แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-1-26 14:21
-1-
เสียงเพลงดังสนั่นจนแก้วเหล้าในมือสั่นสะเทือนเป็นจังหวะเดียวกับบีทในงานปาร์ตี้ ‘ดิน’ หนุ่มมาดเข้มเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมจนเห็นกล้ามอก กำลังเอนตัวพิงโซฟาอย่างผ่อนคลาย มือขวาจับแก้วเหล้า มือซ้ายลูบต้นขาสาวในชุดแดงรัดรูปที่นั่งเบียดติดข้างเขาเหมือนพยายามจะฝังตัวเองเข้าไปในอ้อมอกอันอบอุ่นของดิน
“คืนนี้โคตรดีว่ะ มึงดูดิ น้องแก้มแดงนี่ก็อย่างกับนางฟ้า แต่ท่าทางโคตรจะยั่ว กูนี่แทบอยากจะกลืนน้องเขาลงคอ” ดินหันไปยิ้มกริ่มใส่เพื่อนที่นั่งข้างๆ พร้อมกับยักคิ้วอย่างเหนือกว่า
“แม่ง มึงนี่มันเจ้าชู้ตัวพ่อจริงๆ” ไอ้แมนยู เพื่อนเขาว่า พลางหัวเราะร่วน “จะเอากี่คนก็บอกกู เดี๋ยวจัดให้”
ดินพยักหน้า “เฮ้ย ไม่ต้องๆ เดี๋ยวคืนนี้กูจัดการเอง” ว่าแล้วก็หันกลับไปหาน้องแก้มแดงที่กำลังเอียงคอส่งสายตาเย้ายวน
“ว่าแต่... พี่ดินเนี่ย มีแฟนหรือยังคะ” เธอถามเสียงหวาน มือบางลูบไล้ที่หน้าอกมันจนดินขนลุกวาบ
“ยังเลย น้องคนสวยอยากลองสมัครตำแหน่งนี้มั้ยจ๊ะ” ดินพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก มือมันเลื่อนลงไปลูบขาเธอเบาๆ ทำเอาเธอหน้าแดงหนักกว่าเดิม
เสียงเพลงจากปาร์ตี้ดังจนแผ่นประตูห้องน้ำสั่นสะเทือน แต่ในห้องน้ำเล็กๆ ที่มีแค่ชักโครกกับกำแพงสี่ด้าน บรรยากาศกลับร้อนแรงจนเหมือนอากาศหายไป ดินกับน้องแก้มแดงพากันเข้ามาในห้องน้ำเล็กๆ หลังจากที่ส่งสายตายั่วยวนกันมาตั้งแต่ในร้าน
พอประตูล็อกดัง "คลิ๊ก!" เท่านั้นแหละ ดินก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาดึงน้องแก้มแดงเข้ามากอดแนบชิดทันที
“พี่ดินนี่... หื่นจริงๆ” น้องแก้มแดงพูดพลางยิ้มยั่ว ใบหน้าของเธอขึ้นสีระเรื่อ
“โทษทีนะ แต่พี่แม่งห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ” ดินพูดพลางก้มลงไปจูบริมฝีปากเธออย่างรวดเร็ว
เสียงจ๊วบจ๊าบของการจูบดังสะท้อนในห้องน้ำแคบๆ มือของดินประคองใบหน้าของเธอไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนลงไปที่เอวของเธอ และดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ขึ้นอีกจนไม่มีช่องว่างเหลือ
น้องแก้มแดงลูบแผงอกแน่นๆ ของดินอย่างไม่เขินอาย นิ้วของเธอค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาทีละเม็ดจนเผยให้เห็นกล้ามอกแข็งแรงที่มันตั้งใจฟิตมาอวดโดยเฉพาะ
“พี่ดิน...” เธอครางออกมาเบาๆ ในขณะที่เขายังจูบเธออย่างร้อนแรง ลมหายใจของทั้งคู่ร้อนผ่าวจนเหมือนจะหลอมละลายกันและกัน
ดินดันตัวเธอเบาๆ จนเธอหลังชิดกำแพง มือของเขาเลื่อนลงมาที่ต้นขา ก่อนจะค่อยๆ ลูบขึ้นไปด้านบน
“พี่ห้ามไม่ไหวแล้วนะ” ดินกระซิบเสียงแหบ ก่อนจะก้มลงไปไซ้ซอกคอของเธอ
ทุกอย่างกำลังจะไปถึงจุดที่ไม่มีใครหยุดได้ เสียงเคาะประตูดังปังๆ ขึ้นมาขัดจังหวะทันที
“เฮ้ย! ใครอยู่ในนั้นวะ! กูปวดขี้ไม่ไหวแล้ว!” เสียงของคนข้างนอกดังขึ้น
ทั้งดินและน้องแก้มแดงหยุดชะงักทันที หอบหายใจแรงด้วยความตกใจและขัดอารมณ์สุดๆ
“เชี่ย! อะไรของมึง!” ดินสบถเสียงดัง ก่อนจะหันไปตะโกนกลับ “เดี๋ยวๆ รอแป๊บ!”
