บทหนึ่งของชีวิต ตอน โลกมันกลม 5 โดย Orama เรื่องที่ผมจะเขียนต่อไปนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเพราะมี FC ส่งข้อความมาหาว่าอยากให้เขียน “บทหนึ่งของชีวิต ตอนเจ้าบ่าวลองชุดแต่งงาน” ต่อ ผมเลยลองจินตนาการเขียนไปเรื่อย ๆ ไม่มีเส้นเรื่องไม่มีตอนจบ อาจจะหนักไปทางดราม่า มากกว่าบท 25+ ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นภาคต่อ ที่ผมเขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่ และเหตุการณ์ในเรื่องเป็นเหตุการณ์สมมติ มิได้พาดพิงถึงองค์กร วิชาชีพ หรือกลุ่มบุคคลใด ๆ ใครไม่ชอบก็ผ่านไปได้เลย...เข้าใจตามนี้นะครับ ---------------------------------------------------- “ไปกินที่ไหนมาต๊ะ” “ร้าน......................” ผมบอกชื่อร้านภัตาคารชื่อดังทุกคนถึงกับร้องฮื่อ “โห....ที่นั่นโคตรแพงเลยนะ แพงยังไม่พอนะแถมยังจองคิวล่วงหน้าเป็นเดือนกว่าจะได้กิน” “ดีนะที่จับไอ้ต๊ะลอกคราบไม่งั้นขายหน้าชิ๊บหาย” พี่ต้อยพูดเสริมขึ้น “แหม...ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพี่ต้อยทางโน้นเขาก็แต่งตัวปกติไม่เห็นมีอะไรพิเศษ” “ปกติบ้านป้าแกดิ....ชุดคุณพัดพิจารณาคร่าวๆ ด้วยสายตาอันแหลมคมของชั้น ราคารวมน่าจะไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท ส่วนชุดคุณแม่แทบจะหาค่ามิได้แล้วส่วนของแกทั้งหมดนี่แค่ 3,000 กว่าบาทเอง” “หา........ตั้งสามพันกว่าบาทใส่แค่นี้....เอาไปขายคืนได้ปะพี่” “ไอ้บ้าต๊ะ....ไอ้ห่านี่........แม่งมึงจะขี้เหนียวไปถึงไหน”พี่ต้อยตะโกนเสียงดังขึ้นมาทันที “55555555555555555555” ทุกคนหัวเราะขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน “ว่าแต่ชุดสามพันกว่าบาทพอมาอยู่บนตัวต๊ะแล้วก็หาค่าไม่ได้เหมือนกันนะต๊ะ” พี่นิดเข้ามาตบบ่าผม “ว่าแต่เมื่อกี้....กิ้ว....กิ้ว...มีกอดกันด้วย...ชักยังไงอยู่น้า...มีอะไรหรือเปล่า” พี่นิดยังไม่เลิกแซว “เออ...ไม่ใช่อย่างที่พี่ ๆคิดหรอกครับ” “แล้วมันยังไงไหนเล่ามาดิ” ทุกคนเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังผม “เออ...แล้วทำไมพวกพี่ ๆ กลับไวกันจังนี่ยังไม่ดึกเลย....ไหนบอกว่าจะพากันท่องราตรีทั้งคืนไง” “ไอ้ต๊ะ.....!” ทุกคนตะโกนขึ้นแทบจะพร้อมกัน “มึงเล่ามาเดี๋ยวนี้...เร็ว”พี่ต้อยอดรนทนไม่ไหวอยากรู้เรื่องเต็มที่ ผมค่อย ๆ เล่าทุกอย่างที่คุณพัดเล่ามาเมื่อสักครู่ตั้งแต่คุณพันไม่สบายแล้วเสียชีวิต จนคุณแม่ต้องโทษตัวเองเป็นแรมปี จนมาถึงงานแต่งของคุณพงษ์ที่เชียงใหม่แล้วตามหาผมเรื่อยมาจนถึงวันนี้ พอเล่าจบพี่หวานถึงกับต่อมน้ำตาแตกปล่อยโฮออกมาเสียงดังลั่นบ้านน้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้มโดยไม่รู้ตัว โดยมีพี่สักดึงพี่หวานเข้ามาซบอก “เออ....