ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 1446|ตอบกลับ: 21

1 ลองรัก

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
99
พลังน้ำใจ
3337
Zenny
3609
ออนไลน์
1076 ชั่วโมง
ลองรัก.......

                 ฉันที หนุ่มน้อย อายุเพิ่งจะย่าง 18  ปี หน้าตาน่ารัก บุคลิกดีเยี่ยม การันตีได้จาก การที่ฉันเป็นคฑากรมือหนึ่งของโรงเรียนตลอดระยะเวลาที่ฉันเรียนมัธยมปลาย  ใครเห็นต่างชื่นชมและเทใจให้ฉันได้ไม่ยาก   ด้วยความที่พ่อแม่มีลูกหลายคนและอยู่ในวัยเรียนด้วยกันทั้งหมด  ฉันจึงต้องดิ้นรนหางานทำเพื่อส่งเสียตัวเองให้ได้เรียนในมหาวิทยาลัยเปิดที่มีชื่อเสียงของเมืองไทย

                ฉันเข้าทำงาน Part Time ของห้างดัง  ย่านหลักสี่  ซึ่งเป็นห้างที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมาก   หน้าที่ฉันคือ คอยดูแล จัดเรียงผลไม้ทั้งไทยเทศ    รวมทั้งชั่งผลไม้ให้ลูกค้า   ซึ่งฉันยอมรับว่า  มีความสุขพอสมควรกับการที่ฉันสามารถหารายได้เลี้ยงปากท้องของตนเองได้  และฉันยังมีโอกาสได้ลิ้มลองผลไม้ต่างประเทศที่ฉันยังไม่เคยรับประทานด้วยล่ะ

             เพื่อนร่วมแผนกของฉันต่างก็เป็นพนักงาน  Part Time ด้วยกันทั้งสิ้น เหตุผลก็อย่างเดียวกันกับฉันเกือบทั้งหมด  ต่างกันที่สถานที่เรียนที่เพื่อนๆเลือกที่จะเรียนราชภัฏ โดยให้เหตุผลว่า จบง่ายกว่า ซึ่งฉันก็ไม่รู้หรอกว่าจริงหรือไม่ เรื่องอย่างนี้ฉันว่ามันอยู่ที่ตัวบุคคล

             ขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงยัยหัวซาลาเปาเพื่อนของฉันก็ดังขึ้น
                     “เฮ้ที  แกดูผู้ชายคนนั้นสิ หน้าตาหล่อดีนะ  แต่ฉันว่า เหมือนมันจะเขียนคิ้วว่ะ”
ฉันมองตามสายตายายตัวดีที่ชี้นำ “อืม ก็หล่อดี คิ้วหนาเป็นปื้นเลยนะ”    ที่จริงฉันต่างหากที่อยู่หน้าร้านตลอดแต่ฉันไม่ค่อยได้ใส่ใจอะไรนอกจากงานที่อยู่ตรงหน้า

           แต่ตอนนี้  ความรู้สึกของฉันเปลี่ยนไปฉันชอบแอบมองผู้ชายหน้าตาคมเข้ม ขาวสูง  คิ้วหนาเป็นปื้นคนนั้น    ซึ่งเขาเป็นพนักงานขายอุปกรณ์ตกแต่งห้องน้ำเคาน์เตอร์อยู่เยื้องๆกับฉันนั่นเอง   แรกๆเขาคงไม่รู้ตัวแต่นานๆเข้าเขาเริ่มส่งยิ้มมาให้ฉัน   ให้ตายเถอะรอยยิ้มเขาช่างมีเสน่ห์ทำเอาฉันเขินอายสะท้าน  ฉันรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหน้า  ฉันคิดว่าหน้าฉันต้องแดงแน่ๆเลย

