รู้ตัวอีกทีอัคคีก็มานอนอยู่ที่บ้านพักของตัวเอง คิดในใจว่าเรื่องที่เขารับรู้นั้นเป็นเพียงความฝันหรืออาการเมา แต่อย่างไรก็แล้วแต่ความจริงได้ตอกหน้าด้วยการที่เขาจะลุกจากเตียงแต่กลับหัวคะมำล้มลง* M1 `- S6 m) m0 [; r
ความเจ็บบริเวณเชิงกรานแล่นแปล๊บเข้ามาจนทรงตัวไม่อยู่ นั่นยืนยันให้ระดับหนึ่งแล้วว่าเขาผ่านศึกหนักมาจริง
ในหัวของอัคคีโล่งระดับหนึ่ง เพราะคิดว่าเรื่องเลวร้ายที่สุดมันผ่านไปแล้วเขาคงไม่ได้เจอกับกรและเรื่องวุ่นวายที่มาจากมันอีก ส่วนครูชาญกับนีโอก็จะได้ปลอดภัยไร้กังวล แต่ระหว่างนี้ล่ะจะทำยังไง
“ฮัลโหลพี่โจครับ…”
“อัคคีพี่ขอโทษ…”
ยังไม่ทันพูดอะไรปลายสายก็เอ่ยขอโทษแทรกมาก่อน ดูเหมือนว่าพี่โจคงรู้เรื่องแล้ว เขาไม่ถือโทษโกรธพี่โจเลยเพราะมันไม่ใช่ความผิดของพี่โจ อีกอย่างเรื่องทั้งหมดก็เป็นเพราะเขาแกว่งเท้าหาเสี้ยนเองถ้าจะผิดก็ผิดที่ไอ้กร
“นอนพักก่อนนะ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกพี่พี่ไม่เร่งเร้า”
“ครับ ขอบคุณครับพี่”
หลังจากวางสายไม่นานก็ได้ยินเสียงเอะอะอะไรอยู่หน้าบ้าน แต่จะให้ฝืนตัวลุกไปดูคงไม่ไหวเลยปล่อยทิ้งเอาไว้คิดว่าสักพักคงเงียบไปเอง
“น้อง น้องอยู่บ้านไหม เห้ย!!”
เจ้าของเสียงร้องตะโกนทั่วบ้านก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนทำเอาต่างฝ่ายต่างตกใจ
“พี่เพลิง มีเรื่องอะไรครับ”
อยู่ ๆ เพื่อนบ้านก็เข้ามาโวยวายแล้วเปิดห้องนอนเป็นใคร ๆ ก็ตกใจทั้งนั้น
“เห้ยโทษที พอดีเรียกน้องแล้วไม่ตอบกลับ คิดว่ามีปัญหาเลยปีนบ้านเข้ามาดู”
“ผมป่วยนิดหน่อยพี่”
ทันทีที่ได้ยิน หนุ่มใหญ่กระโจนตัวเข้าหาเอามือแนบหน้าผากวัดอุณหภูมิทันที
“เออว่ะ ตัวร้อนจี๋เลย กินอะไรยังเนี่ย”
“ยังเลยครับ”
พอได้ฟังคำตอบ เพื่อนบ้านก็เดินหายออกไปนานสองนานแล้วกลับออกมาพร้อมถ้วยใส่ข้าวต้นร้อน ๆ
“ทำให้ผมหรอครับ”
“ให้หมามั๊ง”
“โฮ่ง ๆ”
อัคคีทำทีล้อเลียนพร้อมร้องตามหมาจนเพื่อนบ้านรุ่นใหญ่ต้องเอามือเขกหัว
โป๊ก!
