คำเตือนเนื้อหา: เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ประกอบด้วยฉากเพศสัมพันธ์ที่โจ่งแจ้ง การบังคับจิตใจ การข่มขืน ความสัมพันธ์ที่ไม่ยินยอม และการยอมจำนน เรื่องนี้ท้าทายความเชื่อเกี่ยวกับความงาม ความปรารถนา และอำนาจ เมื่อชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบถูกดึงเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่ขัดต่อบรรทัดฐานของสังคม ตัวละครที่สังคมอาจมองว่า “ไม่น่าดึงดูด” ยังมีความปรารถนาและแรงต้องการเช่นเดียวกับคนอื่น การใช้ภาพเหมารวมในเรื่องมีจุดประสงค์เพื่อชี้ให้เห็นประเด็นที่มักถูกมองข้าม โดยไม่ได้มีเจตนาสร้างความเกลียดชังหรือลดคุณค่าของตัวละครใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เวลาผ่านไปเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น แต่ในความรู้สึกของวิคเตอร์ มันเหมือนกับเวลาผ่านไปเป็นเดือน ทุกเช้าเริ่มต้นเหมือนกัน—5.00 น. เสียงนาฬิกาปลุกดังก้องในห้อง เฝ้าบอกให้เขาลุกขึ้นจากเตียงตามตารางการฝึกซ้อมที่วางไว้ ราวกับเครื่องจักร จากนั้นก็เป็นเสียงเคาะประตูเบาๆ ของยายแป๊ด สัญญาณที่คุ้นเคยบอกว่าอีกวันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ตั้งแต่เซสชั่นแรกที่หมอกันต์ใช้ในการทดสอบจิตใจวิคเตอร์ ทุกสิ่งดูเหมือนเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิด การเห็นยายแป๊ดถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเขา ไม่ใช่เพราะความตั้งใจของเธอ แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของการทดลอง—หมอกันต์บอกว่าเพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจและเปิดความคิดของวิคเตอร์ แต่ภาพนั้นยังติดอยู่ในใจเขา
ในตอนนั้นเขารู้สึกรังเกียจในใจลึกๆ ความเหี่ยวย่น รอยริ้วรอยบนผิวหนังที่หย่อนคล้อย มันต่างจากผู้หญิงที่เขาเคยเห็นมาตลอด—นางแบบที่สวยงาม และแฟนสาวของเขา มุกดา ที่ทุกส่วนของเธอสมบูรณ์แบบตามมาตรฐานความงามทั่วไปของโลก แต่ความรู้สึกเหล่านั้นค่อยๆ เปลี่ยนไป เมื่อความคุ้นเคยเข้ามาแทนที่ ทุกวันที่เขาต้องเผชิญกับความจริงตรงหน้า ทำให้ความอึดอัดในตอนแรกค่อยๆ จางหายไป สิ่งที่เคยทำให้เขาไม่สบายใจ กลับกลายเป็นภาพที่ยอมรับได้อย่างช้าๆ.
เขาไม่เคยคิดเลยว่าภาพของร่างกายที่เหี่ยวย่นของยายแป๊ดจะกลายเป็นสิ่งที่เขายอมรับได้ แต่มันกลับค่อยๆ ซึมซับเข้ามาในความคิดอย่างเงียบๆ ทุกวันที่ผ่านไป เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเปลี่ยนไปจากสิ่งที่เคยเป็น ความคิดที่ว่าเขากำลังมองยายแป๊ดในมุมมองที่ต่างจากเดิมทำให้เขารู้สึกอึดอัด แต่ในเวลาเดียวกัน มันกลับมีเสน่ห์บางอย่างที่เขาไม่สามารถละทิ้งได้
ความคุ้นเคยเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาไม่เคยเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงแบบนี้มาก่อน ในขณะที่วันเวลาผ่านไป ความทรงจำจากเซสชั่นของหมอกันต์ยังคงสะท้อนอยู่ในใจเขา มันเป็นช่วงเวลาที่เขาไม่สามารถลืมได้ง่ายๆ ภาพของยายแป๊ดที่เปลือยเปล่าในวันนั้นกลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของความคิดและความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ
วิคเตอร์หวนคิดถึงตอนที่หมอกันต์ขยับตัวเล็กน้อยหลังจากที่ยายแป๊ดเปลือยกายต่อหน้าเขาเป็นครั้งแรก หัวใจของเขาเต้นแรง ราวกับทุกคำถามของหมอกันต์กำลังสะกิดความรู้สึกที่เขาพยายามหลีกหนี “วิคเตอร์ คุณบอกผมหน่อยได้ไหมว่าตอนนี้คุณรู้สึกยังไงกับภาพที่คุณเห็น?” คำถามนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกผลักให้ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่เขาไม่อยากจะยอมรับ
วิคเตอร์สูดหายใจลึก พยายามรวบรวมความคิด “ผม... ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน” ทุกครั้งที่ผมเห็นผู้หญิงคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นแฟนผมหรือคนอื่นๆ พวกเขามักจะดูสมบูรณ์แบบเสมอ แต่ร่างกายของยายแป๊ดกลับแปลกตา ท้าทายทุกความเชื่อที่ผมเคยมีเกี่ยวกับความงาม ความสมบูรณ์แบบที่ผมเคยเชื่อว่าจำเป็น กลับถูกแทนที่ด้วยความจริงที่อยู่ตรงหน้า มันเป็นภาพที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง.