พี่ไม่คิดเลยนะว่ามันจะมีเรื่องซ่อนไว้อีกเยอะ”พี่นิดพูดเหมือนรำพึงขึ้นมา “ตอนแรกกูก็ว่าเรื่องมันแปลก ๆ แล้วนะ...แต่พอฟังจบมันยิ่งแปลกหนักกว่าเก่า”พี่หวานพูดขึ้นมาอีก “เขียนเป็นนิยายได้เรื่องนึงเลยนะโว้ย”พี่ต้อยพูดเสียงดัง “ไม่ไหวว่ะต้อย...กว่ากูจะเขียนจบเรื่องคงเสียน้ำตาเป็นปีบ...แค่ฟังแค่นี้เขื่อนน้ำตากูยังพังทะลายเลย” “เอาว๊ะ....ถือว่าช่วยคนแก่ให้มีความสุข...ได้บุญเยอะนะต๊ะ”พี่นิดพูดขึ้นมา “ครับ” “แล้วต่อไปนี้แกเอาไงว๊ะต๊ะ”พี่ต้อยหันมาถามผม “ก็ทำตัวปกติแหละพี่” “ข้าหมายถึงคุณแม่คุณพัดที่เชียงใหม่” “ก็อาจจะขึ้นไปหาท่านบ้างเป็นครั้งคราวครับ” “เดี๋ยวกูยังคาใจ...เมื่อกี้เห็นยืนกอดกันกับคุณพัดหมายถึงอะไร” พี่ต้อยยังไม่หายสงสัย “เออ.....ไหนบอกว่าทำเพื่อคุณแม่แล้วมายืนกอดลูกชาย....เอ.....หรือว่าคุณแม่จะเอาไอ้ต๊ะไปเป็นแฟนคุณพัด” พี่หวานพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย “บ้าใหญ่แล้วพี่หวาน….เดี๋ยวก่อน...เมื่อกี้แอบดูกันใช่ปะ...บอกมาดี ๆ” “ไม่ได้แอบดูก็แกเล่นประเจิดประเจ้อขนาดนั้น” พี่นิดแถไปน้ำขุ่น ๆ “ผมมองขึ้นมาครั้งแรกยังเห็นไฟเปิดอยู่พอหันมาอีกทีไฟปิด” “เล่ามาก่อนต๊ะ...กูอยากรู้ว่ากูจะได้น้องเขยหรือน้องสะใภ้”พี่ต้อยรุกหนักขึ้นไปอีก “พี่ต้อย....................”ผมเรียกพี่ต้อยเสียงดัง “ก็เล่ามาซักทีซิว๊ะ” พี่ต้อยคงทนไม่ไหวตะโกนเสียงดังใส่ผม “เมื่อกี้ที่คุณพัดเขามากอดผมเพราะเขาอยากขอบคุณ” “เฮ้ยมีกอดขอบคุณด้วยโว้ย”พี่นิดตะโกนเสียงดังขัดขึ้นมาทันที “พี่นิดจะฟังมั้ย” ผมหันไปมองค้อนพี่นิด “โอ๋ ๆ ๆ ฟัง ๆ ๆ” “ตอนแรกเขาก็แค่จับมือผมแล้วเขย่าเพื่อเป็นการขอบคุณที่วันนี้ผมดูแลคุณแม่เขาให้มีความสุขแล้วเขาก็บอกว่าอย่าทิ้งคุณแม่ไปไหนอีกนะครับพี่พัน….แล้วเขาก็กอดผมแน่นพร้อมกับร้องไห้” “โฮ......ฮือ........ฮือ........” คราวนี้พี่หวานถึงกับร้องไห้โฮออกมาเสียงดังกว่าเก่า พร้อมกับซบหน้าไปที่อกพี่สักแน่นพร้อมกับสะอื้นจนตัวโยน “อืม....................” พี่นิดแหงนหน้าขึ้นมองเพดานพร้อมเปล่งเสียงในลำคอแล้วก็หันหน้าไปทางอื่น “กู......ตื้อไปหมดเลยว่ะ” พี่ต้อยถึงกับงงหันหน้ามองคนโน้นทีคนนี้ที “แล้วต๊ะคิดยังไง” พี่นิดถามขึ้น “ยังคิดไม่ออกครับ” ผมตอบไปตามตรง “คิดให้ดีนะโว้ยต๊ะ....ชีวิตแกทั้งชีวิตที่ต้องไปเป็นตัวแทนคนที่ตายไปแล้วเชียวนะมึง”พี่สักพูดเสริมขึ้นมา “เออ...