"เห้ย ทำอะไรเนี่ย นี่มันบนรถนะ"ขุนตกใจกับการกระทำของอีกฝ่าย "ไอ้เชี่ย จะให้กูทำไง กูไม่ไหวแล้ว อ่าาาาซ์"มือของเขาสาวระวิงรัวไม่หยุด ขุนคิดแต่ว่าต้องรีบออกจากตรงนี้เพราะกลัวผู้คนจะเห็นความวิปริต เขาอกรถทันทีมุ่งไปยังเบื้องหน้าโดยไม่รู้เป้าหมาย อีกฝ่ายยังคงช่วยตัวเองไม่หยุด ขุนขับรถเลี่ยงเมืองออกมาบนเส้นทางที่รถน้อยที่สุด ขับมาประมาณ 10 นาที คนตรงหน้าก็ปลดปล่อยตัวเองเสร็จไปยกหนึ่ง แต่ไม่นานก็มีอารมณ์และทำอนาจารต่อหน้าเขาโดยไม่สนใจสายตา ขุนขับรถเลียบชานเมืองมาเรื่อย เมื่อปลอดคนแล้วเขาถึงสังเกตุเห็นว่าแม้คนตรงหน้าจะผิวขาวขนาดไหน แต่แท่งเนื้อกลางลำตัวนั้นกลับมีสีคล้ำเข้มคล้ายของเขาเอง ราวกับว่ามันผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชน ไม่รู้ด้วยความบังเอิญหรืออะไรที่ขุนดันมาหยุดรถอยู่ตรงหน้าโรงแรมม่านรูดพอดี เขาจึงตัดสินใจขับเข้าไปด้านใน ขุนจัดชุดอีกฝ่ายให้เข้าที่แล้วขอเวลาสงบสติอารมณ์ชั่วครู่ เมื่อจ่ายค่าห้องเรียบร้อย เขาก็พาคนที่มาด้วยเข้าไปในห้อง อีกฝ่ายในตอนนี้มีท่าทีคนละคนกับตอนที่อยู่ในที่ทำงาน ขุนนั่งมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา ตอนทำงานสดใสร่าเริง เลิกงานแอบนั่งร้องไห้ ตกเย็นเล่นยา ต้องเจอมาหนักขนาดไหนถึงอยู่ในสภาพนี้ได้ แต่ดูทรงแล้วคุยตอนนี้คงไม่ได้ความ พอเข้าไปในห้องอีกฝ่ายกระโจนขึ้นเตียงปลดเปลื้องอาภรณ์ทุกชิ้นแล้วปล่อยให้อีกคนจัดการตัวเองอยู่แบบนั้น ขุนเองคว้ามือถือมาเปิดโซเชียลดูทั่วไป เวลาล่วงมาเกือบ 2 ทุ่ม ร่างขาวนอนสลบเหมือดไปด้วยความเพลียเนื่องจากเสียน้ำไปไม่ต่ำกว่า 6 รอบ แต่แก่นกายยังคงกึ่งแข็งกึ่งอ่อนกระดกอยู่ สงสัยยาจะแรง ไม่นานนักร่างบางก็งัวเงียลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับจ้องมายังขุน ขุนมองด้วยความสงสัย ราวกับเค้นหาคำตอบจากร่างบาง แต่อีกฝ่ายไม่พูดอะไร ก้มหน้ามองรอบตัว "ทำทำไม…"เสียงพูดในลำคอเบาจนขุนต้องเดินเข้าไปฟังใกล้ ๆ "เมื่อกี้ว่าไงนะ"ขุนเข้าไปกะจะถามไถ่ แต่เมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาขุนก็ต้องตกใจเพราะใบหน้าน้อยเต็มไปด้วยหยดน้ำใสที่ไหลรินออกมาจากตา ขุนมองด้วยความตกใจและใจอ่อนเมื่อเห็นน้ำตา "เป็นอะไรเนี่ย"เขาทำตัวไม่ถูก อีกฝ่ายเริ่มสะอึกสะอื้นร้องไห้ ขุนเองไม่เคยเจอแบบนี้ อินก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ รับมือไม่ถูกเลย "ฮึก ฮือออ ทำแบบนี้ทำไม" "ใจเย็น ๆ ยังไม่ต้องพูดก็ได้ อะนี่น้ำ"ขุนทำตัวไม่ถูกยกขวดน้ำยื่นให้ อีกฝ่ายไม่หยุดร้องแต่รีบคว้าขวดน้ำไปเปิดดื่มจนหดขวด "ฮึก อ่าาา"พอดื่มเสร็จก็ยกแขนขึ้นปาดน้ำที่เปียกรอบปาก ในห้องเงียบลงอีกครั้ง ขุนไม่รู้จะเริ่มยังไง อีกฝ่ายก็ยังคงเงียบอยู่ มีจังหวะหนึ่งที่อีกฝ่ายหันหน้ามาสบตากับขุน ก่อนจะหลุบตาต่ำลงทั้งคู่ "ทำไมถึงช่วยผม ทำไมไม่ปล่อยผมไว้ข้างถนน"อีกฝ่ายเอ่ยเอื้อนเสียงเบาจากที่เงียบมานาน "..."