เขาพูดพร้อมกับภาพในหัวของเขาที่เต็มไปด้วยผู้หญิงที่เขาเคยพบในชีวิต ตั้งแต่นางแบบจนถึงมุกดา ร่างกายที่สวยงามของพวกเธอเปรียบเสมือนสิ่งที่เขาคุ้นเคย ทุกสัดส่วนสมบูรณ์แบบตามมาตรฐานที่คนอื่นตั้งไว้ แต่ภาพของยายแป๊ดนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
“กับยายแป๊ด... มันไม่ใช่อย่างนั้น” เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงสับสน “มันไม่ได้เป็นเรื่องของความสมบูรณ์แบบ... แต่เป็นความจริงที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน”
หมอกันต์มองวิคเตอร์อย่างตั้งใจ แล้วถามคำถามที่ทำให้เขายิ่งรู้สึกสับสน
“แล้ววิคเตอร์ คุณเคยผ่านประสบการณ์กับผู้หญิงมาก่อนหรือเปล่า? คุณยังบริสุทธิ์อยู่ไหม?”
วิคเตอร์เงียบไปพักหนึ่ง คำถามนั้นทำให้เขาต้องคิดย้อนกลับไป เขาเคยมีความสัมพันธ์กับมุกดา แต่สิ่งที่เขารู้สึกในตอนนี้กับสิ่งที่เขาเห็นในยายแป๊ดมันแตกต่างออกไป มันไม่ใช่แค่เรื่องทางกายภาพ มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่สามารถนิยามได้
“จริงๆ ครั้งแรกของผม... ตอนมัธยมปลายครับ หมอ” วิคเตอร์เริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงเงียบๆ สายตาของเขาจ้องมองไปข้างหน้าเหมือนย้อนกลับไปในความทรงจำ ตอนนั้นผมเพิ่งขึ้นปีสุดท้าย เป็นช่วงที่ผมกำลังมีการแข่งขันว่ายน้ำระดับประเทศ ทุกคนมองว่าผมเป็นคนที่มีชีวิตสมบูรณ์แบบ ทั้งร่างกาย ความสามารถ ผมเป็นที่สนใจของผู้หญิง แต่ความจริงคือ... ผมไม่เคยมั่นใจเวลาอยู่ใกล้พวกเธอจริงๆ ไม่เคยไปไกลกว่าแค่จับมือหรือจูบ
ครั้งแรกที่มันเกิดขึ้นจริงๆ หลังจากผมชนะเหรียญทอง เรามีงานเลี้ยง มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ผมเคยคุยด้วย เธอสวยและได้รับความนิยม คืนนั้นหลังงานเลี้ยง ผมไปส่งเธอที่บ้าน เธอบอกให้ผมขึ้นไปในบ้าน ผมรู้สึกตื่นเต้นและประหม่า ผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้น เธอบอกให้ผมนั่งที่เตียง และเธอเริ่มถอดเสื้อ ตอนนั้นหัวใจผมเต้นแรงมาก ผมไม่รู้จะทำยังไง... ผมรู้สึกประหม่า แต่เธอก็ยิ้มและบอกผมว่าไม่ต้องกังวล เธอนำทางผมทุกอย่าง
มันเป็นครั้งแรกของผม และผมก็รู้สึกว่าเธอเข้าใจ ผมพยายามทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็รู้สึกว่าผมยังไม่พร้อม แต่เธอทำให้ผมรู้สึกว่าผมโอเค มันไม่ใช่เรื่องทางกายภาพ แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกที่ผมไม่ต้องสมบูรณ์แบบตลอดเวลา”
เมื่อเขาหยุดพูด ความรู้สึกเขินอายที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขาก็เริ่มจางหายไป แต่คำถามจากหมอกันต์ยังคงดังก้องอยู่ในใจของเขา มันเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยพูดถึงกับใครมาก่อน แต่การที่ต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกเหล่านี้ในเซสชั่นนั้นทำให้เขาเริ่มตระหนักถึงความจริงในใจของตัวเองมากขึ้น การบอกเล่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ครั้งแรกนำมาสู่คำถามใหม่ที่ทำให้เขาต้องไตร่ตรองถึงประสบการณ์อื่นๆ ที่ตามมาในชีวิตของเขา
