บทหนึ่งของชีวิต ตอน โลกมันกลม 6 โดย Orama เรื่องที่ผมจะเขียนต่อไปนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเพราะมี FC ส่งข้อความมาหาว่าอยากให้เขียน “บทหนึ่งของชีวิต ตอนเจ้าบ่าวลองชุดแต่งงาน” ต่อ ผมเลยลองจินตนาการเขียนไปเรื่อย ๆ ไม่มีเส้นเรื่องไม่มีตอนจบ อาจจะหนักไปทางดราม่า มากกว่าบท 25+ ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นภาคต่อ ที่ผมเขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่ และเหตุการณ์ในเรื่องเป็นเหตุการณ์สมมติ มิได้พาดพิงถึงองค์กร วิชาชีพ หรือกลุ่มบุคคลใด ๆ ใครไม่ชอบก็ผ่านไปได้เลย...เข้าใจตามนี้นะครับ ---------------------------------------------------- ผมกับคุณพัดคุยกันเบา ๆ มาตลอดทางผมชำเรืองดูคุณแม่ทางกระจกหลังเห็นท่านนั่งอมยิ้มอย่างมีความสุข “ต่อไปคุณต๊ะไม่ต้องเรียกผมว่าคุณพัดแล้วนะครับเรียกพัดหรือน้องพัดก็ได้” “งั้นก็ห้ามเรียกผมว่าคุณต๊ะเหมือนกันเรียกต๊ะเฉย ๆ ก็ได้ครับ” “ตกลง....แต่ต๊ะอายุมากกว่าผมเกือบ5 ปี” “เฮ้ย...หน้าผมแก่ขนาดนั้นหรอ ผมเพิ่ง 22 เข้า 23” “เฮ้ย...จริงดิ....งั้นปีเดียวกัน” “ผมหน้าแก่ขนาดนั้นเลยหรอ” “เปล่าครับ...ก็เห็นเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว...ผมนึกว่ารุ่นเดียวกับพี่พงษ์ แต่หน้าเด็กมากผมว่าจะถามตั้งแต่แรกแล้วแต่ลืมถาม” “ตอนแรกแม่ก็คิดว่าไม่น่าจะรุ่นเดียวกันน่าจะเป็นรุ่นน้อง” คุณแม่พูดมาจากเบาะหลัง “หน้าผมแก่กว่าวัยมั้งครับคุณแม่” “ตอนนั่นแม่ว่าน่าจะมาจากชุดมากกว่าเพราะใส่เหมือนกันแถมแต่งด้วยเลยเหมือนกันเลยไฟก็สว่างเลยแยกรอยตีนกาไม่ออก” คุณแม่แซวมาจากข้างหลัง “คุณแม่คราบ” “555555555555555555555555”คุณแม่หัวเราะเสียงดัง อย่างอารมณ์ดี พอรถเข้ามอเตอร์เว ผมเห็นคุณแม่ก็หลับปุ๋ยพัดเลยส่งยิ้มแล้วหันมาชวนคุยกับผมเบา ๆ กลัวคุณแม่ตื่น แต่เราสองคนหนักไปทางสบตากันแล้วก็อมยิ้มมากกว่า “วันนี้พัดไปเชียงใหม่ด้วยมั้ยครับ”ผมถามคุณพัดขึ้น “ไปครับ ผมไปส่งคุณแม่ที่เชียงใหม่แล้วค้างสักคืนสองคืนแล้วก็กลับกรุงเทพครับ...งานผมส่วนใหญ่อยู่กรุงเทพ” “อ๋อ...