EP 6 เปิดป่า แดดลมโชยเสียงนกกาพากันร่ำร้อง วันนี้มันดูวังเวงพิกล เสียงรถยนต์แปลกถิ่นแล่นตามจักรยานเก่าๆของสองพี่น้อง เลียบชายทุ่ง ผ่านต้นมะขามใหญ่ที่มองไกลๆเหมือนจะเห็นเป็นแคร่ไม้ผุๆตั้งอยู่ ก้องภพ หนุ่มหล่อจากเมืองกรุงเปิดกระจกรถรับลมที่หอบเอากลิ่นดอกหญ้าผ่านจมูกในขณะที่ฝุ่นจากถนนลูกรังคละคลุ้งปกคลุ่มไปทั่วรถ “ไอ้ก้อง มึงจะเปิดกระจกทำเหี้ยอะไรฝุ่นเต็มรถ”เสียงของเขตลูกพี่ลูกน้องที่รักกันราวกับเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดตะโกนด่าไม่ขาดสาย“กูอยากดูวิวนี่หว่าทำไมที่นี่สวยเหมือนกับอยู่คนละยุกกับเราเลยวะ” รถยังแล่นตรงดิ่งเข้าไปเรื่อยๆจนมาถึงบ้านอยู่สองหลังอยู่ไม่ไกลกันมาก สน และแสนได้พาคนแปลกหน้าที่ต้องบากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากพ่อของตน นวลแม่ใหญ่เจ้าบ้านมองลงมาจากชั้นสองก็รีบวิ่งลงบรรใดไม้มาพูดคุยกับแขกต่างแดนๆ “ปกติที่นี่ไม่เคยมีคนเมืองมามีเรื่องเดือดเนื้อร้อนจะอะไรถึงมาไกลขนาดนี้”ก้องภพรีบบอกเรื่องที่ตนต้องการให้ช่วยเหลืออย่างไม่รีรอ “เห็นว่าพรานที่นี่เคยเข้าไปในป่า ผมอยากจะให้ช่วยพาเข้าไปที่ป่านั่นหน่อยครับ” นวมตกใจกับคำพูดนั้น ได้แต่บ่นพึมพัมว่าป่าหลับไหล “เรื่องนี้ต้องถามผัวข้าขึ้นไปรอบนบ้านกันก่อนเถอะ” ระหว่างที่รอได้สักครู่เสือเดินเอาผ้าขาวม้าพาดบ่าเดินมาพร้อมกับ สิงห์ “พวกเอ็งกลับไปเถอะคนที่นี่ไม่มีใครเข้าไปป่านั่นหรอก” ก้องภพได้แต่ขอร้องทั้งกราบทั้งอ้อนวอนเพราะพรานเสือเป็นหนทางสุดท้ายแล้ว แต่ถึงยังไงพรานเสือก็ปฏิเสธ และลุกออกไป จนทั้งก้องภพ และ เขตก้มหัวลงกับพื้นและจะไม่ลุกเด็ดขาด ฟ้าเริ่มมืดพรานเสือกลับมาที่บ้านอีกครั้ง “นี่พวกเอ็งยังไม่กลับอีกรึ ข้าบอกแล้วว่าไม่ ป่านั้นมันอันตรายเกินไปลำพังข้ายังพอไหว แต่พวกเอ็งจะรอดไหม” เจ้าสนลายคนเล็กก็เริ่มสงสาร ก้องที่ทั้งเสียใจและก้มหัวอยู่อย่างนั้น “พ่อมันก็พอมีหนทางอยู่นี่จะ ถ้าเขาทำตามกฎของป่า ก็น่าจะรอด” เสือเริ่มขึ้นเสียงกับลูกชาย ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“แล้วไอ้คนเมืองหลวงแบบพวกมันจะทำได้รึไม่ได้เหมือนพ่อลูกแบบเรานะ”ทุกคนต่างงงในบทสนทนาของเสือ แม้กระทั่งนวล มีแค่ 4พ่อลูกเท่านั้นที่รู้กฎการเข้าออกป่าต้องห้ามดี