วิคเตอร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ ร่างกายสูงใหญ่และเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาถูกปกคลุมเพียงกางเกงในตัวเดียว ผิวที่เนียนและตึงกระชับสะท้อนแสงจางๆ ของห้อง หมอกันต์นั่งตรงข้ามเขา ตั้งใจฟัง แต่ในห้องนั้นไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขา ยายแป๊ดที่นั่งเปลือยกายอยู่ด้านหลังของวิคเตอร์กำลังจับจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของเขา ความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากสายตาของเธอทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเข้มข้น
ร่างกายที่เปลือยเปล่าของยายแป๊ดแตกต่างอย่างมากกับความสมบูรณ์แบบของวิคเตอร์ ริ้วรอยบนผิวหนังที่หย่อนคล้อยของเธอ เป็นสิ่งที่เคยทำให้เขารู้สึกอึดอัด แต่ในขณะนี้ วิคเตอร์รับรู้ถึงสายตาอิจฉาและความปรารถนาที่แฝงอยู่ในทุกการจ้องมองของเธอ แม้ว่าเธอจะเปลือยกายอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่ภายในใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ความรู้สึกในห้องที่เต็มไปด้วยความเงียบและความตึงเครียดทำให้วิคเตอร์รู้สึกเหมือนเขากำลังถูกควบคุมโดยสายตาของยายแป๊ดที่จ้องมองมาที่เขา การสัมผัสของมือเธอบนร่างกายของเขา ความเย็นจากนิ้วเหี่ยวย่นนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนบางสิ่งในตัวเขากำลังจะถูกปลดปล่อยออกมา ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน ราวกับว่าการสัมผัสครั้งนี้เป็นการเปิดประตูเข้าสู่โลกที่เขาไม่เคยรู้จัก
หมอกันต์พูดขึ้นอย่างใจเย็น “วิคเตอร์ แล้วโดยปกติคุณเคยมีประสบการณ์แบบ hook up บ้างไหม? หรือคุณมีความสัมพันธ์ที่จริงจังมากกว่า?”
วิคเตอร์รู้สึกถึงความอึดอัดจากการจ้องมองของยายแป๊ด เขาลังเลเล็กน้อย แต่ก็ตอบตรงไปตรงมา “ก็มีบ้างครับ... ในฐานะนักกีฬา ผมได้รับความสนใจจากผู้หญิงมาก และบางครั้ง... มันก็ง่ายที่จะมีความสัมพันธ์แบบนั้น โดยเฉพาะหลังจากงานเลี้ยงหรือหลังการแข่งขันที่สำคัญ”
ขณะที่วิคเตอร์พูด ยายแป๊ดที่นั่งเงียบอยู่ก็กำมือแน่น หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาที่ไม่สามารถปิดบังได้ เธอรู้สึกว่าเธอไม่มีทางเทียบกับผู้หญิงเหล่านั้นได้ ทั้งที่เธออยู่ใกล้กับวิคเตอร์มากที่สุดในขณะนี้ แต่กลับไม่มีสิทธิ์ในร่างกายที่เธอปรารถนา
หมอกันต์เอ่ยถามต่อ “แล้วคุณรู้สึกยังไงเกี่ยวกับการ hook up เหล่านั้น? คุณรู้สึกเหมือนคุณควบคุมทุกอย่างได้หรือเปล่า?”
