หลายวันผ่านไป ชีวิตผมดำเนินไปเหมือนเดิม ยังคงทำเรื่องเสียว ๆ กับทองเอกและพี่พีอยู่ โดยที่ช่วงนี้ผมให้เวลาพี่พีมากขึ้น ตอนเช้าบางวันก็ไปใส่บาตรพร้อมพี่พีกับแม่ตุ๊ ตกเย็นหลังเลิกเรียนผมไปนั่งเล่นที่บ้านมัน แม่ตุ๊ชวนกินข้าวเย็นประจำ พอเสาร์-อาทิตย์ ก็ไปช่วยพี่พีเก็บผักในสวนเพื่อส่งขายที่ตลาด แม่ตุ๊ชอบยัดเงินใส่มือให้ผมประจำ แต่ผมส่งคืนตลอด แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว เพราะนอกจากจะได้กินข้าวเย็น ยังได้กินลูกชายแกด้วย ฮ่า ๆๆ นี่ผมยังแอบกังวลเลย ว่าถ้าแกรู้ว่าลูกชายคนเดียวของแกติดเซ็กซ์กับผมขนาดนี้ จากที่เอ็นดูแกคงเกลียดผมแน่เลย
มีวันนึง หลังจากที่ผมอยู่เล่นที่บ้านทองเอก พอกลับมาถึงเห็นว่าประตูหน้าบ้านปิดสนิทอย่างผิดปกติ ผมลองไปหมุนลูกบิดดู ปรากฏว่ามันล็อคอยู่ ตอนนั้นรู้สึกใจไม่ดีเลย ปกติบ้านผมไม่เคยล็อคประตู นอกจากไม่มีใครอยู่บ้าน ลองเดินไปที่โรงจอดรถก็เห็นรถที่ทีนจอดอยู่ แปลว่าตัวมันต้องอยู่บ้านสิ
ผมพยายามหาช่องตรงหน้าต่างเพื่อแอบดูข้างใน มองเข้าไปก็ไม่เห็นอะไร ได้ยินเสียงพี่แพรวอยู่แว่ว ๆ แต่ฟังไม่ชัด ตอนนั้นรู้สึกร้อนใจมาก รีบวิ่งไปหยิบบันไดลิงพาดไปตรงหน้าต่างห้องนอนตัวเองแล้วปีนขึ้นไป ลืมความกลัวจนหมด เปิดประตูห้องนอนออกไปช้า ๆ เดินย่องลงมาที่ห้องนั่งเล่น ภาวนาในใจว่าอย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาผมต้องตกตะลึง หน้าชา มือสั่น ปากสั่น หัวใจเต้นระรัวจนแทบจะหายใจไม่ทัน รู้สึกจุกในอก
พี่ทีนนั่งอยู่ตรงโต๊ะไม้กลางบ้าน โดยพี่แพรวนั่งประชิด ใช้แขนโอบใบหน้าพี่ทีนที่กำลังซุกไซร้อยู่บนสองเต้าเนียนขาว เธอคนนั้นท่อนบนเปลือยเปล่า กอดรัดพี่ทีนแน่นแล้วเงยหน้าพ่นลมหายใจออกมาอย่างคนเสียวกระสัน ผมเห็นว่ามืออีกข้างของพี่แพรวกำลังยุกยิกอยู่ตรงเป้าพี่ทีน “พี่แพรว…” เสียงพี่ทีนซี้ดปากครางกระเส่า
ผมหน้ามืด โกรธจัด คิดได้อย่างเดียวว่าต้องหยุดทั้งสองคน รีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องนอนโดยไม่ให้มีเสียงฝีเท้า ปีนบันไดลิงลงมาจากหน้าต่างห้องนอน หยิบเอาไม้หน้าสามที่เจอแถวนั้นขึ้นมา เดินตรงปรี่ไปที่หน้าบ้านแล้วฟาดไปที่ประตูจัง ๆ เสียงดังสนั่น โครม!!! ผมเดาว่านั่นน่าจะทำให้ทั้งคุ่หยุดกิจกรรมที่กำลังกระทำกันอยู่
ผมฟาดซ้ำไปอีกครั้งโครม!! ไม่กี่อึดใจประตูบ้านก็ถูกเปิดออก เรือนร่างท่วมเหงื่อเสื้อผ้ายับยู่ยี่ของพี่แพรวยืนจังก้า หน้าตาตื่นตกใจ เธอคงคิดว่าเป็นพ่อ แต่พอเห็นว่าเป็นผมนางก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขยับเสื้อในที่คงจะรีบใส่จนรัดเต้า
ผมไม่พูดอะไรเดินพรวดเข้าไปในบ้านแล้วขึ้นไปห้องนอนทันที
พี่ทีนนั่งอยู่ตรงโต๊ะหนังสือ ทำเป็นหยิบมือถือขึ้นมาเล่น หันมามองผมครู่หนึ่งแล้วกลับไปจ้องมือถือต่อ ผมล็อกประตูห้องนอนก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียงตัวเอง โยนกระเป่านักเรียนลงที่พื้นเสียงดัง จ้องมองพี่ชายที่นั่งสั่นขาอย่างคนกังวลเหมือนพวกผู้ร้ายที่โดนสอบปากคำแล้วกลัวถูกจับได้ เป้ากางเกงยังตุงโด่ โคตรน่าทุบให้หัก! ผมรู้สึกเหมือนน้ำตาตกใน อยากจะร้องไห้ออกมาแต่ร้องไม่ออก
“มึงเป็นอะไร?” พี่ทีนทำเป็นไขสือเอ่ยถามผมตอนที่หันมาเห็นผมจ้องถมึงทึงอยู่
ผมไม่ได้ตอบ บีบมือตัวเองแน่นจนมือทั้งมือสั่นระริก น้ำตาใส่ ๆ หยดลงมา ผมรีบเอามือไปเช็ดออก
“ไอ้นิน มึงเป็นอะไร?”
“พี่ทำแบบนี้ทำไม?”
“กะ...กู...ทำอะไร?” มันยังทำเป็นถาม หน้าตาใสซื่อ
“ผมเห็นนะ! พี่กับพี่แพรวทำอะไรกัน!!” พี่ทีนหน้าเสียทันที กลืนน้ำลายเอื้อกก่อนจะลุกมานั่งตรงหน้าผมผมคนสารภาพผิด
“ไอ้นิน…”
“พี่ทำไปได้ยังไง? ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ด้วย!!” ผมตะคอกถาม แววตาสั่นระริกพราะความโกรธและเสียใจ
พี่ทีนนั่งพิงข้างเตียงผมโดยไม่พูดอะไร ผมไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่แต่ผมสิ เจ็บไปทั้งใจ ฟุบลงบนเตียง นอนคว่ำกอดหมอน พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ร้องไห้ พี่ทีนมันคงแปลกใจและสับสนว่าทำไมผมถึงต้องเสียใจขนาดนี้ สิ่งที่มันไม่รู้คือผมรักมันผมหวงมัน ผมกำลังหึง...หึงพี่ทีน
พี่ทีนขยับตัวขึ้นมานั่งบนเตียงเลื่อนมือมาแตะไหล่ผม “นิน…” ผมพลิกตัวแล้วผลักมันออก
“นิน! มึงโกรธอะไรกูเนี่ย?”
“พี่แม่ง!! พี่ทำได้ยังไงวะ? โคตรทุเรศ!”
“ไอ้นิน!!”
“พี่จะเอากับพี่แพรว ในบ้านเนี่ยนะ?”
“แล้วยังไงอ่ะ? ทีมึงยังเอากับไอ้พีได้เลย!! บนเตียงเนี่ย!! มึงคิดว่ากูไม่รู้หรอ?” ผมหน้าชา ใจหล่นวูบตอนที่ได้ยิน “มึงพาคนอื่นมาเย็ดกันได้ แต่กูทำไม่ได้หรอ?”