ขุนเองไม่ได้ตอบอะไร อีกฝ่ายเว้นช่วงไว้ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นมาต่อ "ตำแหน่งน่ะ คุณเอาไปเถอะ ผมไม่ได้อยากได้หรอก ผมไม่ได้อยากมาที่นี่ด้วยซ้ำ ถ้าผมมีที่ไป ผมไม่มาที่นี่หรอก"ขุนฟังอีกฝ่ายพูดจากวกวน แต่คิดว่าคงอยากระบายจึงนั่งฟัง "ทำไมถึงไม่ปล่อยผม ทำไมไม่ปล่อยให้ผมตาย ๆ ไปซะ จะช่วยทำไมก็ไม่รู้ ช่วยแล้วก็ไม่ใส่ใจ ไม่กล้ายอมรับด้วยซ้ำ หึหึ"พอฟังจบประโยค ขุนเริ่มคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดถึงเขา แต่น่าจะพูดถึงท่าประธาน "กี่บาท" "?"ขุนทำหน้างงเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถามเรื่องเงิน เขาจึงอธิบายเสริม "เงินที่จ่ายไปวันนี้กี่บาท เอาเลขบัญชีมาเดี๋ยวโอนคืนให้"อีกฝ่ายพูดเสียงห้วน ๆ จนขุนทำตัวไม่ถูก "ไม่เป็นไร ดีขึ้นแล้วใช่ไหม ให้ไปส่งที่บ้านหรือเปล่า" "ไม่ต้องเสือก"อีกฝ่ายตอบกลับไม่ไว้หน้าจนขุนเริ่มมีน้ำโห "คนอุตส่าเป็นห่วง พูดจาแบบนี้ไม่น่าช่วยไว้เลย"ขุนพูดฉุนใส่ อีกฝ่ายมองแรงพร้อมปะทะ "เหอะ เป็นห่วง ใคร ใครเป็นห่วง" "ก็ผมไงเป็นห่วง คนบ้าอะไรเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้องไห้ แถมยังไปยุ่งกับพวกนักเลง เล่นยาอีก นี่ยังไม่รวมทำอนาจารบนรถผมด้วย" "หึ บอกว่าเป็นห่วงผม รู้หรือเปล่าผมชื่ออะไร" "..."ขุนเงียบ ที่เงียบเพราะไม่รู้ วันที่มันแนะนำตัวเขาก็ดันโมโหจนหูดับไม่ได้ฟังเสียด้วย "เหอะ เห็นไหม ขนาดชื่อผมยังไม่รู้เลยมาบอกเป็นห่วง ถุย!" "เด็กนี่ ลามปามใหญ่ ถ้าไม่เห็นว่ามีปัญหา คงตบปากสั่งสอนไปละ"พอฟังจบเหมือนอีกฝ่ายจะคิดได้ เลยสงบปากและทำหน้านิ่ง "ยังไงก็ขอบคุณละกัน แล้วเรื่องวันนี้ อย่าไปบอกใครนะ"อีกฝ่ายพูดเสียงอ่อนลง เมื่อเห็นว่าสงบลงแล้วขุนเองก็ไม่ติดใจเอาความอะไร พอมันนิ่งก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย "ถามได้ไหม เห็นบอกว่าไม่อยากมา แล้วทำไมถึงมา"ขุนเอ่ยถามด้วยความใจเย็น "เมธา…" "…?" "ผมชื่อเมธา" "อ๋อ" "หลังแม่เสีย ผมก็ไม่มีที่ไป ชีวิตผมไม่เหลืออะไรแล้ว" "ทำไมคิดงั้นล่ะ ตอนนี้ก็ยังเหลือชีวิตไงจะเอายังไงต่อ วางแผนไว้หรือยัง" "ไม่รู้สิ ใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ มั๊ง" "ที่เป็นอยู่นี่เรียกใช้ชีวิตหรอ? พี่เองก็ไม่มีพ่อมีแม่เหมือนกัน"พอขุนพูดจบ จากทีท่ายียวนก็เปลี่ยนเป็นสงบรับฟัง "พี่ไม่รู้หรอกนะ ว่าเมธาเจออะไรมา พี่ไม่อยากตัดสินเรา แต่พี่อยากจะให้เมธาได้คิด ว่าชีวิตมันมีค่า แม้เมธาจะยังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองในวันนี้พรุ่งนี้ แต่พี่อยากบอกว่า อย่างน้อย แม่ของเมธาก็เห็นมันในตัวของเมธา