดไปจากการสัมผัสรับรู้นั้น จะได้ไม่เป็นมารคอยขัดขวางความสำเร็จอีกต่อไป
ปางที่ 80
โซ. ฮา.
ซอ ผ่อ ฮอ
Suo Po He
ภาคนิรมาณกาย
พระโพธิสัตว์ ได้ทรงแสดงกิริยาอาการบรรยายให้เห็นถึงประสาทหู วิพากษ์ถึงเสียงเป็นภัย ทรงวางแขนลงมาเบื้องล่าง เพื่อชี้แนะสั่งสอนให้สัตว์โลกทั้งปวง
จงปฏิบัติธรรมด้วยการละประสาทหู จากเสียงที่ไม่ใช่ความเป็นจริง เพื่อการฟังแต่เสียงจริง ความสูญแห่งสภาวะของตน
ความหมาย
ซอผ่อฮอ เป็นพระคาถา ต่อเนื่องจากประโยคก่อน หมายถึง ถึงจะละประสาทสัมผัสทางตาแล้ว หูก็เป็นอุปสรรคในการที่จะสำเร็จผลได้อีกเช่นกัน เพราะหูก็ถือว่า
เป็นมารเช่นกัน จำเป็นต้องละไปเช่นกัน จึงจะสำเร็จเข้าถึงอนุตตระ
อรรถาธิบาย
จงอย่าพะวงลุ่มหลงในเสียงที่ได้ยินนั้นๆ เป็นการยากในการได้รับกระแสแห่งธรรม เพื่อการบรรลุสำเร็จมรรค ผล นิพพาน ต้องละและบังคับประสาทหูให้สะอาด
จิตต้องมั่นคงไม่ไขว้เขวตามเสียงที่เข้ามากระทบ พยายามมองดูและฟังไห้ย้อนกลับไปพิจารณาเข้าสู้ความเป็นจริงธรรมดาโลกของธรรมชาติของสภาวะดั้งเดิม
ของธาตุ 4 ขันธ์ 5 ในจิตเท่าทันสภาวะทั้งหลาย ไม่ต้องทำให้สะอาดอีกแล้ว ก็จะสามารถสะอาดบริสุทธิ์ได้เอง สิ่งที่ดีจะกลับขึ้นมาได้เอง สิ่งที่ไม่ดับสูญก็จะดับสูญ
ไปเอง มีความสมบูรณ์แห่งธาตุ ด้วยการดับสูญอย่างแท้จริง เมื่อทุกสิ่งดับสูญสลายตัวออกไปเสียทั้งหมด ความสำเร็จผลที่ปฏิบัติยอมเกิดผลติดตามเข้ามาบังเกิดขึ้นกับตัว
ปางที่ 81
โอม. สิท.ธริน.ตุ.
งัน สิต ติน ตู
An Xi Dian Du
ภาคนิรมาณกาย
พระโพธิสัตว์ ทรงแสดงกิริยาอาการให้สรรพสัตว์ได้มองเห็น รูปชูนิ้วมือทั้งหมด เพื่อให้สรรพสัตว์เห็นความแปลกปลอมที่แปลงปลอมในการดมกลิ่นของประสาท
สัมผัสทางจมูก ซึ่งฐานเดิมสภาวะเป็นสูญ
ความหมาย
คำว่า งัน หมายถึง การนำให้เกิด เป็นปฐมบทแห่งธารณี
คำว่า สิตตินตู หมายถึง ความสำเร็จของธาตุแห่งตน เป็นจุดศูนย์รวมแห่งการปฏิบัติธรรม
อรรถาธิบาย
มนต์พระคาถาบทนี้ เมื่อรวมเข้าด้วยกัน ย่อมหมายถึง การปฏิบัติดูลมหมายใจ เข้า-ออก ในทุกขณะจิตด้วยความเป็นสมาธิสงบนิ่งอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
ปางที่ 82
มัน.ตา.รา.
