นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งที่ใช้จินตนาการของผมและแรงบันดาลใจจากนิยยายหลายๆเรื่องที่ผมอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะครับ โปรดใช้วิจารณยานในการเสพสื่อนะค้าบ “เฮ้ย เมิงแน่ใจนะว่าเป็นบ้านหลังนี้อ่ะ” เสียงวัยรุ่นชายหุ่นล่ำไม่สูงมาก หน้าเข้มๆมีหนวดนิดๆ เสื้อขาวถามเพื่อนในกลุ่ม ทั้งหมดมากัน 3 คนยืนอยู่หน้าบ้านหลังเดี่ยวสุดซอยที่ถูกล้อมไปด้วยรั้วขนาดสูง “ใช่ดิไอต๊อก กูไปเช็คมาละบ้านนี้แหละ ไม่ผิดแน่ เชื่อกูไอ้ต๊อก ไอ้หยก” เสียงของวัยรุ่นอีกคน ใส่เสื้อยืดสีเขียว ที่ดูตัวเล็กกว่า หน้าไทยตอบ “บ้านที่เขาบอกว่าบ้านของคนรวยที่ว่าเหลือคนอยู่ในบ้านแค่ 2 คนคือลูกชายเจ้าของบ้านกับคนรับใช้อ่ะนะ” “หยก” วัยรุ่นหน้าหล่อ ผมทองหุ่นบึกๆ ผิวขาวหน้าตากวนๆ มองไปยังภายในบ้าน “เออ เขาบอกว่าลูกชายกับคนใช้อ่ะไม่ค่อยมาบ้านหลังนี้ นานๆจะเข้ามาที่บ้านหลังนี้สักที เห็นว่าข้างในมีเครื่องเพชร มีของมีราคาเก็บอยู่เยอะมากเลยนะ ถ้าเราเอาไปขายนี่เราเอามาเลี้ยงสาวได้สบายๆเลยนะเว้ย” ม่อนกล่าว “ที่กูได้ยินมาเห็นว่ามีโจรเคยแบเข้าไปแล้ว ถ้าไม่เป็นบ้าก็หายสาปสูญไปเลยนะ” ต๊อกพูดขึ้น “ไอ้ต๊อก เมิงกลัวเหรอวะ” หยกถามเชิงสบประมาท “ใครกลัววะ กูก็อยากรู้นักว่ามันจะขนาดไหนกันเชียว” ต๊อกพูดก่อนจะปีนข้ามกำแพงขึ้นไปคนแรก ทั้งสามได้ปีนเข้ามาในบ้านจนสำเร็จ “บ้านหลังใหญ่ฉิบหาย แสดงว่าต้องมีของมีค่าอยู่เยอะแน่ๆ” ต๊อกพูดก่อนจะเดินนำเพื่อนทั้งสองเข้าไปเดินลัดเลาะรอบบ้านเพื่อสำรวจทางหนีทีไล่ “เมิงแน่ใจนะไอ้ม่อน ว่าช่วงนี้ลูกเจ้าของบ้านกับพ่อบ้านไม่อยู่ในบ้านอ่ะ” หยกถาม “เออกูมั่นใจเห็นว่า พวกนั้นจะมาที่นี่ในวันพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น วันนี้พระจันทร์ยังไม่เต็มดวง ไม่มีทา่งมาหรอก อีกอย่างตอนเราเดินสำรวจและมาดูลาดเลาหลายวันยังไม่เห็นรถสักคัน” ม่อนบอก “เฮ้ยพวกเมิง กูเจอทางเข้าละ” ต๊อกพูดก่อนะจะชี้ให้ดูว่ามีหน้าต่างบานหนึ่งที่บานพับเสียทำให้ปิดไม่สนิท ทั้งสามค่อยๆงัดหน้าต่างนั้นออกอย่างเบามือเพราะกลัวบ้านข้างๆได้ยิน “ในบ้านแม่งโคตรสะอาดเลยว่ะ เหมือนยังมีคนอยู่เลย” หยกพูดหลังจากค่อยๆเดินสำรวจไปรอบบริเวณบ้าน “อย่าไปสนใจเลย สนใจแค่ว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว เมิงไปข้างบนกับม่อนเดี๋ยวกูเดินหาของมีค่าชั้นล่างเอง” ต๊อกพูด หยกกับม่อนพยักหน้าก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสอง “บ้านโคตรใหญ่เลย ของมีค่าเพียบแน่นอนเลยเมิง ถ้าเจอของมีค่ากูจะเอาไปขายและจะได้ซ้อของขวัญให้น้องฝ้ายในวันวาเลนไทน์ปีนี้” หยกพูดกับม่อน “เฮ้ยใครวะ” ม่อนตะโกนลั่นเมื่อจู่ๆ ม่อนกลับเห็นเงาใครบางคนเดินผ่านไปยังมุมหนึ่งของบ้าน “เป็นอะไรวะไอ้ม่อน” หยกทักถามด้วยความตกใจที่จู่เพื่อนอุทานขึ้นมาเสียงดัง “กะ กะ กูเห็นเงาใครไม่รู้เดินผ่านไปทางห้องนั้นอ่ะ” ม่อนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “คิดมากว่ะเมิง เดินในบ้านหลังใหญ่กับไฟฉาย มันก็อาจจะตาฝาดกันได้น่า” หยกพูด ก่อนที่จะบิดลูกบิดห้องๆหนึ่งออก ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอน “ห้องนอนโคตรใหญ่ เตียงก็ใหญ่น่านอนฉิบหายเลย” หยกเห็นถึงกับวิ่งกระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างมีความสุข “ไอ้หยกเรามาขโมยของนะเว้ย เมิงจะขึ้นไปนอนบนนั้นทำไมวะ เดี๋ยวเจ้าของกลับมาก็รู้หมดหรอกว่ามีคนแอบเข้ามาน่ะ” ม่อนพูดก่อนดึงหยกขึ้นมา “โทษๆกูลืมไป” หยกรีบลุกขึ้นมาจัดที่นอนให้เหมือนเดิมที่สุดก่อนจะเดินสำรวจต่อไป ขณะเดียวกันทางต๊อกที่กำลังสำรวจชั้นล่างอยู๋ กลับเจอห้องสมุดห้องหนึ่งโดยบังเอิญ ต๊อกเดินสำรวจไปรอบๆเพื่อค้นหาของมีค่า “บ้านบ้าอะไรวะ หนังสือเยอะฉิบหายเลย ถ้ามีห้องลับใต้ดินนี่คงไม่แปลกใจเลย” ต๊อกเดินบ่นขณะส่องหาของมีค่าไปเรื่อยๆ จนเขามาหยุดที่โต๊ะทำงานขนาดใหญ่จากหินอ่อน ต๊อกค่อยๆดึงลิ้นชักออกเพื่อส่องหาของที่น่าจะขโมยได้ เขาเจอปากกาแท่งหนึ่งสีทองดูมีมูลค่าจึงรีบหยิบขึ้นมาดู “ของดีซะด้วย ขอผมเถอะนะครับเจ้าของบ้าน” ว่าแล้วต๊อกก็เก็บมันใส่กระเป๋าที่เขาเตรียมมา โดยไม่สังเกตุเลยว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจับจ้องมองเขาอยู่ในมุมมืด “เฮ้ยไอ้ม่อน เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำแปบนะ เมิงเดินหาของไปก่อนเดี๋ยวกูตามไป” หยกทักม่อนขณะเดินหาของในห้องนอนดังกล่าว “เออๆ รีบมารีบไป” ม่อนพูดก่อนจะเดินไปตรงโต๊ะเครื่องแป้งเขาสำรวจไปตามลิ้นชัก ม่อนเดินสำรวจไปยังหัวเตียง ม่อนสะดุดกับโต๊ะจนบังเอิญไปทำให้ประตูด้านหลังหัวเตียงเปิดออก ม่อนมองเข้าไปด้านในพบทางเดินพอดีคน ม่อนไม่รอช้ารีบเดินตรงเข้าไปสำรวจ ตัดภาพมาที่หยกที่กำลังปลดทุกข์อยู่ในห้องน้ำซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนนั้นอย่างสบายอารมณ์ หยกสังเกตุบรรยากาศโดยรอบเห็นข้าวของเครื่องใช้มีราคามากมาย “แม่เจ้าโว้ยห้องน้ำบ้านนี้ใช้ของโคตรแพงเลย มีทั้งอ่างจากุซชี่ อ่างล้างหน้าก็หินอย่างดี อยากอยู่ที่นี่จังเลย” หยกพูด เขามองซ้ายมองขวาจนเห็นว่ามีผ้าเช็ดตัวม้วนไว้อย่างสวยงามวางไว้อยู่มุมหนึ่งของอ่างล้างหน้าใกล้ๆอ่างอาบน้ำ หยกคิดบางอย่างก่อนจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกคว้าผ้าเช็ดตัวและเดินตรงไปยังฝักบัวเขาค่อยชำระร่างกายอันล่ำสันของเขาอย่างสบายใจ โดยหารู้ไม่ว่ามีบางสิ่งกำลังแอบมองเขาอยู่ “เชี่ยขุมทรัพย์” ม่อนกล่าวเพราะสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้า คือเครื่องประดับที่ดูมีราคาที่แอบซ่อนอยู่ในห้องลับหลังหัวเตียงที่ทำไว้เป็นห้องแต่งตัวของบ้านหลังนี้ โชคช่างเข้าข้างเขาเหลือเกิน ที่มาเจอห้องๆนี้ม่อนคิด เขาเดินเข้าไปมองยังเครื่องประดับตรงหน้า แสงสะท้อนเป็นประกายที่เกิดจากแสงไฟสะท้อนกับความแวววาวจากนาฬิการาคาแพง สร้อยคอ แหวน กำไล ต่างหูที่ประดับไปด้วยเพชรราคาแพงตรงหน้า ม่อนจ้องมองของมีค่าตรงหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจเพราทั้งชีวิตของเขาไม่คิดว่าจะได้มาเห็นของมาค่าใกล้ๆขนาดนี้ “ถ้าเอาไปขายกูจะได้สักกี่บาทวะเนี่ย มีแต่ของแพงๆทั้งนั้นเลย” ม่อนค่อยเดินดูของตรงหน้าอย่างมีความสุข ม่อนค่อยๆสังเกตุตู้กระจกตรงกลางห้องแต่งตัวนี้เพื่อหาทางเปิด “เฮ้ย!!!” จู่ๆม่อนถึงกับสะดุ้งโหยง ขณะที่เขาก้มๆเงยๆมองหาช่องสำหรับเปิด กลับปรากฎเงาของคนปริศนายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของตู้กระจก โจรหนุ่มลุกขึ้นยืนตั้งหลักมองไปยังฝั่งตรงข้าม “ตาฝาดเหรอวะเนี่ย อึก” ขณะที่โจรหนุ่มถอนหายใจเมื่อพบว่าไม่มีใครยืนอยู่ในฝั่งตรงข้าม เขาค่อยๆถอยหลังจนไปชนกับใครคนหนึ่ง เขารีบหันไปพบกับร่างของใครคนหนึ่งผิวขาวนวลเรืองดังแสงจันทร์ รูปร่างผอมบาง ริมฝีปากอวบอิ่ม สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวเนื้อบางแหวกอกสีเงิน “เฮ้ยเมิงเป็นใครวะ!!!” ม่อนชี้หน้าถามร่างหนุ่มปริศนาตรงหน้าด้วยอาการตกใจ ร่างปริศนานั้นไม่ตอบแต่เผยรอยยิ้มอันอ่อนหวานให้ม่อน ก่อนที่ม่อนจะได้ทำอะไรจู่ๆเขากลับได้กลิ่นหอมประหลาดมันทำให้เขาเคลิบเคลิ้มอย่างบอกไม่ถูกและยิ่งจ้องมองไปยังคนปริศนาตรงหน้า สติของเขากลับดูเลือนลางเหลือเพียงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านจนยากจะบรรยาย ทั้งที่เขาเป็นชายแท้ที่มีแฟนเป็นผู้หญิงแต่กลับร่างบุรุษปริศนาตรงหน้าเขากลับมีความกำหนัดเกิดขึ้น เขารู้สึกสับสนกับตัวเองเป็นอย่างมากแต่สุดท้าย อารมณ์ก็เอาชนะความสับสนของเขาลง ม่อนปล่อยตัวไปกับความรู้สึกปัจจุบัน ทั้งสองดูดปากแลกลิ้นนัวเนียกันอย่างดูดดื่ม อีกมุมในห้องน้ำขณะที่หยกกำลังเพลิดเพลินกับการแช่อ่างราคาแพงอย่างสบายใจอยู่นั้น “ก๊อกๆๆๆ ไอ้หยก อยู่ในนี้ป่ะวะ” เสียงปริศนาดังขึ้นมาจากประตูห้องน้ำ ทำเอาหยกสะดุ้งโหยง หยกดึงสติค่อยๆเงียบๆฟัง “ก๊อกๆๆๆ ไอ้หยก เมิงอยู่ในห้องน้ำป่ะ” เสียงเดิมถามมาจากอีกฝั่งของประตูห้องน้ำ หยกจำได้ว่าเป็นเสียงของม่อน “ไอ้ม่อนเหรอวะ” หยกถาม “กูเอง” เสียงม่อนตอบ “มีอะไรวะ” หยกถามขณะลุกจากอ่างอบน้ำขนาดใหญ่อย่างหัวเสีย “กูไปเจอของดีว่ะ เมิงต้องชอบแน่ๆ” เสียงม่อนตอบ “ให้มันจริงนะเมิง ถ้าไม่จริงเมิงโดนกูแพ่นกบาลแน่” หยดตอบ “เออ เมิงเห็นเมิงก็รู้เอง” ม่อนตอบ “โอเคได้ รอแปบนึงนะ” หยกตอบ ก่อนหยิบเช็ดตัวมาเช็ดน้ำตามร่างกายของเขาเอง เดินไปเซทผมสั้นๆของเขาอีกครั้ง เมื่อหยกเปิดประตูออกมาเห็นม่อนยืนนิ่งๆตาลอยๆ “ไหนวะของดีที่เมิงว่า” หยกพูด ม่อนไม่ตอบค่อยๆเดินนำหยกไปทางหัวเตียง “ไอ้เชี่ย ของดีจริงๆด้วยไอ้ม่อน” หยกมองไปยังของตรงหน้าเมื่อมาถึงห้องเก็บเครื่องประดับ หยกเดินสำรวจทรัพย์สินตรงหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ “มีแต่ของแพงๆทั้งนั้นเลยว่ะ เอาไปขายแต่งรถได้สบายเลยเชียเอ๊ย” หยกเดินจนไปหยุดเจอตู้แหวนเพชร ที่มีแหวนแพชรเรียงรายเกือบ 100 วงวางเรียงขนาดและสีอย่างเป็นระเบียบ “ขนาดเพชรยังน้ำงามขนาดนี้ แม่เจ้าโว้ยกูจะรวยแล้วๆ ถ้ากูได้อยู่บ้านนี้เป็นเจ้าของบ้านคงจะดีไม่น้อย อยากเกิดเป็นคนรวยจังเลยเว่ย” หยกวาดฝันในหัวว่าหลังจากที่ตัวเองขโมยไปขายในตลาดมืดแล้วจะเอาเงินไปทำอะไรบ้าง “ไอ้ม่อนเอากระเป๋ามาเราจะโกยแม่งไปให้หมดเลย” หยดพูดกับม่อนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ตัวเองเอื้อมมือรอกระเป๋าจากม่อน อยู่สักพักแต่กลับไม่มีปฎิกริยาตอบสนองของม่อน “เฮ้ย ไอ้ม่อนทำอะไรอยู่วะไม่ได้ยินที่กูพูดเหรอวะ” หยกชักหงุดหงิดเมื่อเพื่อนของเขาไร้การตอบสนอง เขาจึงหันกลับมาด้วยความโกรธ “เฮ้ย เมิงเป็นใครวะ” หยกหันมากำลังจะด่าม่อนแต่คนตรงหน้าของเขากลับเป็นบุคคลปริศนาที่เขาไม่รู้จักยืนมองหยกด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนหวาน “กูถามว่าเมิงเป็นใคร แล้วเพื่อนกูไปไหน” หยกถามพร้อมกับคว้ามีดในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขึ้นมาขู่ แต่สายตาของฝั่งตรงข้ามที่ยืนมองกลับสงบนิ่งไม่มีท่าทางหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย กลับกันร่างปริศนาที่ยืนแทนที่ม่อน “เพื่อนของนาย หมายถึงคนที่นอนอยู่ตรงนั้นน่ะเหรอ” ชายร่างบางถามก่อนจะหันไปอีกทาง เมื่อหยกมองตามกลับเห็นร่างของเพื่อนตัวเองนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ฝั่งตรงข้ามของตู้โชว์ “ไอ้ม่อนๆ เชี่ยไอ้ม่อนไม่หายใจ เมิงทำอะไรเพื่อนกู” หยกรีบวิ่งไปดูร่างของเพื่อนที่นอนตาเหลือก หน้าซีดเผือกอ้าปากค้างเหมือนคนตกใจอะไรบางอย่าง หยกมองกลับไปยังร่างปริศนาพร้อมกับแค่นถามด้วยความโกรธ แต่ร่างนั้นกลับยังยืนยิ้มสบายอารมณ์ก่อนจะเดินเข้ามาหาหยก “เมิงฆ่าเพื่อนกู กูจะฆ่าเมิง” หยกพูดด้วยความโกรธ เขาพุ่งตัวเอามีดในมือเสียบไปที่ร่างปริศนาตรงหน้า ร่างนั้นกระอักเลือดออกมาก่อนจะทรุดลงไปนอนกับพื้น เลือดสีแดงฉานไหลเจิ่งบนพื้นหินอ่อนสีขาว หยกมองร่างนั้นด้วยความสะใจ เขาหันหลังเปิดตู้เพื่อขนของมีค่าออกมา โดยไม่ทันสังเกตุว่าร่างที่เพิ่งลงไปนอนนั้นกลับลุกขึ้นมาอีกครั้ง “นายดูชอบเครื่องประดับของฉันมากเลยนะ” มีเสียงกระซิบอันเย็นวาปอยู่ข้างหูของหยกที่ก้มหน้าก้มตาโกยของมีค่าอยู่ หยกถึงกับสะดุ้งโหยงหันไปมองเห็นร่างปริศนาร่างเดิมยืนอยู่ข้างหลังเหมือนเดิมแต่ที่น่าแปลกคือไม่มีบาดแผลที่เกิดจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เลย หยกยืนอึ้งด้วยความตกใจและสับสนทำอะไรไม่ถูกกับเหตุการณ์ตรงหน้า “เมื่อกี้นายพูดว่าอยากอยู่ที่นี่สินะ ฉันถูกใจนายอยู่พอดี ดี งั้นนับจากนี้นายก็มาเป็นบริวารของฉันตลอดไปเลยนะ” ร่างปริศนาพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอันชั่วร้าย “ม มะ ไม่ กูไม่เป็นเหี้ยอะไรทั้งนั้น เมื่อกี้เมิงโดนกูแทงไปแล้ว เมิงเป็นตัวอะไรกันแน่ เมิงไม่ใช่คน เมิงอุบ!!!!!” หยกพูดด้วยเสียงละล่ำละลักด้วยความกลัวแต่ยังไม่ทันพูดจบ ร่างนั้นกลับพุ่งเข้าหาเขาด้วยความรวดเร็วพร้อมกับประกบปากโจรหนุ่ม ทำให้โจรหนุ่มทำได้แต่เสียงอู้อี้ในลำคือ “อื้อ อื้ออ อื้อออออ” หยกพยายามขัดขืนแต่กลับไม่เป็นผล เขารู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายของเขาแรงนั้นน้อยลงไปทุกที ทั้งที่รางกายของหยกนั้นกำยำล่ำสันแต่เขากลับสู้แรงร่างตรงหน้าไม่ได้ อีกทั้งสติของเขากลับเหม่อลอยเรื่อยๆ ก่อนที่สติของเขาจะดับลงร่างปริศนากลับปล่อยเขาลงไปนั้งหอบกับพื้น ร่างปริศนานั้นค่อยๆเดินเข้ามาหาหยกอย่างช้าๆ ร่างนั้นจ้องมองหยกอย่างพอใจ เขาค่อยๆเอื้อมมือไปลูบไล้ตามใบหน้า หยกพยายามขัดขืนแต่เขากลับไม่มีแรงจะขัดขืน “เอาตัวหมอนี่ไปที่ห้องลับก่อน เดี๋ยวฉันขอจัดการกับคนสุดท้ายก่อน” ร่างปริศนาพูดกับบางอย่างในเงามืด ไม่นานกับมีร่างกายอันใหญ่โตผิดมนุษย์ได้ก้าวออกมาจากเงามืด ร่างกายของมันเต็มไปด้วยรอยเย็บทั้งตัวแทบไม่ต่างจากผีดิบเดินได้ มันเดินตรงมาที่โจรหนุ่มก่อนจะช้อนร่างที่กำลังหมดแรงอยู่ตรงหน้า หยกพยายามขัดขืนแต่ด้วยแรงเขาในตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย “ช่วย ช่วยด้วยแฮ่กๆ ใครก็ได้ ช่วยด้วย ไอ้ต๊อกช่วยกูด้วย” หยกพยามส่งเสียงแต่ออกมาได้เพียงเล็กน้อย “เพื่อนนายอีกคนชื่อต๊อกเหรอ ดีเลยแผล่บๆ” ร่างปริศนาเลีบปากแผลบ หันหลังเดินออกจากห้องแต่งตัว “ปล่อยๆ ปล่อยกูนะ” หยกพยายามเค้นเสียงและดิ้นรนเท่าที่กำลังจะมีอยู่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย “ดิ้นรนไปก็เปล่าประโยชน์ อีกไม่นานนายก็จะได้อยู่ที่นี่ตลอดไปสมใจแล้วนะ” ร่างปริศนามองโจรผู้โชคร้าย “ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลเพื่อนนายอีกคนเป็นอย่างดีเลยล่ะ” ร่างนั้นตอบก่อนแสยะยิ้ม “เหมือนเพื่อนนายที่นอนอยู่ตรงนั้นไงล่ะ หึหึ” พูดจบร่างนั้นก็เดินหายไปในความมืด