“มึงบ้าป้ะเนี่ยพี่!! ถ้าพ่อรู้ว่ามึงกับพี่แพรวมีอะไรกัน จะเกิดอะไรขึ้น?” ผมตวาด เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมขึ้นมึง-กูกับพี่ทีน “คนอื่นผมยังเข้าใจ แต่กับอีพี่แพรวเนี่ยนะ!!?”
“แล้วมึงจะเอายังไง?” ผมไม่ตอบ จ้องหน้ามันด้วยความโกรธ
พี่ทีนลุกขึ้นยืน ปลดเข็มขัดแล้วดึงกางเกงนักเรียนตัวเองลง เผยให้เห็นท่อนเอ็นที่กำลังกึ่ม ๆ งัดขึ้นตุงเป็นลำอยู่ในกางเกงในสีกรมท่า ผมมองหน้ามันอย่างตกใจ ไม่คิดว่ามันจะกล้าทำแบบนี้ พี่ทีนขยับเป้าตัวเองมาใกล้หน้าผมมากขึ้น “เอาสิ! กูรู้ว่ามึงอยากอมควยกู! กูยอมให้มึงอม ถ้าแลกกับการที่มึงจะไม่บอกพ่อ!”
ผมกำหมัดแน่น ง้างมือต่อยเข้าไปที่ท้องของมันอย่างจัง พี่ทีนล้มลงตัวงอเอามือกุมท้องด้วยความจุก
“ไอ้เชี้ยนิน!!!”
“พี่แม่งโคตรทุเรศเลย!!” น้ำตาผมไหล ในหัวใจมีแต่ความผิดหวัง
เมื่อรู้ตัวว่าถ้ายังอยู่ตรงนั้น ผมได้คุมอารมณ์ไม่อยู่แน่นอน ก็เลยคิดจะออกไปหาที่ระงับสติ พอเปิดประตูห้องออกไปก็เห็นพี่แพรวยืนอยู่หน้าห้องพอดี คงจะมาแอบฟังเราคุยกัน ผมปาดน้ำตา เงยหน้ามองเธอด้วยสายตาเชือดเฉือน
“พี่เก็บข้าวของพี่ออกจากบ้านไปเลยนะ! ไม่งั้นผมจะบอกพ่อว่าพี่ทำอะไรกัน!” สีหน้าและแววตานางดูตื่นกลัว เพราะท่าทีของผมที่เปลี่ยนไป ปกติผมจะสงบปากสงบคำกับนาง และยอมทุกครั้งเวลาที่นางใช้งาน
พี่แพรวก้าวถอยหลังช้า ๆ ก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าห้องพ่อ จากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงนางก็ขนกระเป๋าตัวเองออกมา หน้าตาลุกลี้ลุกลน แต่ยังไม่วายเอ่ยปากขอให้พี่ทีนไปส่ง แต่ผมไม่ยอม!ผมไม่ไว้ใจให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ผมบอกกกับเธอว่าปากซอยมีวินมอเตอร์ไซค์ ถ้าไม่รีบไปแล้วพอเลิกงานกลับมาก่อนจะเดือดร้อน เราทุกคนรู้ดีว่าพ่อผมเป็นคนอารมณ์ร้าย ถ้าพ่อรู้เรื่องนี้เธอต้องโดนซ้อมปางตายแน่นอน
ผมหลบมานั่งที่ชิงช้าพยายามไม่คิดอะไร แต่ในหัวยังนึกถึงเป้าตุง ๆ ของพี่ทีนไม่หยุด ให้ตายสิ! ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากหรอกนะ ตอนนั้นผมทั้งโกรธและอายกับคำพูดของพี่ทีน “กูรู้ว่ามึงอยากอมควยกู” แม่งเอ้ย! ผมไปแสดงออกแบบนั้นตอนไหน? แล้วพี่ทีนมันมองเป็นอะไร? ที่ผ่านมามันนอนอยู่ในห้องเดียวกับผม โดยต้องคอยระแวงว่าวันนึงผมจะแอบไปลวนลามมันอย่างนั้นรึเปล่า? เพราะแบบนั้นหรอมันถึงดูเหมือนเกลียดผมมาตลอด
ช่วงค่ำวันนั้น เมื่อพ่อกลับมาบ้านแล้วไม่เจอพี่แพรวก็ดูร้อนใจ พ่อเดินเข้ามาถามพวกเราในห้อง ผมเป็นคนบอกกับพ่อว่าเห็นพี่แพรวหิ้วกระเป๋าออกไปตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว และไม่รู้ว่าไปไหน ส่วนพี่ทีนพยายามเก็บอาการตอนพ่อเข้ามา พ่อพยายามโทรหาพี่แพรว แต่นางไม่รับสายจนพ่อหงุดหงิด เราตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไปยุ่ง ผมกับพี่หลบอยู่ในห้องนอนตอนที่ได้ยินเสียงพ่อทำลายข้าวของดังโครมคราม
“ทำไมมึงไม่บอกพ่อล่ะ?” พี่ทีนเอ่ยปากถามผม ผมจึงตอบกลับไป “ก็ผมไม่ได้เกลียดพี่อย่างที่พีเกลียดผม” จากนั้นก็นั่งทำการบ้านต่อโดยไม่คุยกับมันอีกเลย
หลังจากนั้นพ่อไม่ได้ไปทำงานเลยถึงสามวัน เอาแต่นั่งดื่มเหล้าที่บ้าน จนพวกเราเริ่มรู้สึกกังวล แต่แค่เฉียดกายเข้าใกล้ ก็โดนพ่อตะเพิดใส่จนต้องถอยห่างทุกที แกคงจะเสียใจมากเพราะเมียใหม่คนนี้ยังสาวและสวย ปกติเป็นฝ่ายทิ้งคนอื่นพอโดนทิ้งบ้างก็เลยเสียเซลฟ์ไปละมั้ง
ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่ทีนก็อยู่ในจุดที่แย่กว่าแต่ก่อน มันยังคงระแวงว่าผมจะพูดเรื่องพี่แพรว ก็เลยพยายามไม่มายุ่งวุ่นวายกับผม ไม่แม้แต่จะพูดคุยด้วยผม ไม่โกรธมันเรื่องพี่แพรวแล้ว แต่โกรธที่มันระแวง มันควรจะรู้สิว่าผมไม่มีทางพูดเรื่องนั้นกับพ่ออยู่แล้ว
หลายวันผ่านไปอะไร ๆ เหมือนจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง แต่ก็แค่เหมือน... ผมกับพี่พีเราต้องแยกกันเพราะไอ้พี่ทีนมันเป็นบ้าอะไรไม่รู้ ทะเลาะกับพี่พี ซัดกันนัวจนเลือดตกยางออกกันทั้งคู่ มันขู่พี่พีว่าถ้ามาใกล้ผมอีกมันจะฟ้องแม่ตุ๊ที่แอบมามีอะไรกับผม
จากหนึ่งสัปดาห์เวลาดำเนินเรื่อยไปเป็นหนึ่งเดือน ระหว่างผมกับพี่พีเหมือนความห่างทำให้เราค่อย ๆ รู้สึกเฉยชาต่อกัน ตอนแรกผมก็ผมคิดแบบนั้น... แต่มันไม่ใช่ ผมเริ่มได้ยินคนพูดกันว่าตอนนี้พี่พีกำลังคบกับเด็กนักเรียนหญิงชั้นม.3 อยู่ เคยเห็นมันนั่งกินข้าวด้วยกันในโรงอาหาร ผมเสียใจมาก ทุกครั้งที่เจอพี่พี ผมจะรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก โดยเฉพาะแววตาไร้เยื่อใยที่มันมองผ่านเลยไปตอนเราเดินสวนกัน
ชีวิตผมตอนนี้เหลือแค่ทองเอกที่ยังอยู่ข้าง ๆ ผมเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ทองเอกฟัง มันรับฟังโดยไม่พูดอะไร เพียงแค่กอดผมเอาไว้ในอ้อมแขน เพราะแบบนี้ไง ผมถึงรักทองเอกมากกว่าใครในชีวิต
ช่วงสัปดาห์สอบมาเยือนผมพยายามโฟกัสกับการอ่านหนังสือ เลิกเรียนก็ขลุกอยู่ที่บ้านทองเอกทุกวันเหมือนเคย
จนกระทั่ง บ่ายวันเสาร์
ผมกลับมาบ้านหลังจากติวหนังสือกับทองเอก ได้ยินเสียงโวยวายในบ้านจึงรีบเข้าไปดู เห็นพ่อกำลังใช้กำปั้นต่อยไปที่หน้าที่ทีนอย่างจัง ผมรีบวิ่งเข้าไปห้าม
ใบหน้าพี่ทีนแดงเถือก เลือดไหลซึมออกมาเพราะปากที่แตก
“ไอ้นินมึงไม่ต้องเสือก!!” พ่อหันมาตะคอกใส่ “กูถามว่าทำไมมึงทำแบบนั้น? ทำไมมึงไม่ให้น้องซ้อนรถไปโรงเรียนด้วย?” พ่อยืนด่าพี่ทีน ตอนแรกผมใจหายแว้บนึกว่าพ่อรู้เรื่องพี่แพรวซะอีก
พี่ทีนหันมองผมตาแดงกร่ำด้วยความโกรธ ก่อนจะบอกกับพ่อ “ก็ผมอาย!”