ใช่” พี่หวานตบต่อ “คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้งครับ”ใจผมเริ่มหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย “ดูแววตาที่คุณแม่จ้องมองแกมันเหมือนทั้งรักทั้งหวง”พี่นิดเริ่มวิเคราะห์เหตุการณ์ทันที “เฮ่อ................ในที่สุดพจมานก็พบท่านย่าที่พลัดพรากจากกันมาหลายปี”พี่สักโยนไปเรื่องอื่นอีก “ไหน....มีปานดำที่ตูดหรือเปล่าว๊ะ”พี่นิดรับลูกหันมาจับผมหมุนไปมา “พี่นิด.................” “เฮ่อ.........คิดไปก็สงสารเหมือนกันเนาะโทษตัวเองว่าทิ้งลูกมาเป็นสิบ ๆ ปี มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน….เอ้าว๊ะต๊ะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด….สู้ สู้ไอ้น้อง” พี่นิดเริ่มพูดปลอบใจ “พวกพี่ไปกันใหญ่แล้วผมไม่ได้ไปออกรบที่ไหนนะครับ ดีเสียอีกที่มีคนมารักเราเพิ่มอีก 1 คน ดีกว่ามีคนเกลียดนะครับ” “เออ...........” ทุกคนตะโกนขึ้นมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน “เซ็งเลยวันนี้เลยไม่ได้เที่ยว”พี่นิดตะโกนเสียงดัง “อ้าว.........” “ไม่ต้องมาอ้าว...กินข้าวเย็นไม่ถึงชั่วโมงก็รีบกลับมานั่งลุ้นเรื่องแกกันจนเยี่ยวเหนียวหมดแล้ว”พี่ต้อยพูดด้วยความหงุดหงิด “55555555555555” ผมหัวเราะเสียงดังขึ้นมาทันที “เฮ่อ.....รู้งี้ย่ำราตรีเมืองพัทยายันสว่างเลยดีกว่า”พี่นิดพูดมาด้วยความผิดหวัง “ไปตอนนี้ก็ยังไม่สายนะครับพี่นิด” “ตีนกูนี่....หมดอารมณ์โว้ย...ไปแยกย้ายกันไปอาบน้ำ” ผมนั่งลงที่โซฟา เงียบ ๆ โดยพี่ ๆเข้าไปในห้องอาบน้ำนอนกันหมดแล้ว ผมเดินออกไปยืนตรงระเบียงเงียบ ๆ คนเดียว ผมคิดถึงคุณพงษ์ขึ้นมาทันทีป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างมีลูกหรือยัง หลังจากที่ผมได้สร้างตราบาปไว้ก่อนที่คุณพงษ์จะแต่งงานก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย แล้วรู้หรือเปล่าว่าคุณแม่มาตามหาผมเพื่อเป็นตัวแทนคุณพันฝาแฝดคุณพงษ์เพื่อชดเชยสิ่งที่คิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง ผมยืนกอดอกมองออกไปกลางทะเลอย่างเลื่อนลอยไม่รู้ว่าอนาคตจะวางตัวแบบไหน เป็นไอ้ต๊ะต่อไป หรือเป็นคุณพันตามที่คุณพัดขอร้อง ********************* ประมาณ 9 โมงคุณพัดมาหาผมที่ห้อง “หวัดดีครับพี่ต้อย พี่นิด” “หวัดดีครับคุณพัด” “เรียกพัดเฉย ๆ ก็ได้ครับไม่ต้องมีคุณหรอกครับ” “อืม....ได้ ๆ ๆ” “มาหาต๊ะหรอ” “ครับ” “อ้าวต๊ะมาพอดี….พัดมาหาแนะ” “คืออย่างนี้ครับคุณแม่จะกลับไปขึ้นเครื่องที่กรุงเทพ เห็นว่าคุณต๊ะจะไปขึ้นรถทัวร์ที่หมอชิตคุณแม่เลยมาชวนคุณต๊ะไปด้วยกัน ส่วนพี่ ๆ ที่จะไปเชียงใหม่จะได้ไม่ต้องตีรถเข้ากรุงเทพวิ่งบายพาสได้เลย” “เออ.....