ตัดมาที่ชั้นใต้ดินของบ้านหลังใหญ่ “ต๊อก” ค่อยๆเดินสำรวจไปตามส่วนต่างๆของบ้าน ที่มีทั้งแจกันราคาแพงวางประดับไว้อยู่มากมาย แต่ตัวเขากลับไม่ได้ใส่ใจมากนัก “ของมีค่าเยอะชิบหายเลย แต่เสียดายที่วันนี้กูเอากระเป๋ามาไม่พอ ไม่งั้นกูจะขนแม่งให้หมดทั้งบ้านเลย” ต๊อกพูดกับตัวเอง โกรธตัวเองที่เอากระเป๋าใบเล็กมาเลยไม่สามารถขนของชิ้นใหญ่ที่ตั้งล่อตาล่อใจไม่ได้ เพราะความตั้งใจแรกเขาต้องการแค่ขโมยพวกเครื่องประดับราคาแพงไปขายเท่านั้น “ไอ้สองคนนั้นจะเป็นไงมั่งวะ หายกันขึ้นไป 2 คนตั้งนานละยังไม่ไลน์มาบอกกูเลย อย่าให้รู้นะว่าแอบแฮบของกันไปแล้วทิ้งกูไว้คนเดียว” ต๊อกบ่นกับตัวเองเบาๆ “เห้ย!!!!!” ต๊อกสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นเงาปริศนายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามทางเดินในชั้นใต้ดินตรงที่เขาเพิ่งเดินผ่านมา “ไอ้ม่อนเมิงมายืนทำอะไรเงียบๆตรงนี้คนเดียววะ” ต๊อกสบถด่าเมื่อเห็นว่าร่างตรงหน้าคือม่อนเพื่อนของเขา ต๊อกเดินไปด้วยความสบายใจเมื่อเห็นเป็นเพื่อนของตัวเอง จังหวะที่ต๊อกกำลังเดินเข้าไปหาเพื่อนเขากลับเอะใจบางอย่าง เพราะเพื่อนของเขายืนนิ่งจนผิดสังเกตุ “ไอ้ม่อนเมิงเป็นอะไรวะ ทำไมยืนนิ่งๆไม่ขยับตัว” ต๊อกรีบคว้าปืนปากกาในกระเป๋าออกมาจ่อ “ไอ้ต๊อก ชะ ช่วยกูด้วย” มีเสียงลอดออกมาจากร่างม่อนอย่างแผ่วเบา “เมิงเป็นอะไรวะ ไอ้ม่อน” ต๊อกมองร่างเพื่อนตรงหน้า ด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย “ชะ ช่วย กูด้วย กู ยังไม่อยากตาย” ม่อนพูดจบ กลับเงยหน้าขึ้นพร้อมกับดวงตาอันลึกโบ๋ สีหน้าที่ซีดเซียวกว่าสีผิวปกติของเขา เพียงต๊อกเห็นหน้าม่อนเขาถึงกับผงะถอยกรูดไปชนกำแพงมุมหนึ่ง แสดงสีหน้าด้วยความหวาดกลัวกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ม่อนค่อยๆเอื้อมมือข้างหนึ่งออกมาก่อนจะค่อยๆเดินเข้ามาหาต๊อกช้าๆ ตอนนี้ต๊อกขาสั่นหวาดกลัวสภาพของเพื่อนตรงหน้า “ไอ้เชี่ย เมิงเป็นอะไรไปวะ เมิง….เมิงไม่ใช่เพื่อนกู” ต๊อกชี้หน้าม่อนที่มีรูปร่างผิดมนุษย์ตรงหน้า “หึ หึหึ หึหึ หึหึหึ ฮ่าๆๆๆๆๆ” ม่อนหยุดเดินก่อนจะแสยะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขาเอียงคอจนผิดรูป “กร็อป กร็อป” เสียงกระดูคอที่ลั่นตามการเอียงคอที่เกินความสามารถมนุษย์ เพื่อนอมนุษย์พยายามเดินมาหาเขาคล้ายผีดิบ “เชี่ยยยยยยย” ต๊อกอุทานด้วยความตกใจ เขาหันรีหันขวางหาทางหนีจนไปเจอทางหนีด้านข้าง ต๊อกไม่รอช้ารีบวิ่งอย่างเร็ว เขาไม่รู้ว่าทางที่เขากำลังไปจะพาเขาไปที่ไหนแต่ที่แน่ๆตอนนี้เขาเพียงต้องการออกจากบ้านสยองขวัญนี่ให้ได้เท่านั้น เขาวิ่งมาจนสุดทางเขาเห็นประตูบานใหญ่บานหนึ่งตรงหน้า ต๊อกไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปด้านใน เห็นว่าทางด้านหลังนั้นไม่มีอะไรตามมาแล้ว ต๊อกนั่งหอบบานประตูด้วยความเหนื่อยหอบ ห้องที่เขาเข้ามาเป็นห้องขนาดเล็กแต่ลึกเพราะแม้เขาพยายามจะเพ่งสายตามองเท่าไหร่ก็มองไม่ออก “นี่มันบ้านเชี่ยอะไรวะเนี่ย แล้วไอ้สองคนนั้นตอนนี้เป็นยังไงมั่งวะ” ต๊อกบ่นกับตัวเอง ภายในนั้นมีแต่เสียงหายใจของเขาเท่านั้นที่ดังก้องอยู่ “คะ ใครก็ได้ ช่วยยยยยยย ด้วยยยยยยย” เขาได้ยิงเสียงใครสักคนเรียกเขาดังมาจากด้านในห้องที่เขานั่งหอบอยู่ “ใครวะ” ต๊อกสะดุ้งสุดตัว รีบควักมีดในกระเป๋าของเขาออกมาจับอย่างถนัดมือ “ใครอยู่ตรงนั้น ชะ ช่วยยยยผมด้วยยยยคับ” เสียงแหบพร่าดังขึ้นอีกครั้ง ต๊อกพยายามฟังเขารู้สึกว่าเสียงนั้นคุ้นหูเหลือเกิน “ไอ้หยก นั่นเมิงเหรอวะ” ต๊อกกัดฟันตะโกนถาม “อะ ไอ้ต๊อก เหรอวะ ช่วยกูที กูหยกเอง” เสียงปริศนานั้นดังมาจากสุดทางเดินด้านใน ต๊อกสองจิตสองใจเพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งเจอเพื่อนวิปลาสไปแล้วคนนึง เขาไม่แน่ใจว่าตรงหน้าเขาเสียงนั้นคือเพื่อนเขาจริงๆหรอไม่ “ตอนนี้ไอ้ม่อนอยู่ไหนวะ” ต๊อกถาม “ไอ้ม่อน มะ มัน ตายแล้ว ต๊อกมาช่วยกูหน่อย กูถูกมัดอยู่” เสียงฝั่งนั้นตอบ “เอาวะ” ต๊อกตัดสินใจเดินไปหาอย่างระมัดระวัง เขาเองก็ยังหวาดๆแต่หากตรงหน้าคือเพื่อนเขาจริงก็ถือว่าเขายังมีโชคอยู่บ้าง “ไอ้หยก!!!!” ต๊อกตะโกนเรียกชื่อเพื่อนของเขาที่ถูกมัดกางแขนกางขากับพื้นในสภาพอิดโรยและเปลือยเปล่า ต๊อกรีบวิ่งเข้าไปพยายามแก้มัดให้เพื่อน “ทำไมเมิงถึงมาอยู่ในสภาพนี้วะ” ต๊อกถามเพื่อน “บะ บ้านนี้คือบ้านผีสิง กูโดนผีดิบจับตัวมา ตะตอนนี้กูแทบไม่มีแรงเลย” หยกพยายามเล่าให้เพื่อนฟังเท่าที่ทำได้ หยกถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจแต่หลังจากที่เขาได้เจอเรื่องประหลาดมาเมื่อครู่ทำให้เขาเข้าใจเพื่อนตรงหน้าได้ดี “เชือกแม่งแก้ยากชิบ” ต๊อกบ่นขณะที่พยายามแก้มัดให้เพื่อน เขาจึงใช้มีดพกของเขา “ขะ ต๊อก ระวัง” ขณะที่ต๊อกสาละวนกับการใช้มีดตัดเชือกอยู่ “ผัวะ!!!” ทันทีที่หยกพูดจบ ก็มีของแข็งบางอย่างฟาดเข้ามายังหัวของต๊อกเต็มแรง จนเขาลงไปนอนหมดสติกับพื้น ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือเพื่อนของเขาที่พยายามตะโกนเรียกก่อนที่เขาจะหมดสติลง นานแค่ไหนไม่รู้ต๊อกค่อยๆตื่นขขึ้นมาด้วยอาการมึนงง เขาพยายามขยับตัวแต่กับรู้สึกว่าตัวเองถูกจับมัดอยู่ เมื่อยสายตาของเขาค่อยๆปรับตัวได้ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้เขาถูกมัดแขนทั้งสองข้างชูขึ้น ส่วนขาถูกล่ามด้วยโซ่ในท่าคุกเข่า โดยเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว “กูมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ” ต๊อกมองไปรอบๆเห็นบรรยากาศที่ชวนขนลุก ห้องใต้ดินทรงยุโรปสีน้ำตาล ที่มีลานกว้างเป็นพื้นวงกลมอยู่ตรงกลาง โดยมีเพื่อนของเขาถูกมัดกางแขนกางขาอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า รอบๆมีเสาอยู่ 6 ต้น เขาถูกพันธนาการอยู่ระหว่างเสาทั้งคู่หนึ่ง “ตื่นแล้วเหรอจ้ะสุดหล่อคนที่ 2 ดีจังนึกว่านายจะตายไปซะแล้ว” เสียงๆหนึ่งดังมาจากทางเสาฝั่งตรงข้ามของเขา พร้อมกับการปรากฏตัวของร่างชายปริศนาผิวขาวบอบบาง ในชุดแพรยาวแหวกอกสีเงิน “เมิงเป็นใคร ต้องการอะไรจากพวกกูกันแน่” ต๊อกเค้นเสียงด้วยความไม่เกรงกลัว พยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการนั้น “ดิ้นไปก็เปล่าประโยชน์น่าพ่อหนุ่ม” ร่างนั้นค่อยเดินมาหาต๊อกผ่านร่างหยกที่ตอนนี้นอนตัวสั่นอยู่กับพื้น ก่อนจะเอาฝ่ามืออันเรียวสวยลูบไปที่หน้าของต๊อกอย่างแผ่วเบา ต๊อกพยายามสะบัดหนีแต่ก็ทำได้แค่นั้นเพราะร่างกายเขาขยับไปไหนไม่ได้เลย “เพราะเดี๋ยวนายจะได้ดูโชว์สนุกๆก่อนที่นายจะได้มาเป็นหนึ่งเดียวกับฉันตลอดกาล” ร่างบอบบางกล่าว “จะทำอะไรพวกฉัน ยะ อย่านะเว่ย ปล่อย ปล่อยกู” ต๊อกพยายามดิ้นด้วยแรงที่มีทั้งหมดจนหมดแรง “อย่าเพิ่งใจร้อน นายคือโชว์สุดท้ายของฉัน เพราะก่อนหน้านั้น” ร่างบอบบางพูดก่อนจะเดินกลัวไปที่หยกที่นอนตัวสั่นไปหมด “โถ โถ โถว คนดีนายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอยากมาอยู่ที่นี่กับฉันน่ะ ฉันเลยจะให้นายอยู่กับฉันไปตลอดกาลยังไงล่ะ” พูดจบร่างบอบบางนั้นก็ค่อยๆสูดดมไปตามร่างกายอันเปลือยเปล่าของหยกที่ตอนนี้หลับตานอนตัวเกร็ง “เมิงจะทำอะไรเพื่อนของกู ปล่อยนะเว่ยไอ้เหี้ย” ต๊อกสบถคำหยาบมาด่ามากมาย “เห้อ เอาผ้าปิดปากหมอนั่นทีซิ” ร่างบอบางสั่ง ปรากฏชายร่างใหญ่เดินออกมาจากทางด้านหลังต๊อกและเอาผ้ามามัดปากต๊อกไว้ “อื้อ อื้ออออ อื้อ อื้อ” ต๊อกพยายามส่งเสียงแต่กลายเป็นเสียงอู้อี้เท่านั้น ร่างบอบบางยิ้มอย่างพอใจก่อนจะหันมามองที่จานหลักของเขา ชายวัยรุ่นหุ่นกำยำตรงหน้า กับสีหน้าที่ดูหวาดกลัวนั้นช่างเร้าอารมณ์ดีเหลือเกิน ร่างบอบบางจัดการซุกไซร้สูดดมกลิ่นกายของชายวัยรุ่นตรงหน้าเนิบๆช้าๆอย่างมีความสุข “ยะ อย่า อย่าทำผม ยะยะอย่า อื้อออ” หยกพยายามขอร้องและดิ้นไปมาด้วยความหวังสิ้นหวัง “กลิ่นตัวนายนี่ดีจริงๆด้วยนะ ฟืดดดดด ฟืดดดดด อ่าหหหห์” ร่างบอบบางสูดดมร่างกายอันขาวใส กล้ามเนื้ออันล่ำสันสมวัยตรงหน้าไปเรื่อยๆ “ยะ อย่า อื้อออออ อ๊าหหหหห์” หยกเผลอครางออกมาด้วยความเสียวจากการโดนจมูกฝั่งตรงข้ามชอนไชไปตามส่วนต่างๆของร่างกายของเขา แม้ตอนนี้เขาจะกลัวอยู่ก็ตามแต่ด้วยการสร้างอารมณ์ของอีกฝั่งทำให้ตัวเขาเอง แม้จะไม่อยากเคลิ้มแต่ก็อดไม่ไหว ร่างบอบบ้างนั้นยิ้มอย่างพอใจ ตอนนี้เขาค่อยๆเผยอปากใช้ลิ้นของเขาค่อยๆลามเลียไปตามซอกคอของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา “ซี้ดดดดด อ่าหหหหห์” หยกครางออกมาเบาๆ อาการสั่นเพราะความกลัวค่อยๆเบาลง ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยกามอารมณ์แทน “โอ้วววว เบาๆครับ อู้ยยยย เสียวคร้าบบ ผมเสียวจังเลย” ร่างนั้นค่อยเลียดูดหัวนมทั้งสองข้างของหยกอย่างเอร็ดอร่อย สลับกับขบกัดเบาๆ จนร่างหยกแอ่นตัวสู้ด้วยความเสียวซ่าน ตอนนี้เคของหยกที่แต่เดิมนอนสงบนิ่งหลังร่างกายถูกกระตุ้นอารมณ์ไปเรื่อยๆ ความกำหนัดของเขาก็เริ่มถูกปลุกให้ตื่นเช่นกัน มันค่อยๆลุกขึ้นชูชันเรื่อยๆโดยที่ร่างปริศนายังไม่ได้แตะต้องเลยด้วยซ้ำ “อืมมมม จ๊วบๆแผล่บๆ แผล่บๆ ซู้ดๆ” ตอนนี้ทั้งสองฝั่งกำลังดูดปากแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน โดยมีสายตาของต๊อกเพื่อนสนิทของเขาที่มองภาพตรงหน้าด้วยความสับสนและเสียวซ่าน “จะเริ่มละนะ” ร่างนั้นชำเรืองมองเคของหยกที่ตอนนี้ผงาดสู้ขึ้นมา เขายิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะค่อยใช้ลิ้นลามเลียไล่ลงไปเรื่อยๆจากหน้าอก หน้าท้อง ท้องน้อย จนมาถึงเคของหยกที่ตอนนี้เริ่มมีน้ำเหนียวๆ เยิ้มลงมารดตรงดงหมอยของเขา เคแน่นลำอวบขนาดกำลังพอดีตอนนี้เด้งกระตุกไปมาพร้อมมีน้ำเงี่ยนไหลเยิ้มลงมาไม่ขาดสาย ร่างบางนั้นค่อยเอาลิ้นเลียไล่ขึ้นไปตั้งแต่ลำโคนจนไปถึงหัวเคสีชมพูอ่อนที่บานอย่างสวยงาม เขาใช้ลิ้นค่อยแตะไปที่ร่องหัวเคของหยกอย่างละมุน “อะ อะ อ๊าาาาาา ซี้ดดดดดดดดด” หยกครางกระตุกเกร็งเมื่อเพียงหัวเคของเขาโดนปลายลิ้นแหย่เข้ามาตรงร่องกลางของเคเขา เขาหลับตาครางด้วยความเสียวซ่านอย่างมีความสุข “อืมมมม เสียวครับ อ่าหหหห์ ผมเสียวววว เสียวจัง” หยกครางออกมา พร้อมกับน้ำเงี่ยนที่หลั่งออกมาไม่ขาดสายให้ผู้บริโภคได้รับประทานอย่างมีความสุข ร่างบางแตะชิมจนพอใจก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเอาปากนั้นครอบที่หัวเคของหยกและเม้มเอาไว้ “ฮ๊าหหหหหหหห์ โอ้ยยยยยยเสียวหัวเค