ครับ” “แล้วต๊ะล่ะ กลับไปทำงานที่ขอนแก่น” “ผมยังไม่ได้ทำงานครับพี่ต้อยบอกว่าอย่าเพิ่งทำ ให้นอนเฝ้าบ้านเฉย ๆ ไปก่อน เผื่อใครมาขอดูบ้าน..ขายบ้านเสร็จผมว่าจะมาหาสอบเข้าทำงานราชการที่กรุงเทพ” “ผมนึกว่าต๊ะทำงาน.....เออ......ถ้างั้นเอาอย่างนี้มั้ยวันนี้ต๊ะไปเชียงใหม่กับพวกเรานะครับ..นะครับ” “เออ......จะดีหรอครับผมไม่มีตั๋ว” “เรื่องตั๋วไม่ต้องห่วงครับเดี๋ยวผมจัดการเอง” “ผมยังไม่ได้บอกพี่ต้อยเลย” “ต้องบอกทำไมครับ เดี๋ยวเราไปเซอร์ไพร์พี่ต้อยที่เชียงใหม่เลย” “เออ..............” “นะครับ...วันนี้ไปเชียงใหม่กับเรานะครับ..ถ้าคุณแม่รู้คงดีใจ…นะครับ” “คือ....คือ...แต่วันนี้เงินผมไม่พอค่าตั๋วเครื่องบินนะครับ”ผมยังกังวลเพราะวันนี้ผมมีเงินติดกระเป๋าพันกว่าบาท “เอ้ย...นึกว่าอะไร...เรื่องนั้นยิ่งไม่ต้องเป็นห่วง...เดี๋ยวผมจัดการให้หมด…นะครับ ไปเชียงใหม่กับเราวันนี้นะครับ” “เออ...ก็ได้ครับ...งั้นเดี๋ยวถึงเชียงใหม่แล้วผมจะเอาเงินกับพี่ต้อยคืนให้ครับ” “บอกแล้วไงครับว่าไม่ต้องห่วง...นะครับ”สายตาพัดออกแววขอร้องมาก แววตาสั่นระริกเหมือนรอความหวัง “เออ....งั้นก็ได้ครับ” “ขอบคุณครับ”พัดมีอาการดีใจอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับอมยิ้มอย่างมีความสุขแต่ผมเองกับเริ่มเป็นกังวล นึกในใจ เฮ่อ....นี่กูใจง่ายไปเปล่าว๊ะ...ใครชวนไปไหนก็ไปกับเขาหมดพี่ต้อยรู้คงโดนบ่นอีกแน่ ๆพักบอกให้ผมเงียบ ๆไว้ก่อนที่จะไปเชียงใหม่อย่าเพิ่งบอกคุณแม่ ผมเองก็เออ ๆ ออ ๆ ไปตามที่พัดบอก เราขับรถแวะไปส่งหลาน ๆ ส่วนนึง แล้วมาถึงสนามบินดอนเมืองประมาณบ่ายสอง หลาน ๆ พัดขับรถกลับบริษัทให้โดยทิ้งให้พวกเราสามคนเดินเข้าไปในสนามบินดอนเมือง “เดี๋ยวคุณแม่อยู่กับต๊ะตรงนี้ก่อนนะครับเดี๋ยวผมเช็กอินให้” “ได้...แล้วต๊ะกลับยังไงลูก” ผมไม่ตอบไม่แต่อมยิ้มเพราะพัดบอกว่าให้ไปเซอร์ไพร์คุณแม่บนเครื่องโดยแอบขอบัตรประชาชนผมไปตั้งแต่ขับรถมา “เดี๋ยวผมส่งคุณแม่ก่อนครับแล้วค่อยกลับ”ผมพูดไปตามบทที่คุณพัดบอกมา ผมไม่ได้มุสาเพียงแต่ไม่ได้ส่งแค่ดอนเมืองแต่จะไปส่งถึงเชียงใหม่ แล้วค่อยกลับขอนแก่น “เครื่องออก ตั้ง 5 โมงเย็นรอส่งแม่แล้วเราคงกลับขอนแก่นลำบาก” “ไม่ลำบากหรอกครับได้อยู่กับคุณแม่นาน ๆ” “โอ้ย....