จูนอัพรักให้ร้อนแรงอีกครั้ง

vera

ความรักน่ะ...มันไม่ได้เป็นสิ่งคงตัวอยู่ยงคงกระพันนะครับ แต่ความรักสามารถยืดได้หดได้ พองได้ เหี่ยวได้ ต้องหมั่นดูแลรดน้ำพรวนดินอยู่เสมอ ตอนแต่งงานกันใหม่ ๆ อะไรต่ออะไรมันก็ดูดีไปหมดละครับ คู่ไหนที่ดูใจกันนาน ๆ ก็มักจะรู้ไส้รู้พุงกันหมด แต่ถ้ารีบร้อนดูใจกันแว๊บเดียวพออยู่กันไปนาน ๆ เข้าก็ชักจะเริ่มออกลาย นิสัยแอบแฝงอะไรที่ไม่ดีหลาย ๆ อย่างก็มาเห็นกันทีหลังนี่เองครับ บางทีสามีเป็นเสือใบอยู่กันมาตั้งนานก็ยังไม่รู้เลย มาจับได้อีกทีก็ตอนรู้ว่าแอบไปมีเมียน้อยนี่แหละ ที่ขายหน้าชาวบ้านก็ตรงที่เมียน้อยตัวดี ดันมาเป็นผู้ชายข้างบ้านเสียนี่

          แต่งงานกันใหม่ ๆ อะไรต่ออะไรมันก็ดูดีไปซะหมด บ้านก็ทาสีชมพู เลี้ยงหมาก็ต้องจับไปย้อมสีชมพู เป็นวิมานสีชมพูไปหมด..หวานแหววซะไม่มี..แต่อยู่กันไปนาน ๆ เข้า สีชมพูหวานแหววที่ว่ามันก็ชักจะเริ่มจืดจางไป บางบ้านอาจจะกลายเป็นสีชมพูหม่น ๆ ที่หนักหน่อยจากสีชมพูอาจจะกลายเป็นสีแดงช้ำเลือดช้ำหนองไปเลยก็ได้ ที่เป็นอย่างนี้มันก็เป็นเรื่องธรรมชาติครับ แรก ๆ ที่อยู่ด้วยกันมันก็ต้องมีความตื่นเต้นในชีวิตคู่ มีความมุ่งมั่นในชีวิตครอบครัวสูง แต่อยู่กันไปนาน ๆ เข้ามันก็จะเริ่มเกิดอาการเฉื่อย ๆ รู้สึกไม่มีอะไรตื่นเต้นในชีวิตขึ้นมาเฉย ๆ อาการเฉื่อยชานี้ พวกที่เรียนเกี่ยวกับทางด้านบริหารมาเขาก็เรียกกันว่าเกิด active inertia นั่นเองครับ
อาการของ active inertia ที่ว่านี้ มีอะไรกันบ้าง มาดูกันครับ

Blinder

          พวกแรกเขาก็เรียกกันว่าพวก Blinder ครับ แปลเป็นไทย ๆ ก็คือ "พวกตาบอดหูหนวก ปิดกั้นตัวเอง" คิดอะไรไว้ในใจ แล้วก็ไม่ค่อยจะปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเองให้กลมกลืนเข้ากับคนรอบข้าง มีอะไรก็คิดเอาไว้ก่อนว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ไม่ค่อยรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เรียกว่าถ้าหากคิดอะไรเอาไว้แล้วล่ะก็ อย่าได้มากล่อมให้เปลี่ยนใจเสียให้ยาก อาการอย่างนี้อันตรายมากครับสำหรับคนสองคนที่ต้องอยู่ด้วยกัน ถ้ารู้ตัวว่ามีอาการอย่างนี้เกิดขึ้นกับชีวิตคุณ ก็ควรรีบเปิดหูเปิดตามาดูคนรอบข้าง ปรับตัว ปรับใจ คุยกันให้มากขึ้นแล้วจะรู้เองครับว่าคนอื่นคิดอย่างไร รู้ทั้งตัวเขา รู้ทั้งตัวเรา แล้วชีวิตครอบครัวก็จะมีความสุขครับ

Routine

          พวกต่อมาเรียกว่าพวก Routine แปลเป็นไทย ๆ ก็คือพวก "ซ้ำซากจำเจ" ตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน เย็นกลับมาบ้าน กินข้าวอาบน้ำ ดูทีวี นอน เป็นอย่างนี้ทุกวัน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี เดาล่วงหน้าได้เลยว่าพรุ่งนี้ มะรืนนี้ เดือนหน้า ปีหน้าจะเป็นยังไงต่อ ไม่มีอะไรขึ้นมาใหม่เลยในชีวิต ถ้าเปรียบตัวเองเป็นเหมือนสินค้า ก็เหมือนกับของที่ต้องทนใช้ไปทุกวัน เพราะเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นไม่ได้ สินค้าพวกซ้ำซากที่ว่า ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงให้เกิดความตื่นเต้นในชีวิต เรียกว่าไม่มีนวัตกรรม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปจนวิ่งตามไม่ทัน

          ถ้ารู้ตัวว่ามีอาการอย่างนี้ หรือคู่ของเรามีอาการอย่างที่ว่านี้คงต้องอัพเดทตัวเอง หาอะไรทำด้วยกันที่มันเซอร์ไพรส์ตื่นเต้นกันบ้าง สร้างคุณค่า สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชีวิต เก็บเงินเก็บทองวันดีคืนดีก็ไปเที่ยวรอบโลกมันซะเลย ให้รางวัลกับชีวิต หาอะไรทำให้มันตื่นเต้น ให้ชีวิตมันมีสีสันบ้าง แล้วชีวิตคู่ก็จะได้กลับมามีสีสันตื่นเต้นกันใหม่อีกครั้ง..ว้าว