มัน ตอ ลา
Man Duo Na
ภาคนิรมาณกาย
พระโพธิสัตว์ บรรยาย เรื่องลิ้น เพื่อปล่อยละสัมผัสในการลิ้มรสชาติต่างๆ รูปลักษณะปรากฏให้เห็นพระกิริยาอาการรูปชูพระหัตถ์ เพื่อให้สรรพสัตว์ทั้งหลายมอง
เห็นเป็นการประกาศว่า ให้ละการลิ้มรสด้วยลิ้นที่สัมผัสติดใจ ให้มองเป็นเพียงสิ่งไม่ยั่งยืนเป็นสูญ แล้วในที่สุดก็จะสามารถเข้าสู่ทางสำเร็จผลได้
ความหมาย
คำว่า มันตอลา เป็นธรรมมณฑลที่หมายถึง ผู้ที่เคร่งครัดในการปฏิบัติต้องปล่อยละประสาทสัมผัสของลิ้น เพื่อตัดกิเลสที่ต้องลิ้มลองรสชาติอยู่ตลอดเวลา ต้องขจัด
การติดใจในการลิ้มรสอย่าให้เข้ามาสัมผัสกับลิ้น ตัวใจจึงจะมีความสะอาดบริสุทธิ์
อรรถาธิบาย
ประสาทสัมผัสแห่งลิ้น ในการลิ้มรสชาติต่างๆ จะทำให้จิตไขว้เขวติดใจเกิดกิเลสตามมา จะต้องตัดปัญหาในด้านของรส ที่ลิ้นได้ไปสัมผัสเข้าเที่ยวไปชิมตลอดเวลา
เพื่อเป็นไปในการเข้าสู่ความบริสุทธิ์เป็นธรรมชาติของสภาวะเดิม รู้ถึงการปลอมแปลงหลอกหลวงของรสสัมผัส แล้วเข้าถึงสภาวะแห่งตนว่ามีความเป็นสูญ
ปางที่ 83
ปา.ตา.เย.
ปัด ถ่อ เย
Ba Tuo Ye
ภาคนิรมาณกาย
พระโพธิสัตว์ปางถือบาตร บรรยายถึงความหลงในกายสัมผัส เกิดเป็นความโลภมักมากในการสัมผัสร่างกาย สอนให้สรรพสัตว์ละจากกายสัมผัส ให้เห็นว่ารูปกายและ
เรือนร่างที่จริงแล้วนั้นเป็นสิ่งที่หลอกลวงใจ เป็นภาพลวงตาทั้งนั้น
ความหมาย
คำว่า ปัดถ่อเย หมายถึง ความต้องใจ ถูกใจ และมีความต้องการที่หมายถึงร่างกายเป็นเหตุแห่งมูลฐานของความทุกข์
อรรถาธิบาย
พระโพธิสัตว์ทรงชี้เหตุและได้บรรยายให้สรรพสัตว์ในโลกเข้าใจในความโลภ ในการสัมผัสแตะต้องกาย เพื่อให้ละจากกายสัมผัสให้ถือว่าทุกอย่างเป็นของปลอมแปลง
เป็นสิ่งหลอกลวงให้เข้าถึงในสภาวะแห่งตนของธาตุ 4 ขันธ์ทั้ง 5 ในความไม่มีตัวตนที่แท้จริงเป็นสูญ เพื่อทำจิตให้สงบนิ่งกับสภาวะนั้น ในการสำเร็จผลโดยเร็ว
ปางที่ 84
โซ. ฮา
ซอ ผ่อ ฮอ
Suo Po He
ภาคนิรมาณกาย
พระโพธิสัตว์ทรงเหาะในกลางอากาศ ส่วนพระหัตถ์ทรงถือ ธวัชด้ามยาว ทรงเหาะไปเพื่อแนะนำสั่งสอนธรรม มีเนื้อหาสาระเข้าใจง่ายในเรื่องของจิต ให้มองเห็น
ในสภาวะไม่ใช่ตัวตน ว่าอะไรจริงและไม่จริง เมื่อจิตสัมผัส กำหนดรับรู้เข้าถึงสภาวะแห่งตน จึงมองทุกสิ่งเป็นสูญ พระองค์ทรงมีจิตใจเมตตากรุณาอย่างเปี่ยมล้น
ในการช่วยชี้ทางสว่างพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง
ความหมาย
คำว่า ซอผ่อฮอ หมายถึง จบโดยบริบูรณ์ (จบลงอย่างครบถ้วนด้วยดี)
อรรถาธิบาย
เป็นพระคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ ทรงมีอานุภาพในการทำจิตใจให้สะอาด สอนให้เรารู้ระบบของจิต เข้าใจในการทำจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ทั้ง ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ
หมั่นกำหนดจิตไว้ในข้อธรรมตลอดเวลา จึงจะสามารถข้ามห่วงทุกข์ทั้งมวลโดยปลอดภัย ด้วยการเว้นการทำบาปกรรม ให้เร่งสร้างบำเพ็ญกุศล เพื่อชำระจิตใจให้ใสสะอาด นี้คือพระธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงใช้สั่งสอน ก้าวพ้นทุกข์สู่แดนสงบยิ่งด้วยธรรม