ทูนหัวของแม่” คุณแม่โน้มหัวผมเข้าไปหอมฟอดใหญ่ ผมเห็นพัดวิ่งไปวิ่งมา เพื่อหาตั๋วให้ผมคิดไปคิดมาก็ไม่น่าทำให้พัดต้องยุ่งยากขนาดนี้เลย “เรียบร้อยครับ” “เช็กอินแล้วหรอตาพัด” “เรียบร้อยแล้วครับคุณแม่ เดี๋ยวเราไปนั่งในร้านอาหารตรงโน้นก่อนมั้ยครับอีกเกือบสองชั่วโมงกว่าเครื่องจะออก อีกสักชั่วโมงค่อยไปที่เกท” “ดีเหมือนกันแม่อยากกินสปาเก็ตตี้” “ไปครับคุณแม่....ไปต๊ะลุกขึ้น” พัดประคองคุณแม่เดิน ส่วนผมถือกระเป๋าใบเล็กของคุณแม่แล้วก็เป้เสื้อผ้าผม ส่วนเป้ของพัดพัดแบกเอง ซึ่งกระเป๋าก็ไม่ใหญ่ เราสามคนทานอาหารในร้านกาแฟชื่อดังไปเรื่อยๆ จนประมาณสี่โมงกว่าพัดชวนเข้าไปนั่งในเกท “เดี่ยวต๊ะจะไปส่งเราสองคนในเกทด้วยนะครับคุณแม่” “อ้าว...ได้หรอ” แม่ถามด้วยความสงสัย พัดยังไม่ยอมบอกความจริง ส่วนผมได้แต่ยิ้มอย่างเดียวเพราะขืนพูดไปกลัวหลุด พัดก็เลยห้ามพูด ถึงเวลาพนักงานเรียกขึ้นเครื่องพัดพาคุณแม่ขึ้นไปก่อนโดยพัดได้ริมหน้าต่าง คุณแม่นั่งตรงกลาง และผมนั่งริมทางเดิน ผมเดินขึ้นเครื่องคนสุดท้ายเข้าไปนั่งช้า ๆ ข้าง ๆ คุณแม่ โดยที่คุณแม่ยังไม่หันมา คิดว่าคนอื่น “เก็บกระเป๋าไว้ใต้เบาะด้วยค่ะ” ผมเองก็ลืมเอากระเป๋าไว้บนชั้น พนักงานเลยมาเตือนให้ไว้ใต้เบาะคุณแม่หันมาเจอผมท่านทำสีหน้าตกใจนิ่งไปชั่วขณะ “ต๊ะ........ไหนว่าจะกลับขอนแก่น” “ก็ไปส่งคุณแม่ที่เชียงใหม่ก่อนแล้วค่อยกลับขอนแก่นไงครับ” “เมื่อกี้...........” “ก็ใช่ไงครับส่งคุณแม่ก่อน” “นี่แนะ.....หลอกคนแก่” “แผนเราใช่มั้ยตาพัด” คุณแม่หันไปบิดต้นแขนพัดอย่างแรง “อะไรไม่ดีก็มาลงที่ผม....ผมตกกระป๋องแล้วมั้ง” “ยังจะปากดีอีก....แม่ดีใจที่สุดเลยที่ต๊ะไปกับแม่” “ครับ” “แล้วตกลงกันตอนไหน” “ก็ตอนที่ขับรถมาจากพัทยานั่นแหละครับ” “มิน่าล่ะ เห็นกระซิบกระซาบกัน” “พอดีต๊ะกลับขอนแก่นก็ไม่มีไรทำครับไปอยู่เฝ้าบ้านให้พี่ต้อยเฉย ๆ พัดเลยชวนไปเชียงใหม่ไปส่งคุณแม่ก่อนแล้วค่อยกลับมาพร้อมผม” “แล้วนี่พี่สาวเรารู้หรือยัง” “พัดบอกว่าไปเซอร์ไพร์ข้างหน้าครับ” “เราจะเสียคนเพราะตาพัด....เจ้านี่มันจอมกระล่อน” “คุณแม่คราบ....