           ฉันรีบกลบเกลื่อนทำเป็นจัดข้าวจัดของ  และไม่กล้ามองเขาตรงๆอีกเลย






                 หลายวันต่อมา  ฉันไม่เห็นเขาอยู่ที่เคาน์เตอร์  ฉันมองแล้วมองอีก  ยิ่งไม่เห็นฉันก็ยิ่งมอง  ใจฉันว้าวุ่น คิดไปต่างๆ  เขาไปไหนนะ   เขาไม่สบายหรือเปล่า  หรือว่าเขาย้ายที่ทำงานแล้ว......................เมื่อคิดได้อย่างนั้นมันยิ่งทำให้ฉันร้อนใจจนไม่เป็นอันทำงาน

                 แต่แล้วในความรู้สึกเหมือนมีใครมายืนดูฉันอยู่ที่ร้านขายผ้าตัดเสื้อที่อยู่อีกซีกหนึ่งของห้าง      ฉันจึงมองไปตามความรู้สึกนั้น   ให้ตายเหอะพ่อรูปงามกำลังมองจ้องฉัน  แล้วก็ส่งยิ้มมาอีกแล้ว      เหมือนตัวและหัวใจฉันจะละลายไปกับสายตาอันคมกริบของเขา  ฉันร้อนวาบวูบผะผ่าวที่ใบหน้าอีกแล้ว


               ฉันเดินจึงเข้าหลังร้าน  “อ้าวทีทิ้งเคาน์เตอร์มาทำไม”  เสียงพี่เอื้อง หัวหน้าร้องถาม
“ผมขอไปห้องน้ำหน่อย นะครับ”     “เออ รีบไปรีบมาเดี๋ยวพี่ไปดูให้”   หัวหน้าฉันก็อย่างนี้พูดมะนาวไม่มีน้ำ  แต่แกก็รักฉันที่สุดเลย  ลูกน้องทุกคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจ


              ฉันเช็ดหน้าล้างตา   แวะคุยกับเพื่อนๆนิดหน่อย  เมื่อรู้สึกผ่อนคลายจึงกลับไปเคาน์เตอร์
“คุณครับ”  ฉันรีบหันไปหาต้นเสียง เข้าใจว่า ลูกค้าต้องการให้ชั่งผลไม้     แล้วฉันก็รู้สึกเหมือนไฟช๊อต พ่อคิ้วหนามายืนส่งยิ้มหวาน  ทำตากรุ้มกริ่ม  แล้วยื่นกระดาษในมือให้ฉัน    ฉันยื่นมือไปรับเหมือนต้องมนต์สะกด  ฉันว่า หน้าตาฉันคงเด๋อด๋าน่าดู

              “สวัสดีครับ   ผมชื่อศักดิ์นะครับ   คุณน่ารักจัง............... ยินดีที่ได้รู้จักครับ”   เมื่ออ่านจบ
ผมมองไปที่เขา   แล้วเราต่างก็สบตาและส่งยิ้มให้กัน  อย่างเนิ่นนาน

            “ไอ้ที  ไปกินข้าวไป”  เสียงยัยตัวแสบดังลั่นปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์    “รีบไปรีบมาล่ะ ฉันก็หิวนะ”  เสียงมันยังแปร๋นๆตามหลังมาอีกแน่ะ







                     “สวัสดีครับ     ผมชื่อศักดิ์นะครับ    คุณน่ารักจัง................ยินดีที่ได้รู้จักครับ”   ใครมาทำหล่นไว้วะ   เสียงยัยตัวดีถามเมื่อฉันกลับมาถึง     ฉันนิ่งเฉยเพราะไม่รู้จะพูดอะไร  และฉันเองก็ไม่กล้าบอกว่าเป็นของๆฉัน   เพราะกลัวยัยตัวแสบมันจะโพนทะนาไปแปดบ้านสิบบ้าน  

                  หลายวันต่อมา   ศักด์แวะมาหาฉันที่เคาน์เตอร์   “ที   เป็นอะไรมากหรือเปล่า   ผมเห็นไม่มาทำงานหลายวัน  จึงไปดูที่บัตรลงเวลาจึงรู้ว่า ไม่สบาย”  ผมยิ้มรับด้วยหัวใจพองโต  “ขอบคุณครับ ผมแค่เป็นหวัดนิดหน่อย ตอนนี้ หายดีแล้ว”    “งั้นตอนเที่ยงไปทานข้าวกับผมนะ” “ครับศักดิ์”