วิคเตอร์ครุ่นคิดชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมา “บางครั้งผมก็รู้สึกว่าผมเป็นคนควบคุม แต่ก็มีหลายครั้งที่มันเหมือนกับว่าผมแค่ตอบสนองสิ่งที่คนอื่นคาดหวังจากผม ผมทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ มากกว่าที่ผมต้องการจริงๆ”
คำพูดนั้นทำให้วิคเตอร์รู้สึกถึงน้ำหนักที่กดดันลงในใจของเขา เขาตระหนักว่าเขาไม่เคยเป็นตัวของตัวเองในทุกความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ทุกสิ่งที่เขาทำเหมือนถูกกำหนดโดยความคาดหวังจากคนรอบข้าง แต่ตอนนี้ สิ่งที่เขารู้สึกกับยายแป๊ดมันแตกต่างออกไป มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถนิยามได้ชัดเจน ราวกับว่าเขากำลังถูกดึงเข้าสู่โลกที่เขาไม่เคยรู้จัก
คำตอบของวิคเตอร์สะท้อนถึงความจริงที่เขาซ่อนไว้ในใจมานาน เขาตระหนักว่าไม่ว่ากี่ครั้งที่เขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิง ความรู้สึกของเขากลับไม่เคยลึกซึ้งพอ ราวกับว่าเขาแค่ทำตามบทบาทที่คนอื่นคาดหวังจากเขา แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ ทุกคำพูดของเขากำลังถูกฟังจากสายตาของยายแป๊ด ผู้ซึ่งนั่งเงียบอยู่และจ้องมองเขาอย่างใกล้ชิด มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียด
ขณะที่วิคเตอร์พูด ยายแป๊ดค่อยๆ ขยับตัวเล็กน้อย มือของเธอสัมผัสเบาๆ บนผิวที่เหี่ยวย่นของตัวเอง เธอไม่ต้องการให้ใครสังเกตเห็น แต่ภายในใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกอิจฉาและความปรารถนาที่ลึกซึ้ง เธอรู้สึกว่าผู้หญิงเหล่านั้นช่างโชคดีเหลือเกินที่เคยสัมผัสร่างกายสมบูรณ์แบบของวิคเตอร์ ขณะที่เธอไม่มีวันจะได้สัมผัสเช่นนั้น
หมอกันต์หันมาทางยายแป๊ด “คุณฟังวิคเตอร์พูดถึงผู้หญิงในชีวิตของเขาแล้ว คุณรู้สึกยังไง?”
ยายแป๊ดเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาของเธอจ้องไปที่ร่างกายเปลือยท่อนบนของวิคเตอร์ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง “แปีดรู้สึกว่าผู้หญิงพวกนั้นช่างโชคดีเหลือเกิน พวกเธอได้รับทุกอย่างจากเขา ทั้งความสนใจ ความดูแล และการใส่ใจ... พวกสาวสวยมันคงไม่รู้หรอกว่ามีอะไรอยู่ตรงหน้าพวกมัน”
น้ำเสียงของยายแป๊ดสั่นเล็กน้อย แต่เธอกลับไม่ยอมแสดงความอ่อนแอมากกว่านั้น สายตาของเธอยังคงจดจ้องไปที่วิคเตอร์ ร่างกายของเขาที่สมบูรณ์แบบตรงหน้าเธอทำให้เธอยิ่งรู้สึกถึงความต่างที่ยิ่งใหญ่ระหว่างตัวเธอกับผู้หญิงที่เขาเคยอยู่ด้วย
ยายแป๊ดพูดต่ออย่างคมชัด “แป๊ดไม่เหมือนผู้หญิงพวกนั้น แป๊ดไม่เด็ก แป๊ดไม่สมบูรณ์แบบหรือสวยงาม แต่แป๊ดเข้าใจเขา แป๊ดเห็นเขาในแบบที่พวกเธอไม่เคยเข้าใจ”
สายตาของวิคเตอร์สบกับของยายแป๊ด ความตึงเครียดที่ซ่อนอยู่ระหว่างพวกเขาสะท้อนออกมาในห้องอย่างชัดเจน ยายแป๊ดขยับตัวเข้ามาใกล้อีกนิด ร่างกายของเธอยังคงเปลือยเปล่าแต่กลับแสดงถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในการควบคุมสถานการณ์นี้
วิคเตอร์ตอบกลับอย่างสับสน “ยายแป๊ด... ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ยายแป๊ดกลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความรู้สึกของความเป็นเจ้าของ “พวกผู้หญิงเหล่านั้นพลาดโอกาสของพวกเธอไปแล้ว แต่ตอนนี้ถึงคราวของแป๊ด...”