“มึงอายอะไร?”
พี่จ้องหน้าผม แล้วพูดมาว่า
“ก็ไอ้นินมันเป็นตุ๊ด!! มันชอบผู้ชาย!! ผมอาย ผมไม่อยากให้ใครล้อว่าผมมีน้องเป็นตุ๊ดแบบมัน!!” ผมยืนตะลึงอ้าปากค้าง
“มึงพูดว่าอะไรนะ?” พ่อกระชากคอพี่ทีนถามย้ำ
“ไอ้นินมันเป็นตุ๊ด!!!” พี่ทีนตอบเสียงดังลั่น
ผมหน้าชาเหมือนโดนตบ ทั้งที่ยังไม่ได้โดน และคาดว่าน่าจะโดนในอีกไม่ช้า นอกจากความกลัวที่มีต่อพ่อแล้ว ในตอนนั้นผมโคตรรู้สึกผิดหวังในตัวพี่ทีนเลย ไม่คิดว่ามันจะฟ้องพ่อแบบนี้
แม้ลึก ๆ แล้วผมคิดนะว่าพ่อก็คงรู้แหละ ว่าผมไม่เหมือนเด็กผู้ชายคนอื่น พ่อเคยพูดทีเล่นทีจริงว่าถ้าผมเป็นตุ๊ดจะตบให้คว่ำ ผมก็เลยไม่กล้าบอกความจริง
“จริงหรอไอ้นิน?” พ่อหันมาถามผมแล้วตะคอกซ้ำ “กูถามว่าจริงมั้ย?!!!” พ่อละมือจากพี่ทีน เดินตรงเข้ามา ง้างมือสูงแล้วเหวี่ยงตบหน้าผมอย่างแรง ผัวะ!!! เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังสนั่นลั่นบ้าน
ด้วยแรงตบของพ่อทำให้ผมเซถลาไปจนชนกับชั้นวางของ หัวกระแทกซ้ำ นอกจากจะไม่ได้รับความเห็นใจ พ่อยังตามมาดึงแขนผมขึ้นไปแล้วตบซ้ำอีกสองครั้ง เพี้ยะ! เพี้ยะ
ในตอนแรกมันแค่รู้สึกชา จากนั้นเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบ และความเจ็บก็แผ่ซ่าน ใบหน้าแสบไปหมด
“กูเคยบอกมึงแล้วใช่มั้ย? ว่าถ้าเป็นตุ๊ดกูจะตบให้คว่ำเลย! กูเลี้ยงให้มึงเป็นแบบนี้หรอ? ทำไมพวกมึงทำตัวแบบนี้กันวะ?”
พ่อกำหมัดแล้วต่อยเข้ามาที่หน้าผมจัง ๆ อีกครั้ง ในปากผมรับรู้ได้ถึงรสชาติของเลือดที่ไหลกลบออกมา มันมีรสเหมือนเหล็ก…
ผมหน้าหงาย นอนกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวด แต่พ่อดึงคอเสื้อผมไว้ แล้วตบซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะเหวี่ยงตัวผมลอยลิ่วกระเด็นไปติดผนัง
พี่ทีนยืนนิ่ง แววตาที่ในตอนแรกมีแต่ความโกรธแค้นแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิดและสงสาร ตัวผมในตอนนั้นแทบจะไม่ได้สติแล้ว มันเจ็บจนเบลอไปหมด ตอนที่ถูกเหวี่ยงหลังผมกระแทกฝาบ้านจนจุกแทบหายใจไม่ออก
พ่อตามลงมาบีบคอผมตรงท้ายทอย ลากตัวผมขึ้นชั้นสองจนหน้าแข้งผมครูดไปกับบันไดบ้าน พ่อเปิดประตูห้องนอนแล้วโยนตัวผมเข้าไป หน้ากระแทกพื้นกระดานเสียงดังโครม ผมสำลักเลือดออกมาจนเปรอะพื้นไม้
“มึงอยู่ในนี้ไปเลย! ไม่ต้องออกมา!! ไม่ต้องแดกข้าว!!” พ่อกล่าวเสียงดังลั่นแล้วหันไปหาพี่ทีนที่เดินตามขึ้นมาทีหลัง “ส่วนมึง!! ไม่ต้องใช้รถแล้ว กูจะเอาไปขายซะ!! มึงทำกับน้องมึงแบบนี้ได้ยังไง? ถ้ายายแววไม่บอก กูก็คงไม่รู้ว่ามึงมันเห็นแก่ตัวแบบนี้! มึงรู้มั้ยคนอื่นเค้าด่ากู! หาว่ากูเลี้ยงลูกลำเอียง ซื้อรถให้ลูกคนโตแต่ปล่อยคนเล็กเดินไปเองทุกวัน! พวกมึงทำกูขายขี้หน้าคนไปทั่ว” พี่ทีนยังคงยืนนิ่งตัวสั่นด้วยความกลัว พ่อกำหมัดแน่นหันมามองผมแล้วทำท่าทางฉุนเฉียว หยิบกุญแจรถเครื่องแล้วขี่ออกไป
เสียงรถเครื่องเงียบลง ผมนอนกองลงกับพื้น ร้องไห้โฮออกมาด้วยความเจ็บปวดสุดทน ความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ ถาโถมใส่ประเดประดังจนสับสนไปหมด
พี่ทีนเดินมานั่งลงข้างๆ เอื้อมมือมาแตะตัวเบา ๆ“นิน…”
“พี่เป็นเชี้ยอะไรวะ? ผมไปทำอะไรให้พี่เกลียดนักหนา? ทำไมพี่ต้องทำกับผมแบบนี้!!” ผมตะคอกใส่ ผลักตัวมันออกจนหงายท้อง
“กูขอโทษ…”
“ถ้าเกลียดผมมากก็ไม่ต้องมายุ่งกับผมสิ!! พี่จะมายุ่งเรื่องของผมทำไม? ฮืออออ... พี่บอกพ่อแบบนั้นทำไม?” ผมพรั่งพรูออกมา ก้มหน้าหมอบกองกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำมูก น้ำตาไหลออกมาอย่างน่ารังเกียจ น้ำลายยืดผสมกับเลือดในปากเจิ่งนองพื้นเป็นกองใหญ่
“นิน...กูขอโทษ” พี่ทีนฟุบกอดผม ร้องไห้ตัวโยน ปากก็พร่ำพูดขอโทษซ้ำ ๆ แต่ผมเจ็บเหลือเกิน หูอื้ออึง หอบหายใจรวยริน ร่ำไห้ออกมาปริ่มจะขาดใจ “กูนึกว่ามึงเป็นคนบอกพ่อเรื่องรถ กูก็เลย… กูขอโทษ กูไม่คิดว่าพ่อจะทำกับมึงขนาดนี้”
พี่ทีนนั่งหมอบโอบตัวผมอยู่แบบนั้น เราต่างคนต่างร้องไห้ออกมาไม่หยุด
ผมรู้สึกอ่อนล้า ปวดหัวตึบ ร่างกายที่บอบช้ำทำให้ผมเพลียจนหลับไปทั้งอย่างนั้น ตื่นมาอีกทีก็เห็นว่าพี่ทีนกำลังเช็ดตัวผมอยู่ ผมดึงแขนตัวเองกลับแล้วพลิกตัวหนี
“อยู่เฉย ๆ มึงโดนกระจกบาด! ต้องทำแผลก่อน”
ผมไม่สนใจอะไรแล้ว แม้จะเจ็บร้าวระบมไปทั้งตัว แต่ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่ทีนอีกต่อไป
“มานี่! แปะพลาสเตอร์ก่อน เดี๋ยวเชื้อโรคเข้า”
“ไม่ต้องมายุ่ง!!!” ผมใช้ศอกถองตัวพี่ทีนให้ออกไปมันหน้าเจื่อน มันก้มมองพลาสเตอร์ในมือตัวเองแล้วดึงแขนผมกลับไปเบา ๆ แปะพลาสเตอร์ยาให้ ความดื้อดึงของมันทำให้ผมยิ่งโกรธ ก็เลยใช้อีกมือกระชากพลาสเตอร์ออก จนปากแผลเปิดเลือดไหลนองออกมาอีกครั้ง
“ไอ้นิน!!! อย่าทำแบบนี้!! เห็นมั้ยเลือดออกอีกแล้ว!”
