แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-1-27 09:24
-2-
โรงอาหารคึกคักตามประสาช่วงเที่ยง คนเดินสวนกันไปมาจนเกือบชนถาดข้าวกันเป็นว่าเล่น รามเดินเข้าโรงอาหารแบบง่วง ๆ หลังเรียนเสร็จ คลาสเช้าทำเอาหมดแรง อยากหาอะไรรองท้องแล้วหามุมเงียบ ๆ อ่านหนังสือเหมือนทุกที แต่ทันทีที่เดินเข้าโรงอาหาร สายตาก็ปะทะกับไอ้อุลที่นั่งเด่นเป็นสง่า มือหนึ่งถือข้าวกะเพรา อีกมือโบกไปมาเรียกเพื่อนแบบลั่น ๆ
“ราม! มานี่ดิ! ”
รามถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็เดินไปนั่งโต๊ะเดียวกับมัน วางกระเป๋าลงแล้วจ้องหน้ามันนิ่ง ๆ “อะไรของมึงเนี่ย ตะโกนอย่างกับกูจะหนี”
อุลหัวเราะ “เออ หน้ามึงนี่มันเหมือนจะหนีไปบวชทุกวันเลยนะ มา ๆ กินข้าวก่อน”
รามนั่งลง มองจานข้าวกะเพราของมันแล้วทำหน้าเบื่อ ๆ “กูว่ากูเบื่อว่ะ”
อุลขมวดคิ้ว “อะไรของมึง เบื่อไร?”
“เบื่อข้าวโรงอาหาร เบื่อข้าวไข่เจียว เบื่อหมูทอด เบื่อไก่กระเทียม เบื่อทุกอย่าง” รามพูดพร้อมพิงเก้าอี้แบบหมดอาลัย
ไอ้อุลหัวเราะจนน้ำแทบพุ่ง “ไอ้เหี้ย มึงเบื่อข้าวหรือเบื่อชีวิตวะ? ถ้าเบื่อข้าว เดี๋ยวกูซื้อหมูปิ้งหน้ามอมาให้ เอาป่ะ?”
รามกลอกตาใส่ “มึงช่วยจริงจังกับชีวิตกูหน่อยไม่ได้หรือไงวะ เดี๋ยวกูไปดูเองว่ามีอะไรกิน”
“เออ ๆ ไปเลยมึง รีบ ๆ กลับมานะ กูใกล้จะอิ่มแล้วเนี่ย” อุลตะโกนไล่หลังพร้อมหัวเราะ
รามเดินวนในโรงอาหาร สายตากวาดดูเมนูเหมือนหวังเจออะไรใหม่ แต่ก็ไม่เจอ “ไข่เจียว ไก่ทอด ผัดกะเพรา… มึงจะวนลูปขนาดนี้เลยเหรอชีวิต?” เดินไปจนเจอร้านใหม่ที่มีป้ายเด่นหรา “อาหารคลีน คนรักสุขภาพ”
รามยืนมองป้ายอยู่พักใหญ่ พร้อมรูปเมนูดูดีแต่ราคาโหด ก่อนจะหลุดพึมพำ “คลีนเหรอ… คลีนกระเป๋าตังกูนี่แหละ” แล้วเดินผ่านไปแบบไม่สนใจ
สุดท้าย เขาเดินกลับมาที่โต๊ะของอุลพร้อมจานข้าวไข่เจียวเหมือนเดิม วางจานลงแบบไม่มีคำพูด
อุลมองจานข้าวแล้วหลุดขำลั่น “โห ไอ้รามสุดคูล เจอข้าวไข่เจียวปราบเซียนซะแล้ว!”
