ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 117|ตอบกลับ: 6

อ้ายเสือ ตอนที่ 20 ปิดบัง

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
67
พลังน้ำใจ
3513
Zenny
18867
ออนไลน์
602 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวานซืน 11:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-1-25 11:43


20
ปิดบัง

ในห้องแคบที่ไร้แสงไฟสาดส่อง มีเพียงลมหายใจหนักหน่วงที่ดังแผ่วเบา ชมผาถูกตรึงไว้ในอ้อมกอดของสิงหะ ร่างกายของเขาร้อนผ่าวเหมือนกำลังลุกไหม้จากภายใน เสียงกระซิบและคำสั่งที่เปล่งออกมาจากอีกฝ่ายทำให้หัวใจเขาเต้นระรัว

ทั้งวันทั้งคืน สิงหะไม่ปล่อยให้ชมผาหลุดพ้นไปจากสัมผัสของเขา มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยแรงควบคุมยังคงตรึงร่างกายของคนพี่ไว้แนบแน่น เขาไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้ตั้งตัว ก่อนจะเริ่มต้นการปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่า

ความรู้สึกที่ท่วมท้นนั้นเต็มไปด้วยความขัดแย้ง สิงหะไม่อาจปฏิเสธความพึงพอใจที่เขารู้สึกได้จากร่างของชมผา แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกผิดในใจก็ยังคงหลอกหลอนเขาไม่จางหาย

ชมผาเหนื่อยล้าเกินกว่าจะพูดหรือแม้แต่จะขัดขืน ร่างกายของเขาอ่อนแรงจนแทบไม่สามารถต้านทานการกระทำของอีกฝ่ายได้ สิงหะกดริมฝีปากลงบนหน้าผากของคนพี่ในช่วงเวลาที่เขาหมดแรง ก่อนจะกอดร่างของชมผาไว้แนบแน่น

“อยู่กับกูนะ...” สิงหะเอ่ยเสียงแผ่ว ดวงตาที่เคยมุ่งมั่นกลับมีแววสับสน

เมื่อทุกอย่างสงบลง ร่างกายที่เหนื่อยล้าของทั้งสองนอนกอดกันไว้บนเตียงแคบ สิงหะกระชับอ้อมแขนของเขาไว้แน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหลุดลอยไป

สองวันเต็ม ๆ ที่สิงหะจับชมผาไว้ในห้องแคบ ๆ ร่างของชมผาแทบไม่เหลือสภาพ รอยแดงช้ำจากแรงกอดรัดและสัมผัสที่ทิ้งไว้ทั่วทั้งร่างกายเป็นหลักฐานของสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงครางที่เคยดังสะท้อนในห้องกลายเป็นเสียงหายใจแผ่วเบาของคนที่หมดสติไปด้วยความอ่อนล้า

สิงหะนั่งพิงขอบเตียง มองร่างของชมผาที่นอนนิ่งอย่างไร้การตอบสนอง ร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยช้ำและหยาดเหงื่อที่เกาะพราวบนผิวขาวซีดยิ่งทำให้หัวใจของเขาหน่วงหนัก ความรู้สึกพึงพอใจที่เคยครอบงำในช่วงสองวันที่ผ่านมาเริ่มเลือนหาย กลายเป็นความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจ

“กูทำอะไรลงไปวะ...” สิงหะพึมพำกับตัวเอง มือใหญ่ยกขึ้นกุมศีรษะอย่างสับสน สายตาที่มองร่างของชมผาเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ และผิดหวังในตัวเอง

เขาไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ เขาแค่ต้องการขู่ชมผา ต้องการให้คนพี่ถอยห่างจากเรื่องราวของครอบครัวเขา ไม่ให้เข้ามาวุ่นวายกับความลับที่เขาไม่ต้องการให้ใครรู้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเลยเถิดเกินกว่าที่เขาตั้งใจไว้

สายตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างกายบอบบางที่ยับเยินเพราะเขาเอง น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาคม ริมฝีปากที่เคยเอื้อนเอ่ยคำพูดดุดันกลับสั่นเล็กน้อย สิงหะกัดฟันแน่น พยายามกลั้นความอ่อนแอที่เขาไม่เคยแสดงออก

“พี่ไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้...” เขาเอ่ยเบา ๆ แม้คนตรงหน้าจะไม่ได้ยิน น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเสียใจอย่างแท้จริง มือที่เคยใช้ตรึงและบังคับคนพี่ ค่อย ๆ เอื้อมไปแตะเบา ๆ ที่แก้มขาวที่เปื้อนคราบน้ำตา

ชมผายังคงหมดสติ ลมหายใจที่แผ่วเบาค่อย ๆ ผ่อนเข้าออกอย่างเหนื่อยล้า สิงหะมองภาพตรงหน้านานจนแทบลืมเวลา ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความคิดสับสนและคำถามที่เขาไม่กล้าตอบตัวเอง

สิ่งที่เขาทำลงไป...มันถูกต้องแล้วใช่ไหม?

เขายกมือขึ้นลูบหน้าอย่างหนักหน่วง ราวกับพยายามจะปัดเป่าความคิดที่ถาโถมเข้ามา แต่ยิ่งพยายามปฏิเสธ ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งชัดเจน

“กูแม่ง...โคตรเลว” สิงหะพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงที่เคยมั่นคงกลับสั่นเครือเล็กน้อย ราวกับทุกคำพูดนั้นกัดกินหัวใจของเขา

เขาลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีอิดโรย เดินไปหาผ้าขาวสะอาดก่อนจะชุบน้ำเย็นมาอย่างเงียบเชียบ สิงหะค่อย ๆ เช็ดตัวให้ชมผา ร่างที่เคยแข็งแกร่งของคนพี่ตอนนี้ดูอ่อนแรงและบอบบางจนเขารู้สึกเจ็บแปลบในอก

เมื่อทำความสะอาดเสร็จ เขาก็หยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง มองมือละเอียดอ่อนของคนพี่ที่ยังคงมีร่องรอยช้ำจากการกระทำของเขา เขายกมือพี่ขึ้นมาอย่างแผ่วเบา ราวกับกลัวจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บ และก้มลงสัมผัสริมฝีปากลงบนหลังมืออย่างอ่อนโยน

“ขอโทษนะครับ...พี่ชมผา” สิงหะกระซิบเบา น้ำเสียงที่แทบเลือนหายไปในอากาศมีแต่ความรู้สึกผิดอัดแน่นอยู่ เขาเฝ้ามองใบหน้าที่หลับสนิทของชมผาอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและถอนหายใจยาว

เขารู้ว่าต้องกลับบ้านในทันที ความผิดหวังและความสับสนยังคงวนเวียนในใจ แต่เขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานกว่านี้ “ถ้าคนที่บ้านรู้ว่ากูหายไปแบบนี้ มีหวังเรื่องใหญ่แน่” เขาพึมพำกับตัวเอง ดวงตาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด

โดยเฉพาะถ้า เจ้าทัพ พี่ชายของเขารู้ เขาคงไม่สามารถหาข้อแก้ตัวได้ทัน สิงหะบอกเพียงว่าจะไปค้างที่บ้านเพื่อน ซึ่งเป็นคำโกหกที่เขาคิดว่าน่าจะปลอดภัยที่สุดในตอนนั้น แต่ความจริงที่เขากำลังปกปิดกลับหนักอึ้งจนเขาไม่แน่ใจว่าจะรักษามันไว้ได้อีกนานแค่ไหน

สายตาคมของเขามองชมผาอีกครั้ง ร่างที่นอนนิ่งไร้การตอบสนองทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าอะไรนำพาคนพี่มาที่นี่ “เขาตั้งใจตามพวกเรามาทำไมกันแน่?” คำถามนั้นยังคงวนเวียนในหัว แม้เขาจะไม่รู้คำตอบ แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจคือเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับบางอย่างในหมู่บ้านนั้น