“ออกไป!!!” ผมตะคอกซ้ำ พี่ทีนยังคงดื้อด้าน ดวงตาแดงกร่ำสั่นระริก หยิบผ้าที่ใช้เช็ดตัวมาซับเลือดที่แขนผม
“นิน...กูขอโทษ มึงจะให้กูทำอะไรกูก็ยอม กูขอโทษจริง ๆ” พี่ทีนกล่าวน้ำตาไหลเป็นสายก่อนจะหยดลงบนตักตัวเอง “กูไม่ได้อยากจะให้มันเป็นแบบนี้” พี่ทีนซบหน้าลงบนแขนผมร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง มันทำให้ผมยิ่งรู้สึกเจ็บปวด
เพราะผมไม่สามารถเกลียดพี่ทีนได้เลยจริง ๆ นั่นแหละที่ทำให้ผมเจ็บปวด
ผ่านไปเกือบสิบนาที พี่ทีนหยุดร้องไห้ปาดน้ำตาตัวเองแล้วถามผม “มึงหิวมั้ย? เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวมาให้” ผมไม่ได้ตอบอะไร “รอเแป๊บนึงนะ” มันบอกแล้วลุกออกจากห้องไป
จากบ้านเราเดินไปร้านข้าวแกงที่ใกล้ที่สุดก็ประมาณห้าร้อยเมตร
ผมนอนเฉยอยู่แบบนั้นด้วยความรู้สึกที่แตกสลาย สับสนและเกิดคำถามขึ้นในหัวว่าทำไมผมต้องเจออะไรแบบนี้? ทำไมชีวิตผมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ? จมดิ่งอยู่กับความรู้สึกหม่นหมองที่เกิดขึ้นในใจ
ตอนนั้นเริ่มรู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา ผมจึงพยายามดันตัวเองขึ้นเพื่อจะลุกไปเข้าห้องน้ำ ความรู้สึกเจ็บร้าวแล่นไปทั้งตัว ปวดขาจนแทบจะยืนไม่ไหว หน้าแข้งระบมเขียวเป็นรอยช้ำจากตอนที่พ่อลากขึ้นบันได
ผมพาตัวเองเกาะราวบันไดไปอย่างช้า ๆ ก้าวลงทีละขั้นอย่างเจ็บปวดจนกระทั่งถึงห้องน้ำ หลังเสร็จกิจ กลับออกมาเห็นสภาพบ้านในตอนนั้นแล้วกลับมารู้สึกดิ่งอีกครั้ง จากที่ผมเห็น มันเลวร้ายมาก ทำไมคนเป็นพ่อถึงทำกับผมได้ขนาดนี้? ในตอนนั้นเสียงพี่ทีนที่บอกกับพ่อว่า “รังเกียจผม” ก็ดังก้องในหัวซ้ำไปซ้ำมาเหมือนพูดใส่ไมค์ที่มีเอคโค่
ไม่รู้อะไรดลใจ... ผมเดินตรงไปที่หน้าต่าง ดึงเอาผ้าม่านสีครีมออก พาดมันไว้ที่เก้าอี้ไม้ เดินกลับเข้าไปในครัว เขยกขาเลื่อนเก้าอี้ที่โต๊ะกินข้าวออกมาตัวนึง จับมันขึ้นตั้งบนโต๊ะยาวกลางบ้านอีกที คล้องผ้าม่านที่มัดเป็นปมไว้กับขื่อกลางบ้าน แล้วก้าวเท้าปีนเก้าอี้ขึ้นไปอย่างทุลักทุเล...
ถ้าการมีผมอยู่ในบ้านหลังนี้แล้วมันทำให้คนอื่นผิดหวังขนาดนั้น... ถ้าผมมันน่ารังเกียจนัก... ผมก็ไม่อยากอยู่เป็นตัวเสนียดของใครอีกต่อไป... มือของผมสั่นระริกขณะที่เหนี่ยวผ้าม่านเอาไว้ หลับตายังคงได้ยินเสียงก่นด่าของพ่อและพี่ทีนดังสะท้อนชัดเจน
ผมเกลียดทุกคน... ผมเกลียดพ่อ... ผมเกลียดตัวผมเอง…
…
…
...
เสี้ยวความคิดนึง... น้ำตาผมไหลพรั่งพรูออกมา ตอนที่นึกถึงทองเอก... เพื่อนสนิทคนเดียวที่ผมรัก กับคนอื่นผมไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ผมคิดว่าทองเอกมันต้องเสียใจมาก ๆ แน่นอน
“ปิดเทอมนี้มึงไปเที่ยวทะเลกับกูนะ กูขอพ่อกับแม่กูให้แล้ว มึงก็ไปขอพ่อมึงให้ได้”
ผมร้องไห้โฮ... การนึกถึงทองเอกทำให้ผมตัดสินใจเอาศีรษะตัวเองออกจากบ่วงผ้า... ไม่เอาแล้ว… ผมไม่อยากทำแบบนี้... ไม่อยากให้มันต้องเสียใจเพราะผมแบบนี้... ก็สัญญากับมันไว้แล้วนี่ว่าจะไปทะเลด้วยกัน…
“เฮ้ย!! ไอ้นิน!!” เสียงใครบางคนตะโกนโวยวายอยู่หน้าบ้าน
พี่พีวิ่งพรวดเข้ามา คว้าตัวผมลงจากเก้าอี้ นั่งกองกับพื้นแล้วกอดผมเอาไว้
“มึงทำบ้าอะไรเนี่ย!? ทำแบบนี้ทำไม!!?” พี่พีตวาดใส่เสียงสั่นเครือ ผมก้มหน้าซบอกกอดมันแน่นแล้วห้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง “ใครทำมึงแบบนี้เนี่ย? มันเกิดอะไรขึ้น?”