รามเหลือบมองอุลด้วยสายตาเอือมระอา ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เออ กินไข่เจียวไปจนเรียนจบนี่แหละ”
ว่าแล้วก็ตักข้าวกับไข่เจียวในจานเข้าปาก เคี้ยวงั่บๆ เหมือนหุ่นยนต์หมดพลังงาน
ทันใดนั้นก็มีเด็กหนุ่มหน้าตาดี แต่ติดตรงสีหน้าเหมือนคนอดนอนมาหลายวัน เดินมาที่โต๊ะ ทั้งสองหันไปมองพร้อมกัน
“ขอนั่งด้วยได้มั้ยครับ โต๊ะเต็มหมดแล้ว” เด็กหนุ่มพูดพร้อมรอยยิ้ม รามกับอุลมองหน้ากันนิดหน่อยก่อนพยักหน้า
รามที่เพิ่งตักข้าวเข้าปากได้ไม่กี่คำ ก็วางช้อนลงทันทีแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ก่อนหยิบน้ำขึ้นมาจิบ
“เฮ้ย! อิ่มแล้วเหรอวะ? มึงกินไปได้แค่สองคำ!” อุลร้องถาม
รามพยักหน้า “เออ ขี้เกียจเคี้ยวว่ะ”
ไอ้คนที่เพิ่งเดินมาขอนั่งด้วยหัวเราะเบา ๆ ก่อนหันไปมองจานข้าวไข่เจียวที่เหลือเต็มของราม “เอ่อ… ถ้ามึงไม่กินแล้ว กูขอกินต่อนะ ขี้เกียจไปต่อแถวว่ะ”
รามหันไปมองหน้ามันนิ่ง ๆ ก่อนพยักหน้าแบบไม่คิดอะไร “เอาเลย กินเถอะ”
อุลมองภาพตรงหน้าแบบงงจัด “เฮ้ย มึงอะไรของมันวะ? เดี๋ยวนี้ไข่เจียวแบ่งกันกินเหรอ?”
เด็กหนุ่มไม่สนคำพูดอุล คว้าช้อนมาตักข้าวไข่เจียวจากจานของรามทันที พร้อมพูดอย่างอารมณ์ดี “ขอบใจมากมึง! รสชาติแบบนี้ คิดถึงบ้านเลยว่ะ”
อุลหันไปหารามอีกทีแล้วถามเสียงจริงจัง “นี่มึงรู้จักมันมาก่อนป่ะวะ?”
รามส่ายหน้า “ไม่รู้จัก”
อุลหลุดขำ “เออ ดี มึงเจอคู่แท้ในการแชร์ไข่เจียวละ กูว่า!”
เด็กหนุ่มหัวเราะ “ก็แค่หิวว่ะ อ้อ! ลืมแนะนำตัว กูชื่อกานต์นะ เรียนสถาปัตย์ เพิ่งปี 1 เอง แล้วพวกมึงล่ะ อยู่ปีไหน คณะอะไร?”
“ปี 1 เหมือนมึงนั่นแหละ” รามตอบเสียงเรียบ
“โห งั้นดีเลย! มีเพื่อนเพิ่มละ” กานต์พูดพร้อมตักข้าวเข้าปากแบบไม่คิดอะไร
อุลหันไปมองรามแล้วยิ้มมุมปาก “เพื่อนเพิ่ม? หรือทาสไข่เจียวเพิ่มวะ?”
รามหลุดหัวเราะในที่สุด “ใครจะไปเหมือนมึงทาสรักผัดกะเพรา สิ้นคิดพอๆกันแหละ”
กานต์หัวเราะตาม “แล้วนี่พวกมึงชื่ออะไรกันวะ?”
“เออ ๆ ลืมแนะนำตัว กูชื่ออุล อยู่นิเทศ ปี 1 ส่วนไอ้นี่” อุลชี้นิ้วไปทางราม “ชื่อราม จริง ๆ มันชื่อ อัยย์ราม แต่ชื่อยาวไป ขี้เกียจเรียก เรียกรามก็พอ อยู่วิศวกรรมไฟฟ้า ปี 1 เหมือนกัน”
“อ้อ ยินดีที่ได้รู้จักพวกมึงอีกครั้ง แล้วก็ขอบคุณสำหรับข้าวไข่เจียวนะ” กานต์ยิ้มกว้าง
“เออ ๆ รีบแดกไปเถอะ” รามพูดพลางหยิบน้ำมาดูดอย่างเบื่อ ๆ
อุลมองหน้ากานต์อย่างพินิจ ก่อนถาม “แล้วนี่ทำไมมึงดูโทรมอย่างกับโดนรถสิบล้อเหยียบมาเลยวะ?”