อ๊ากกกกก” หยกครางลั่นเมื่อโดนปากอันอวบอิ่มนั้นเม้มลงไปที่หัวเคของเขาและเอาลิ้นเลียไปทั่วหัวเคของเขา ร่างนั้นยิ้มอย่างพอใจไม่นานนักจากเม้มก็เปลี่ยนเป็นครอบลงไปทั้งลำเค “อู้วววววววว เสียว เสียว เคชิบหายเลย อื้อออออ” หยกเมื่อโดนอมเข้าไปจนสุดเขาถึงกับแอ่นตัวดิ้นทุรนทุรายด้วยความเสียวสะท้านทันที ร่างบอบบางค่อยๆดูดขึ้นลงช้าๆแบบเน้นๆ เพื่อกระตุ้นให้มีอารมณ์ถึงขีดสุด ทำให้ตอนนี้หยกนั้นทำได้แค่เกร็งตัวบิดตัวไปมาภายใต้พันธนาการของเขา สักพักร่างนั้นได้หยุดปากลง พร้อมกับร่างของหยกที่นอนหอบด้วยความเหนื่อยและความเสียวที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “เป็นยังไงล่ะ ชอบใช่ไหมล่ะ นายอยากโดนฉันทำแบบนี้ให้อีกไหม นายจะยอมมาเป็นทาสของฉันไหม” ร่างนั้นถามขณะที่เอามือลูบไล้ไปตามหน้าอกของเขาอย่างแผ่วเบา “ผะ ผม ผมยอมเป็นทาสคุณไปตลอดชีวิตเลยครับ แฮ่กๆ อย่าทรมานผมอีกเลยนะครับ แฮ่กๆ” หยกมองร่างตรงหน้าด้วยสีหน้าอันเหนื่อยหอบ “ได้สิ งั้นนายจงดื่มเลือดฉัน” สิ้นเสียงร่างนั้นได้ใช้เล็บที่มือกรีดไปที่ฝ่ามือของตัวเองจนเลือดออก เขาเอามือไปจ่อใกล้ๆกับปากของหยก “อื้อ อื้อ อื้ออื้อ” ต๊อกพยายามตะโกนเรียกสติเพื่อนแต่ตอนนี้ไม่เป็นผลแม้แต่น้อย หยกได้ตกสู้ภวังค์ของเจ้าของบ้านไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เพื่อนของต๊อกดวงตาเหม่อลอย อ้าปากแลบลิ้นรอเลือดที่กำลังจะหยดลงมาตรงหน้า เลือดจำนวนหนึ่งค่อยไหลออกมาจากฝ่ามือมือและหยดลงไปในปากของหยก ทั้งที่หยกเป็นคนกลัวเลือดแต่ตอนนี้เขากับอ้าปากดื่มเลือดตรงหน้าอย่างมีความสุข เลือดหยดแล้วหยดเล่าเข้าไปในปากของหยกหยกก็กลืนมันไปทั้งหมด แม้จะมีหยดเลือะรอบๆบ้างก็ตาม “ทาสหนุ่มคนนี้ใช้ไม่ได้เลยนะ กินมูมมามจัง” พูดจบร่างบางค่อยก้มลงไปลามเลียเลือดของตัวเองที่เลอะเทอะตามใบหน้าของหยกและประกบปากดูดดื่มหยกอีกครั้ง “เอาละ ได้เวลาที่นายจะมาเป็นของฉันอย่างถาวรณ์สักที แปะๆ” พูดจบร่างนั้นได้ทำการดีดนิ้วไปหนึ่งที เชือกที่พันธนาการของหยกกลับหลุดออกมาอย่างง่ายดาย พร้อมกับหยกที่ตอนนี้โดนร่างบอบางสั่งให้ยืนเอามือทั้งสองประสานไว้ที่ท้ายทอย ร่างนั้นทำการยืนดูดไซร้ร่างหยกต่อ แต่รอบนี้ทั้งขบและกัดไปตามร่างกายของหยกจนมีรอยแดง โดยที่หยดยืนอยู่เฉยๆ “ซี้ดดดดด โอวววววว อูยยยยยย อ่ะ อ่ะอาหหหหหห์ อืมมมม” หยกครางทุกครั้งที่โดนกัดเบาๆตามร่างกายจนตอนนี้เคของเขากลับมาผงาดอีกครั้ง รอบนี้ร่างบางใช้มือของเขาค่อยๆสาวเคของหยกไปเรื่อยๆ ปากก็จัดการโลมเลียซอกคอ หัวนม รักแร้ และลงมาเล่นที่หัวเคเป็นครั้งคราว “แรงๆเลยครับนายท่าน ผมเสียวเหลือเกินน อูววววววว” หยกครางเกร็งตัวไปมาจนเอวลอย ร่างนั้นได้ทีจึงเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ สลับกับเอาปากมาอมให้เพื่อเพิ่มความเสียว “อ่าหหหห์ จะแตก แล้วครับ จะแตกแล้ว แตก แตกแล้ว อ๊ะ อ่ะ ฮ๊าาาาาาาาา” สิ้นเสียงคราง หยกร่างกระตุกเกร็งพร้อมกับปล่อยน้ำรักเข้าปากร่างนั้นออกมาอย่างมากมาย อีกทั้งตอนนี้ร่างของหยกกลับมีแสงเปล่งประกายออกมา มีออร่าบางอย่างเป็นสีแดงค่อยๆรามไปตามร่างกายของหยก ไม่นานเมื่อแสงเรืองสีแดงนั้นกระจายจนทั่วร่างหยกและจางหายไป กลับมีอักขระเป็นรูปหัวใจปีกค้างคาวสีดำปรากฏขึ้นที่หน้าอกของหยก ตอนนี้หยกนอนหมดสติอยู่ที่พื้นเหมือนคนไม่หายใจ 5 g1 G# y: a" h; t3 c# |3 I; O* C* S
! ?) e2 E# V" L
) C, Q. H& V f8 K: ~) d0 _# Z! C7 B- J/ z$ b, q
|