ในตอนนั้น พี่ทีนก็กลับมาพอดี เห็นพี่พีนั่งกอดผมอยู่ก็รีบปรี่เข้ามาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“ไอ้พี!! มึงมาทำไม?”
“กูเห็นไอ้นินมันกำลังจะแขวนคอตัวเอง!! มันเกิดเหี้ยอะไรขึ้นเนี่ย? แล้วทำไมมันอยู่ในสภาพนี้?” พี่พีถามกลับใบหน้าโกรธเคือง
พี่ทีนแหงนมองผ้าม่านที่ถูกผูกเป็นปมบ่วงบนขื่อแล้วทรุดตัวลงร้องไห้ กอดผม “มึงทำบ้าอะไรเนี่ย? อย่าทำแบบนี้อีกนะ!!”
พี่พียังคงไม่เข้าใจสถานการณ์แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ช่วยพี่ทีนพยุงตัวผมกลับขึ้นห้องนอน วางผมลงบนเตียงแล้วทั้งคู่ก็นั่งประกบ
“มันเกิดอะไรขึ้นวะ?”
“มึงกลับไปเถอะ! กูไม่อยากเห็นหน้ามึง!”
“กูไม่กลับ! จนกว่ามึงจะบอกกูว่าทำไมไอ้นินมันเป็นแบบนี้!!” พี่พีกำมือ จ้องหน้าอดีตเพื่อนสนิทอย่างคนโกรธ “มึงทำอะไร? ทำไมไอ้นินมันถึงอยากจะฆ่าตัวตาย?”
พี่ทีนปาดน้ำตาเล่าให้พี่พีฟังตั้งแต่ต้น
“พ่อมึงนี่แม่ง เกินไปจริง ๆ ว่ะ! ทำเชี้ยอะไรขนาดนี้วะ?”
“มึงกลับไปได้ละ! กูไม่อยากเห็นหน้ามึง มึงเองก็ทำร้ายน้องกูเหมือนกัน”
“เมื่อกี้กูเพิ่งช่วยมันนะ!!”
“มันคนละเรื่องกัน!!”
“มึงอย่ามาพาลดิ! เรื่องนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะมึงไม่ใช่หรอ?” พี่พีด่ากลับได้ตรงจุดทำให้พี่ทีนจุกจนเถียงไม่ออก
“พวกพี่สองคนออกไปทั้งคู่เลย! รำคาญ!!!”
“กูไม่ให้มึงอยู่คนเดียวหรอก!” สองคนมองหน้ากัน “งั้นมึงเฝ้ามันให้กูหน่อยกูจะเอาสุกี้ไปใส่ถ้วย” พี่ทีนบอกแล้วรีบลุกออกไป
พี่พีเลื่อนมือมากุมมือผมไว้มองผมด้วยแววตาเศร้าสลด
“นิน...มึงอย่าทำแบบนั้นอีก เข้าใจไหม?”
“พี่ไม่ต้องมายุ่งหรอก”
“กูจะไม่ยุ่งได้ไงก็กู...กูรักมึง!”
“ไปบอกแฟนตัวเองโน่น!”
“นิน…”
“ไม่ต้องมายุ่งกับผม...”
“ก็ไอ้ทีนมันบอกว่ามึงกับไอ้ทองเอกเป็นแฟนกัน! กูก็เสียใจเหมือนกันนะ! แล้วกับน้องฟ้ากูก็ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลย มันมาบอกชอบกู ตอนนั้นกูแค่อยากเอาคืนมึง ก็เลยตอบตกลงไป!”
“เรื่องของพี่เถอะ…”
“นิน…” พี่พีหันหลังไปมองประตู เมื่อเห็นว่าพี่ทีนยังไม่ขึ้นมา มันจึงจับผมพลิกนอนหงาย โน้มตัวมาจูบหน้าผากผมเบา ๆ “กูรักมึงนะ สัญญากับกูได้มั้ยว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก”
ผมยังไม่ทันตอบ พี่ทีนก็เดินกลับมาพร้อมกับถ้วยสุกี้ทีมีควันกรุ่น ๆ ลอยฉุย ถือมาวางลงบนโต๊ะหนังสือแล้วหันไปไล่พี่พี “มึงกลับไปได้แล้ว!!”
“ไม่กลับ!”
“ควย!” พี่ทีนด่าอย่างหงุดหงิด
“พี่พี... กลับไปก่อนเถอะผมโอเค...” ผมบอก แล้วผมเลื่อนมือไปจับมือพี่พี พี่ทีนเหลือบมองครู่หนึ่งก่อนจะหันหลบสายตาทำเป็นหยิบช้อนขึ้นมาคนสุกี้ในถ้วย
พี่พีหันมายิ้มให้เบา ๆ แต่ผมแกล้งทำหน้ามึนใส่ เพราะจริง ๆ แล้วผมก็แค่อยากยั่วพี่ทีนเท่านั้นแหละ “กูไปซื้อของให้แม่ก่อน แล้วเดี๋ยวกูมาหา”
“ไม่ต้องมาหรอก”
“กูจะมา! กูจะมาหาไอ้นิน ไม่ได้มาหามึง!!”
พอพี่พีเดินออกจากห้องไป พี่ทีนก็รีบเดินตามไปติด ๆ ปิดประตูเสียงดังปังเหมือนะเป็นการขับไล่ โดยไม่ลืมที่จะกดล็อคลูกบิด
“ควย!!!” เสียงพี่พีตะโกนด่าจากอีกฝากเสียงดังลั่น ผมหัวเราะออกมาเบา ๆ ทำให้รู้สึกเจ็บแปล้บที่หน้าอกจนไอแค่ก ๆ
“ลุกไหวมั้ย?”
“ผมไม่หิว...”
“ไม่หิวก็ต้องกิน ถ้าพ่อกลับมา มึงจะไม่ได้กินอะไรจนถึงเช้าเลยนะ”
“เรื่องของผม...”
“นี่กูสั่งแบบพิเศษมาเลยนะ สุกี้ทะเลเพิ่มปลาหมึก แบบที่มึงชอบ กำลังร้อน ๆ เลย” พี่ทีนส่งสายตาอ้อนวอน “มา... ลุกมาก่อนกินก่อน แล้วค่อยงอนกูต่อ”
ผมทำหูทวนลม พี่ทีนจึงโน้มมาดึงตัวผมให้ลุกขึ้นนั่ง ผมแกล้งขืนพอเป็นพิธี เพราะอันที่จริงก็หิวอยู่เหมือนกัน
“จะกินเองหรือจะให้กูป้อน?”
“ผมกินเองได้!” ผมลุกจากเตียง กะเผลกไปนั่งที่โต๊ะหนังสือ จ้องมองสุกี้ในถ้วยก่อนจะค่อย ๆ ตักเข้าปาก พอน้ำสุกี้ร้อน ๆ โดนแผลในปากก็ทำให้รู้สึกแสบจนน้ำตาเล็ด พี่ทีนกลับไปนั่งที่เตียงตัวเองแล้วมองผมไม่วางสายตา
“พี่ก็กินสิ...” ผมเลื่อนถ้วยไปทางพี่ทีนช้า ๆ
“มึงกินเลย กูยังไม่หิว”
“กิน!!” ผมพูดเสียงแข็ง พี่ทีนลุกขึ้นมาจากเตียง ผมขยับตัวให้มันนั่งที่เก้าอี้ด้วยกัน
พี่ทีนใช้ช้อนตักปลาหมึกขึ้นมาเป่าเบา ๆ สองสามที แล้วยื่นมาทางผม
“มึงกินก่อน” ผมยอมอ้าปากให้พี่ป้อน จากนั้นมันก็ตักกินด้วยกัน
พอกินเสร็จพี่ทีนก็ยกถ้วยออกไปเก็บเพราะกลัวพ่อจะรู้
ตอนนั้นผมนั่งอยู่เก้าอี้ หันมองตัวเองในกระจก ขอบตาเขียวช้ำ ปากแตก หน้าผากบวมโน ที่แขนก็ถูกกระจกบาด เลือดยังคงไหลซึมออกมา
พี่ทีนเดินกลับเข้ามา เห็นผมนั่งน้ำตาคลอมองกระจกอยู่ มันคุกเข่าลงข้างหน้าผม วางหน้าตัวเองลงบนตักแล้วใช้สองแขนโอบกอด
“ยกโทษให้กูได้มั้ย?” ผมนั่งนิ่ง “ไม่ต้องหายโกรธก็ได้ แต่แค่อยากให้รู้ว่ากูเสียใจจริง ๆ”
“ผมเข้าใจแล้ว... พี่เข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนฟ้องพ่อ พี่ก็เลยฟ้องพ่อเรื่องผมคืน” พี่ทีนเงยหน้าขึ้นมามองหน้า ผมสีหน้าโล่งใจ ยิ้มเบา ๆ “ผมชอบพูด... ว่าพี่เกลียดผม ผมเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่ามันไม่จริง แต่วันนี้ผมก็รู้...ว่ามันจริงตามนั้น...”