“มัวแต่เล่นรีบกินเลย”
อัคคีนั่งกินไปก็มองดูอีกคนคอยเก็บข้าวของในบ้านให้ แม้จะบอกว่าไม่ต้องแต่เพลิงยังดื้อด้านทำต่อไป เขาได้แต่มองดูแล้วอมยิ้มไปกับความเจ้ากี้เจ้าการ
“พี่เพลิง พี่ไม่ไปทำงานหรอ”
“ไม่อะ ลางานแล้ว”
“ฮะ ลาทำไมอะ”
“ก็มีเด็กป่วยอยู่บ้านคนเดียว จะทิ้งไปทำงานได้ยังไง”
คำตอบของเพลิงทำเอาอัคคีนิ่งชะงัก เขาลืมไปแล้วว่าตัวเองยังคงเป็นเด็กอยู่ เพราะที่ผ่านมาต้องทำอะไรมากมายเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตในแต่ละวัน บางทีก็อยากพักอยากเล่นอยากทำอะไรเหมือนคนวัยเดียวกัน แต่เพราะภาระผูกพันจึงทำให้มองข้ามสิ่งนี้ไป
“แต่ว่า ผมก็แค่…เพื่อนบ้านเอง ทำไมต้องทำขนาดนี้”
“หึหึ เห็นเราแล้วพี่นึกถึงลูกชายน่ะ ให้พี่ทำเถอะนะ อย่าปฏิเสธเลย”
พอพูดถึงลูกชายพี่เพลิงก็มีสีหน้าสลดลงจนเห็นได้ชัด แม้รู้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวแต่มันจะค้างคาหากไม่ได้รู้เรื่อง
“พี่เล่าเรื่องลูกชายพี่ให้ผมฟังหน่อยสิ”
“ฮ่า ๆ ทำไมอยากรู้จักลูกชายพี่หรอ”
“เปล่าครับ อยากรู้จักพี่”
คำตอบของอัคคีทำเอาเพลิงชะงัก พอรู้ตัวอัคคีเองก็ตกใจไม่คิดว่าจะพูดอะไรแบบนั้นออกมา
แม้จะแปลกใจแต่สุดท้ายเพลิงก็ยอมเปิดใจเล่าเรื่องลูกชายให้อัคคีฟัง ทำให้รู้ว่าครอบครัวของเพลิงก็มีปัญหาไม่น้อย
เพลิงแต่งงานและมีลูกตั้งแต่เรียนจบ แต่เพราะแต่งงานเร็วทำให้ไม่ได้ศึกษากันและกันกับภรรยามากพอจนวันนึงเพลิงได้ทำงานที่ใหม่และเขาก็ชื่นชอบแต่งานต้องเดินทางต่างจังหวัดบ่อย
แรก ๆ ภรรยากับลูกก็มาเที่ยวเยี่ยมบ้างแต่พักหลังตัวภรรยาเพลิงเองเริ่มเบื่อเลยหยุดอยู่บ้านเลี้ยงลูก พอนานเข้าเพลิงเริ่มชิน แต่ภรรยานั้นตรงกันข้าม เขาเริ่มหาเรื่องและคิดว่าเพลิงนอกใจ คอยมาวุ่นวายถึงที่ทำงานจนเพลิงหนักใจ
สุดท้ายทั้งสองจึงได้หย่าร้างกัน ส่วนลูกชายอยู่กับบ้านฝ่ายหญิง เพลิงเองยังทำงานที่ชอบต่อไป นาน ๆ ทีจะแวะไปหาลูกชายส่วนเงินนั้นส่งให้ไม่เคยขาด
เรื่องของเพลิงทำให้อัคคีถึงกับน้ำตาไหล แม้จะไม่ใช่ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบแต่อย่างน้อยก็ยังมีกันและกัน
“โห ร้องไห้เลย เศร้าขนาดนั้นเลยหรอ”
“เปล่าครับ ฮึก ก็แค่ ฮือออ”
อัคคีไม่ได้ร้องเพราะเศร้า แต่ที่ร้องเพราะเขาอิจฉาต่างหาก
“ลูกของพี่โชคดีมากนะครับ อึก ที่มีพ่อแบบพี่”
อัคคีพูดความในใจออกมา เพลิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มกริ่มดีใจ แต่เพียงครู่เดียวก็หน้าสลดลงอีกครั้ง
“ไม่หรอก หน้าพี่เขายังไม่อยากมองเลย”
อัคคีสงสัยว่าทำไมอีกคนถึงพูดแบบนั้น จะมีหรอลูกชายที่ไม่อยากมองหน้าพ่อ
“ทำไมหรอครับ ผมถามได้ไหม”
“เห้อ ไม่รู้สิ ยิ่งโตยิ่งห่าง พักหลัง ๆ มานี้ก็ไม่ยอมมาเจอหน้าพี่เลย”
“วัยรุ่นก็แบบนี้แหละครับ”
“คงงั้นมั๊ง”
“ว่าแต่ พี่เคยบอกรักลูกหรือเปล่าครับ”
“ว่าไงนะ?”