ดีเหมือนกันว่ะเบื่อรถติดชิ๊บหาย”พี่หวานเสนอขึ้นมาทันที “หวาน”พี่สักเรียกพี่หวานเสียงดัง “เออ....หวานพูดอะไรผิดหรอ” พี่หวานทำหน้าเหรอหรา พี่สักรีบโบ้ยปากให้พี่หวานหลบไปก่อน “ไม่เป็นไรครับงั้นเดี๋ยวพี่ต้อยไปบายพาส เดี๋ยวผมไปกับคุณพัดเองก็ได้ครับ ดอนเมืองกับหมอชิตก็ไม่ไกลกันเดี๋ยวผมต่อรถมาหมอชิตเองครับ” “เดี๋ยวผมไปส่งที่หมอชิตเลยครับ” “ไม่เป็นไรครับ ลำบากเปล่า ๆแล้วไปกี่โมงครับ” “สัก 10 โมงเดี๋ยวผมมารับครับ” “ได้ครับ” “ต๊ะ.......พี่ขอโทษ” พี่หวานค่อย ๆ เดินออกมาจากซอกไหนก็ไม่รู้รีบมายกมือไหว้ขอโทษผม “เออ...ขอโทษผมทำไมครับ” ผมยังงงกับเหตุการณ์ “ก็เรื่องที่พี่บอกให้ไปกับคุณพัดไง” “อ๋อ....เมื่อคืนผมคิดดูแล้วครับว่าจะกลับรถตู้กรุงเทพพัทยา พี่ๆ จะได้ไม่ต้องตีรถเข้ากรุงเทพ เสียเวลาเปล่า ๆ” “ไอ้ต๊ะ....แม่ง...มึงนี่มันเป็นคนดีชิ๊บหาย...ห่วงแต่คนอื่น” พี่นิดคว้าร่างผมเข้าไปกอดแน่นจนผมเองก็ตกใจ “พี่นิด” “บุญรักษานะมึง.....คนดีอย่างมึงตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้” พี่นิดกอดผมแน่นพร้อมกับสะอื้นเบา ๆ ผมแหงนหน้าดูพี่นิด ที่แกพยายามแหงนหน้าไม่ให้น้ำตาไหลออกแต่มันก็ค่อย ๆ ซึมไหลลงมาถึงคางแกแล้วหยดลงหน้าผม “พี่นิด.........อย่าทำแบบนั้นดิ....ต้อยเองรู้สึกผิดเลย”พี่ต้อยรีบเข้ามาปลอบเราทั้งสองคน “อะไรกันครับพี่.......ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับ จบมหาลัยแล้ว กรุงเทพผมก็เคยมาอยู่แล้วด้วย ไม่หลงหรอกครับ” ทุกคนดราม่าจนเป็นที่พอใจก็แยกย้ายเก็บข้าวเก็บของ เกือบ 10 โมง พี่ต้อยและพี่ ๆ เดินไปส่งผมที่รถคุณพัดซึ่งที่บ้านคุณพัดเอารถมาถึง 3 คัน มีหลาน ๆ มาด้วย รวมแล้วเกือบ 10 คน “ถึงบ้านแล้วโทรหาพี่นะต๊ะ”พี่ต้อยสำทับอีกครั้งก่อนที่จะแยกจากกัน “คราบบบบบบบบบพี่ต้อย” “สงสัยพี่ต้อยกลัวผมหลอกคุณต๊ะไปขายนะครับ....ดูสายตาซิ”คุณพัดพูดล้อเล่นทันที “ไม่ใช่หรอกครับ พี่ต้อยแค่กลัวพ่อเพ่นกระบานให้เท่านั้น” “อ้าวทำไมล่ะครับ” คุณพัดถามด้วยความสงสัย “ก็พ่อผมคาดโทษไว้ว่าทิ้งน้องเมื่อไหร่หัวแตกเมื่อนั้น” “55555555555555” “แม่รับรองว่าต๊ะจะปลอดภัยทุกอย่าง”คุณแม่เข้ามาตอนไหนไม่รู้ “ขอบคุณครับคุณแม่” ผมยกมือไหว้คุณแม่ ก่อนที่จะพากันขึ้นรถ โดยผมนั่งหน้าคู่กับคุณพัดที่เป็นคนขับและมีคุณแม่นั่งเบาะหลัง รถเก๋งโตโยต้าแคมรี่สีทองใหม่เอี่ยมเลื่อนตัวออกจากบังกะโลของพัทยาเพื่อมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพทันที
$ y `5 W" D) i; b2 \4 q v4 }, I) V % D* @. {/ j3 M) g
|