“กูขอโทษ ตอนนั้นกูโกรธก็เลยพูดไปแบบนั้น”
“ไม่จริงหรอก! เพราะพี่ก็แสดงออกชัดเจนมามาตลอดไม่ใช่หรอ? พี่ไม่เคยให้ผมซ้อนรถไปโรงเรียน เพราะรังเกียจผมจริง ๆ นั่นแหละ”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นสั่นคลอนก่อนจะส่งหยดน้ำใส ๆไหลออกมาหนึ่งหยด พี่ทีนฟุบหน้าลงบนตักผม “กูขอโทษ”
“พี่จำได้มั้ย? ตอนแม่ผมทิ้งไป ผมเพิ่งเจ็ดขวบ ตอนนั้นพี่เพิ่งเก้าขวบ แต่พี่ทำทุกอย่างให้ผม คอยดูแลทุกเรื่อง พี่ทำมากกว่าพ่ออีก ผมโคตรรักพี่เลย... ทั้งที่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ พี่ก็เกลียดผม แต่ผมก็ยังรักพี่มาตลอด...”
พี่ทีนลุกขึ้น สวมกอดผม สะอึกสะอื้นตัวโยกโยน
มันคลายกอด ปาดน้ำตาตัวเองอีกครั้งแล้วจ้องตาผม เลื่อนมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมบ้าง
“มีช่วงนึง กูรู้สึกคิดถึงแม่กู... แล้วพาลคิดว่าเป็นเพราะแม่มึง! เป็นเพราะมึงเกิดมา! แม่กูถึงทนไม่ไหวแล้วทิ้งไป… กูเอาหลาย ๆ เรื่องมาลงกับมึง… นิน… กูมันก็แค่เด็กโง่ ๆ คนนึงที่ขาดความอบอุ่นจนพาลไปหมด กูขอโทษ…”
เมื่อได้รู้ความในใจถึงสาเหตุที่ทำให้พี่ทีนรู้สึกแบบนั้นกับผมผมก็ยิ่งเจ็บ...เจ็บเพราะเป็นแบบนั้นจริงๆ
“อืมม งั้นมันก็คงเป็นเพราะผมจริง ๆ”
“ไม่เลย! ไม่ใช่! กูเคยคิดแบบนั้น แต่กูรู้แล้วว่ามันไม่ใช่! ไม่ได้เป็นเพราะแม่มึง ไม่ได้เป็นเพราะมึง แต่มันเป็นเพราะ...พ่อ…” พี่ทีนใช้สองมือประคองแนบข้างแก้มผมไว้ ก่อนจะเลื่อนใบหน้ามาจูบลงบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา “ถึงกูจะทำตัวไม่ดีใส่มึงบ่อย ๆ แต่กูก็รักมึงมาตลอดเหมือนกันนะ”
ผมซุกหน้าลงบนไหล่พี่ชายแล้วสวมกอด ความรักที่ผมมีต่อพี่ทีนมันมากจนความโกรธเคืองมลายสิ้น “ผมรักพี่” ผมกล่าวเบา ๆ พี่ทีนกระชับอ้อมกอด แล้วหันมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ “อะไรของพี่เนี่ย?”
“ทำไม? หอมไม่ได้หรอ? ทีไอ้พียังหอมได้เลย” ผมเบะปากใส่
“แล้วพี่เจ็บมั้ย? พ่อทำอะไรพี่บ้าง?” ผมถามพลางเลื่อนมือลูบใบหน้าพี่ทีนเบา ๆ มุมปากมันเขียวช้ำเพราะถูกต่อย
“ไม่เท่าที่ทำกับมึงหรอก”
สายตาเราประสานกัน ความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นในใจ ผมเลื่อนสายตามองริมฝีปากของพี่ทีน รู้สึกอยากจูบมันเหลือเกินแต่ทำไม่ได้ จึงต้องเบือนหน้าหนี ขอให้พี่ทีนพาผมไปที่เตียง
พี่ทีนพยุงผมพาไปนอนบนเตียง ก่อนจะกระโดดขึ้นมานอนด้วยแล้วสวมกอดผมจากด้านหลัง ร่างกายของเราแนบชิดกัน ไออุ่นจากพี่ชายที่เลือนหายไปย้อนกลับมาโอบกอดผมอีกครั้ง
“พี่ทีน...เรื่องพี่พีอ่ะ ไม่ต้องไปโกรธมันหรอก”
“ไม่ต้องมาพูดปกป้องมันเลย!”
“ผมไม่อยากให้พวกพี่ทะเลาะกัน”
“มึงยอมให้มันทำแบบนั้นกับมึงได้ยังไง?”
“จริง ๆ ผมเป็นคนต้องการเอง…”
“ยังไง? มึงทำได้ยังไงไอ้พีมันถึง... ดูชอบมึงขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนมึงกับมันเกลียดกันจะตาย”
ผมทำหน้าคิดครู่นึง ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน
“จำวันที่พี่ใช้ผมไปเอากล่องเครื่องมือที่บ้านพี่พีได้มั้ย?” ผมพลิกตัวหันไปหาพี่ทีนโดยที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดหลวม ๆ อยู่ มันทำเหมือนกำลังคิดก่อนจะพยักหน้าตอบ “วันนั้นผมเห็นพี่พีมันกำลัง...ชักว่าว ในเล้าไก่” ผมเลือกที่จะไม่พูดความจริงออกไปทั้งหมดเพราะกลัวพี่พีอาย “ห้ะ! ไอ้ห่าพีเนี่ยนะ?” พี่ทีนขำก๊ากทันที “ตอนนั้นผมไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป”
“อะไรนะ? ทำแบบนั้นทำไม!?”
“ตอนนั้นผมแค่คิดว่าอยากเอาคลิปไว้ขู่ให้พี่พีเลิกแกล้งผม แต่ผมก็... เอามาบังคับให้มันมามีอะไรกับผมด้วย” พี่ทีนมองหน้าผม ขมวดคิ้วใส่ “ก็มันชอบด่าผม! ล้อว่าผมเป็นตุ๊ด! ผมก็เลยบังคับให้มันมามีอะไรกับผมซะเลย”
“มึงนี่มัน…”
พี่ทีนไม่พูดอะไรต่อซุกจมูกไว้ตรงหัวคิ้วผมแล้วถาม “แล้วมึงชอบมันมั้ย?”
“อืมม...มั้ง…”
“แล้วไอ้ทองเอกล่ะ?”