                 ฉันทำงานอย่างมีความสุขรู้สึกว่า โลกใบนี้ช่างสวยงามซะเหลือเกิน    ฉันเพลินกับงานฉันเพลิดเพลินกับความจริง  ที่สุขสมหวัง   จนไปตามนัดช้านิดหน่อย  “ผมมารอสักพักแล้วหล่ะ”
“ขอโทษครับ”   ผมไม่รู้จะพูดอะไรให้ดีกว่านั้น   “ทานข้าวกันเถอะผมหิวแล้ว”   ศักดิ์คอยตักโน่นหยิบนี่ให้ฉัน  ตาจ้องมองหน้าฉันตลอด จนฉันรู้สึกประหม่ามือไม้สั่น  ไม่เป็นตัวของตัวเอง  ผู้คนรอบข้างต่างก็มองมาที่เราสองคน      “ศักดิ์ครับ  ผมขอตัวนะ”  ฉันรู้สึกเกร็งและเขินอายอย่างมาก    “อ้าว ทำไมอิ่มเร็วนักล่ะ” “ครับ เผอิญผมทำงานค้างไว้”   ฉันบอกลาศักดิ์และกลับมาที่เคาน์เตอร์  

                 “ที เดี๋ยว เดือนหน้าเราลงบ่ายบ้างนะ”  เสียงพี่เอื้องบอก  ฉันรับคำและคิดว่า จะได้เจอกับศักดิ์เหมือนเคยไหมนะ  
                  วันแรกที่เข้ากะบ่าย ฉันรู้สึกเซ็งอย่างบอกไม่ถูก  กว่าจะเลิกงานสี่ทุ่มแน่ะ  แต่ที่ดีหน่อยก็ตรงมีรถรับส่งนี่แหละ

                  ฉันมองหารถสายที่ผ่านห้องพักฉัน   อ้อ อยู่นั่นเอง   พอฉันไปถึงไม่มีที่นั่งแล้ว  ฉันจึงเดินไป ยืนที่โล่งข้างหลัง    “มานี่ มานั่งตักพี่นี่”  พี่อู๊ดดี้ ตัวดำบึ๊ก ดึงรั้งให้ฉันนั่งตักเขา พร้อมทั้งเอามือสองข้างมาสวมกอดรอบเอวฉันแนบแน่น   โดยที่ฉันยังไม่ได้พูดว่ากระไร    ศักดิ์ เดินหน้าบึ้งทำตาเขียวปัดจ้องมองมาจากด้านหน้า   ฉันรีบลุกขึ้นยืน  “มานี่”  ศักดิ์ดึงแขนฉันให้เดินตามไปนั่งด้านหน้า “นั่งตรงนี้แหละ” เขาสั่ง ด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเป็นอันมาก






                   ฉันอยากจะอธิบายแต่เหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ ฉันพูดไม่ออก ฉันรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างบอกไม่ถูก   เรานั่งเบียดกันแต่ไม่มีคำพูดใดหลุดรอดออกมาอีกเลย  “ผมลงก่อนนะ”  ผมบอกเมื่อถึงที่พัก  เขาพยักหน้าแต่ไม่มีรอยยิ้ม     ตายังมองขวางๆอยู่เลย  ฉันรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ดวงตา  ฉันก้าวลงจากรถโดยไม่กล้าหันไปมองเขาอีกเลย