พรานเสือนั่งหลับตาในความเงียบงันเขาก็ลืมตาขึ้นแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหันมามองไปที่ก้องภพและพวกก้องและเขตเงยหน้าขึ้นทีละน้อย “มึงมึง แล้วก็มึง เท่านั้นที่จะได้เข้าไป” พรานเสือชี้ไปที่ ก้อง เขต และก็เอื้อ ลูกน้องของก้อง “ผู้หญิงแล้วเอ็งไอ่หมูตอนข้าไม่ให้เข้า”พอพรานเสือพูดเสร็จแกก็รีบลุกออกไปและทิ้งคำพูดท้ายไว้ “ไอ่สิงห์ เตรียมตัวไว้ด้วย” ค่ำคืนอันหนาวเหน็บคนกรุงยังคงนอนพักจากการเดินทางด้วยความเหนื่อยล้ากลางบ้าน สิงห์ยังคงนั่งถอดเสื้อดูดบุหรี่มองดวงเดือนที่ส่องสว่างทั่วทั้งฟ้ากับน้องชาย “พี่สิงห์ หลับกันหมดแล้วพี่” เสียงสนกับแสนเดินมาจากบนบ้าน สิงห์“ดี ไอ้แสนไปปลุกเขาลงมาเข้าใจไหมไอ้สนคนที่จะเข้าไปกับพ่อ คือพี่กับเอ็ง” สน “ว่ายังไงนะพี่ แล้วไอ้พี่แสนหละ” สิงห์“แสนต้องดูแลแม่ ถ้าพวกเราเป็นอะไรไปส่วนพิมเมียพี่ จะฝากให้แม่ดูแลอีกที” สน “แล้วทำไมไม่ให้ข้ากับพี่แสนไปกับพ่อแล้วพี่อยู่กับแม่หละ” สิงห์“กูเป็นพี่คนโตอีกอย่างคนที่เก่งจากพ่อก็คือกู แล้วเอ็งสองคนไปจะช่วยอะไรพ่อได้” คุยกันไม่นานนักแสนก็พา ก้องภพ เขต และ เอื้อ เดินลงมา ด้วยสภาพงัวเงียจากการหลับ สิงห์“พวกคุณมาก็ดีแล้วข้าต้องดูว่าพวกคุณจะเข้าป่าได้ไหม คนที่จะเข้าไปในป่าได้ต้องเป็นหนุ่มรูปงามเท่านั้น” ก้องภพทำหน้างุนงงเล็กน้อยแต่เขาไม่แปลกใจถ้าดูจาก สามพี่น้องลูกพรานเสือแล้วก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขตก็นึกว่าคงอยากจะได้คนที่แข็งแรงจะได้ไม่เป็นภาระในการเดินป่าสินะ “แล้วต้องปลุกพวกเรามากลางดึกขนาดนี้มีอะไร” สนยิ้ม”ถอดเสื้อผ้าออก” หนุ่มเมืองกรุงตกใจกับคำพูดนั้น และทำท่าทีเดินขยับออกห่าง “ไม่ทำ งั้นก็กลับบ้านไป” เป็นเงื่อนไขที่ก้องปฏิเสธไม่ได้ถ่อมาไกลขนาดนี้แถมกลับบ้านมือเปล่าช่วยพ่อไม่ได้เลย เขาหันมอง เอื้อ และเขตพร้อมกับพยักหน้า เอื้อรีบถอดเสื้อยืดสีเทา ปลดกางเกงยีนจนเห็นหุ่นล่ำสัน บึกบึนตามประสาเด็กบ้านนอกทันที แต่คนที่ยังเก้อๆเขินคงเป็นเขต ก้องและเขตค่อยๆถอดเสื้อออกทำให้เห็นร่างกายขาวๆ จนสะท้อนกับแสงจันทร์ หัวนมเต่งสีชมพูอ่อนๆ ทั้งสองเหลือเพียงกางเกงในสีขาวคงมีแต่เอื้อที่ใส่สีดำ เป้านูนๆ ยังคงหลับไหล จากอาการตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น สนหันไปมองหน้าสิงห์ได้แต่เห็นพี่ชายพยั๊กหน้าแล้วหันไปสูบบุรี่ “ถอดกางเกงในออกแล้วถอกควยให้แข็ง” ก้องและเขตต่างมองหน้ากันและคงคิดว่าไม่ได้ยินผิดไปแน่ใช่ไหม ที่กำลังได้ยินนั้นจริงใช่ไหมพวกเขาได้สติกลับมาหันไปมองท่อนควยลำเขื่องของเอื้อที่แข็งโด่กำลังถูกสนเอาเทียนอะไรสักอย่างที่ยาวประมาณ6.5 นิ้วไปเทียบ “คุณใส่เสื้อผ้าได้” สนเดินมาที่ก้องกับเขต แล้วมองหน้าก้องสบตากวนๆของสน “รีบๆหน่อยข้าง่วงแล้ว” ยังไม่สิ้นคำพูดสนเอามือทั้งสองข้างคว้าเข้าที่ควยของก้องและเขต ควยของก้องและเขตมันแข็งสู้มือขึ้นมาทันที ควยขาวหัวอมชมพูที่ถูกมือคล้ำด้านสากๆจับรูดจน ก้องเริ่มเสียว ส่วนเขตนั้นควยแข็งเต็มที่แล้วสนจึงเอาเทียนไปทาบอีก จนมาที่ก้อง สนมองควยก้องที่แข็งเต็มที่ “ส่วนคุณไม่ต้องวัดแล้วหละ รูปงามในที่นี้พี่ข้าหมายถึง รูปร่างหน้าตา รวมทั้งควยด้วย” สนหันไปหาสิงห์ “เสร็จแล้วพี่สิงห์” คืนนี้เล่นเอาก้องกับเขตงงเป็นไก่ตาแตกพวกเขารีบดึงกางเกงขึ้นแต่พอคิดถึงมือสากๆของสนควยมันก็ไม่ยอมอ่อนลงเลยได้แต่เป้าตุงโด่จนเอามือปิดก็ไม่มิด สิงห์เดินกลับบ้านตนเองไปหลังเสร็จงานที่พ่อมอบให้ ส่วนแสนและสน ก็เดินกลับบ้านไปนอนเหลือเพียงเด็กหนุ่มจากเมืองกรุงที่ยืนคิดกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปนี่มันเรื่องตลกอะไรกันวะเนี่ย “ก้องถึงเราจะเคยอาบน้ำด้วยกันตอนเด็กๆนะ แต่การที่กูกับมึงมายืนควยแข็งข้างกันเมื่อกี้กูตกใจเหมือนกัน” ก้องไม่พูดอะไรแต่พาดสายตาแต่มองไปที่เอื้อ เอื้อหันมายิ้มพร้อมกับพูดคำที่ทำให้ก้องภพต้องนึกถึงว่าตนกำลังทำอะไร“นายน้อยอยากช่วยนายท่านไม่ใช่หรอครับผมก็อยากช่วยนายท่าน ถ้าเขาให้ทำอะไรพวกเราก็ทำไปเถอะ” ก้องภพได้ยินอย่างนั้นก็เห็นด้วยกับคำพูดนั้นแล้วอีกอย่างที่นี่ก็มีแต่ผู้ชายด้วยกันทั้งนั้น “ไอ้ก้องควยมึงก็ใช้ได้เลยนะนี่ใหญ่กว่ากูอีก หัวใหญ่ดีด้วยนะมึง”เขตชมพี่ชายจนเขิล “แต่ของมึงก็ไม่แย่นะพอสูสีหวะ” จากสถานการณ์มึนๆ กลายเป็นคุยกันตลกขบขันทุกคนใส่เสื้อผ้าแล้วกลับไปนอน แสงตะวันเริ่มสาดส่องไปที่ผืนทุ่งมองให้เห็นข้าวสีเขียวอ่อนที่น้ำค้างเริ่มร่วงจากใบ เสียงนกที่กำลังบินออกหากินพัดพาเอาลมเย็นปะทะหน้า พรานเสือและลูกชายทั้งสองเริ่มปักธูปลงดินไหว้เจ้าที่เจ้าทาง นั่งคุกเข่าลงทท่องคาถาโดย คณะเดินทางจากเมืองกรุงนั่งว่าตา “ป่านี้คนที่จะรอดออกมาต้องเป็นหนุ่มรูปงามเท่านั้นคนอื่นให้รอข้างนอกและถ้าข้าให้ทำอะไรก็ต้องทำ ” คนที่จะเข้าป่ามีเพียง เสือสิงห์ สน ก้อง เขต เอื้อ ถ้าว่ากันตามนี้ก็คงไม่ผิดเงื่อนไขของป่าเพราะแต่ละคนก็มีรูปร่างหน้าตาและความหล่อเหลาในแบบของตนเอง เมื่อว่าคาถาจบพรานเสื้อก็พาลุกๆพร้อมเด็กเมืองกรุงเข้าป่าไป ป่ามีความรกทึบแสงแทบจะส่องไม่ถึง “ไอ้หนุ่มเดินไวๆหน่อย เราต้องกลับออกมาก่อนตะวันตกดิน ไม่อย่างนั้นก็ไม่รอด” เมื่อทุกคนได้ฟังดังนั้นก็เริ่มเร่งฝีเท้าขึ้น พวกเขาเดินลึกเข้ามาจนป่าเริ่มครึ้มมีหมอจางๆเป็นสัญญานว่าเข้ามาสู่ป่าหลับใหลแล้ว กว่าสองชั่วโมงที่เดินมายังไม่ทำให้สิงห์และสนเหนื่อยเท่าไหร่ แต่กลับ ก้องและเขตไม่ใช่เลยพวกเขาเหงื่อทะลักไปทั้งตัวจนเสื้อยืดสีดำเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ “พ่อข้าว่า มันมีอะไรแปลกๆ ป่ามันเงียบกว่าปกติ” สิงห์หันไปกระซิบถามพ่อ “ข้าคิดเหมือนกันข้าไม่เคยรู้สึกกว่าเท่านี้มาก่อนอาจจะมีอะไรผิดพลาด” ทันใดนั้นพายุฝนก็ตกลงมาอย่างกะทันหัน ลมพัดกระหน่ำ จนทุกคนไม่ทันตั้งตัวเปียกปอนไปทั้งตัว พานเสือรับรู้ได้ทันทีว่ามันไม่ชอบมาพากลรีบพาคณะวิ่งลัดเลาะไปตามทางเท้าเพื่อไปหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ทุกคนเปียกโชคไปด้วยฝนและพายุก็ไม่มีทีท่าว่าจะสงบ พรานเสือรีบนั่งลงและท่องคาถาบางอย่างไม่นานนักเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง “ไอ้สิงห์มีคนตามเรามา ข้าขอเจ้าป่าว่าจะเข้ามากันแค่หกคน แล้วใครมันตามเรามาวะ” สิงห์หันไปมองหน้าก้องพร้อมกับทำตาเบิกกว้างและมีสีหน้าโกรธ “เห้ยไอ้ก้อง หรือจะเป็นพวกพี่ชายต่างแม่ของมึงวะที่แอบตามเรามา” พรานเสือยังคงหลับตาและท่องคาถาต่อไป “มีผู้หญิงเข้ามาเจ้าแม่ต้องโกรธมาก” ทุกคนแตกตื่นและเครียดกับสิ่งที่พรานเสือพูดจากการนั่งสมาธิ “แล้วจะทำยังไงดีจะ พ่อ” สนถามด้วยความเครียดและมีสีหน้าสุดเบื่อ พร้อมหันไปมองหนุ่มเมืองกรุง “ไอ้สิงห์ ไอ้สน อีกไม่กี่อึดใจเอ็งจะถึงน้ำตกกลางป่า รีบพาพวกมันไปที่นั่น พอไปถึงที่นั่นฝนจะหยุดตกส่วนข้าจะไปตามหาพวกมัน แต่ถ้าก่อนตะวันตกดินข้าไปไม่ถึงให้เอ็ง ทำพิธีออกจากป่าได้เลยไม่ต้องรอพ่อ” พรานเสือลุกขึ้นและส่ายหัวให้กับก้อง และรีบเดินเข้าไปในพงไม้ส่วนสิงห์และสน ตะโกนบอกให้ทุกคนวิ่งไปให้ถึงน้ำตกตามพรานเสือบอก
|