คำพูดของยายแป๊ดหนักแน่นและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่วิคเตอร์ไม่คาดคิด ความเงียบในห้องถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด ทุกคำที่ออกจากปากของเธอเหมือนเป็นการประกาศความเป็นเจ้าของของเธอต่อเขา ร่างกายเปลือยเปล่าของเธอยิ่งทำให้คำพูดเหล่านั้นทรงพลังและเข้าถึงหัวใจของวิคเตอร์อย่างชัดเจน ราวกับว่าความรู้สึกที่เขาเคยมีต่อเธอในอดีตกำลังจะถูกท้าทาย
หลังจากช่วงเวลานั้น เซสชั่นจบลง วิคเตอร์ยังคงคิดถึงภาพนั้นอยู่ในหัวตลอดเวลา รู้สึกเหมือนบางสิ่งที่ติดอยู่ในจิตใจของเขา แม้จะจบเซสชั่นแต่ภาพของร่างกายยายแป๊ดไม่เคยจางหายไปไหน มันกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของความคิดในทุกๆ วัน
วิคเตอร์ตื่นขึ้นจากเตียง ผ้าห่มที่คลุมกายหล่นลงไปกองอยู่ที่ปลายเท้า เขาค่อยๆ ขยับร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรง ตาเขาเบลอเล็กน้อยจากการนอนหลับที่ไม่เต็มที่ สะท้อนแสงจางๆ จากหน้าต่างที่ค่อยๆ รับแสงอ่อนของรุ่งอรุณ เขาลุกขึ้นยืน สะบัดไหล่เบาๆ เพื่อคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ จากนั้นเดินไปที่กระจกเงาบานใหญ่ตรงมุมห้อง
สายตาของวิคเตอร์ไม่สามารถละจากภาพสะท้อนของตนเองได้ ร่างกายที่ดูแข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบในสายตาคนอื่น แต่ในใจของเขากลับรู้สึกไม่สมบูรณ์เหมือนที่เคย สองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาไม่สามารถหลบหนีความรู้สึกอึดอัดที่คอยตามหลอกหลอนเขา ภาพของยายแป๊ดในสภาพเปลือยเปล่าคอยแทรกซึมเข้ามาในความคิดของเขา ความอึดอัดและความแปลกประหลาดที่เคยทำให้เขาหลบเลี่ยงกำลังค่อยๆ จางหายไป กลายเป็นความคุ้นเคยที่เขาไม่อาจหลีกหนีได้อีกต่อไป ทุกครั้งที่เขานึกถึงภาพนั้น หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นราวกับว่าเขากำลังจะหลุดจากความเป็นตัวเอง ความรู้สึกที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้เขารู้สึกอึดอัด ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ทำให้เขาต้องการมากขึ้นในทุกๆ วัน เขาเริ่มสงสัยในตัวเองว่าเหตุใดถึงรู้สึกแบบนี้ ทำไมสิ่งที่เคยทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ กลับกลายเป็นสิ่งที่เขาโหยหามากขึ้นในทุกเช้า?