สิงหะนั่งอยู่ในห้องมืดสลัว สายตาจ้องมองไปยังความว่างเปล่าในขณะที่ความคิดยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เขารู้ดีว่าคำตอบของเรื่องนี้อาจอยู่ที่เจ้าทัพ พี่ชายที่เขาเคยเชื่อว่าเป็นคนตรงไปตรงมา แต่กลับมีบางอย่างปิดบังเขามาโดยตลอด

“เราควรถามพี่ทัพ...หรือควรปล่อยเรื่องนี้ไปดี?” สิงหะพึมพำกับตัวเอง แต่สุดท้าย เขาก็ตัดสินใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาต้องรู้ความจริงทั้งหมด

หลังจากให้ลูกน้องพาชมผาไปทิ้งไว้ที่ทางเข้าป่า ซึ่งเป็นเส้นทางกลับหมู่บ้าน สิงหะก็กลับมาที่บ้านเพื่อจัดการเรื่องราวของตัวเอง เขาเฝ้ารอเวลาที่เจ้าทัพกลับมา ความกังวลและความสับสนในใจทำให้เวลาเหมือนเดินช้าลง

เย็นวันนั้น หลังจากเห็นเจ้าทัพเดินเข้าบ้านด้วยท่าทีเหนื่อยล้า สิงหะก็รวบรวมความกล้าเข้าไปหา “พี่ทัพ...” เขาเอ่ยเรียก น้ำเสียงเรียบแต่แฝงความจริงจัง

“มีอะไรหรือสิง?” เจ้าทัพตอบกลับ น้ำเสียงสงบเช่นเคย แต่ดวงตาที่หันมามองน้องชายกลับแฝงแววระแวง

“สิงอยากรู้เรื่องหมู่บ้านนั้น...” สิงหะพูดตรง ๆ

เจ้าทัพชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับ “ทำไมจู่ ๆ ถึงถามเรื่องนี้ล่ะ?”

สิงหะหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดชื่อที่เขารู้ว่าจะทำให้พี่ชายสนใจ “พี่รู้จัก...ชมผาไหม?”

ทันทีที่ชื่อของชมผาหลุดออกจากปาก สิงหะก็เห็นสีหน้าของเจ้าทัพเปลี่ยนไป ดวงตาที่เคยนิ่งสงบเต็มไปด้วยความตกใจ

“สิงไปรู้จักมันได้ยังไง?” เจ้าทัพถาม น้ำเสียงเข้มขึ้นแต่ยังคงรักษาความสุภาพ

“เขาเป็นรุ่นพี่ที่สิงรู้จักตอนเรียน” สิงหะตอบอย่างตรงไปตรงมา “เราเจอกันที่หมู่บ้านนั้น แต่เขาตามเรามาทำไม? พี่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม?”

เจ้าทัพนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังตัดสินใจว่าจะเล่าหรือไม่ แต่เมื่อเห็นแววตาจริงจังของสิงหะ เขาก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ถ้าอยากรู้จริง ๆ พี่จะเล่าให้ฟัง...”

เจ้าทัพเริ่มต้นเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงเรียบจริงจัง “ชมผา...เป็นคนที่พี่มักจะมีเรื่องมีราวด้วย ทั้งมันและพี่ไม่ค่อยชอบขี้หน้ากัน”

คำพูดนั้นทำให้สิงหะชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคมจ้องพี่ชายอย่างต้องการคำตอบ

“มันชอบขวัญ และชอบมาตอแยขวัญบ่อยๆ” เจ้าทัพพูดต่อ

คำพูดของเจ้าทัพเหมือนคมมีดที่กรีดลึกลงในหัวใจของสิงหะ ความจริงที่ว่าชมผาชอบคนอื่นทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบจนแทบหายใจไม่ออก

“แล้วทำไมเขาถึงตามพวกเรามา?” สิงหะถามด้วยความสงสัย

“หมู่บ้านนั้น...” เจ้าทัพหยุดไปครู่หนึ่ง เหมือนลังเลที่จะพูดต่อ “มันไม่ใช่หมู่บ้านธรรมดา แต่มันเป็นพื้นที่ของชุมโจร”

สิงหะขมวดคิ้ว “ชุมโจร? หมายความว่ายังไง?”