“ไม่ได้! กูไม่ไหวแล้ว!” เสียงนั้นตะโกนกลับมาอย่างไม่สนใจ
ดินหันไปมองหน้าน้องแก้มแดงที่เริ่มหัวเราะออกมาด้วยความเขินและหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน “ไว้พี่พาไปต่อที่อื่นนะ โทษทีจริงๆ”
เธอแค่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ก่อนจะรีบจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่ ส่วนดินก็ถอนหายใจหนัก ก่อนจะเปิดประตูออก
ทันทีที่ประตูเปิด ไอ้ทีวิ่งพรวดเข้ามาแทบจะชนดินกระเด็น ก่อนจะรีบปิดประตูดังปัง!
ดินยืนขัดใจอยู่หน้าประตู พลางสบถเสียงดัง “ไอ้เชี่ยที! มึงนี่มันตัวขัดจังหวะของแท้เลยจริงๆ!”
แต่พอออกมาปุ๊บ อารมณ์เสียของเขาก็พลันสะดุดลงทันที
ตรงอ่างล้างมือหน้าห้องน้ำ มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ในลุคที่ทั้งเรียบง่ายแต่กลับสะกดทุกสายตา ผิวขาวเนียน หน้าตาสวยจนแทบจะเรียกว่าเพอร์เฟกต์ ปากบางสีระเรื่อดูนุ่มนวลเกินผู้ชายทั่วไป ผมสีคาราเมลของเขาก็เสยขึ้นลวกๆ ด้วยมืออย่างชำนาญ น้ำหยดเล็กๆ จากก๊อกน้ำไหลผ่านปลายนิ้วของเขา ก่อนจะหยดลงไปในอ่างเหมือนภาพสโลว์โมชั่นในหนัง
ดินยืนอึ้งไปสองวินาที ก่อนที่คนตรงหน้าจะเหมือนรู้ตัวว่าถูกมอง เขาหันหน้ามามองดินเล็กน้อย ดวงตาคมที่เหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาลสบตาดินตรงๆ ก่อนจะหันกลับไปจัดทรงผมต่อโดยไม่พูดอะไร
ดินแทบลืมหายใจ ใจเต้นแปลกๆ แบบที่มันไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน
แต่ในจังหวะที่เขาตั้งสติจะพูดอะไรบางอย่าง คนตรงหน้าก็เดินออกไปจากตรงนั้นโดยที่เขายังไม่ทันจะได้ขยับปากพูด
“เชี่ย...” ดินพึมพำเบาๆ “คนอะไรวะ โคตรน่ารัก แต่เสือกเป็นผู้ชาย!”
เขายืนงงอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังอยู่ในสภาพที่เสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยจากเหตุการณ์ในห้องน้ำเมื่อกี้ เลยรีบจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่เหมือนเดิม
“เออ ช่างแม่ง” ดินพยายามสลัดความคิดนั้นออกจากหัว ก่อนจะเดินกลับไปนั่งรวมกับเพื่อนๆ ที่โต๊ะ
พอกลับมานั่งได้ไม่ทันไร ไอ้แมนยูก็ถาม “เฮ้ย มึงหายไปไหนมาวะ ตั้งนาน”
“อย่าพูดเลย กูหงุดหงิด แม่งไอ้ทีตัวซวย โผล่มาปวดขี้อะไรตอนคนกำลังจะเอากัน!” ดินพูดพลางกระดกแก้วเหล้าเข้าปากจนหมด “บาปสาส”
เพื่อนๆ ระเบิดเสียงหัวเราะกันสนั่น
แต่ถึงจะพยายามทำตัวให้สนุกเหมือนเดิม ดินกลับรู้สึกเหมือนบางอย่างยังวนเวียนอยู่ในหัว ใบหน้าของผู้ชายคนนั้น ใบหน้าสวยๆ ที่มองตรงมาด้วยสายตานิ่งๆ แต่โคตรสะกดใจ
“หรือว่ากูจะเมาวะ” ดินคิดในใจ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ภาพของคนคนนั้นก็ยังติดอยู่ในหัวมัน ไม่เลือนหายไปง่ายๆ อย่างที่เขาคิด...