แล้วคนกระล่อนคนนี้ทำให้ถูกใจมั้ยครับ” “ถูกใจมาก......ขอบใจนะพัด...ขอบใจนะต๊ะ” คุณแม่ใช้มือซ้ายโอบพัดแล้วมือขวาโอบผมให้หัวเราสองคนเข้าไปกอดด้วยความรักความเอ็นดูผมเองก็มีความสุขที่ทำให้คนแก่คนหนึ่งมีความสุข ถึงเชียงใหม่ผมกะว่าจะไปนอนกับพี่ต้อยแต่เชื่อว่าป่านนี้คงยังไม่ถึงเชียงใหม่พัดเลยให้ผมนอนที่บ้าน โดยพัดจัดการหาเสื้อผ้าให้ผมใหม่ทั้งหมด บ้านพัดเป็นครอบครัวใหญ่อยู่กันหลายคนเพราะคุณพ่อเอาพี่เอาน้อง หลาน ๆ มาอยู่ด้วยโดยซื้อที่แล้วปลูกบ้านเองรวมกันหลายหลัง “หลังโน้นเป็นของคุณอาตาพัดส่วนหลังโน้นเป็นของลุงตาพัด พี่ชายพ่อตาพัด” “ครับ” “ส่วนหลังอื่น ๆ ก็เป็นของลูก ๆ” “ครับ” “ไป...พวกเราเข้าไปหาคุณพ่อกัน” ผมเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่กลางบ้านโดยมีชายสูงอายุสองคนนั่งจิบน้ำชาผมจำได้ว่าคนนึงคือคุณพ่อของคุณพงษ์ อีกคนนึงหน้าตาคล้าย ๆคุณพ่อแต่ไม่รู้ว่าเป็นพี่หรือเป็นน้อง ส่วนพัดพาคุณแม่ไปนั่งที่โซฟาอีกตัวนึง พอผมเดินไปถึงพรหมผืนใหญ่ผมก็ค่อย ๆย่อเข่าลงแล้วเดินด้วยเข่าไปนั่งพับเพรียบตรงหน้าพ่อคุณพงษ์แล้วพนมมือก้มลงกราบที่ตัก “บุญรักษานะลูกกิริยายังอ่อนน้อมเหมือนเดิม” ผมนั่งตัวตรงก่อนที่จะพนมมือแล้วก้มหัวกราบชายสูงอายุที่นั่งข้างๆ พ่อคุณพงษ์ “ช่างงดงามเสียจริง ๆหายากนะพี่ที่จะมีวัยรุ่นกราบได้งามขนาดนี้โดยเฉพาะผู้ชายแทบไม่มี” “แล้วผมละครับคุณลุง” พัดนั่งกับคุณแม่ถามขึ้นมาเสียงใส “5555555 อย่าให้พูด....รู้ ๆกันอยู่ 555” “รู้มัยว่าแม่เขาเพรียรตามหาเราอยู่ตลอดเลยนะ”คุณพ่อก้มหน้าคุยกับผมเบา ๆ พร้อมกับแววตาปริ่มไปด้วยความอบอุ่น “ทราบครับ....ท่านเล่าให้ฟังเมื่อวาน” “หากันจนเจอเนาะ....แม่เนาะ...คงไม่จากกันไปไหนอีกแล้วนะพัน”พ่อกันไปพูดกับคุณแม่แล้วหันมาจ้องหน้าผมนิ่ง “คะ...ครับ”ผมรับปากอย่าง งง ๆ และถ้าหูผมฟังไม่ผิดคุณพ่อก็เรียกผมว่าพัน และผมก็เชื่อว่าทุกคนในที่นี้ได้ยินว่าคุณพ่อเรียกผมว่าพันท่านประคองผมให้ลุกขึ้นแล้วสวมกอดแน่น ผมเอง ณ เวลาที่ทำอะไรไม่ถูกเลยไหลไปตามน้ำ “กลับมาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนกันดีกว่ามั้ยแล้วนี่กินอะไรมากันหรือยัง” คุณพ่อถามขึ้นแล้วก็หันไปมองหน้าคนโน้นทีคนนี้ที “เรียบร้อยแล้วครับคุณพ่อ”คุณพัรบอกคุณพ่อ “แล้วนี้ให้พัน เออ....