เจ้าทัพสูดลมหายใจลึก ก่อนจะพูดต่อ “จริงอย่างที่สิงว่า…พี่เคยเป็นโจร เป็นเส้นทางที่ขัดแย้งกัน แต่พี่ก็ไม่มีทางเลือก”

“แล้วชมผารู้เรื่องนี้เหรอ?” สิงหะถามด้วยความสงสัย

“บางทีมันอาจจะรู้...หรืออย่างน้อยก็กำลังสงสัย” เจ้าทัพตอบ “มันอาจจะตามพวกเรามาเพื่อสืบเรื่องราวอะไรบางอย่าง”

สิงหะนิ่งไป คำพูดของเจ้าทัพทำให้เขารู้สึกหนักใจ “แล้วพี่คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับพี่หรือเปล่า?”

“เป็นไปได้...” เจ้าทัพตอบด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง ดวงตาคมที่มองน้องชายเต็มไปด้วยความหนักใจ “พี่ไม่อยากให้ขวัญรู้ว่าพี่เป็นตำรวจ เพราะแบบนั้นพี่ถึงต้องปิดบังทุกคนในหมู่บ้าน ทางเดินของเรามันต่างกันเกินไป...แต่พี่ก็ไม่อยากเสียขวัญไป” น้ำเสียงของเขาแผ่วลงในประโยคสุดท้าย ราวกับความเจ็บปวดในใจถูกดึงออกมาเผยให้เห็น

“สิงเข้าใจพี่ใช่ไหม?”

สิงหะนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ แม้ในใจจะยังมีคำถามมากมาย แต่เขาก็พอเข้าใจเรื่องราวที่พี่ชายปิดบังมาตลอด ความรักที่เจ้าทัพมีต่อขวัญนั้นลึกซึ้งเกินกว่าที่เขาเคยคาดคิด และเส้นทางชีวิตที่ขัดแย้งกันของทั้งสองดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เจ้าทัพแบกรับมาอย่างหนักหน่วง

“พี่ทัพ...” สิงหะเอ่ยเรียกเบา ๆ น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความลังเล “แล้วถ้าสักวันขวัญรู้เรื่องนี้ล่ะ? พี่คิดว่าเขาจะยอมรับได้หรือเปล่า?”

เจ้าทัพหลุบตาลง ถอนหายใจยาว “พี่ไม่รู้...แต่พี่รู้ว่าเรื่องนี้ต้องถูกเก็บไว้ให้ลึกที่สุด ขวัญต้องไม่รู้ พี่จะไม่เสี่ยงให้เขามองพี่เปลี่ยนไป” เขาเงยหน้าขึ้นมองน้องชาย ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “พี่ต้องปกป้องขวัญ ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรไปก็ตาม”

คำพูดของเจ้าทัพทำให้สิงหะนิ่งไป ความมุ่งมั่นในน้ำเสียงของพี่ชายทำให้เขาเข้าใจว่าทำไมเจ้าทัพถึงทำทุกอย่างเพื่อปกปิดความลับนี้

“พี่ต้องระวังตัวนะ...” สิงหะพูดเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาพี่ชาย “แต่สิงอยากให้พี่รู้ไว้นะ ว่าสิงจะอยู่ข้างพี่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”

เจ้าทัพยิ้มบาง ๆ รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความขอบคุณ แต่ก็มีเงาของความกังวลที่ยังคงหลงเหลือ “ขอบใจนะ..สิง”

        
        ************************

หลังจากถูกพามาทิ้งไว้ที่ริมป่า ชมผาก็เริ่มได้สติ ลมหายใจที่หนักหน่วงและเจ็บลึกในอกทำให้เขารู้ว่าฝันร้ายยังไม่จบสิ้น เสื้อผ้าชุดใหม่ที่ถูกสวมใส่บนร่างกายเป็นชุดตัดใหม่ราคาแพง ผ้านุ่มเนียนละเอียดที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้แม้แต่น้อย แต่สิ่งเหล่านั้นกลับไม่มีความหมายสำหรับเขา

