แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย sand เมื่อ 2012-6-19 22:30
เครื่องสักการะบูชา (S-045)
เครื่องสักการะเครื่องสักการะพระรัตนตรัยทั้งหลายได้เอามาบูชานั้น ล้วนแต่มีความหมายและแฝงไว้ซึ่งปรัชญา แต่ชาวพุทธอีกจำนวนมากไม่ทราบเลยว่า ทำไมจึงต้องมีสิ่งเหล่านี้ และมีไว้เพื่ออะไร จึงใคร่ขอมาเสนอแนะดังต่อไปนี้ ธูป สำหรับบูชาพระพุทธเจ้านิยมจุดครั้งละ ๓ ดอก หมายความว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น พระองค์มีคุณมากมายสุดที่จะพรรณนาได้ แต่เมื่อจะย่อลงให้น้อยที่สุดก็เหลือเพียง ๓ ประการ คือ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ ธูปที่บูชาบนโต๊ะหมู่จึงหมายถึงพระคุณทั้ง ๓ ประการนี้บรรดากลิ่นหอมทั้งหลายที่มีอยู่ในโลก ส่วนใหญ่เป็นกลิ่นที่ยั่วยุกามารมณ์ให้กำเริบ กลิ่นธูปเป็นกลิ่นที่น่าอัศจรรย์ คือ เป็นกลิ่นหอมและกลิ่นอันสามารถทำจิตใจให้สงบได้ แต่กลิ่นของศีลนั้นพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า เป็นกลิ่นที่ทวนลมและยกย่อง แม้พระองค์ทรงดับขันธปรินิพพานไปนานกว่า ๒๕๐๐ปีเศษ กลิ่นแห่งศีลของพระองค์ก็ยังตรึงใจของเหล่าชาวพุทธอยู่ตลอดเวลา เทียน เทียนที่นิยมใช้จุดบูชานั้น มี ๒ เล่ม เป็นอย่างน้อยหมายความว่า บรรดาคำสอนที่เป็นอย่างน้อยหมายความว่า บรรดาคำสอนที่เป็น สัตถุศาสน์ คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อแยกประเภทออกแล้วมีอยู่ ๒ ประเภทออกแล้วมีอยู่ ๒ ประเภทด้วยกัน คือ ๑.พระวินัย สำหรับฝึกหัดกาย วาจา ให้เรียบร้อย ๒. พระธรรม สำหรับฝึกใจให้สงบเพื่อจะได้พบความสุข ดังนั้นเทียน ๒ เล่ม จึงเป็นเครื่องหมายถึงพระธรรมวินัยหรือที่เราเข้าใจกันว่าศีลธรรมนั้นเอง จะเป็นศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ศีล ๓๑๑ ก็ตาม ล้วนแต่อยู่ในความหมายนี้และอีกอย่าง เทียนนี้ท่านผู้รู้ได้เปรียบเหมือนมารดาและบิดาผู้ให้กำเนิดแก่บุตรธิดา เพราะเทียนนั้นเมื่อจุดแล้วให้แสงสว่างแก่ผู้จุด แต่เทียนนั้นค่อย ๆ หมดไปเหมือนมารดาและบิดาผู้เลี้ยงบุตรธิดาให้เติบโต และให้ได้รับการศึกษาวิชาความรู้ต่างๆ ส่วนสภาพ ร่างกายนั้นก็เหี่ยวแห้งลง ตามลำดับฉันใด เทียนที่จุดแล้วให้ความแสงสว่าง และตัวเองก็ค่อย ๆ หมดไปฉันนั้น พระธรรมไม่ว่าจะเป็นขั้นพื้นฐาน ขั้นกลาง หรือ ขั้นสูงสุด ก็รวมอยู่ในความหมายนี้เช่นกัน ผู้ที่จุดเทียนในที่มืดไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม ย่อมจะทำที่นั้นให้สว่าง สามารถมองเห็นทางเดินได้อย่างชัดเจน ฉันใด พระธรรมและพระวินัยของพระพุทธเจ้าฉันนั้น ผู้ใดทำให้เกิดมีขึ้นในใจฉันใด ก็จะเป็นแสงประทีปนำทางของผู้นั้นให้ได้พบความสว่างและความสงบ มีปัญญาเฉลียวฉลาดอย่างที่ไม่เคยมีปัญญาใดๆ ในโลกจะมาเทียบได้ ดังนั้น การบูชาทุกครั้งจึงต้องจุดเทียนก่อนเสมอเพื่อแสดงให้เห็นว่าศีลทุกคนจะต้องรักษาเพื่อดัดกาย วาจาของตนให้ละเอียดประณีตขึ้น และธรรมทุกคนจะต้องประพฤติ เพื่อความอยู่เป็นสุขใจสังคมมนุษย์อย่างน้อยที่สุดต้องมีความรักความเอ็นดูความสงสาร และการไม่เบียดเบียนกันและกัน โลกจึงจะสงบสุข พบกัยสันติภาพ ดอกไม้ การนำดอกไม้มาบูชานั้นมีความหมายว่า อันธรรมดาว่าดอกไม้นานาพันธุ์ที่เกิดอยู่ตามธรรมชาติ ย่อมมีความสวยงามตามสมควรแก่สภาพของมัน แต่พอบุคคลนำมากองไว้ปะปนกัน โดยมิได้จัดให้มีระเบียบ ย่อมไม่สวยงามไม่น่าดูไม่น่าชม แต่ถ้านายมาลาการคือช่างดอกไม้ นำมาร้อยจัดสรรให้เป็นระเบียบเสียบไว้ในแจกัน หรือใส่พานประดับแต่งให้มีระเบียบแล้ว ย่อมจะแลดูสวยงาม น่าดู น่าชม ข้อนี้ฉันใด เหล่าพระสงฆ์สาวกของพระพุทธองค์ คราวที่ท่านอยู่ครองฆราวาส มีกิริยามารยาท ทางกาย วาจาและใจงามเหมาะสมตามควรแก่ตระกูลของตน หยาบบ้าง ประณีตบ้าง ละเอียดบ้างอันไม่เท่ากัน แบ่งชั้นวรรณะกันไปตามตระกูลวงศ์ มีอัธยาศัยต่าง ๆ กันไป เมื่อมีศรัทธาเลื่อมใสเข้ามาบวชรวมกันอยู่ ถ้าไม่มีระเบียบข้อวัตรปฏิบัติให้เป็นอันเดียวกันก็ไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ที่ นำมากองไว้ ไม่มีระเบียบ ไม่น่า เลื่อมใส ไม่น่าเคารพบูชาแก่ผู้ที่พบเห็น ครั้นพระพุทธเจ้าผู้เป็นเสมือนนายช่างดอกไม้ผู้ฉลาด พระองค์ได้ทรงวางระเบียบปฏิบัติคือ พระธรรมและพระวินัยไว้เป็นแบบแผนปฏิบัติ จัดสรรพระสงฆ์สาวกเหล่านั้น ให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในระเบียบเดียวกัน จึงเกิดมีระเบียบเรียบร้อย น่าเคารพ น่าเลื่อมใสศรัทธาแก่บรรดาผู้ที่ได้พบเห็นฉันนั้น
ดอกไม้ที่เลือกสรรมาบูชานั้น ชาวพุทธส่วนมากนิยมนำดอกไม้ที่มีคุณลักษณะที่ดีงามมาบูชา คือเป็นดอกไม้ที่กำลังแรกแย้ม มีกลิ่นหอม และมีสีสวยสด ไม่นิยมนำดอกไม้เหี่ยวแห้งมาบูชาหรือดอกไม้ ที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ เช่นดอกไม้ที่ทำด้วยพลาสติกเป็นต้น เพราะเชื่อกันว่าผู้บูชาด้วยดอกไม้ที่มีสีสวยมีกลิ่น หอม และเป็นดอกไม้แรกแย้มแล้ว เมื่อคราวจะได้อะไร ก็จะได้แต่ของที่ใหม่สดเสมอ ไม่เป็นมือสองรองจากใคร ดุจตาชูชกผู้มีอายุแก่คราวปู่ได้นางอมิตตดา ซึ่งเป็นสาวแรกรุ่นมาเป็นเมีย ส่วนผู้ที่บูชาด้วยดอกไม้ ที่เหี่ยวแห้ง เช่นดอกไม้ที่ทำด้วยสิ่งประดิษฐ์ด้วยพลาสติก อาจมีสีสวยแต่ไม่มีกลิ่นหอม เข้าทำนองที่ว่า สวยแต่รูปจูบไม่หอม ผู้นั้นเวลาจะได้อะไรก็มักจะได้ของที่ไม่ดี ไม่สวยเป็นที่พอใจ ตัวอย่างนางอมิตตดาได้ ตาชูชก ซึ่งแก่คราวปู่มาเป็นสามี
อย่างไรก็ตาม การบูชาด้วยดอกไม้นั้นนิยมนำดอกบัวตูมมาถวายพระหรือบูชาพระ เพราะลักษณะคล้ายรูปหัวใจ มีความหมายว่า ดอกบัวนั้น มีถิ่นกำเนิดในเปลือกตมไม่สะอาดแต่พอพ้นน้ำแล้วบาน สะพรั่งสวยงามเปรียบได้กับพระสงฆ์สาวกที่ออกจากเปลือกตม คือ กิเลส เบ่งบานด้วยรสพระธรรม ตัดความอาลัยคือ กามคุณห้าได้แล้ว เป็นพระอริยบุคคล (การบูชาด้วยดอกบัวนั้น จะให้มีความหมายที่ถูกต้องแล้ว ต้องบูชาให้ครบ ๘ ดอก ซึ่งหมายถึง พระอริยบุคคล ๘ จำพวก มีพระโสดาบันเป็นต้น)
สรุปได้ความว่า ธูป ๓ ดอก ที่จุดบูชานั้น หมายถึงพระพุทธคุณทั้ง ๓ ประการ คือ
๑. พระปัญญาคุณ (ปัญญารู้แจ้งเห็นจริงด้วยพระองค์เองโดยไม่มีใครสอน)
๒. พระบริสุทธิคุณ (ความบริสุทธิ์หมดจดสิ้นราคะ โทสะ และโมหะ)
๓. พระมหากรุณาธิคุณ (มีเมตตาสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตามความเป็นจริง)
เทียน ๒ เล่ม หมายถึงจุดเพื่อบูชาคุณของศีลและธรรม ซึ่งเป็นคำสอนของพระบรมศาสดา ที่พระองค์ทรงค้นพบด้วยปัญญาของพระองค์เอง
๑. เทียนเล่มซ้ายมือผู้จุด หมายถึงพระวินัยคือศีลทั้งหมด
๒. เทียนเล่มขวามือผู้จุด หมายถึงพระธรรมที่พระองค์ทรงค้นพบแล้วทรงสั่งสอนหมู่มนุษย์และ เทวดาให้มีจิตใจอ่อนโยน
เวลา จุดเทียนต้องจุดเล่มซ้ายมือของเราก่อน เพราะหมายถึง ศีลซึ่งกำจัดกิเลสอย่างหยาบ ปรกติเมื่อจะทำบุญใด ๆ (ทำความดี) ก็ตามจะต้องรับศีล
การจุดเทียนเล่มขวามือของเรานั้น หมายถึงพระธรรมอันเป็นเครื่องกำจัดกิเลสอย่างละเอียด และรักษาผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมมิให้ตกไปทางที่ชั่ว
ดอกไม้ที่นำมาบูชาพระบนโต๊ะหมู่นั้น หมายถึงพระสงฆ์ที่ท่านออกจากบ้านเรือนมาบวชแล้วตั้งอยู่ในศีลธรรม ทั้งที่เป็นพระอริยสงฆ์ และพระกัลยาณสมมติสงฆ์ เมื่อเราทราบความหมายดังนี้แล้ว จึงควรที่เราทั้งหลายมาช่วยกันรักษาและกราบไหว้ให้ถูกต้อง และสั่งสอนบุตรหลานทั้งหลายให้เขาเข้าใจในความหมายเหล่านี้ เมื่อเขาเข้าใจดีแล้ว ก็จะได้สืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ยาวนานสืบต่อไป |