                  ฉันเดินก้มหน้า  พยายามทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา   ฉันทำอะไรผิดหรือ  ขณะที่ฉันเดินครุ่นคิดหาคำตอบให้กับตัวเองด้วยความรู้สึกอัดอั้น ตันใจ   ฉันอยากจะร้องไห้  ฉันกำลังจะร้องไห้................... แต่แล้ว ฉันก็ต้องเซถลาไปตามแรงกระชากเข้าสู่อ้อมอกพร้อมทั้งอ้อมกอดที่พันธนาการอย่างแน่นหนา
                  “ ศักดิ์” ฉันอุทาน ด้วยความแปลกใจ
                   “ที”   เขากอดฉันให้แนบแน่นยิ่งขึ้น “อย่าทำอย่างนั้นอีก  อย่าทำอีกเข้าใจไหม”
                   “ผมเปล่าทำ” ฉันตอบอย่างแผ่วเบา ด้วยน้ำเสียงเครือสั่น
                   “ผมเข้าใจ  แต่อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก   เข้าใจไหม”  เขาพูดพร้อมกับจ้องตาฉันเขม็ง
                    “อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก   เข้าใจไหม” เขาย้ำ
                    ฉันจ้องตาเขา  น้ำตาเริ่มหลั่งริน “ผมขอโทษ  ศักดิ์ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
                    “คนดีอย่าร้องไห้   อย่าร้องไห้นะครับ”   เขาเช็ดน้ำตา  และดึงรั้งฉันเข้าไปกอดอย่างเนิ่นนาน  จนฉันหยุดสะอื้น   จนน้ำตาฉันหยุดไหล


                    “คืนนี้ อยู่กับผมนะ” ศักดิ์พูด
                    “เดี๋ยว พี่ชายเป็นห่วง”  “โตจนป่านนี้แล้ว ยังกลัวพี่ชายอีกเหรอ”  เขาพูดตัดบททั้งๆที่ฉันยังพูดไม่จบ       แล้วเขาก็ดึงแขนฉันให้เดินตามไปโดยไม่รอฟังคำตอบอีก    ฉันเดินตามเขาไปด้วยไม่ต้องการทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมาอีก


      






             หลังจากทานอาหาร  อาบน้ำเรียบร้อย  ศักดิ์ดึงฉันเข้าไปหอมแก้มและกอดอย่างแนบแน่นกว่าที่เคย  สายตาเขาจ้องมองฉันด้วยความรักใคร่หวงแหน   แล้วเขาก็ใช้ริมฝีปากบดขยี้ริมฝีปากของฉันอย่างเนิ่นนานและรุนแรง   ฉันรู้ถึงความตั้งใจนั้น   ฉันสั่นสะท้านสุดจะต้านทานไหว

                    “ศักด์ครับผมเจ็บนะ”  ผมบอกเมื่อเขาถอนริมฝีปาก
                    “ผมขอโทษ ที่รัก” เขาเริ่มใหม่ด้วยความละมุนละไม ทะนุถนอม  เขาชื่นชมฉันไปทั่วทุกสัดส่วน   ฉันเคลิบเคลิ้มคล้อยตาม  ฉันเองก็เต็มใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น  แล้วเขาก็แสดงความเป็นเจ้าของ ครอบครองฉันอย่างสมบูรณ์   
                    “คุณเป็นของผมแล้วนะ  ของผมคนเดียวเท่านั้น”  เขาพูดแล้วจูบที่หน้าผากฉัน อย่างแผ่วเบา พร้อมทั้งรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม อิ่มเอิบใจ
                    “ครับที่รัก ฉันเบียดกายเข้าไปในอ้อมแขนให้ชิดใกล้ยิ่งขึ้น”  เขากอดฉัน จูบฉัน ชื่นชมฉัน  แสดงความเป็นเจ้าของทั้งกายและใจฉัน   ครั้งแล้ว ครั้งเล่าจนรุ่งสาง