ร่างกายที่อ่อนแรงพยายามพยุงตัวขึ้นช้า ๆ สองขาสั่นพั่บ ๆ ไม่อาจรับน้ำหนักได้เต็มที่ หัวเข่าที่ทรุดลงบนพื้นหญ้าทำให้ความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วทั้งตัว เขาพยายามอีกครั้ง แต่มันก็ไม่เพียงพอ ขาของเขาไร้เรี่ยวแรงเกินจะพยุงตัวเองให้ยืนขึ้นได้

“...อึก...” เสียงสะอื้นเบา ๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก น้ำตาอุ่น ๆ ไหลลงมาอาบแก้มโดยไม่อาจห้าม ภาพในหัวของเขายังคงวนเวียนอยู่ที่เรื่องราวโหดร้ายที่เพิ่งผ่านพ้น ภาพเหล่านั้นชัดเจนราวกับมันเกิดขึ้นอีกครั้งต่อหน้าต่อตา

ฝันร้ายไม่ได้จบลง แต่มันกลับยิ่งฝังลึกในใจของเขา ความรู้สึกถูกล่วงล้ำ ถูกกดดัน และไร้หนทางหลบหนี ยังคงตามหลอกหลอนเขาในทุกลมหายใจ

“ทำไม...ต้องเป็นฉัน...” ชมผาพึมพำ น้ำเสียงแหบแห้งและขาดห้วง ความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้อย่างชัดเจน

ลมเย็นที่พัดผ่านมากระทบผิวทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย ร่างกายที่อ่อนล้าพยายามขยับอีกครั้ง มือที่เต็มไปด้วยคราบดินยกขึ้นเพื่อยันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่สุดท้ายก็ล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง

เขาหลับตาแน่น พยายามกลั้นความรู้สึกที่เอ่อล้นอยู่ในอก แต่ไม่อาจทำได้ ฝันร้ายที่ยังหลอกหลอนทำให้เขาไม่สามารถก้าวข้ามสิ่งที่เกิดขึ้นได้

โชคดีที่คนในหมู่บ้านที่รู้จักผ่านมาพบชมผานอนหมดแรงอยู่ริมทางเข้าป่า เมื่อเห็นสภาพที่ย่ำแย่จนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงของเขา พวกเขารีบช่วยพยุงกลับหมู่บ้านอย่างปลอดภัย แต่ก็นอนซมอยู่หลายวัน ไม่ยอมออกมาพบหน้าใคร

ชมผาได้แต่เก็บตัวเงียบ เขาแทบไม่แตะต้องอาหาร เนื้อตัวที่เคยแข็งแรงเริ่มซูบผอม แก้มตอบจนเห็นชัด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง

ผู้เป็นพ่อมองลูกชายที่นอนซมอยู่บนเตียงอย่างอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขาพยายามเข้าไปพูดคุย พยายามเค้นถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ลูก...บอกพ่อได้ไหม ว่าเจออะไรมา?”

ชมผาเบือนหน้าหนีจากสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงนั้น ดวงตาของเขาสั่นไหว แต่ริมฝีปากกลับปิดสนิท เขาไม่มีความกล้าพอจะเล่าความจริงออกไป เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันน่าอับอายเกินกว่าจะพูดได้               

“พ่อช่วยลูกได้นะ...” ผู้เป็นพ่อเอ่ยเสียงเบา แต่เมื่อไม่ได้รับคำตอบ เขาก็ได้แต่นั่งลงข้างเตียง มองลูกชายที่ซ่อนตัวอยู่ในเปลือกที่เขาสร้างขึ้นมาเอง

ชมผาได้แต่มองเพดานห้องด้วยสายตาที่เลื่อนลอย ฝันร้ายที่หลอกหลอนยังคงปรากฏขึ้นในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า รอยแผลในใจนั้นหนักหนาเกินกว่าจะเยียวยา