กานต์หัวเราะแห้ง ๆ “โห มองออกขนาดนั้นเลยเหรอวะ อาจารย์สั่งงานเยอะอ่าดิ กูเลยไม่ได้หลับได้นอนมา 3 วันแล้ว”
อุลอ้าปากค้าง “เชี่ย! ไม่นอนมา 3 วัน มึงทำได้ไงวะ? เป็นยอดมนุษย์เหรอ?”
“ยอดมนุษย์พ่องมึงสิ ผีตายซากมากกว่า” กานต์ตอบติดตลก “ก็ทำไงได้วะ ถ้าไม่ส่งงานนี่เดี้ยงกว่าเดิมแน่”
อุลหัวเราะแล้วถามต่อ “เด็กสถาปัตย์นี่ต้องมีชีวิตแบบนี้ทุกคนเลยป่ะวะ?”
กานต์ยักไหล่ “ส่วนใหญ่แม่งก็ไม่นอนกันแบบนี้แหละ กูว่าพวกกูเหมือนซ้อมอดนอนก่อนเป็นผู้ใหญ่”
เสียงหัวเราะของสามหนุ่มยังดังไม่หยุดที่โต๊ะโรงอาหาร จนกระทั่งเงาของรุ่นพี่กลุ่มหนึ่งเดินตรงมาที่โต๊ะ รามเงยหน้ามองอย่างงง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
“น้องราม ใช่มั้ยคะ?” เสียงหวาน ๆ ของรุ่นพี่สาวสวยที่ยิ้มกว้างมาแต่ไกล
รามขมวดคิ้วนิด ๆ “ครับ?”
“ดีเลย พี่เป็นทีมงานกองประกวดดาวเดือนของคณะวิศวะค่ะ พี่เห็นน้องแล้วแบบ…ใช่เลย! น้องหน้าตาดีมาก ๆ พี่เลยอยากชวนไปลงประกวดเดือนคณะ สนใจมั้ยคะ?”
รามถึงกับอึ้งไปสองวิ ก่อนตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด “ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ ผมไม่สนใจ”
ยังไม่ทันที่รุ่นพี่จะพูดอะไรต่อ ไอ้อุลที่นั่งฝั่งตรงข้ามกลับโพล่งขึ้นเสียงดัง “สนสิพี่! ไอ้รามสนใจครับ!”
รามหันขวับไปมองหน้าอุลทันที “มึงพูดเหี้ยอะไรของมึง?”
“เฮ้ย มึงลองไปประกวดดูดิ! ออกไปโชว์หน้าหล่อ ๆ ให้โลกรู้บ้างเพื่อน ชีวิตมึงจะได้มีสีสัน!” อุลยิ้มกวน แต่ตาเป็นประกายอย่างตั้งใจเชียร์
รุ่นพี่เห็นช่องรีบเสริมทันที “ใช่เลยค่ะ ลองดูนะ น้องราม หน้าตาแบบนี้เหมาะมาก แค่ขึ้นเวที พูดแนะนำตัวเอง น้องก็ชนะใจคนดูแล้ว!”