                    ศักดิ์มองดู รอยเลือด  คราบเลือด เปรอะเปื้อนผ้าปูที่นอน เป็นจุดๆเต็มไปหมด ด้วยสายตาปีติ
                      “ผมเป็นคนแรกของคุณ   ผมเป็นคนแรกใช่ไหม”   เขาพูดด้วยน้ำเสียงแสดงอาการตื่นเต้น เมื่อเราลุกจากที่นอน    ฉันได้แต่ยิ้มเขินอาย  “มิน่าล่ะสั่นเป็นลูกนกเชียว   ที่สำคัญคับแน่นมาก  คุณเองก็บ่นเจ็บ  บอกให้ผมเบาๆตลอด”   เขาพูดอมยิ้มทั้งสีหน้าและแววตา  ฉันได้แต่นั่งเหนียมอายพูดอะไรไม่ออก  “ผมสัญญาว่า  จะดูแล ทะนุถนอมคุณให้ดีที่สุด”           ฉันยิ้มอย่างปลาบปลื้มใจแล้วซุกเข้าไปสู้อ้อมแขนที่เปิดอ้ารออยู่   ศักด์กอด จูบ ลูบไล้ ฉันไปทั่วตัว  อย่างนุ่มนวลเนิ่นนาน

                      ฉันยอมรับว่า ได้รับความรัก  ความอบอุ่น ฉันรู้สึกได้ถึง  ความปลอดภัย ความห่วงใย ความเอื้ออาทร  การถวิลหา  หัวใจที่ถูกเติมเต็ม  ความสุขสดชื่น ของสองเรา  ตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปีที่ผ่านไป







                          “ที เมื่อวานฉันเห็น ยัยหัวซาลาเปา ไปไหนกับศักดิ์น่ะ”  หมวยบอกฉัน
                           “อย่ามาอำ กันเล่นน่ะ  เมื่อวาน ศักดิ์ก็ไปทำงานนะสิ  ยัยซาลาเปามันก็มาเข้าบ่าย เห็นๆกันอยู่น่ะ”   ฉันตอบโดยไม่คิดระแวงซักนิดเดียว เพราะฉันไปส่งศักดิ์ ที่ห้างใหม่ใกล้บ้าน  ที่จริงเขาย้ายไปประจำที่นั่นได้สองสามเดือนแล้ว
                          “เออๆ  เชื่อใจกันเข้าไป”  ยัยหมวยตัดบท

                          แต่ด้วยคำพูดของหมวยก็ทำเอาฉันทำงานไม่เป็นสุขไปตลอดทั้งวัน   ฉันพยายามสังเกตอาการของยัยหัวซาลาเปา   ก็ไม่มีอะไรผิดสังเกตนี่   นอกจากจะมีโทรศัพท์สายนอกเข้ามาคุยกับมันบ่อยๆ แล้วมันก็ทำท่าเหนียมอาย เหมือนสาวแรกรุ่นซะงั้น  ทั้งๆที่มันเคยผ่านการแต่งงานและหย่าร้างมาแล้ว   และอายุยังแก่กว่าฉันตั้งหกปี แต่ไม่ยอมให้ฉันเรียกพี่ กลัวคนมองว่า  แก่น่ะ


                        เลิกงานแล้ว  ฉันสลัดความคิดที่กัดกร่อนความรู้สึกของฉันทิ้งไป   เดินทางกลับบ้าน แวะซื้อข้าวปลา  อาหาร ผลไม้ ขนม ฉันเน้นสิ่งของที่พ่อยอดดวงใจของฉันโปรดปราน

                       พอถึงห้องพัก ศักดิ์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่  ฉันเลยเลี่ยงไปอาบน้ำ    ฉับออกจากห้องน้ำศักด์ก็ยังคุยโทรศัพท์อยู่    ฉันแต่งตัวและคอยแอบมองศักดิ์
                        “แค่นี้นะครับ  แล้วจะติดต่อมาอีก”  ศักดิ์บอกลาคนที่ปลายสาย
                        “ ทานข้าวกันเถอะครับ”  ฉันเรียกศักดิ์
                        “ไม่หิวข้าวอยากทานคนมากกว่า”  ศักดิ์กระเซ้าฉัน
                       “ไม่เอาน่า  อย่าเพิ่งสิครับ” ฉันปัดป้องและชวนเขาทานอาหาร    ตลอดเวลานับตั้งแต่นั้นมา  ฉันคอยสังเกตศักดิ์ทุกอิริยาบถ  เขาก็เหมือนเดิมทุกอย่างนี่นา    เช้าไปทำงาน เย็นถึงบ้าน  เรื่องบนเตียง  ความเอาใจใส่ฉันก็คงเส้นคงวา ดีออก