ด้านราม เสียงเพลงในร้านเหล้าดังจนรามต้องเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหลบความวุ่นวาย แม้ว่าค่ำคืนนี้เขาจะต้องมาอยู่ที่นี่เพราะอุล เพื่อนสนิทของเขาที่ทำงานเป็นนักร้อง แต่ถ้าจะพูดตามตรง รามไม่ใช่คนที่ชอบที่แบบนี้เลย
พอทำธุระเสร็จ รามกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ แต่สายตาก็พลันไปสะดุดกับผู้ชายคนหนึ่งในสภาพที่ดูเหมือนเพิ่งผ่านนาทีเร้าร้อนมา เสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยเล็กน้อย เส้นผมยุ่งนิดๆ และใบหน้าที่ดูเหมือนยังไม่ทันได้ตั้งตัวกับสถานการณ์เมื่อครู่ รามขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำโดยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
รามกลับมายืนอยู่มุมหนึ่งของร้าน เห็นอุลยังคงยืนอยู่บนเวที เสียงร้องเพลงสดใสของเพื่อนดังก้องทั่วร้าน สร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน แต่สำหรับราม มันเหมือนเวลาผ่านไปช้ากว่าปกติ
หลังจากเพลงสุดท้ายจบลง อุลเดินออกมาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่เปื้อนเหนื่อยเล็กน้อย “ราม! เป็นไง รอกูนานมั้ย โทดทีว่ะ วันนี้ลูกค้าเยอะ เลยต้องต่อเวลา”
รามแค่พยักหน้าช้าๆ บอกว่าไม่เป็นไรตามแบบฉบับของตัวเอง หน้านิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรมาก
รามไม่ได้บ่นอะไร เพราะร้านเหล้านี่มันอยู่ใกล้คอนโดเขามากกว่า เลยต้องติดสอยห้อยตามไอ้อุลมาด้วย จะได้กลับพร้อมกันง่าย ๆ ปกติถ้าเลิกดึก เขาก็มานั่งรอมันที่นี่ เพราะไอ้อุลเอารถมาเอง แต่ถ้าเลิกเรียนไวก็แค่ขึ้นรถไฟฟ้าหรือรถเมล์กลับ เพราะเขายังไม่ชินกับการขับรถในกรุงเทพ เป็นเด็กต่างจังหวัด จะเอารถขึ้นมาใช้เองก็กลัวหลง
อุลนั่งลงข้างๆ พลางหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อ ก่อนจะถามขึ้น “วันนี้กูร้องเพลงเป็นไงบ้างวะ เพราะมั้ยมึง”
รามมองหน้าอุลก่อนตอบ “เออ เพราะดี”
“แต่กูว่า ระหว่างร้องเพลงกับแอ้วสาว มึงน่าจะเน้นแอ้วมากกว่าร้องเพลงนะ” รามพูดเสียงเรียบ แต่คำพูดนั้นทำให้อุลหลุดหัวเราะ
“ก็ร้านเหล้ามั้ยล่ะมึง” อุลยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง “ยิ่งกูทำตัวน่ารักกับลูกค้า กูก็ยิ่งได้ทิปหนักๆ แล้วมึงล่ะ เจอใครถูกใจบ้างปะวันนี้”
รามส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ว่ะ มีแต่พวกที่หวังหลอกฟัน กูไม่เห็นจะอยากมองหาความรักจากคนแบบนั้นเลย”
คำพูดของรามทำเอาอุลหัวเราะอีกครั้ง “ได้ๆ กูจะจำไว้ เด็กหนุ่มรักเดียวใจเดียวอย่างมึงนี่มันหาได้ยากจริงๆ”
รามไม่ได้ตอบอะไรต่อ เขายังคงนั่งนิ่งในมุมของตัวเองเหมือนเดิม รอให้อุลเก็บของเสร็จ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินออกจากร้านและแยกย้ายกลับห้อง
************************************
แสงแดดยามเช้าส่องลอดหน้าต่างห้องโถงในคณะ รามเดินถือหนังสือเล่มหนาพร้อมกระเป๋าเป้พาดไหล่ สายตากำลังมองหามุมสงบสำหรับอ่านหนังสือ หลังจากเดินวนอยู่พักหนึ่ง เขาก็เจอพื้นที่เงียบสงบที่น่าจะเหมาะที่สุด
รามวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ มองไปรอบๆ เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ ก่อนจะหยิบหนังสือออกมาเตรียมเปิดอ่าน แต่ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ไม่เห็นเหรอว่ามีคนอยู่”
รามสะดุ้งเฮือก หันไปตามเสียง เห็นผู้ชายคนหนึ่งลุกขึ้นจากโต๊ะใกล้ๆ ใบหน้าดูเหมือนเพิ่งตื่นนอน ผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย และกำลังยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างงัวเงีย
“เอ่อ... ขอโทษครับ” รามรีบตอบเสียงเบา “เดี๋ยวผมไปหาที่อื่นนั่งก็ได้”
รามรีบเก็บของเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกไป ผู้ชายคนนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“เดี๋ยวก่อน! น้องใช่เด็กเฟรชชี่ปี 1 ป้ะ อันที่จริงพี่กำลังจะลุกไปหาเพื่อนอยู่พอดี จะนั่งตรงนี้ก็ได้นะ ว่าแต่น้องชื่ออะไร พี่ชื่อดิน อยู่บริหารปี 4”
รามมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้ากึ่งงงกึ่งอึดอัด ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ไม่เป็นไรครับ ผมคิดว่าไปอ่านที่ห้องสมุดน่าจะดีกว่า”
พูดจบ รามก็เดินออกไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรต่อ ดินยืนมองตามหลังร่างของรามที่เดินไวราวกับพายุผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่เขาเพิ่งเห็นเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัวเหมือนภาพถ่ายที่ถูกฝังไว้
“ไอ้เชี่ยดิน มึงเป็นอะไรวะ มองต้นไม้แล้วยิ้มอย่างกับคนบ้า” เสียงของแสงโสม เพื่อนสนิทของดินดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ดินสะดุ้งเล็กน้อย
“มึง...” ดินเอ่ยขึ้นอย่างลังเล “ถ้ากูชอบผู้ชาย มึงว่ากูจะประหลาดป่ะวะ?”
แสงโสมเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะ “มึง! เดี๋ยวๆ พูดแบบนี้ มีอะไรปิดบังกูหรือเปล่าวะ”
ดินรีบทำหน้าปัดๆ ใส่ “เออน่า ไม่มีอะไรหรอก ช่างเหอะ”
“มึงต้องมีอะไรแน่ๆ แต่ไม่บอกกูก็เรื่องของมึงละกัน” แสงโสมพูดพลางส่ายหัว “สงสัยเพื่อนกูจะบ้าไปแล้วจริงๆ”
ดินไม่ได้ตอบอะไร เขาทำท่าจะลุกออกไป แต่แสงโสมยังถามต่อ “แล้วนี่มึงไม่มีเรียนหรือไง ถึงได้มาแอบงีบอยู่แถวนี้?”
“เออ อาจารย์ยกคลาสว่ะ อุตส่าห์แหกขี้ตาตื่นแต่เช้า กูเลยต้องมางีบเอาแรงอยู่นี่ไง”
“สมควรละ กลางค่ำกลางคืนไม่รู้จักหลับจักนอน ไปเที่ยวก็เพราๆ ลงบ้างนะ” แสงโสมพูดเหมือนแม่สอนลูก
“ค้าบแม่” ดินตอบกวนๆ “ต้องให้กูยกมือไหว้มึงด้วยมั้ย ไอ้ร้านที่ไปกินก็ร้านไอ้พยัคฆ์ผัวมึงมั้ยค้าบ”
“ผัวกูก็พี่มึงค่า”แสงโสมสวนกลับทันควัน
“เออ กูไม่เถียงกับมึงละ” ดินพูดเสียงเบา แต่แววตายังคงเต็มไปด้วยความกวน
“อ้าว แล้วนั่นมึงจะไปไหน?” แสงโสมถามอีกครั้งเมื่อเห็นดินลุกขึ้น
“เรื่องของกู” ดินตอบสั้นๆ พลางเดินจากไป ปล่อยให้แสงโสมนั่งเหวออยู่คนเดียว
“ไอ้ดิน ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” ไม่ทันไรไอ้คนที่มันพูดจากวนส้นตีนก็หายลับไปละ
****************************************
“แม่ง! เบื่ออีเจ๊ขี้บ่นชิบ” ดินบ่นงึมงำกับตัวเอง “บ่นยังไงให้เหมือนแม่ แม่กูยังไม่บ่นกูขนาดนี้” หลังจากหลุดจากคำบ่นร่ายยาวเหยียดของอีเจ๊มาได้ แถมวันนี้ไม่มีเรียนตอนบ่าย “ไหนๆก็ว่างละ ไปงีบร้านไอ้พยัคฆ์ดีกว่า ไอ้ร้านมันก็โครตน่านอน” ดินคิดในใจ พร้อมหยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์จากกระเป๋า
เขาเดินมาที่ลานจอดรถแล้วสวมหมวกกันน็อกอย่างเท่ ก่อนจะขึ้นคร่อม นินจา คู่ใจ เสียงเครื่องยนต์คำรามสะเทือนไปทั้งลานจอด ทำเอาคนที่เดินผ่านหันมามองกันเป็นแถว
“โครตหล่อเลยกู” ดินพูดพลางหัวเราะเบาๆ กับตัวเอง ก่อนจะบิดคันเร่งออกไป
สายลมตีหน้าขณะที่มอเตอร์ไซค์สีดำเงาแล่นไปตามถนน ดินขับด้วยความเร็วกำลังดี ไม่เร่งมากแต่ก็ไม่ช้าให้เสียฟอร์ม เสียงเพลงจากหูฟังทำให้เขาเคลิ้มไปกับบรรยากาศ
“อยู่ร้านแม่งสบายสุดละ แอร์เย็น เครื่องดื่มฟรี ยังไงตอนเย็นก็ได้อยู่ยาวละวะ” เขาพึมพำระหว่างเลี้ยวเข้าสู่ถนนเส้นเล็กซึ่งมุ่งตรงไปยังร้านของพยัคฆ์
ดินจอดนินจาไว้ตรงลานหน้าร้าน เขาถอดหมวกกันน็อกออกและสะบัดผมเบาๆก่อนจะเดินเข้าประตูร้านไป
“ไอ้ดิน มาอีกละมึง” เสียงพยัคฆ์ดังมาจากเคาน์เตอร์บาร์
“เออดิ ร้านมึงน่านอนจะตาย” ดินพูดพลางเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟามุมร้าน
“น่านอนหรือมึงจะนอนรอแดกเหล้าเย็นนี้กันแน่?” พยัคฆ์หัวเราะ
“ก็สองอย่างนั่นแหละ” ดินตอบพร้อมยิ้มกวนๆ ก่อนจะเอนตัวลงหลับตา “ปลุกกูตอนหกโมงนะ วันนี้กูอยู่ยาว”
พยัคฆ์ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ “แม่ง! มึงนี่สบายเกินไปละ”
เสียงเพลงในร้านเริ่มเบาลงเมื่อช่วงเย็นมาถึง พยัคฆ์กำลังจัดการเรื่องสต๊อกเหล้าอยู่หลังเคาน์เตอร์ ส่วนดินที่นอนเหยียดยาวบนโซฟามุมร้านยังคงหลับสนิทเหมือนคนไม่รู้เวลา
“ไอ้ดิน! ไอ้เหี้ย ลุกได้แล้ว จะเย็นละ!” พยัคฆ์ตะโกนพลางปิดตู้แช่เสียงดัง
ดินขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างอิดออด “แม่ง ไอ้พยัคฆ์ เสียงดังอะไรนักวะ คนกำลังฝันดี”
“มึงจะมานอนฝันดีอะไรในร้านเหล้ากูทุกวันไม่ได้! กูบอกกี่รอบแล้วว่าที่นี่ไม่ใช่โรงแรม!” พยัคฆ์พูดพร้อมเอาผ้าเช็ดโต๊ะปาใส่หัวน้องชาย
ดินหัวเราะในลำคอพลางโยนผ้าเช็ดโต๊ะกลับไป “ก็ร้านมึงมันน่านอน จะทำไงได้ อีกอย่างกูเป็นน้องชายมึงนะพี่ อย่าไล่กันง่าย ๆ แบบนี้ดิ”
“เออ น้องกูนี่แม่งแต่ละวันไม่ทำอะไรนอกจากปาร์ตี้ เมา แล้วก็มานอนร้านกู!”