ให้ต๊ะนอนห้องไหน” “อิชั้นเตรียมไว้แล้วค่ะ” ท่าทางจะเป็นแม่บ้านเข้ามาตอนไหนไม่รู้ “ไปเดี๋ยวแม่จะพาไปดูห้องนอน”คุณแม่ลุกขึ้นพร้อมกับหันหน้ามาชวนผมให้ลุกตาม “ครับ”คุณแม่คุณพงษ์พาผมเดินไปด้านหลัง แล้วเจอห้องหลายห้องเรียงกันอยู่ “แม่แก่แล้วขี้เกียดปีนขึ้นปีนลง เลยให้เขาทำห้องให้ข้างล่างกับคุณพ่อส่วนตาพงษ์ ตาพัด ให้ไปนอนบนตึก” คุณแม่เปิดประตูห้องนอนเข้าไปห้องมันกว้างใหญ่มากใหญ่กว่าชั้นล่างอาคารพานิชที่ผมอยู่ที่ขอนแก่นอีก ทุกอย่างเป็นสีฟ้าอ่อน ๆ “พอนอนได้มั้ย” “เอ้อ.....ดีเกินไปด้วยครับ ผมนอนห้องเล็ก ๆ ก็ได้ครับคุณแม่” “พ่อกับแม่นอนฝั่งทางโน้นมีอะไรก็เรียกได้เลย....เจียมช่วยดูแลคุณด้วยนะ” “ค่ะคุณท่าน” คุณแม่สั่งการเสร็จก็เดินออกไปจากห้อง แล้วพัดก็เดินสวนเข้ามา “นอนได้มั้ยต๊ะ....ตอนแรกจะให้ขึ้นไปนอนห้องข้างบนยังว่างอีกหลายห้องแต่คุณแม่ไม่ยอม” “แล้วนี่ห้องใครครับ” “เออ.......ต้องต๊ะไงครับ” “ห้องผม......” ผมถามด้วยความงง “เออ...ผมลืมบอกไปครับคุณแม่บอกว่าตั้งแต่ต๊ะวันนั้น คุณแม่ก็แอบให้คนสืบหาต๊ะมาตลอดแล้วก็ให้ช่างมาทำห้องนี้ไปด้วย ใครถามก็ไม่บอก..ทุกคนก็สงสัยเพิ่งมาวันนี้แหละที่รู้ว่าเจ้าของห้องนี้เป็นใคร” “เออ........ครับ” ผมถึงกับยืนนิ่ง “ห้องนี้อยู่ตรงกับห้องคุณแม่เลยนะ..แม่บอกสักวันเมื่อเจอต๊ะจะให้ต๊ะมานอนห้องนี้ข้างๆ ท่าน...แล้ววันนี้ก็เจอจริง ๆ” “เออ..........” ผมได้ยินอย่างนั้นถึงกับขยับตัวแทบไม่ได้ ตัวชาไปหมด “เออ...ต๊ะไม่โกรธผมและคุณแม่นะครับ” “มะ...ไม่ครับ....เออ..จริง ๆแล้วผมนอนที่ไหนก็ได้ครับ...ไม่น่าสิ้นเปลือง” “ไม่เลยค่ะ....คุณท่านดูมีความสุขมากเลยค่ะเมื่อกี้คุณท่านเดินยิ้มออกไปอย่างมีความสุขซึ่งตั้งแต่อิชั้นมาอยู่ดูแลท่านยังไม่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้เลย” เสียงแม่บ้านพูดขึ้นมา “ใช่ ๆ ผมเองก็ไม่เคยเห็น” “อิชั้นอยู่นี่มาตั้งแต่คุณพัดเกิดยังไม่เคยเห็นคุณท่านทั้งสองมีแววตาที่มีความสุขแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ” แม่เจียมพูดเน้นขึ้นมาอีก “เออ.......................” “น้าเจียมอย่าพูดให้ต๊ะอึดอัดซิครับ”พัดคงจับสังเกตผมได้เลยรีบห้ามแม่เจียวพูดต่อ “ขอโทษค่ะ” “ไม่อึดอัดหรอกครับ......