เขารู้ดีว่าพ่อรักและห่วงใยเขามากเพียงใด แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร คำพูดใด ๆ ก็ไม่เพียงพอที่จะถ่ายทอดสิ่งที่เขาเผชิญมา ความอับอาย ความเจ็บปวด และฝันร้ายที่ยังคงตามหลอกหลอน ล้วนถูกเก็บซ่อนไว้ลึกในใจ ราวกับเป็นบาดแผลที่เขาไม่อยากเปิดเผย

ชมผาจึงเลือกความเงียบ ทิ้งความจริงทุกอย่างไว้ในนั้น แม้หัวใจจะร้องหาความช่วยเหลือ แต่เขากลับไม่กล้าเอ่ยออกมา ราวกับว่าการพูดความจริงจะยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดในใจให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

“ฮึก...ฮึก...”

เสียงสะอื้นแผ่วเบาหลุดออกมาอย่างไม่อาจห้าม น้ำตาไหลรินอาบแก้มอย่างเงียบงัน ราวกับเป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถปลดปล่อยได้ในตอนนี้

ร่างกายที่เหนื่อยล้าพิงพนักเตียง ดวงตาที่เปื้อนน้ำตาจับจ้องไปยังแสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา แสงนวลนั้นเหมือนจะปลอบประโลมเขา แต่ความหนาวเย็นในใจยังคงอยู่

เขาเอื้อมมือไปแตะบริเวณหน้าอกข้างซ้าย ตรงจุดที่หัวใจเต้นช้าลง ความเจ็บปวดที่จับต้องไม่ได้ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ทำไม...” เขาพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงแผ่วเบาและแตกพร่า “ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้...”

ชมผากอดตัวเองแน่น พยายามปลอบใจตัวเองในความเงียบ น้ำตายังคงไหลอย่างต่อเนื่อง ราวกับจะพัดพาความเจ็บปวดออกไป แต่ลึก ๆ ในใจเขารู้ดีว่ามันไม่มีวันลบเลือน

วันเวลาอาจช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้ แต่ในตอนนี้ สำหรับชมผา...ความเงียบและน้ำตาคือสิ่งเดียวที่เขาพึ่งพาได้

มันยากเกินกว่าจะบอกกับใครว่าเขาไม่เป็นอะไร ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้นค่อย ๆ เลือนหายไปจากหัว ราวกับถูกลบออกจนหมดสิ้น ชมผาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองถึงได้เข้าไปในเมืองในวันนั้น เพราะมีเรื่องอื่นที่เข้ามาแทนที่ความคิด

กว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ ต้องใช้เวลาหลายเดือนทีเดียว กว่าที่ชมผาจะค่อย ๆ เริ่มกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เหมือนเดิม แม้จะดูเหมือนว่าเขาสามารถก้าวข้ามเหตุการณ์เหล่านั้นไปได้ แต่ลึก ๆ แล้ว ร่องรอยบางอย่างยังคงหลงเหลืออยู่ในใจ

ในช่วงเดือนแรก ทุกก้าวที่ชมผาเดินออกไปนอกบ้านเต็มไปด้วยความระแวดระวัง แม้เพื่อนบ้านจะยิ้มให้เหมือนเช่นเคย แต่เขากลับรู้สึกเหมือนมีสายตาหลายคู่จ้องมองมา แม้จะเป็นเพียงความคิดในหัวของเขาเอง

ชมผาเริ่มออกไปช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตลาด แต่ก็ยังเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับคนอื่นมากเกินไป เขาพยายามจะใช้ชีวิตให้เหมือนเดิม แต่ความเงียบเหงาและความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ยังคงตามหลอกหลอน

บางครั้ง ในค่ำคืนที่ทุกคนหลับใหล ชมผายังสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย เหงื่อซึมเปียกเสื้อและลมหายใจที่ติดขัดทำให้เขาได้แต่นั่งนิ่งอยู่ในความมืด ความรู้สึกหนาวเย็นในหัวใจทำให้เขารู้ว่า...เขายังไม่หลุดพ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้น