“แล้วไงวะ?” ดินพูดพลางลุกขึ้นนั่ง “ก็พ่อยังไม่ส่งต่อธุรกิจโรงแรมให้กูสักที ขอกูเที่ยวก่อนดิ จะมาเร่งอะไรนักหนา”
พยัคฆ์ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “มึงคิดว่าเค้าไม่อยากส่งต่อเหรอวะ? แต่ดูตัวมึงดิ ขนาดวันเรียนยังมานอนร้านเหล้ากูเนี่ย!”
“ก็วันนี้ไม่มีเรียนนี่” ดินตอบหน้าตาย ก่อนจะลุกไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมาดื่ม “เอาน่า พี่อย่าดุเยอะดิ เดี๋ยวกูเครียด”
“เครียดพ่อมึงสิ! มึงเนี่ยมันตัวปัญหา” พยัคฆ์แขวะกลับ “กินเบียร์ไปเลย แต่ห้ามนอนอีก ถ้าหลับอีกกูจะเตะมึงจริง ๆ”
“เออ ๆ รู้แล้วครับพี่ชายสุดที่รัก” ดินยักคิ้วขำ ๆ ก่อนจะเดินมานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์
เสียงประตูร้านเลื่อนเปิด พยัคฆ์หันไปมองพร้อมรอยยิ้ม “อ้าว น้องอุล มาแล้วเหรอ?”
อุล เดินเข้ามาพร้อมกระเป๋ากีตาร์สะพายหลัง และด้านหลังของเขามี ราม ที่เดินตามเข้ามาอย่างเงียบ ๆ
“พี่พยัคฆ์ วันนี้ผมมาเล่นเร็วนิดนึง” อุลพูดพลางวางกระเป๋ากีตาร์ลงข้างเคาน์เตอร์
“ดี ๆ เดี๋ยวเย็นนี้ลูกค้าเยอะ” พยัคฆ์พยักหน้า ก่อนจะเหลือบไปมองเด็กหนุ่มหน้าตาดีเหมือนลูกครึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมอุล “อ้าว แล้วนี่เพื่อนอุลเหรอ?”
“ใช่ครับ นี่ราม เพื่อนผมเอง พามาด้วยจะได้ไม่เหงา” อุลแนะนำ
ดินที่นั่งอยู่เงียบ ๆ หันมามองทันทีที่ได้ยินชื่อ “ราม” ดวงตาคมของเขาจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มหน้าฝรั่งที่ดูนิ่งเฉยเหมือนเดิม
“ไอ้เด็กหน้าเครียด…” ดินพึมพำ ก่อนจะยกเบียร์ขึ้นจิบพลางยิ้มมุมปาก
“อะไรของมึงอีก?” พยัคฆ์หันไปถามน้องชายที่เริ่มมีท่าทางแปลก ๆ
“ไม่มีอะไร” ดินตอบพลางหันกลับไป แต่สายตาก็ยังแอบมองรามเป็นระยะ
ที่โต๊ะของราม
รามนั่งลงที่โต๊ะด้านในสุดตามที่อุลชี้ให้ เขาไม่ได้พูดอะไรมาก แค่พยักหน้าเล็กน้อยเมื่ออุลพูดคุยกับพยัคฆ์
ดินที่ยังนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์เริ่มขยับตัวเหมือนจะเดินไปหา แต่พยัคฆ์ดึงแขนไว้ก่อน
“มึงจะไปไหนอีก?”
“ก็ไปทักทายหน่อย ไอ้เด็กที่มากับไอ้อุล กูแค่จะอัธยาศัยดี”
“อัธยาศัยดีพ่อมึงสิ เห็นอยู่ว่ามึงสนใจมัน” พยัคฆ์ดุ แต่ก็ปล่อยให้น้องชายเดินไป
ดินเดินไปหยุดที่โต๊ะของราม ก่อนจะวางมือบนพนักเก้าอี้พลางยิ้มกวน ๆ
“สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้วนะ นั่งคนเดียวเหงามั้ยเอ่ย?”
รามเงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนตอบกลับสั้น ๆ “ไม่”
คำตอบสั้น ๆ และน้ำเสียงเรียบเฉยทำเอาดินถึงกับหลุดหัวเราะเบา ๆ “นิ่งเหมือนเดิมเลยนะเรา”
รามไม่ตอบอะไรอีก เขาหันกลับไปสนใจเมนูในมือ ท่าทางที่เย็นชาของรามยิ่งทำให้ดินรู้สึกอยากเอาชนะมากขึ้น
“เดี๋ยวเราได้เจอกันอีกแน่” ดินพูดทิ้งท้าย ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ ทิ้งให้รามนั่งอยู่กับความสงสัย
รามถอนหายใจยาว ๆ หยิบรูบิกจากกระเป๋าเสื้อออกมาเล่นแก้เบื่อ พลางนั่งเอนหลังมองไปรอบ ๆ ร้านด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย
สายตาดันเหลือบไปเห็นโต๊ะเคาน์เตอร์ที่ผู้ชายคนนั้นกำลังนั่งอยู่ เขาไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายแบบนั้นเลยสักนิด
“แค่ดูหน้าก็รู้แล้วว่าเจ้าชู้ไม่เบา”
ถ้าไม่ติดว่าต้องมารออุล รามคงไม่มีวันเหยียบร้านแบบนี้แน่ๆ
อีกด้านหนึ่งของร้าน
ดินเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์บาร์พร้อมกับสีหน้าเซ็ง ๆ ท่าทางหัวเสียเล็กน้อยที่ดูยังไงก็ซ่อนอารมณ์ไม่มิด
พยัคฆ์ที่ยืนเช็ดแก้วอยู่ถึงกับหลุดหัวเราะ “อะไรของมึงวะไอ้ดิน? ทำหน้าเป็นหมาหงอยเลยนะมึง”
ดินหันมามองพี่ชายก่อนทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ “แม่ง เด็กนั่นแม่งหยิ่งชิบ! กูเดินไปคุยดี ๆ มันตอบกูแค่คำเดียว!”
“ฮ่า ๆ ๆ” พยัคฆ์ขำจนตัวงอ “เด็กเขาไม่เล่นด้วยไง ทำหน้ากวนส้นตีนแบบนี้ คนปกติที่ไหนจะอยากยุ่งวะ?”
“กวนตรงไหนวะ กูก็แค่คุยดี ๆ” ดินโวยขำ ๆ ก่อนจะหยิบเบียร์ขึ้นจิบ “แต่อย่าให้กูเจอจังหวะดี ๆ นะ เด็กนี่ต้องโดนกูจัดสักที”
“มึงจะจีบเขาเหรอ?” พยัคฆ์เลิกคิ้วถามขำ ๆ
“เปล่า กูแค่จะทำให้มันเลิกนิ่งใส่กูเฉย ๆ” ดินตอบก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“มึงนี่แม่ง…” พยัคฆ์ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ แต่ก็อดขำไม่ได้
ที่โต๊ะของราม
เสียงหมุนรูบิกดังขึ้นเบา ๆ เป็นจังหวะ รามจดจ่อกับการเรียงสีจนไม่ได้สนใจรอบตัว อุลเดินกลับมาพร้อมเครื่องดื่มในมือ วางลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“ทำอะไรอยู่วะ?” อุลถาม
“ก็แก้รูบิก” รามตอบโดยไม่ละสายตา
“นี่มึงแก้ได้ภายในกี่วินาทีเนี่ย?” อุลมองอย่างทึ่ง
“ไม่นับเวลา” รามตอบเรียบ ๆ พลางบิดด้านสุดท้ายจนสีครบทั้งหกด้าน
“เก่งไปอีก แล้วเป็นไง เจอพี่ดินเมื่อกี้?” อุลพูดยิ้ม ๆ
รามชะงักเล็กน้อยก่อนจะวางรูบิกลงบนโต๊ะ “พี่เขาก็แค่พยายามมาคุย”
“แล้วมึงตอบเขาว่ายังไงล่ะ?”