“บอกรัก พี่เคยหรือเปล่า”
เพลิงหัวเราะกับความคิดของอัคคี แต่ดูเหมือนอีกคนกำลังจริงจัง
“ผมไม่มีพ่อ แต่ผมมีน้องชายอยู่คนนึง เวลาที่มีปัญหาอะไรผมจะบอกรักน้อง แล้วก็อธิบายว่าที่ทำไปแบบนี้ก็เพราะรักและหวังดี พอน้องได้ฟังเขาก็เข้าใจและปัญหานั้นก็จะถูกคลาย”
ตัวอย่างที่อัคคีบอกนั้นน่าสนใจสำหรับเพลิง
เวลาว่างที่เหลือทั้งวัน สองคนใช้ไปกับการผ่อนคลายไม่ว่าจะดูหนัง อ่านหนังสือหรือแม้แต่ฟังเพลงเก่า ๆ เพลิงที่นาน ๆ จะหยุดงานพอได้ทำเรื่องพื้น ๆ กับเพื่อนบ้านก็รู้สึกสนุกขึ้นมา นานแล้วที่เขาไม่ได้เล่นอะไรแบบนี้ ยิ่งได้เล่นกับคนวัยเดียวกับลูกชายยิ่งทำให้เขาคิดถึง
ตกเย็นเขาทำอาหารให้กับเด็กรุ่นลูกเสร็จพอกลับถึงบ้านก็นึกถึงคำแนะนำจึงตัดสินใจโทรหาลูกชาย เหมือนมันจะได้ผลเพราะการบอกรักลูกชายนั้นช่วยเปิดประเด็นให้ลูกชายพูดคุยและปรับความเข้าใจกันได้ในท้ายที่สุด
พอวันต่อมาเพลิงก็ทำกิจวัตรตามปกติและจะไปบอกผลลัพธ์กับอัคคี แต่เหมือนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีการตอบรับจึงถือวิสาสะปีนเข้าบ้านอัคคีอีกครั้ง
“อ้าว ทำไมเรียกแล้วไม่ตอบ ยังไม่หายดีหรอ”
เมื่อเดินเข้าบ้านเห็นอัคคีตื่นแล้วแต่อยู่ในสภาพเดิมเลยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
ดูอาการไม่มีไข้แล้วแต่ทำไมไม่ลุกจากเตียง ความคิดนี้ทำเอาแปลกใจ
“ยังไม่หายดีน่ะ ขอบคุณนะครับสำหรับเมื่อวาน”
“แต่ตัวไม่ร้อนแล้วนะ ยังไม่หายหรอ เป็นหนักไหม ไปโรงพยาบาลเปล่า”
“ม มะ ไม่ครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว แค่พักนิดหน่อยก็หาย”
“โอเค ถ้างั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ อยู่ได้ใช่ไหม”
“สบายพี่ แต่ว่าผมวานพี่ซื้อขนมให้ผมหน่อยได้ไหมครับ แหะ ๆ”
“อือ รอแปบนึงละกัน”
หลังจากได้ชื่อรายการขนมจากอัคคี เพลิงก็อาสาเดินออกไปซื้อที่มินิมาร์ทให้ แต่ไม่รู้อะไรทำให้เขาตัดสินใจโทรลางานอีกครั้ง
พอกลับมาถึงบ้านเพลิงเดินเข้าไปด้านในแต่ไม่พบใครเขาจึงเดินหาแต่ก็ไม่เจอ
ตุ๊บ!