“ผมกับทองเอกเป็นเพื่อนกัน”
“กูเห็นพวกมึงตัวติดกันตลอด เลิกเรียนก็อยู่แต่กับมัน”
“เผื่อพี่ไม่รู้… ทองเอกเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมมี”
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับคนที่ถูกแกล้งจนร้องไห้อยู่บ่อย ๆ หรอก ทุกคนกลัวจะโดนแกล้งไปด้วยจนไม่มีใครอยากยุ่งกับผม
“เดี๋ยวก่อน! ทำไมพี่ไปบอกพี่พีว่าผมเป็นแฟนกับทองเอก?”
“ก็… ก็กูไม่อยากให้มันมายุ่งกับมึง กูหวงมึงไม่ได้หรอ?”
“เหอะ! ทำเป็นพูด ทั้งที่ตัวเองก็มีแฟนอยู่แล้ว แถมยัง...อีพี่แพรวอีก”
“แต่เรื่องพี่แพรวมึงก็มีส่วนผิดนะ!”
“อะไร? อย่ามามั่ว”
“วันที่มึงพาไอ้พีมามีอะไรกันในห้องอ่ะ กูแอบดูอยู่ที่ประตู…”
“พี่ทีน!! ทุเรศว่ะ!!”
“ทีหลังทำอะไรแบบนั้นก็หัดล็อคห้องด้วยสิวะ!!”
“แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหน?”
“กูเลิกกับแฟนกูไปตั้งนานแล้ว พอมาเห็นพวกมึงเอากันแบบนั้น กูก็... ก็อยากบ้างนะสิ! แล้วมึงก็เห็นว่าเค้าคอยยั่วกูตลอด”
“ไม่ต้องโทษคนอื่นเลย พี่นั่นแหละ! อยากเองแล้วโทษเขายั่ว”
“กูไม่ได้อยากกับเขาซะหน่อย…”
“แล้วอยากกับใคร?” ผมแกล้งถามหยั่งเชิง พี่ทีนไม่ตอบ แกล้งทำเป็นหลับแล้วซุกหน้าแนบใบหน้าผม ผมก็ไม่คะยั้นคะยอต่อ เพราะท่อนลำที่แข็งเป็นท่อนไม้ของพี่พีกระดกหงึกดันหน้าขาผมแค่นั้นก็เป็นการตอบแล้ว ถ้าไม่ติดว่าผมเจ็บตัวอยู่ ผมก็คงรุกเร้ามันมากกว่านี้ไปแล้ว ไงก็เถอะ การที่พี่ทีนแสดงออกกับผมแบบนี้ แปลว่าซักวันนึงก็คงมีโอกาสอยู่
ผมนอนกอดพี่ทีนปล่อยความคิดไหลไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็หลับไป
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ผมสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาตอนที่ได้ยินเสียงรถเครื่องดังขึ้น ผมพลิกตัวไปปลุกพี่ทีนที่นอนกอดผมอยู่
“พี่ทีน พี่ทีน!” พี่งัวเงียตื่นแล้วดึงผมไปกอดต่อ “พ่อกลับมาแล้ว พี่กลับไปนอนเตียงตัวเอง” ผมบอก เพราะกลัวพ่อจะเปิดประตูเข้ามาเห็นเรานอนกอดกัน เดี๋ยวเป็นเรื่องอีก
พี่ทีนเดินเหมือนคนละเมอไปนอนที่เตียงตัวเอง จากนั้นผมผล็อยหลับต่อ
จนกระทั่งกลางดึกคืนนั้น ผมตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกอยากถ่ายหนัก พยายามลากสังขารตัวเองเปิดประตูห้องนอนออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะเสียงทีวียังคงดังอยู่ ผมไม่รู้ว่าพ่อหลับไปหรือยัง ไม่อยากเสี่ยงปลุกพ่อตื่นแล้วรู้ว่าผมแอบออกมาจากห้องแบบนี้
ผมเดินย่องไปห้องน้ำจัดการธุระจนเสร็จแล้วจึงออกมากำลังจะเดินกลับไปไม่เห็นพ่ออยู่หน้าทีวีแล้ว
หัวใจผมหล่นลงไปอยู่ตาตุ่มเมื่อมือข้างหนึ่งล็อคคอผมเอาไว้ ผมเกือบจะกรีดร้องออกมา แต่พ่อใช้อีกมือปิดปากผมไว้ได้ทัน
“กูบอกว่าไม่ให้มึงออกมาจากห้องไง! มึงออกมาทำไม?” พ่อตะคอกถามเสียงดุ กลิ่นเหล่าโชยหึ่งออกมาจากตัว ผมตอบเสียงอู้อี้ ใจความว่า “ผมมาเข้าห้องน้ำ” แต่พ่อไม่ฟัง จับผมพลิกตัวแล้วตบผมฉาดใหญ่ ผัวะ!!ใบหน้าผมบิดหันไปตามแรงตบ จากนั้นพ่อก็ลากผมเข้าไปในห้องครัว
“พ่อผมกลัวแล้ว! ผมขอโทษ! ปล่อยผมเถอะ” ผมคุกเข่าร้องไห้พนมมืออ้อนวอน
“มึงชอบมากใช่ไหมควยน่ะ! มีควยให้เย็ดหีไม่ชอบ ชอบโดนเย็ด! มึงมานี่! โดนควยกูนี่!!” พูดจบพ่อก็ดึงกางเกงตัวเองลง ในตอนนั้นมีเพียงแสงไฟจากห้องน้ำเท่านั้นที่ส่องผ่านออกมา ผมไม่เห็นขนาดควยของพ่อหรอก แต่รู้สึกได้ว่ามันทั้งใหญ่และแข็งตอนที่พ่อจับมันนาบลงบนก้นของผม
พ่อล็อคคอผมเอาไว้ อีกมือก็จับขาผมยกขึ้นวางบนเก้าอี้ ก่อนจะใช้มือเดียวกันนั้นคลำหารูทวารของผม พ่อถ่มน้ำลายใส่มือแล้วชะโลมลงไปบนควยตัวเอง หัวควยที่บานเป็นดอกเห็ดของพ่อจ่ออยู่ตรงปากถ้ำของผม “อ๊อก!!” พ่อดันควยตัวเองเข้ามาพรวดเดียว มันเจ็บมาก เจ็บจนเหมือนร่างกายถูกฉีกออกเป็นสองส่วน
“พ่อ!! ปล่อยผม!! ผมเจ็บ!!”
“มึงอยากมีผัวไม่ใช่หรอ? กูก็จะเป็นผัวให้มึงนี่ไง!”
พ่อเริ่มซอยและกระแทกเอวใส่เข้ามาไม่ยั้ง ผมไม่มีความรู้สึกเสียวเลยแม้แต่น้อย ยิ่งรู้สึกรังเกียจคนเป็นพ่อมากกว่าเดิมที่ทำกับผมแบบนี้
ผมทั้งเจ็บและจุกจนหายใจไม่ออก ไม่รู้ว่าขนาดของมันใหญ่แค่ไหน แต่รู้ว่ามันจุกมากผมไม่สามารถทนสิ่งนี้ไหว เข่าทรุดอ่อนจนแทบจะล้มลง พ่อช้อนตัวไว้ผมแล้วซอยเอวถี่ยิบ ตับ!ตับ!ตับ!! เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้องครัว “อูยยย... หีมึงก็ฟิตดีเหมือนกันนี่! แน่นกว่าของแม่มึงอีก!” ทุกครั้งที่พ่อพ่นคำน่ารังเกียจออกมาพร้อมกับลมหายใจที่มีแต่กลิ่นเหล้า ทำให้ผมรู้สึกขยะแขยง ผะอืดผะอม จนอาเจียนออกมา นองเลอะพื้นห้องครัว แต่พ่อก็ยังไม่ยอมหยุด ยังคงรัวควยซอยใส่ผมไม่บันยะบันยัง
“ไอ้เหี้ย! แม่งเสียวกว่าใครที่กูเคยเย็ดมาเลย ขนาดหีอีแพรวที่ยังสาว ๆ ยังฟิตสู้หีมึงไม่ได้! รู้งี้กูเย็ดมึงไปนานแล้ว!!”