ญาติพาป่วน

          ต่อมาก็เป็นพวกญาติเยอะ กลุ่มนี้ผมขอตั้งชื่อว่าพวก "ญาติพาป่วน" ก็แล้วกัน คู่พวกนี้ถ้าอยู่กันแค่สองคนก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ปัญหาก็มักอยู่ที่แม่ผัว-ลูกสะใภ้ สามี-แม่ยาย อะไรทำนองนี้ พอมีเหตุคู่ของเราไม่กินเส้นกับญาติ เราตรงกลางนี่แหละครับที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าจะเข้าข้างฝ่ายไหนดี ถ้าดันไปเข้าข้างใดข้างหนึ่ง ก็จะต้องเป็นที่ขุ่นเคืองของอีกฝ่ายเสมอ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ต้องมาพยายามเอาอกเอาใจเรา แต่ถ้ามีปัญหามากนักก็อพยพครอบครัวออกมาอยู่กันเองดีกว่าครับ สบายใจดี

          ครอบครัวคู่ไหนที่ดู ๆ แล้วเริ่มจะมีปัญหาความเฉื่อยชาต่อกัน เดือนแห่งความรักนี้ก็น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่จะหันกลับมาดูตัวเอง ดูคู่ชีวิตของเรา ดูว่ามีอะไรไหมที่จะทำให้ชีวิตคู่กลับมาปิ๊งปั๊งกันอีกครั้ง แต่ก่อนอื่นต้องรู้จักตนเอง รู้จักคู่ของเราให้ดีที่สุดซะก่อน หาสิ่งดีดีที่มีต่อกัน สิ่งนั้นเราก็เรียกว่าเป็น Strength พยายามเอาจุดแข็งมาสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น ถ้าเป็นคนที่ชอบไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ อยู่นิ่งไม่เป็น ก็พยายามหาเวลาไปท่องเที่ยวผจญภัยด้วยกันบ่อย ๆ หรือถ้าเป็นคนชอบอยู่บ้านก็พยายามทำบ้านให้ดูน่ารักน่าอยู่ นอนกลิ้งไปกลิ้งมาดูทีวีด้วยกัน คนเรารักกันมา อยู่กันมาตั้งนานก็ย่อมต้องมีอะไรที่ชอบเหมือน ๆ กันบ้างสิครับ

          พยายามค้นหาเอาสิ่งนี้แหละมาปัดฝุ่น เติมสีสันลงไปหน่อย สร้างสีสันความตื่นเต้นให้ชีวิตกันบ่อยๆ ทำอย่างนี้อยู่เสมอวิมานสีชมพูก็จะยังเป็นสีชมพูตลอดไปไม่จืดจาง

          สิ่งที่ต้องไม่ลืมอีกอย่างหนึ่งก็ต้องพยายามหาจุดอ่อน จุดอ่อนไหวระหว่างเราสองคนด้วย คนหนึ่งอาจจะปากไม่ดี อีกคนนึงอาจจะขี้ใจน้อย ก็ต้องรู้เขารู้เราเท่านั้นเองมันถึงจะอยู่กันได้ ถ้าเป็นภาษานักเลงก็ต้องบอกว่าอย่าเผลอไปเหยียบตาปลาเข้าก็แล้วกัน เรียกว่ารู้กันเลยว่าถ้ามาพูดถึงเรื่องนี้ทีไร เดี๋ยวก็เป็นเรื่องทุกที ก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยง หรือถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็คงต้องเลี่ยง ๆ อ้อมกันหน่อย ให้รู้สึกว่า ฉันก็ไม่ได้อยากพูดหรอกนะ แต่มันจำเป็นจริง ๆ แล้วก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ไปสะกิดเรื่องที่ว่านี้

          แต่บางทีมันจะเป็นเรื่องก็เป็นเรื่องจนได้ ถ้าคิดว่ามีปัญหาไม่เข้าใจกันก็ลองใช้หลัก "หยิน-หยาง” ดูสิครับ ถ้าหากคนนั้นแข็ง เราก็ต้องรีบอ่อน แต่พอเค้าอ่อน เราก็แข็งขึ้นมาทันที เขาอารมณ์ไม่ดีเราก็ต้องพยายามใจเย็น ๆ แล้วทำให้เขาเย็นลง ๆ ในที่สุด ถ้าเขาอ่อน เราก็อ่อนตามก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่ แต่ถ้าเขาแข็งมา เราก็แข็งสวนกลับไป อย่างนี้เดี๋ยวบ้านแตกซะก่อน

          เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรักก็เลยถือโอกาสรดน้ำพรวนดินเติมปุ๋ย ให้ความรักในครอบครัวเติบโตงอกงามแข็งแรง ถ้าความรักของใครแข็งแรงดีอยู่แล้วก็ขอให้แข็งแรงขึ้นไปอีก แต่ถ้าความรักใครชักจะง่อนแง่นเหี่ยวเฉาไปซะแล้ว ลองหาโอกาสทบทวนตัวเอง เรียนรู้กันให้มากขึ้น รู้เขารู้เรา หันมาพูดคุยกัน ปรับตัวเข้าหากัน ต้นรักจะได้เติบโตออกดอกออกผลเต็มต้น

          แล้วอย่าลืมนะครับว่า เดือนแห่งความรักไม่ได้มีแค่เดือนกุมภาพันธ์เดือนเดียว แต่ขอให้ทุกเดือนเป็นเดือนแห่งความรัก ทุกปีเป็นปีแห่งความรัก..แล้วชีวิตครอบครัวก็จะมีความสุข..ตลอดไป

hamcheese

ขอบคุณครับผม

yellow2550

ขอบคุณครับ