“โอ๊ย”
เสียงของแข็งกระทบพื้นดังทั่วบ้าน เพลิงรีบวิ่งไปยังต้นเสียงซึ่งก็คือห้องน้ำโดยเร็ว
เห็นร่างของเด็กหนุ่มนอนหมอบกับพื้นเลยรีบเข้าไปพยุงตัวขึ้น แต่ในช่วงที่จับตัวเพื่อประคอง ตัวของอัคคีสะดุ้งผลักเพลิงออกไกล
“โอ๊ยยย เจ็บ”
“เป็นอะไร พี่จะช่วยไง”
“ผ ผมขอโทษครับ พี่เพลิงออกไปก่อนได้ไหม”
เพลิงสงสัยกับท่าทางของอีกคน มันผิดปกติเป็นอย่างมาก แทนที่จะให้ช่วยกลับผลักไส แต่ความปลอดภัยต้องมาก่อนเขาตัดสินใจเดินไปอุ้มอัคคีขึ้นพาดแขนโดยไม่สนว่าถูกอีกคนทุบตี
ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง
สายตาของหนุ่มใหญ่หันไปเห็นหยดสีแดงที่ไหลจากตัวของคนในมือลงสู่พื้น ดวงตาเบิกโตไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องพาอัคคีไปที่เตียงก่อน
เพลิงอุ้มอัคคีออกจากห้องน้ำมาที่เตียง แต่ยังไม่ทันวางก็ต้องชะงักไปเพราะผ้าปูที่นอนตรงจุดนั้นมีคราบคล้ายเลืดแห้งกรังอยู่ หรือว่านี่คือสาเหตุที่ลุกไม่ไหว
“น้องเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้…”
อัคคีหน้าเสียเมื่อรู้ว่าอีกคนเห็นคราบต่าง ๆ
“ปล่อยผมแล้วพี่ก็ออกไปได้แล้ว”
อัคคีดึงสีหน้าพูดเสียงเรียบ แต่เพลิงไม่ยอมปล่อยให้เป็นแบบนี้
“ไปโรงพยาบาลดีกว่า”
“ไม่ครับ”
“งั้นไปโรงพัก”
“ไม่!!”
อัคคีขึ้นเสียงใส่จนเพลิงตกใจ
“ทำไม กลัวอะไร โดนข่มขืนมาใช่ไหม ทำไมไม่บอกพี่ แล้วมันเป็นใคร!”
เพลิงตวาดกลับจนอัคคีตัวแข็ง พอเห็นว่าอีกคนสั่นกลัวในน้ำเสียง เขาได้สติจึงลดท่าทีลงแล้วนั่งบนเตียงพูดกับอัคคีด้วยความใจเย็น
เด็กหนุ่มพอได้โอกาสจึงเล่าออกมาทั้งหมด มันแปลกมากหากเป็นคนทั่วไปอัคคีไม่ปริปากเรื่องของตัวเองแม้แต่น้อยเพราะอาจถูกนำข้อมูลนั้นมาทำร้ายตน แต่กับเพลิงเขาพูดระบายออกมาได้อย่างสบายใจจนหมดเปลือก
“มะ หมายความว่ายังไง ถ่ายหนังโป๊หรอ?”
“ครับ”
อัคคีหน้าเจื่อนตอบเสียงอ่อย แต่แทนที่เพลิงจะรังเกียจแววตาเขาสั่นระริกพร้อมดึงตัวของอัคคีเข้าไปสวมกอด
อ้อมกอดของเพลิงเหมือนไฟที่ละลายตัวตนของอัคคี มันเป็นอ้อมกอดที่ไม่เคยได้สัมผัส เขาตัวโยนอยู่ในอกของหนุ่มใหญ่ น้ำตามาจากไหนไม่รู้ไหนพรากมาเป็นสาย
“ไม่เป็นไร ร้องออกมาให้หมดนะ”
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราว ความรู้สึกเดียวที่เพลิงมีคือชื่นชม เขาไม่ได้ตัดสินว่าที่เด็กหนุ่มในอกทำไปนั้นถูกหรือผิด แต่ชื่นชมจากใจจริงเพราะอายุเพียง 20 ปีต้องมาเจอกับเรื่องหนักหนาขนาดนี้
วันนั้นทั้งวันสองคนใช้เวลาด้วยกันเหมือนเดิม แต่เป็นเวอร์ชั่นที่สบายใจขึ้นมาหน่อยเพราะต่างฝ่ายต่างเปิดใจพูดคุยกันไม่ใช่ฐานะเพื่อนบ้านแต่เป็นฐานะคนรู้จัก
“นี่เบอร์โทรพี่ ถ้ามีเรื่องอะไรโทรมาได้ตลอดเลยนะ 24 ชั่วโมง”
“ขอบคุณครับพี่เพลิง สำหรับทุกอย่าง”
“อืม แน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้”
“ครับ พี่กลับบ้านเหอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำงานสาย”
หลังจากแยกย้ายกันในช่วงมืด อัคคีรู้ตัวแล้วว่าตนนั้นมีความรู้สึกดีดีให้กับเพลิง แต่มันจะเร็วไปหากสารภาพไปตอนนี้ แถมคนที่มีงานแบบเขาหากบอกไปยังไงก็ผิดหวังเลยเก็บความรู้สึกไว้กับตัวเองดีที่สุด
ครืด ครืด
“ครับพี่โจ”
“ตอนนี้พี่กำลังไปหา รีบเก็บของเลย”
“ครับ?”