เสียงฝีเท้าของยายแป๊ดที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้งจากห้องข้างๆ ทำให้วิคเตอร์ที่กำลังยืนอยู่หน้ากระจกเงาในห้องนอนต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาเพิ่งเริ่มต้นวันใหม่ แต่ความคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาในเซสชั่นนั้นยังคงวนเวียนในหัว ภาพของยายแป๊ดที่เปลือยเปล่ายังคงแทรกซึมเข้ามาในจิตใจอย่างไม่หยุดหย่อน
ประตูเปิดเบาๆ ยายแป๊ดโผล่หน้าเข้ามา รอยยิ้มอบอุ่นที่เขาเริ่มคุ้นเคยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ “วิคเตอร์คะ วันนี้คุณมีซ้อมตอนเช้า 8 โมงนะคะ แต่เธอต้องจัดการเรื่องเรียนด้วยล่ะ อาจารย์มหาวิทยาลัยโทรมาตามแล้ว เธอขาดเรียนไปสองสัปดาห์แล้ว เดี๋ยวจะตามงานไม่ทัน”
วิคเตอร์ยังคงยืนอยู่หน้ากระจก มองร่างของตัวเองในกางเกงในตัวเดียว กล้ามเนื้อที่แข็งแรงและเรียบตึงสะท้อนแสงจากหน้าต่างที่รับแสงอ่อนๆ ของรุ่งอรุณ ความรู้สึกของความเหนื่อยล้าที่ซ่อนอยู่ในแววตาแสดงให้เห็นถึงน้ำหนักของความรับผิดชอบที่เขาต้องแบกรับ ทั้งการซ้อมที่เข้มงวดและการเรียนที่เขาห่างหายไปหลายสัปดาห์
“สองสัปดาห์แล้วเหรอ?” วิคเตอร์ถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วๆ เขาสับสนกับเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ยายแป๊ดหัวเราะเบาๆ ขณะเดินเข้ามาใกล้ “ใช่จ้ะ คุณต้องเริ่มตามงานให้ทันแล้วล่ะ เดี๋ยวยายจะช่วยเช็คงานให้เอง เธอไม่ต้องห่วงอะไร แค่ตั้งใจซ้อมว่ายน้ำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว”
คำพูดของยายแป๊ดฟังดูเรียบง่าย แต่ในน้ำเสียงนั้นมีบางอย่างที่ทำให้วิคเตอร์รู้สึกถึงความแน่วแน่ที่ไม่อาจปฏิเสธ เขามองร่างกายที่สะท้อนในกระจก กล้ามเนื้อที่เต็มไปด้วยพลัง แต่ในใจกลับรู้สึกอ่อนล้าไม่เหมือนก่อนหน้านี้ ทั้งการซ้อม การเรียน และความรู้สึกที่ไม่อาจนิยามได้ชัดเจนเกี่ยวกับยายแป๊ดเริ่มกดดันเขามากขึ้น
วิคเตอร์ยังคงนิ่งเงียบกับความรู้สึกที่ค่อยๆ สับสนในใจ “ยายแป๊ด...” เขาเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ผมรู้สึกว่าชีวิตมันซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมไม่รู้จะจัดการทุกอย่างยังไงดี”
ยายแป๊ดขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม ร่างของเธอแทบจะสัมผัสกับร่างของวิคเตอร์จากทางด้านหลัง “ไม่ต้องกังวลหรอกจ้ะวิคเตอร์ ยายจะอยู่ตรงนี้เพื่อช่วยเธอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอไม่ต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง”
คำพูดนั้นฟังดูง่าย แต่ความรู้สึกที่แฝงอยู่ทำให้วิคเตอร์รู้สึกถึงความผูกพันที่ซับซ้อน เขาไม่ได้หันกลับไปมองเธอ แต่ความอบอุ่นจากคำพูดของยายแป๊ดทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย
ก่อนที่เธอจะออกจากห้อง ยายแป๊ดวางมือเบาๆ บนไหล่ของวิคเตอร์ “พักให้เต็มที่นะคะ วันนี้คุณยังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย”
เสียงประตูปิดลงช้าๆ ทิ้งให้วิคเตอร์อยู่คนเดียวอีกครั้ง เขามองร่างกายของตัวเองในกระจก มันดูสมบูรณ์แบบตามที่คนอื่นเห็น แต่ในใจของเขายังเต็มไปด้วยความคิดที่ไม่อาจเข้าใจได้ เขารู้ว่ามันยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ต้องเผชิญในวันข้างหน้า ทั้งการซ้อม การเรียน และงานสังคมกับแม่ในค่ำคืนนี้
แต่สิ่งที่เขาสับสนมากที่สุดก็คือ... ความรู้สึกที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปต่อยายแป๊ด
วิคเตอร์ถอนหายใจยาว เขาหันกลับไปมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ร่างกายที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบของเขาดูขัดแย้งกับความรู้สึกสับสนในใจ เขานึกถึงภาพของยายแป๊ดในเซสชั่นนั้น ร่างกายที่เหี่ยวย่นแต่กลับแผ่พลังบางอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“ทำไมกัน...” เขาพึมพำกับตัวเอง “ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้”
เสียงฝีเท้าของยายแป๊ดดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้วิคเตอร์สะดุ้งเล็กน้อย เขาหันไปมองประตูด้วยความรู้สึกผสมปนเปกันระหว่างความกังวลและความคาดหวัง
ยายแป๊ดเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่คุ้นเคย “วิคเตอร์คะ ยายเตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้วนะ เดี๋ยวลงมากินด้วยกันนะ”
วิคเตอร์พยักหน้ารับ แต่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายตาของเขาจับจ้องไปที่ยายแป๊ด ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจ
ยายแป๊ดสังเกตเห็นสายตาของวิคเตอร์ เธอยิ้มกว้างขึ้น “มีอะไรหรือเปล่าคะ? ทำไมมองแป๊ดแบบนั้น?”