ถึงได้เลี้ยงดูเมธาจนโตมาขนาดนี้" พอขุนว่าจบ เมธาก็หวนคิดถึงแม่จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ตอนนี้คนตรงหน้าขุน กลับกลายเป็นเด็กน้อยที่ร้องไห้โฮอย่างไม่อาย ความในใจของเขาพรั่งพรูออกมาเคล้าเสียงสะอื้นจนขุนฟังไม่ได้ศัพท์ ทำได้เพียงกอดปลอบอีกฝ่ายให้สบายใจขึ้นเท่านั้น ในตอนที่กอดปลอบกันอยู่นั้น ขุนก็เริ่มรู้สึกบางอย่าง เหมือนมีของแข็งมาดันชนอยู่ที่หน้าท้อง พอก้มไปมองก็พบกับน้องชายของเมธาที่แข็งขึ้นมาอีกรอบ เจ้าตัวเหมือนจะรู้แทนที่จะถดตัวหนีกลับแอ่นเอวปัดซ้ายขวา หัวเชื่อมปล่อยน้ำใสไหลติดเสื้อเชิ้ตของขุน จนขุนต้องเป็นฝ่ายผละออกมาเอง "เห้ย เลอะชุดเลย"ขุนใช้มือปาดน้ำใสออกด้วยความกังวลว่าจะเป็นคราบติดเสื้อ เมธาไม่รู้มาไม้ไหนเดินเข้าหาขุน "มาครับ ผมช่วย"อีกฝ่ายปรี่เข้าชาร์จปลดกระดุมเสื้อขุนออก "จะทำอะไรเมธา!!" "ก็พี่กลัวชุดเลอะ ผมเลยจะถอดให้ยังไงล่ะครับ"เมธาไม่หยุดยังคงป้วนเปี้ยนปลดกระดุม ขุนเองก็ปัดป่ายห้ามปรามแต่ก็ไม่ทันมือไวที่ปลดกระดุมเสื้อเขาออกจนหมด "ว้าว ซ่อนรูปเหมือนกันแหะ"เมธาใช้มือลูบไล้คลึงเค้นบริเวณป้านเนินอก "พอเลย จะทำอะไร"ขุนพูดเสียงดุ แต่น้ำเสียงดุดันกลับกระตุ้นความต้องการของเมธาให้มากขึ้นไปอีก "พี่รู้ไหม ตอนพี่ดุแม่ง โคตรเซ็กซี่เลย"ขุนตกใจกับคำพูดน้อย เพราะเขาไม่รู้มาก่อนว่าน้ำเสียงเขามันเซ็กซี่ขนาดนี้ สงสัยคงต้องเอาไปใช้กับอินดูบ้าง จะว่าไป ตอนอินดุ เขาเองก็คิดว่าน้ำเสียงอินมันเร้าอารมณ์แปลก ๆ "หยุดเลยครับ พี่มีแฟนแล้ว"พอนึกถึงอิน ขุนก็ได้สติ ออกแรงบีบไหล่สองข้างของเมธาแน่นเรียกสติ "ผมขอโทษครับ คงเป็นเพราะฤทธิ์ยา ผมจะบินเสียหน่อย มันดันให้ยาปลุกผมมา พี่ดูสิ มันขึ้นไม่ยอมลงเลย"เมธาอธิบายขยายความ "เรานี่นะ มันไม่ดี จะไปยุ่งกับมันทำไม"พอขุนว่าจบ เมธาน้อยดันผงกหัวรับคำ "ก็ผมมีปัญหา ไม่รู้จะไปพึ่งใครนี่ คนในที่ทำงานก็พากันนินทาผม มีแต่พี่ไม่นินทา พอผมเข้าหาพี่ก็เอาแต่ไม่พอใจ จะให้ผมทำยังไงล่ะ"เมธาเอ่ยเสียงน้อยใจ แม้ปากจะพูดอะไร น้ำเสียงจะเศร้าขนาดไหน แต่น้องชายยังคงผงาด ทำให้ขุนเริ่มคิดแล้วว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาจริง ๆ "อะ อะ ก็ได้ แล้วจะให้พี่ทำไง"ขุนเริ่มใจอ่อน "พี่จะช่วยผมหรอครับ?"ขุนพยักหน้ารับเนือย ๆ เมธายิ้มดีใจ ขุนเองก็รู้สึกดีใจตามที่เห็นใบหน้าสดใสกลับมาอีกครั้ง "แล้วอีกกี่น้ำ ยาจะหมดฤทธิ์" "บางทีคนโดนยาตัวนี้ต้องปล่อยถึง10 น้ำบางคน 15 น้ำเลยก็มี"ขุนตาโตอึ้งกับคำตอบ "โห แรงขนาดนั้นเลยหรอ"เมธาพยักหน้ายืนยัน "พี่ดูสิ ของผม 6 น้ำแล้วแต่ยังแข็งอยู่เลย แต่ผมชักไม่ไหวแล้วมันช้ำหมดแล้วอะ" "จะให้พี่ช่วยยังไงล่ะ"พอขุนว่าจบเมธาก็ยกยิ้มกว้างกว่าครั้งไหน ๆ
, o. L$ a2 ^) L4 J
9 J( e; M, `7 {7 w% I5 {) e6 {' H ] e7 ?0 K3 _
* z" b- w% `, ^ |