“พ่อ! พะ...พอเถอะ... ผะ...ผมเจ็บ!!” เสียงผมขาดช่วงเพราะถูกกระแทกจนหัวสั่นหัวคลอน
“มึงไม่ต้องมาเรียกกูว่าพ่อ! กูไม่อยากมีลูกเป็นตุ๊ดอย่างมึง! ตอนนี้มึงเป็นเมียกู!”
“โอ้ววว อีเหี้ย!! เสียวจริง ๆ อีสัส!! หีแม่งโคตรฟิต อ่าาาห์” พ่อแร่งเอวกระแทกกระทั้นอย่างหนักหน่วง ผมรู้สึกปวดตึบ ๆ ที่ท้องน้อยเพราะเหมือนควยของพ่อมันเข้าไปลึกมาก
พ่อขยับตัวดันตัวผมให้นอนหมอบราบไปกับโต๊ะกินข้าว กดหลังผมเอาไว้แล้วซอยเอวต่อ “มา!! อีเหี้ย! กูจะแตกแล้ว กูจะเย็ดให้มึงท้องลูกให้กูอีกคนเลย!! อูยยย” พ่อกระตุกตัวกดลำควยให้ลึกสุดโคนจนพงหมอยหนา ๆ แนบกับเนื้อก้นของผม “อ่าาห์ กูแตกแล้ว!! อ่าาห์” พ่อครางลั่น บดเบียนควยอัดเข้ามาราวกับว่าอยากจะให้น้ำควยฉีดเข้าไปให้ลึกที่สุด เผื่อว่าผมสามารถท้องได้
หลังเสร็จสมอารมณ์ พ่อหอบหายใจฟืดฟาด ยังคงกดตัวผมเอาไว้แล้วซอยเนิบ ๆ จนกระทั่งแกถอนลำควยออกมา ผมรู้สึกหวิวจนเข่าอ่อนล้มลงกองกับพื้น
“มึงกลับห้องไปเลย!” พ่อพูดขณะดึงกางเกงตัวเองกลับเหมือนเดิม
ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม ลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซจะไปห้องน้ำเพื่อทำความสะอาด แต่พ่อลากแขนผมแล้วผลักให้กลับไปที่ห้องนอน
ผมเหนื่อยล้าเต็มที ความคิดที่อยากจะฆ่าตัวตายเมื่อตอนกลางวันหวนกลับเข้ามาในหัว แต่แล้วผมก็หักห้ามความคิดนั้น เดินกลับเข้าห้องนอน หันกลับไปล็อคประตู แล้วค่อย ๆ พาตัวเองไปที่เตียงของพี่ทีน
ผมสวมกอดพี่ทีน สะอื้นร้องไห้ออกมาจนพี่ทีนรู้สึกตัวตื่น “เป็นอะไร? หืม?” ผมไม่ตอบ พี่ทีนลูบหลังผมเบา ๆ เพื่อปลอบจนผมหลับไป
-----------------------------------------------------
เช้าวันอาทิตย์ ผมตื่นมาด้วยอาการเจ็บระบม น้ำอสุจิของพอไหลล้นออกมาจนเปรอะกางเกงที่ใส่อยู่ ผสมกับคราบเลือดเกาะแห้งกรังเปื้อนเป็นดวง ผมชั่งใจอยู่สักพักว่าจะบอกพี่ทีนดีไหม แต่แล้วก็ตัดสินใจที่จะไม่บอก กลัวพี่จะโทษตัวเองอีก
ตอนนั้นผมไม่กล้าออกจากห้องนอนเลยเพราะกลัวเจอพ่อ พี่บอกว่าพ่อออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว และทิ้งเงินไว้ให้เราคนละหนึ่งพันบาท เขียนข้อความด้วยลายมือลวก ๆ ลงบนกระดาษด้วยปากกาน้ำเงินว่า "พ่อขอโทษ" คงคิดว่านั่นจะชดเชยกับสิ่งที่ทำไว้ได้
หรือบางทีพ่อไม่ได้อยากจะขอโทษหรอก ที่ทิ้งเงินไว้ให้ก็คงเห็นผมเป็นกะหรี่ ที่เย็ดเสร็จแล้วก็จ่ายค่าตัวให้
“ไปเที่ยวในเมืองกันมั้ย?” พี่ทีนชวนผม พลางชูกุญแจรถเครื่องขึ้นด้วยท่าทางดีใจ มันคงดีใจที่ได้รถคืน
ตอนนั้น ถึงแม้จะเจ็บระบมไปทั้งตัว แต่เพราะผมไม่มีโอกาสได้เข้าเมืองบ่อย ๆ ก็เลยตอบตกลงไป
“ชวนพี่พีไปด้วยดิ” ผมบอก
“เอาจริง?”
“อืม... พี่จะได้ปรับความเข้าใจกันด้วย”
“ปรับความเข้าใจกันเรื่องที่มันเย็ดมึงเนี่ยนะ?” ผมหัวเราะออกมา แม้จะดูเหมือนไม่เต็มใจแต่พี่ก็กดโทรศัพท์โทรหาพี่พีแล้วชวนไปด้วยกันตามที่ผมขอ
“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ”
ระหว่างอาบน้ำผมรู้สึกแสบไปทั้งตัว รวมทั้งรู้ทวาร ผมพยายามใช้สายยางฉีดน้ำเข้าไปแล้วล้างออก หวนนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วรู้สึกรังเกียจตัวเอง
หลังจากได้ชำระร่างกาย ผมก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย พี่พีมาถึงพอดี มันแต่งตัวซะหล่อ พร้อมกับฉีดน้ำหอมมาจนผมฉุน จามออกมาไม่หยุด
“ไปคันเดียวก็พอ… มึงขับ?” พี่ทีนบอกแล้วโยนกุญแจให้พี่พี มันรับกุญแบบงง ๆ แล้วขึ้นขี่รถเครื่อง ผมกระโดดตามขึ้นไป รู้สึกเจ็บก้นแต่ต้องเก็บอาการ สองมือจับเอวพี่พีไว้หลวม ๆ มันจึงดึงแขนให้ผมโอบตัวมันไว้ พี่ทีนเห็นแบบนั้นก็เลยเบิ้ดกะโหลกพี่พีมันไปหนึ่งทีก่อนจะนั่งซ้อนท้าย ดึงผมตัวออกจากพี่พีทันที
“ไม่ต้องไปกอดมัน!”
ผมหัวเราะแบบไม่มีเสียงจนตัวโยกโยน
ระหว่างทาง พี่ทีนกอดผมแน่น พยายามไม่ให้ผมใกล้พี่พีมากเกินไป แกล้งเอาหน้าตัวเองซุกตรงไหล่ผม แล้วลอบหอมแก้มตอนที่คิดว่าพี่พีจะไม่มอง ทำแบบนั้นไปตลอดจนถึงเราถึงตัวเมือง
วันนี้ผมได้ดูหนังในโรงหนัง ได้กินไก่ทอดผู้พันที่เคยได้กินครั้งสุดท้ายตั้งแต่ตอนที่แม่พามา พี่พีกับพี่ทีนก็ดูเหมือนจะดีกันเหมือนเดิม แม้จะยังทำตัวกวนตีนใส่กัน แต่นั่นก็ถือเป็นปกติของทั้งสองคน
“วันนี้ผมโคตรมีความสุข” ผมกระซิบกับพี่ทีนเบา ๆ ตอนขากลับ ผมรู้สึกมีความสุขจริงๆ แม้เมื่อคืนจะเพิ่งผ่านเรื่องโหดร้ายระยำหมาแบบนั้นมาก็ตาม
-----------------------------------------------------