วิคเตอร์กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “ยายแป๊ดครับ... ผม... ผมรู้สึกแปลกๆ” เขาพูดออกมาอย่างลังเล
ยายแป๊ดเดินเข้ามาใกล้ขึ้น มือของเธอยื่นออกมาแตะที่แขนของวิคเตอร์เบาๆ “ไม่เป็นไรนะคะ บอกแป๊ดมาสิว่าเป็นยังไง”
วิคเตอร์พยักหน้า เริ่มตักอาหารเข้าปาก แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง แต่ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร
ยายแป๊ดนั่งลงตรงข้ามเขา มองดูวิคเตอร์ด้วยสายตาอบอุ่น “คุณวิคเตอร์คะ พรุ่งนี้แป๊ดอยากพาคุณไปที่ใหม่ๆ บ้างนะ ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอยู่แต่กับบ้าน สระว่ายน้ำ โรงยิม แป๊ดเข้าใจความรู้สึกค่ะ”
วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมอง ความสงสัยปรากฏในดวงตา “ที่ไหนเหรอครับ?”
“ตลาดเช้าจ้ะ” ยายแป๊ดยิ้ม “แป๊ดอยากให้คุณได้เห็นโลกภายนอกบ้าง นอกจากสระว่ายน้ำกับโรงยิม แล้วแป๊ดก็อยากเลือกของสดๆ มาทำอาหารให้คุณด้วย”
วิคเตอร์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ “ครับ ถ้ายายแป๊ดว่าอย่างนั้น...”
“ดีมากจ้ะ” ยายแป๊ดยิ้มกว้าง “งั้นพรุ่งนี้เราตื่นแต่เช้านะ แป๊ดจะปลุกคุณเอง”
วิคเตอร์รู้สึกถึงความตื่นเต้นบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจ เขาไม่แน่ใจว่าการออกไปข้างนอกกับยายแป๊ดจะเป็นอย่างไร แต่เขาก็พร้อมที่จะเผชิญกับมัน
ขณะที่ทานอาหารเช้าต่อ วิคเตอร์คิดถึงวันพรุ่งนี้ที่กำลังจะมาถึง เขารู้ว่ามันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในชีวิตของเขา
“ดีมากจ้ะ” ยายแป๊ดยิ้มกว้าง “งั้นพรุ่งนี้เราตื่นแต่เช้านะ แป๊ดจะปลุกคุณเอง”
วิคเตอร์พยักหน้ารับ “ครับ ผมจะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ด้วย”
“ส่วนวันนี้...” ยายแป๊ดเอ่ยต่อ “ก็ซ้อมตามปกตินะคะ โค้ชบอกว่าอยากให้เน้นเรื่องความเร็วในช่วงโค้งสุดท้าย”
วิคเตอร์พยักหน้าอีกครั้ง รู้สึกถึงความกดดันที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง “ครับ ผมจะพยายามเต็มที่”
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ วิคเตอร์ก็เริ่มวันด้วยการซ้อมอย่างหนักตามปกติ ทั้งวันของเขาหมดไปกับการว่ายน้ำและการฝึกในโรงยิม แต่ในใจลึกๆ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้