วันหนึ่ง ณ ตลาดในหมู่บ้าน

ในที่สุด ชมผาก็ตัดสินใจออกไปดูแลตลาดเหมือนเช่นวันวาน เขาเดินผ่านผู้คนที่คุ้นหน้าคุ้นตา เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะทำให้บรรยากาศดูปกติ แต่ในใจของเขา กลับมีเสียงสะท้อนของความทรงจำที่ยังคงติดอยู่

“ชมผา! เอ็งหายไปไหนมาตั้งนาน?” คนหนึ่งเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม ชมผาหยุดนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับเบา ๆ

“แค่ไม่ค่อยสบายจ่ะ”

คำตอบที่แฝงความจริงเพียงครึ่งเดียวทำให้เขารู้สึกอึดอัด แต่ก็ยังพยายามรักษารอยยิ้มบาง ๆ ไว้ เขาเดินต่อไปเรื่อย ๆ แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความลังเลว่าจะสามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่

“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว...เห็นเขาว่าตอนที่ไปเจอ สภาพนี่ดูไม่ได้เลยนะ” เสียงซุบซิบของคนในตลาดดังแว่วเข้ามา ชัดเจนพอที่จะสะกิดความทรงจำในใจของชมผา

คำพูดนั้นเหมือนแรงกระแทกที่ส่งภาพเหตุการณ์ในวันนั้นกลับมาชัดเจนในหัว เสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เข้ามาใกล้ เสียงหัวเราะเบา ๆ ที่แฝงความเย้ยหยัน และสัมผัสที่ไม่อาจลืม ทุกอย่างกลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง

ดวงตาของชมผาเบิกกว้าง ร่างกายสั่นเทา น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาโดยไม่รู้ตัว เขาพยายามหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ภาพเหล่านั้นกลับยิ่งทำให้หัวใจเขาเต้นระรัว

“ไม่...หยุด...” เขาพึมพำกับตัวเอง เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน

ทันใดนั้น ชมผาก็สะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดเหล่านั้นออกไป แต่ยิ่งพยายามหนี มันก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ราวกับมีใครกำลังฉายภาพซ้ำในหัวเขา

“ไม่!” ชมผาร้องออกมาดังลั่น ก่อนจะพุ่งตัวออกจากที่ที่ยืนอยู่ วิ่งฝ่าผู้คนในตลาดไปอย่างไม่สนใจเสียงเรียกของใคร

ทุกคนในตลาดต่างตกใจ เสียงฮือฮาดังขึ้นพร้อมกับสายตานับสิบคู่ที่หันมามองร่างของชมผาซึ่งวิ่งฝ่าฝูงชนออกไป เสื้อผ้าที่ดูรุ่มร่ามและสภาพที่ดูหวาดกลัวทำให้ผู้คนเริ่มซุบซิบกันด้วยความสงสัย

“เกิดอะไรขึ้นนะ?”

“นี่เจ้าชมผามันไม่สบายหรือเปล่า?”

“เหมือนเสียสติไปเลย...”

ชมผาวิ่งมาจนถึงมุมหนึ่งที่ลับตาคน ลมหายใจหอบหนักดังชัดเจน ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ราวกับจะล้มลงทุกขณะ เขายกมือขึ้นปิดหน้า พยายามกลั้นเสียงสะอื้นที่เล็ดลอดออกมา แต่กลับไม่สำเร็จ

ทุกอย่างในหัววุ่นวายจนยากจะสงบได้ ดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตาไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจน กระทั่ง...

“อ๊ะ...”

ชมผาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าใบหน้าเขาชนเข้ากับอกของใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงเหมือนจะทรุดลง แต่แล้วมือหนึ่งที่แข็งแรงก็คว้าตัวเขาไว้ได้ทันก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

เสียงทุ้มที่เอ่ยถามอย่างสุภาพเรียกให้เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไร น้ำเสียงทะเล้นก็ตามมา

“พี่ชมผา...”