“ก็ตอบตามปกติ” รามพูดเสียงนิ่ง แต่สีหน้าแอบเผยความอึดอัดเล็กน้อย
อุลหัวเราะ “เออ พี่ดินเขาเจ้าชู้ก็จริง แต่ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นนะเว้ย คนก็แค่อยากรู้จักเฉย ๆ”
“กูไม่สนคนแบบนั้นหรอก” รามพูดสั้น ๆ ก่อนจะหยิบรูบิกขึ้นมาหมุนอีกครั้ง
ด้านดิน
ดินที่แอบมองจากเคาน์เตอร์พยักเพยิดกับพยัคฆ์ “ดูดิ แม่ง! หมุนของเล่นอะไรไม่หยุด โคตรเด็กเนิร์ดเลย”
“แล้วไง? มึงอยากรู้จักเขามากเหรอ?” พยัคฆ์แซว
ดินยิ้มมุมปาก “อยากสิ คนอื่นเจอหน้ากูก็เล่นด้วยหมด มีแต่ไอ้เด็กนี่แหละ ทำเหมือนกูเป็นอากาศ คนแบบนี้แม่งยิ่งยาก กูยิ่งอยากลอง”
พยัคฆ์ถอนหายใจยาว ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “มึงนี่มัน... ไอ้ดิน กูขอพูดหน่อยเถอะ เห็นมึงจีบแต่ละคน แรก ๆ ทำเป็นจริงจัง แต่พอได้เขาแล้วก็ทิ้ง แม่ง มึงนี่โคตรเลวเลยว่ะ”
“เฮ้ย พี่ ก็ไม่ได้เลวขนาดนั้นป่ะวะ” ดินตอบแบบไม่ใส่ใจ ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบต่อ
พยัคฆ์วางผ้าเช็ดแก้วลงกับเคาน์เตอร์ ก่อนจะพูดเสียงจริงจังขึ้น “กูว่ามึงอย่าไปยุ่งกับน้องเขาเลยว่ะ ถือว่ากูขอ”
ดินหันมามองพี่ชาย สีหน้าของพยัคฆ์ดูจริงจังกว่าทุกครั้ง “ทำไมมึงต้องจริงจังขนาดนี้วะ?”
“เพราะกูรู้จักมึงไง” พยัคฆ์ตอบตรง ๆ “คนอย่างมึงแค่สนุกกับการเอาชนะ พอได้แล้วมึงก็ไป น้องมันดูเป็นคนดี กูไม่อยากให้มึงไปทำเขาเสียใจ”
ดินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะในลำคอ “เออ ๆ มึงไม่ต้องห่วง กูแค่สนใจเฉย ๆ”
“สนใจเฉย ๆ แบบมึงเนี่ยแหละที่กูห่วง” พยัคฆ์พูดพลางหันไปสนใจลูกค้าที่กำลังเรียกเครื่องดื่ม
“เบบี๋~” เสียงแหลมทะลุผ่านกระจกดังลั่นเข้ามาในร้าน เหล่าลูกค้าหันไปตามเสียงทันที แต่สำหรับ ดิน แค่ได้ยินเสียงก็กุมขมับ เพราะเสียงนี้ไม่มีทางเป็นของใครอื่น นอกจาก อีเจ๊สายโสม เพื่อนสนิทสุดแซ่บของเขา และยังเป็นแฟนตัวจริงเสียงจริงของ ไอ้พยัคฆ์ พี่ชายเขาเอง
สายโสมเดินเข้ามาในร้านพร้อมชุดเดรสรัดรูปสีเจ็บแสบตา แต่งหน้าเต็มจัดเต็มชนิดที่คนทั้งร้านต้องเหลียวมอง ดินมองอีเจ๊ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะหลุดพึมพำเบา ๆ
“แม่ง แต่งตัวกะมาหาผัวใหม่ในร้านป่ะวะ...”
ไม่ทันไร เจ๊แกก็พุ่งตรงไปที่พยัคฆ์ที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ พร้อมกระโดดโผเข้ากอดแน่นจนพยัคฆ์แทบเซ
“ที่รักขา~ คิดถึงจังเลย~” สายโสมอ้อนเสียงหวานเหมือนเด็กห้าขวบกำลังขอขนม ดินที่นั่งดูอยู่ไม่ไกลถึงกับถอนหายใจพลางเบ้ปาก
“แม่ง เหม็นความรักว่ะ...” เขาบ่นเบา ๆ แต่สายโสมหูดีเหมือนติดเรดาร์ หันมาเจอเป้าหมายใหม่ทันที
“ว่าไงไอ้ลูกชาย!” เสียงดังลั่น พร้อมกับเจ๊สายโสมที่กระโจนเข้ากอดคอดินแบบไม่ให้ตั้งตัว ทำเอาดินเซถอยหลังแทบล้ม
“โอยย ตัวมึงก็ไม่ใช่เบา ๆ เลยนะ ลงไปเลยอีเจ๊!” ดินโวยลั่น พยายามดันตัวสายโสมออก แต่เจ๊แกไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ
“ที่รัก มันว่าเค้าตัวหนัก!” สายโสมหันไปฟ้องพยัคฆ์พร้อมทำหน้าเว้าวอนเหมือนเด็กโดนแกล้ง
พยัคฆ์ที่ยืนมองอยู่ถึงกับส่ายหน้าพร้อมหลุดขำ “อะไรกันอีกพวกมึง กูว่าแม่งน่าปวดหัวทั้งคู่”
“ไอ้พี่! นี่น้องมึงโดนลวนลามอยู่นะ!” ดินหันไปโวยพยัคฆ์แต่ได้แค่สายตาเอือม ๆ กลับมา
สายโสมหัวเราะเสียงใสก่อนจะปล่อยมือจากดินและเดินกลับไปหาแฟนตัวเอง “เอ้า บี๋~ ทำไมไม่ช่วยเค้าเลยอ่ะ เค้ากลัว..น้องชายบี๋ใจร้าย~”
พยัคฆ์หัวเราะในลำคอ “มึงกลัวมัน? กูว่ามันน่าจะกลัวมึงมากกว่า”
สายโสมเบิกตากว้างทันที “พูดกับเค้าไม่น่ารักเลยนะคะ บี๋ก็ใจร้ายเหมือนกัน!” เธอทำท่างอนแบบโอเวอร์สุดชีวิต ปากยื่นเล็กน้อย แขนกอดอก ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทางเหมือนจะไม่สนใจพยัคฆ์
ดินที่เห็นอยู่ไม่ไกลถึงกับหลุดขำ “เจ๊ มึงงอนจริงหรือแสดง?”