รามยกแก้วน้ำขึ้นจิบ พยายามสงบสติอารมณ์ “ผมไม่อยากเป็นที่สนใจครับ แค่นี้ชีวิตก็วุ่นวายพอแล้ว”
กานต์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เสริมทัพทันที “น่าสนใจดีนะ คนหน้าตาดีแบบมึง เผลอ ๆ ได้เดือนคณะมาก็เท่นะมึง”
“ไม่เท่เว้ย มันวุ่นวาย!” รามโต้กลับเสียงจริงจัง แต่ดันเริ่มลังเลในใจ
“มึงคิดดูดิ ได้เป็นเดือนคณะ วิศวะอีกนะเว้ย! สาวกรี๊ดทั้งมหา’ลัยแน่นอน” อุลยิ้มกวนกว่าเดิม
“กูไม่ได้อยากให้สาวกรี๊ด!” รามตอบพลางถลึงตาใส่ แต่ในใจเริ่มแพ้แรงเชียร์
รุ่นพี่ไม่ยอมแพ้ “เอาน่าคะ น้องลองดูแค่รอบแรกก็ได้ ถือว่าเป็นโอกาสพัฒนาตัวเอง เจอเพื่อนใหม่ ๆ นะคะ พี่เชื่อว่าน้องต้องไปได้ไกลแน่นอน!”
รามมองหน้าสองคนที่นั่งขนาบข้าง ก่อนจะหันไปมองรุ่นพี่ที่ยืนรอคำตอบอย่างคาดหวัง เขาถอนหายใจรอบที่สามของวัน “ถ้ากูลงแล้ว พวกมึงต้องช่วยกูทุกอย่างเลยนะ”
อุลกับกานต์แทบจะปรบมือ “เออ แน่นอนเว้ย! เพื่อนช่วยเพื่อนอยู่แล้ว!”
รุ่นพี่ทีมงานยิ้มกว้าง “ดีมากค่ะ งั้นเดี๋ยวพี่ส่งรายละเอียดการประกวดไปให้นะคะ!”
รามนั่งนิ่ง เหมือนโดนมัดมือชกจากทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ เขาหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบก่อนพูดลอย ๆ “กูว่าชีวิตกูจะวุ่นวายกว่าเดิมแล้วล่ะ”
อุลหัวเราะลั่น “ไอ้รามเดือนวิศวะ! เตรียมตัวดังได้เลยมึง!”
กานต์เสริมทันที “อย่าเครียด ๆ เดี๋ยวพวกกูช่วยกันปั้นมึงเอง”
รามนั่งมองสองคนข้าง ๆ ก่อนจะส่ายหัว “พวกมึงแม่ง! เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ...”
เสียงหัวเราะยังคงดังต่อเนื่องจากโต๊ะเล็ก ๆ นั้น แต่รามรู้สึกเหมือนชีวิตที่เคยสงบของเขากำลังจะเปลี่ยนไปแบบกู่ไม่กลับ…
*************************************** คณะวิศวะ
“เฮ้ย พวกมึงรู้ข่าวยังวะ วิศวะได้เด็กลงประกวดเดือนละนะ!” สายโสมพูดเสียงดังลั่นในกลุ่มเพื่อนสาวพร้อมรอยยิ้มระริกระรี้
“จริงเหรอวะเจ๊ ใครอ่ะ?” เพื่อนคนหนึ่งถามอย่างตื่นเต้น
“ปีนี้มีแต่เด็กหล่อ ๆ บอกเลย ใจอิแม่สั่นไหวมาก” สายโสมพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์รูปในแชทกลุ่มกองประกวด
ดินที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเก้าอี้หินอ่อนใกล้ ๆ ชำเลืองตามองอย่างเบื่อ ๆ เพราะโดนพยัคฆ์สั่งห้ามไปนอนร้านเหล้าข้อหา “ขี้เกียจเกิน” เขาเลยมานอนเล่นที่ใต้คณะสายโสมแทน
“โดยเฉพาะคนนี้!” สายโสมพูดเสียงตื่นเต้นพลางยื่นรูปในโทรศัพท์ให้กลุ่มเพื่อนดู “น้องเหมือนจะชื่อน้องรามนะ หล่อเหี้ย ๆ ลูกครึ่งหรือเปล่าไม่รู้ แต่มันได้!”