เพียงได้ยินชื่อของตัวเอง ชมผาก็เริ่มรู้ว่าคนตรงหน้าคือใคร เขาพยายามหายใจให้ช้าลง รวบรวมสติที่กระจัดกระจาย ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าที่ก้มอยู่ขึ้นมองเจ้าของเสียง

ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนที่เขาคุ้นเคยดี สิงหะยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาคมจ้องมาที่เขาด้วยแววตาที่ผสมผสานระหว่างความสงสัยและความกังวล รอยยิ้มบางที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของเขาแฝงไปด้วยความขี้เล่นที่เป็นเอกลักษณ์

“พี่วิ่งหนีอะไรมาเหรอ? หืม?” สิงหะถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่จริงจังนัก แต่สายตากลับไม่ได้ละไปจากใบหน้าของชมผาที่ดูเหนื่อยล้าและเปื้อนคราบน้ำตา

ชมผาไม่ตอบ เขายังหอบเบา ๆ และดวงตาก็ยังหลบเลี่ยงการสบตากับอีกฝ่าย ความรู้สึกหลากหลายประดังเข้ามาในใจ ทั้งความอับอายที่ต้องเจอคนรู้จักในสภาพนี้ และความไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคำถามใด ๆ

“ว่าไงครับ...” สิงหะลดน้ำเสียงลงเล็กน้อย มือที่จับไหล่ของชมผายังคงประคองเขาไว้แน่น “พี่ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? แล้วนี่ร้องไห้ทำไม หืม..”

คำถามนั้นดูเหมือนจะกระตุ้นบางอย่างในใจของชมผา เขาพยายามพูดออกมา แต่ลำคอที่ตีบตันทำให้คำพูดติดอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไร สิงหะก็ค่อย ๆ โน้มตัวลงมาให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับเขา

“ไม่ต้องพูดตอนนี้ก็ได้ครับ แค่อยากให้พี่รู้ว่าสิงอยู่ตรงนี้ ถ้าต้องการอะไร” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนขึ้น ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความทะเล้นตอนนี้กลับแฝงไปด้วยความจริงจัง

ชมผานิ่งเงียบอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ เขาไม่แน่ใจนักว่าควรพูดอะไรหรือควรเริ่มต้นจากตรงไหน แต่ความอบอุ่นจากมือที่ยังจับไหล่เขาไว้และคำพูดของสิงหะทำให้หัวใจที่สับสนสงบลงเล็กน้อย

ในขณะที่ความเงียบยังคงปกคลุมระหว่างพวกเขา สิงหะก็ส่งยิ้มให้เล็ก ๆ แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “งั้นกลับไปพักก่อนดีไหมครับ? ดูพี่เหนื่อยมาก”

ชมผาพยักหน้าอย่างช้า ๆ อีกครั้ง แม้ร่างกายจะยังอ่อนล้า แต่คำพูดนั้นกลับทำให้เขารู้สึกว่ามีที่ให้เขาพักพิงอยู่ตรงนี้

---------------------------------------------
สรุปว่าพี่กับน้องมีเรื่องปิดบังทั้งคู่
แอบสงสารชมผา




นายกสโมสร

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
240819
Zenny
97536
ออนไลน์
17964 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวานซืน 15:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

โสด

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
16652
Zenny
3310
ออนไลน์
6013 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวานซืน 18:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เสือเอ้ยยตอนทำไม่คิด เอาใจช่วยเด้อออ
ขอบคุนคับ

นายกสโมสร

กระทู้
28
พลังน้ำใจ
169862
Zenny
172981
ออนไลน์
28893 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวานซืน 20:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอขอบคุณ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
12991
Zenny
8922
ออนไลน์
701 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 16:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
6939
Zenny
492
ออนไลน์
473 ชั่วโมง
โพสต์ 10 ชั่วโมงที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
สงสารชมผาจังเลย

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
46820
Zenny
16240
ออนไลน์
14084 ชั่วโมง
โพสต์ 3 ชั่วโมงที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2025-1-27 20:50 , Processed in 0.089003 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้