“หุบปากไปเลย ไอ้เด็กเวร” สายโสมหันมาถลึงตาใส่ดิน ก่อนจะกลับไปงอนต่อ
พยัคฆ์ส่ายหัวแล้ววางผ้าเช็ดแก้วลงบนเคาน์เตอร์ เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าแฟนสาวตัวแสบ “โอเค ๆ บี๋ขอโทษครับ~ ไม่ใจร้ายแล้ว ง้อก็ได้”
“ไม่ต้องมาง้อเลยค่ะ!” สายโสมสะบัดหน้าใส่อีกที แต่หางตาก็แอบเหลือบมองพยัคฆ์
“อ่ะ งั้นคืนนี้เดี๋ยวพาไปกินชาบูร้านที่บี๋ชอบดีมั้ย?” พยัคฆ์ยิ้มมุมปาก พลางกอดไหล่สายโสมเบา ๆ
สายโสมทำเป็นลังเล แต่จริง ๆ ใจอ่อนตั้งแต่คำว่า ชาบู แล้ว “ก็ได้...แต่บี๋ต้องเลี้ยงนะ เค้าไม่จ่าย!”
“ได้ครับ ๆ” พยัคฆ์พยักหน้า ก่อนจะหันไปหัวเราะกับดินที่ยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมด
“แม่ง! กูบอกแล้วว่าอีเจ๊มันการแสดง” ดินพูดขำ ๆ แล้วหยิบเบียร์ขึ้นจิบ ก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ มองภาพ สายโสม กับ พยัคฆ์ ที่กำลังงอนง้อกันอยู่ตรงหน้า แล้วหลุดหัวเราะในลำคอ
“ไม่รู้เหมือนกันว่าสองคนนี้มันมาได้กันได้ยังไงวะ…” ดินคิดในใจ “สงสัยได้ตอนเมาแน่ ๆ”
เขาหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ พลางจิบเบียร์ มองภาพสายโสมที่แกล้งสะบัดหน้าใส่ แต่หางตายังเหลือบมองพยัคฆ์แบบห่วง ๆ ส่วนพยัคฆ์ก็ยิ้มมุมปาก ทำท่าเหมือนเบื่อแต่ก็ยอมง้อแฟนสาวตัวแสบจนได้
“แต่ก็น่ารักดีว่ะ…” ดินพึมพำเบา ๆ
สายโสมหันมาสบตาดินที่นั่งยิ้มมุมปาก “ยิ้มไรของมึง ไอ้เด็กเวร!”
ดินหัวเราะ “เปล๊า กูแค่คิดว่ามึงสองคนแม่งโคตรเหมาะกัน”
“เหมาะเหี้ยไรล่ะ” พยัคฆ์หันมาบ่นเบา ๆ แต่สายโสมกลับยิ้มกว้างเหมือนพอใจที่ได้ยิน
“ใช่มั้ย! กูว่าแล้วว่ากูเหมาะกับพี่พยัคฆ์ที่สุด!” เจ๊แกพูดพร้อมยักคิ้วให้ดิน
“เออ ๆ เหมาะกันตรงที่มึงแม่งทั้งสองคนชอบเล่นใหญ่เหมือนกันไง” ดินแซวขำ ๆ
“ไอ้เด็กเวร มึงนี่มันปากดีตลอด” สายโสมชี้นิ้วด่าพลางทำหน้าเอาเรื่อง แต่ดินก็แค่ยักไหล่กวน ๆ
พยัคฆ์ที่ยืนมองอยู่หลุดขำในลำคอ “กูว่ามึงสองคนทะเลาะกันเหมือนพี่น้องมากกว่ากูอีก”
“โอ๊ย! ไม่เอา ไอ้ดินมันน้องเวร!” สายโสมพูดพร้อมทิ้งตัวนั่งลงข้างพยัคฆ์ ก่อนจะหันไปควงแขนแฟนหนุ่ม “แต่บี๋คือคนที่เค้ารักที่สุดค่ะ~”
ดินส่ายหน้า “เออ พี่ กูกลับไปกินเบียร์เงียบ ๆ ละ เบื่อพวกคนอวดแฟน”
เขาหยิบแก้วเบียร์เดินกลับไปที่โซฟามุมร้าน ปล่อยให้สองคนรักกันไปแบบไม่คิดมาก แต่ในใจดินกลับคิดบางอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน
“กูจะมีใครสักคนให้ทะเลาะงอแงแบบนี้มั้ยวะ…” ดินแอบพึมพำเบา ๆ ก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบอีกครั้ง
******************************* เปิดเรื่องใหม่ฝากติดตามด้วยนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
|