“ไม่มีเวลาอธิบาย”
อัคคีงุนงงกับประโยคนั้น แต่เขาเลือกทำตามเก็บข้าวของเครื่องใช้จำเป็นที่หอบติดตัวมาจากหอยัดลงกระเป๋าแล้วแบกสังขารตัวเองไปรอที่หน้าบ้าน
ไม่นานนักก็มีรถตู้สีขาวมาจอด พอเปิดประตูออกเป็นพี่โจที่รีบวิ่งเข้ามาพยุงตัวอัคคีขึ้นรถไป
“อะไรกันครับพี่”
“ไง ไม่คิดจะลากันหน่อยหรอ”
ยังไม่ทันได้รู้คำตอบจากพี่โจ ก็มีเสียงคนทักจากเบาะหลัง เมื่อเอี้ยวตัวไปมองก็แทบช็อค เพราะคนที่เห็นคือกิต อดีตเพื่อนร่วมวงเสียว
“กิต!! มาได้ไง พี่โจ ทำไมถึง…”
“สวัสดีครับ น้องอัคคี”
ยังไม่ทันหายงง อีกคนจากเบาะหลังก็ทักทายพร้อมแสดงตัว ไม่ผิดแน่เขาคือคุณ กริช ที่พี่โจเคยพาไปแนะนำ
“พี่โจครับ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
อัคคีหันไปเร่งถามหาคำตอบ พี่โจบอกให้ตั้งสติแล้วเริ่มอธิบาย กลายเป็นว่าโลกของเขานั้นกลมเสียนี่กะไร
ไอ้กร กิต คุณกริช ทั้งหมดคือพี่น้องต่างมารดา คุณกริชกับไอ้กิตเป็นลูกชายนอกสมรสของนักการเมืองบ้านใหญ่โดยข้อมูลนี้เป็นความลับ ส่วนคนทั่วไปจะรู้จักกับไอ้กรเพราะมันเป็นลูกคนรองจากภรรยาหลวง
“พี่ต้องขอโทษแทนไอ้กรมันด้วยนะที่ทำเรื่องแบบนั้นกับน้อง”
กริชเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ กิตเองก็อารมณ์ขึ้นเมื่อพูดถึงสิ่งที่กรทำ
“กูอุตส่ารอให้มึงยอม แต่ดันไปพลาดท่าให้มันเสียได้”
“นี่ดีนะที่แฟนกริชเขาเตือน ไม่งั้นพวกเราไม่รู้เลย”
พี่โจอธิบายให้ฟังต่อทำให้รู้ว่าไอ้กรมันแอบเข้าไปที่แล็บทดลองยาแล้วขโมยสารกระตุ้นการเพิ่มจำนวนของอสุจิ แถมยังแอบใช้สปาของแฟนคุณกริชทำเรื่องผิดกฏอีก
“แล้วพี่จะพาผมไปไหนครับ”
“ตอนนี้ไอ้กรมันโมโหหนักมาก กูกับพี่กริชกลัวว่ามันจะดึงมึงเข้าไปเกี่ยวเลยจะพาหนี”
กิตเป้นฝ่ายตอบแทน พี่โจพยักหน้ารับรองให้ คุณกริชเห็นว่ายังงง ๆ อยู่เลยยื่นมือถือมาให้เป็นข่าวออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นลูกชายนักการเมืองกับซาวน่าเกย์
เมื่ออ่านเนื้อหาจึงรู้ว่ามันเป็นซาวน่าและสปาที่เดียวกับที่ครูชาญไปมา
“ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง มีเรื่องหลุดไปพ่อพี่เลยโกรธมันมาก”
นี่คงเป็นสาเหตุที่ไอ้กรมันบ้าคลั่ง แต่จะว่าไปก็สงสารมันหน่อย ๆ ที่มันกลายเป็นคนแบบนี้อิทธิพลส่วนหนึ่งคงมาจากพ่อของมัน
อัคคีมุ่งหน้าไปยังสนามบินส่วนตัวของครอบครัวคุณกริช พอไปถึงเขาก็เดินทางต่อไปกับกิตเพียงสองคน
สถานที่ที่ไปก็คือเกาหลีใต้ อัคคีได้เข้ารับการรักษาและผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้า ตลอดเวลาที่อยู่นั่นมีเพียงกิตเป็นเพื่อน