ได้ยินแค่ชื่อ "ราม" เท่านั้นแหละ ดินที่ทำท่านอนสบาย ๆ สปริงตัวขึ้นมาทันทีเหมือนคนโดนกระแสไฟช็อต
“อีเจ๊! มึงพูดถึงใครนะ?” ดินถามเสียงดังจนเพื่อน ๆ ของสายโสมหันมามอง
สายโสมเลิกคิ้ว “อะไรของมึงไอ้ดิน กูก็พูดถึงน้องรามไง คนนี้!” เธอยื่นโทรศัพท์ไปให้ดินดู
ดินคว้ารูปมาดู ใบหน้าหล่อคมแบบลูกครึ่งที่โคตรจะคุ้นตาโผล่มาบนจอ เขาถึงกับหลุดสบถ “เชี่ยยย! ไอ้เด็กหน้าเครียดนั่น!”
สายโสมทำหน้าสงสัย “อ้าว มึงรู้จักน้องเขาด้วยเหรอ?”
ดินยักไหล่ “ก็ยังไม่ถึงกับรู้จักหรอก เคยเจออยู่ร้านเหล้าสองสามที”
สายโสมเบิกตากว้าง “คนไหนวะ? ทำไมเจ๊ไม่รู้?!”
ดินมองหน้าอีเจ๊สายโสมแล้วถอนหายใจยาว ๆ กับความเสือกไม่พักของมัน มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วก็ยังบ้าผู้ชายไม่เปลี่ยน สงสารไอ้พยัคฆ์จริงๆ
“แต่ไม่เป็นไร น้องเค้าอยู่คณะเดียวกับกูอยู่แล้ว เดี๋ยวก็ได้เจอเอง” สายโสมพูดอย่างมั่นใจ พร้อมทำหน้าฟินเหมือนตัวเองเป็นโปรดิวเซอร์ปั้นดาว
ดินกลอกตาใส่ “มึงนี่แม่งจะลงทุนไปตามจ้องผู้ชายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เออสิ! เด็กหล่อขนาดนี้ กูจะไม่ทำได้ไง!” สายโสมตอบทันควันพร้อมยักคิ้วให้เพื่อน ๆ
ดินส่ายหัวอย่างหน่ายใจ “กูว่ากูต้องกลับไปปรึกษาไอ้พยัคฆ์ละนะ เผื่อมันจะหาทางรักษามึงได้”
“เฮ้ย! มึงก็เว่อร์ไป มีของดีอยู่กับคณะ ก็ต้องส่องให้สาแก่ใจดิวะ” สายโสมหัวเราะร่า
“ชื่นชมแบบมึงนี่แหละที่น่ากลัว” ดินสวนกวน ๆ ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แบบไม่ใส่ใจ
สายโสมหันมาจ้องหน้าดินอย่างจับผิด “ว่าแต่มึงเถอะ ไอ้ดิน ทำไมดูแปลก ๆ เวลาพูดถึงน้องราม มีอะไรหรือเปล่า?”
ดินชะงักไปเล็กน้อย แต่รีบตีหน้านิ่ง “ไม่มีอะไร กูแค่…มันหน้าเครียดดี เลยจำได้แค่นั้นแหละ”
สายโสมยิ้มมุมปากแบบรู้ทัน “อ้อเหรอ? กูจะคอยดูนะ ว่าจะมีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า”
“พูดมากแล้วมึง กูไปดีกว่า” ดินลุกพรวดจากเก้าอี้เหมือนหนีความจริง
สายโสมหันไปมองเพื่อน ๆ ในกลุ่มพร้อมหัวเราะเบา ๆ “ดูมันดิ กูว่ามันต้องมีอะไรแน่ ๆ แต่อย่าให้เจ๊รู้นะว่ามันแอบมากินเด็กคณะกู ไม่งั้นเจ๊ไม่ยอมแน่!”
************************************** ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน
|