แค่มานี่ก็เกรงใจแย่แล้ว..ผมไม่ได้ทำอะไรให้ท่านเลย” “แค่.....ต๊ะ....มาวันนี้ผมก็ว่าคุ้มแล้วครับ” พัดโผเข้ากอดผมแน่นจนผมเองก็ตกใจ หลังจากที่ทุกคนออกไปหมดแล้วผมเดินสำรวจดูรอบ ๆ ห้อง อีกครั้ง ห้องถูกตกแต่งอย่างสวยงามจริง ๆ แบบล้านนาโมเดิลในตู้เสื้อผ้ามีเสื้อผ้าแขวนอยู่ 3-4 ชุด ผมเอามาดูแล้วมันเป็นชุดพอดีกับผมผมงงว่าเขาเตรียมไว้ตอนไหน ในใจผมเริ่มสับสนอีกครั้งว่าผมคิดถูกหรือคิดผิดที่ตามมาด้วยในครั้งนี้แต่มาถึงขั้นนี้แล้วคิดไปก็เท่านั้น จะโดนหลอกมั้ยคงไม่ใช่เพราะผมไม่มีสมบัติอะไรติดตัวมาเลยผิดกับที่นี่หรูหรายังกะวังข้าวของเครื่องใช้ก็ล้วนแต่มีราคา ผมเห็นนาฬิกาข้อมือวางที่หัวเตียงดูก็รู้ว่ายี่ห้อดังเรือนนี้ราคาคงเป็นแสนแน่ๆ แล้วเขาเอามาวางทำไม หรือว่าเขาลองใจเรา ใจผมว้าวุ่นคิดไม่ตก ผมเข้าไปอาบน้ำซึ่งห้องน้ำสะอาดสะอ้านเหมือนไม่เคยมีใครใช้มาก่อนกลิ่นหอมอบอวน มีอ่างอาบน้ำด้วย ผ้าขนหนูเสื้อคลุมสีขาวสะอาดสบู่ยาสีพันถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย ผมอาบน้ำเสร็จความเมื่อยล้าจากที่เดินทางก็หายเป็นปลิดทิ้งผมใส่เสื้อคลุมสีขาวออกมา เช็ดผมหน้าโต๊ะเครื่องแป้งจนแห้งดีก็เปลี่ยนเป็นชุดนอนขายาวแขนยาว สีน้ำเงินเข้มลายทาง “ก๊อก ๆ”ผมเดินไปเปิดประตูเป็นคุณแม่เข้ามา “อาบน้ำแล้วหรือลูก” “เรียบร้อยแล้วครับ” “ดูซิผมยังไม่แห้งดีเลยนอนแบบนี้เดี๋ยวก็คันมา ๆ เดี๋ยวแม่เป่าผมให้” “ไม่เป็นไรครับคุณแม่เดี๋ยวผมทำเองก็ได้ครับ” “เราก็เหมือนตาพงษ์ ตาพัดนั่นแหละพอแม่คล้อยหลังก็พากันนอนทั้งที่ผมยังเปียก ๆ แล้วเช้ามาก็พากันเกาคะเยอะ...ไป ๆนั่งอย่าดื้อ” “ครับ”ผมไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง โดยมีคุณแม่เอาไดร์มาเปล่าผมอย่างช้า ๆ ท่านค่อย ๆ เอามือสางผมอย่างแผ่วเบาแล้วใช้ลมอุ่น ๆ ค่อย ๆ ไล่ไปตามเส้นผมตั้งแต่โคนผมจนถึงปลายผม “ผมต๊ะนิ่มมากเลย” “เออ...ครับ......” ก่อนที่ผมจะอึดอัดมากว่านี้เสียงพัดก็ดังขึ้น “โห....คุณแม่ลำเอียงผมพัดก็ยังไม่แห้งเลย” “อย่ามากวน” “มาเดี๋ยวผมเป่าให้ต๊ะเองครับคุณแม่นั่งดูตรงนี้ดีกว่าครับ” “เป่าให้แห้งจะได้นอนสบาย” “ครับ ๆ เดี๋ยวผมจะเป่าให้แห้งสนิทเลยครับ” พัดเดินมาหยิบไดร์กำลังจะเป่าผมให้ผม ผมรีบห้ามไว้ “ผมเป่าเองก็ได้พัด” “คุณแม่มองอยู่ถ้างั้นท่านจะมาทำเอง” พัดกระซิบเบา ๆผมเลยต้องยอมให้พัดเป่าผมให้ พอผมของผมแห้งสนิทถึงคราวที่ผมต้องเป่าให้พัดบ้าง “ตาพัดทำไมไม่เป่าเองไปให้ต๊ะทำให้ยิ่งเดินทางกลับมาเหนื่อยๆ” “โห....คุณแม่ครับ...จะลำเอียงทั้งทีก็ให้เนียนๆ หน่อยครับ ต๊ะกับผมก็เดินทางมาพร้อมกัน แถมผมยังขับรถด้วยเหนื่อยกว่าอีก” “ไม่เป็นไรครับคุณแม่...ผลัดกันเป่าครับ” ผมใช้ไดร์เป่าผมให้พัดสายตาก็แอบชำเรืองไปดูคุณแม่ที่นั่งยิ้มหวานดูเราสองคนอย่างมีความสุข “งั้นเป่าแห้งแล้วก็นอนนะลูกแม่ง่วงแล้วขอไปนอนก่อน....ไปเจียม” “ค่ะคุณท่าน” พอคุณแม่ออกไปเจียมปิดประตูให้พัดถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก “เฮ่อ......................ผมขอโทษนะครับต๊ะคงอึดอัดมาก..ผมไม่น่าพาต๊ะมาเลย” พัดพูดเสร็จก็โดดขึ้นไปนอนหงายบนเตียงขนาดใหญ่ทันที “ก็ไม่นี่ครับ...ผมไม่รู้สึกอึดอัดเลยแต่รู้สึกอบอุ่นมากกว่า” “เอ...ขอโทษผมลืมตัวไปมานอนเล่นบนเตียงต๊ะ” “ตามสบายครับผมไม่ถือ” “ถ้าต๊ะอึดอัดก็บอกผมนะครับ” “บอกแล้วไงครับว่าไม่เลยถ้าอึดอัดเมื่อไหร่จะบอก” “ครับ” “ว่าแต่พัดเถอะ....คุณแม่ห่วงผมขนาดนี้อย่ามาอิจฉาทีหลังแล้วกัน” “พัด...พัด...อ้าว.....หลับซ๊ะแล้ว” ผมเก็บไดร์เป่าผมแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้พัดที่หลับปุ๋ยบนเตียงผม ถึงแม้เตียงขนาดใหญ่แต่เวลานี้พัดนอนตรงกลางเตียงพอดี เลยไม่กล้าขึ้นไปนอนเพราะกลัวพัดตื่นคงเหนื่อยจากการเดินทาง ผมปิดไฟในห้องทั้งหมดเหลือเพียงไฟดวงเล็กๆ ตรงโต๊ะหัวเตียง ขนาดนั้นความสว่างจากไฟด้านนอกก็ส่องเข้ามา ผมเดินไปนอนที่โซฟาตัวใหญ่ที่อยู่ริมห้องแล้วหลับไปโดยไม่รู้ตัว 9 ~- x; J# U, l) u3 ]* n; N& J
7 `0 S4 s' ~5 y6 |6 `# Z& H |