หลังจากผ่าตัดก็พักฟื้นเป็นเวลาหลายเดือน เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้นคุณกริชก็ส่งข้อความมาบอก ทั้งสองเลยเดินทางกลับ
หลังจากมาถึงอะไรหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไป คุณกริชเข้าเป็นคนจัดการกิจการทั้งหมดโดยมีพี่โจเป็นผู้ช่วยและพี่โจยังรวบตำแหน่งหัวหน้าผู้จัดการ
แม้ว่าเป็นองค์กรสีเทาสีดำแต่เมื่อจัดระเบียบใหม่ก็สามารถปกป้องและช่วยเหลือบุคลากรรวมไปถึงนักแสดงได้เป็นอย่างดี เพื่อเลี่ยงเหตุการณ์แบบที่อัคคีเคยเจอ พี่โจเลยออกกฏเหล็กสำหรับผู้จัดการ หากใครทำไม่ได้หรือละเมิดจะถูกตัดสิทธิ์และแบนจากวงการทันทีเพราะเส้นสายของคุณกริชนั้นก็ไม่ธรรมดา
“แล้วมึงจะเอาไงต่อวะ”
กิต เพื่อนเพียงคนเดียวของอัคคีในตอนนี้กำลังมีแผนจะเที่ยวรอบโลก
“ก็คงไม่ไง มึงเหอะ เดินทางปลอดภัย แล้วก็อย่ามัวแต่เงี่ยนจนไม่ลืมหูลืมตา กฏหมายต่างประเทศเขาไม่เหมือนบ้านเรา”
“แหมมึงนี่ รู้ใจกูจัง มาเป็นเมียกูไหม รับรองสบายไปทั้งชาติ”
“ไอ้ห่า”
สองหนุ่มร่ำลากันก่อนจะแยกย้าย อัคคีตัดสินใจกลับมาเช่าบ้านหลังเดิม และหวังว่าเพื่อนบ้านคนเดิมจะยังอยู่
แต่เป็นที่น่าเสียดายเมื่อเจ้าของตอบกลับมาว่าบ้านหลังที่เคยอยู่นั้นมีคนเช่าแล้ว อัคคีจึงได้แต่หงอย ยืนมองประตูรั้วอยู่ห่าง ๆ
“มาหาใครครับ”
เสียงทักดังมาจากด้านหลัง แต่เป็นเสียงที่คุ้นหูเพียงแค่ได้ยินหัวใจของอัคคีก็พองโตขึ้นอย่างน่าประหลาด
“พี่เพลิง”
เขาหันหลังกลับไปมองชายด้านหลังด้วยความดีใจ แต่ทว่าอีกคนกลับมีสีหน้าที่แปลกใจ
“รู้จักผมได้ไง แล้วนี่คุณมายืนทำอะไรหน้าบ้านผม”
ที่แท้พี่เพลิงเป็นคนเช่าเองหรอ
“ผมเองพี่ จำไม่ได้หรอ?”
หนุ่มใหญ่จ้องหน้าอัคคีเขม็งพร้อมกับสำรวจจุดอื่น ๆ จากนั้นก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยไม่มั่นใจว่าตยคิดถูกไหม
“อัคคีหรอ?”
“ครับพี่ ผมเอง อ๊ะ”
ยังไม่ทันพูดจบดีก็ถูกอีกฝ่ายรวบตัวดึงเข้ากอดรัดแน่น
“หายไปไหนมาตั้งนาน พี่เป็นห่วงแทบแย่”
“ขอโทษครับ แต่ว่า แน่น ปล่อยผมก่อน”
“โทษที”
อัคคีแปลกใจเล็กน้อยที่เพลิงคิดถึงจนขนาดสวมกอด มันผิดวิสัยคนทั่วไปมาก
เพลิงชวนอัคคีเข้าบ้าน ทั้งสองพูดคุยเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“ทำไมถึงไปไม่ลาพี่เลย”
“มันฉุกละหุกอะครับ ผมเองตั้งตัวไม่ทัน ได้สติก็ตอนนอนบนเขียงให้หมอผ่าตัด”
“จะว่าไปก็หล่อขึ้นเป็นกองเลยนะ”
“พี่ก็เวอร์ ฮ่า ๆ”
“แล้วยังไงต่อตอนนี้”
“ก่อนอื่นก็…หาที่พักครับ เพราะว่าบ้านหลังนี้พี่ชิงเช่าไปแล้ว”
“หาทำไมล่ะ ก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ”
“จะดีหรอพี่”
“ดีสิ ทำไมล่ะ”
“แต่ว่า…พี่ไม่รังเกียจผมหรอ ผมเป็นนักแสดงหนังโป๊นะ”
“ถ้ารังเกียจพี่จะชวนเข้าบ้านไหม?”
อืมก็จริง
“พี่โอเคจริง ๆ หรอที่ให้ผมมาอยู่ด้วย”
“บอกตามตรง พี่ดีใจมากนะตอนที่เราอยู่ด้วยกัน อัคคีทำให้พี่คลายเหงาได้เยอะเลย”
“โห ที่แท้ก็เป็นแค่คนแก้เหงา”
“อยากเป็นมากกว่านั้นไหมล่ะ”
อัคคีอึ้งไม่คิดว่าเล่นมุกไปแล้วจะได้คำตอบกลับมาเป็นแบบนี้
แต่ด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตทำให้รู้ว่าถ้าทำอะไรแล้วมีความสุขก็ทำไป เพราะอะไร ๆ ก็ไม่แน่นอน บางทีแค่นอน ๆ อยู่อาจจะถูกจับขึ้นเครื่องไปศัลยกรรมก็เคยมาแล้ว
“ถ้าพี่เสนอ ผมก็สนอง”
ว่าจบอัคคียื่นหน้าเข้าไปใกล้จนแทบจะชิดกับเพลิงจากนั้นโน้มหน้าเข้าไปประกบริมฝีปาก แม้เพลิงจะอายุมากกว่าแต่กลับกลายเป็นหุ่นให้อัคคีควบคุม
“อ่า พี่จูบไม่เป็นหรอครับ”
อัคคีถอนริมฝีปากแล้วเอ่ยแซวหนุ่มใหญ่ เพลิงได้แต่หน้าแดงเขินอาย เขาอายุมากก็จริงแต่ประสบการณ์เรื่องเพศนั้นเรียกได้ว่าน้อยนิดมาก ๆ
สองคนตัดสินใจคบหาและอยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจและความห่วงใย อัคคีทำงานเก็บเงินจนสามารถซื้อคอนโดให้นีโอได้อย่างที่หวัง แต่ยังไม่ทันจะได้ไปหานีโอ กลับต้องมาเจอผ่านสถานการณ์ฉุกเฉิน
เมื่อนีโอเข้ามาพัวพันกับธุรกิจสีเทาแถมยังไปอยู่ที่บ้านไอ้กรหลังที่เขาเคยถูกกระทำ โชคดีที่คุณกริชเตือนก่อนจึงไปช่วยน้องชายออกมาได้ทัน
" q& f- D4 h! |6 R! N) Zณ ชายหาด
"พี่ไฟครับ…"
"ว่าไง"
"ผมชอบพี่…ไม่สิ ผมรักพี่ เป็นแฟนกับผมนะครับ แล้วหลังจากนี้ ผมจะเป็นคนดูแลพี่เอง"
นีโอตัดสินใจสารภาพความในใจออกมา พร้อมสัญญากับตัวเองว่าหลังจากนี้จะไม่ร้องไห้อีกแล้ว และจะเข้มแข็งเพื่อดูแลพี่ไฟนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
"นีโอ…พี่มีแฟนแล้ว"
$ u$ V' t* o. h }: O! L) k! H5 p: }__________
ตัดจบได้แบบละครไทยมาก ฮ่า ๆ
ก็จบไปแล้วนะครับกับเรื่อง The Missing Lover พาร์ท 2
ในเรื่องนี้มีตอนพิเศษ 3 ตอนครับแต่ว่าไม่ได้เอามาลงให้อ่านนะ
1 นักกีฬาโรงเรียน x ครูชาญ (หมู่ / เอ้าดอร์)
2 อัคคี x ครูชาญ (ลักหลับ / ข่มขืน)
3 อัคคีกับเส้นทางนักแสดง (2ดุ้นในรูเดียว)
ถ้าใครสนใจก็ไปอุดหนุนผมได้เลยที่เว็บขายนิยาย Meb Market / Pinto Ebook
ปล.แก้ไขนะครับ
) j6 B7 s& V# I) U/ i