                      “ไม่เอาน่า  อย่าคิดมาก   เพื่อนมันอาจจะแหย่เล่นสนุกๆเท่านั้นเอง อย่าเอามาเป็นอารมณ์เลย”   ฉันบอกกับตัวเองและพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด






                   “ไอ้ที  มึงนี่เป็นพระอิฐพระปูนหรือไงนะ  ชาวบ้านเขารู้กันทั้งบาง  อีซาลาเปามัน แอบตีท้ายครัวแก ” เสียงยัยหมวยฟ้องฉันเป็นฉากๆ โดยมียัยจิ๋มเล็ก ยัยเงาะคอยสนับสนุนเห็นต้องพ้องด้วย  ฉันจ้องหน้ามันทีละคนๆ  พยายามมองลึกเข้าไปในดวงตาพยายามค้นหาความจริง
                   “เออสิ  ยัยจิ๋มใหญ่ พูดทำลายบรรยากาศที่กำลังตึงเครียด  ก็ฉันสามคนเห็นมากับตาเมื่อเช้านี่เอง  แฟนแก เดินจูงมือกัน เข้าห้องอีซาลาเปาไปกลางวันแสกๆนี่แหละแกก็รู้ว่า วันนี้วันหยุดของมันน่ะ
                   ฉันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก  ฉันไม่มีสมาธิ ทั้งวันเลย  คำพูดของยัยสามคนนั้น วนๆเวียนอยู่ในหัวสมองฉันตลอดเวลา
                  ฉันขอพี่เอื้องกลับก่อนสองชั่วโมงโดยบอกแกว่าปวดหัว  เพื่อนสี่สาวของฉันพยักเพยิดให้อย่างเข้าใจ  ฉันเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่ทำงานศักดิ์    ฉันคอยแอบมองแต่ไม่เห็นมีวี่แววของยัยซาลาเปา

                    ฉันกลับไปรอศักดิ์ที่ห้องด้วยความกระวนกระวายใจ นั่นไงเขาก็กลับมาตรงเวลานี่
                   “อ้าวที่รัก  วันนี้กลับเร็วจัง” ศักดิ์ทักทายด้วยท่าทางเป็นปกติ
                   “ผมปวดหัวนิดหน่อยครับ”  
                    “ไหนๆ ผมดูซิ”   ศักดิ์คลำหน้าผากฉัน  “ตัวก็ไม่ร้อนนี่  เครียดอะไรหรือเปล่า   ไปอาบน้ำแล้วมาทานข้าวกัน  ดูซิผมซื้อต้มซุปมาฝากคุณด้วยนะ”

                  ฉันอาบน้ำ ทานข้าวกับศักดิ์ โดยที่เขาคอยพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจอย่างเช่นเคย
                   “เอ  ยังไม่หายเครียดอีกเหรอ   คงต้องฉีดยาเข็มใหญ่ของหมอศักดิ์ให้ละมั้ง”  ศักดิ์กระเซ้าฉันบนเตียงนอน   แล้วเขาก็ร่ายกลอนรักบทเดิมที่ฉันปรารถนาและพึงใจ  ซ้ำแล้วซ้ำอีก
               “ที่รัก  วันนี้คุณกลับเร็วหน่อยนะ เดี๋ยวเราไปฉลองวันครบรอบ........”  ฉันพูดทิ้งท้ายไว้อยากจะรู้ว่า เขาเห็นความสำคัญหรือไม่
               “วันครบรอบ ที่คุณเสียตัวให้ผมครั้งแรกใช่ไหม” เขาเดินมากอดฉันจากทางด้านหลัง แล้วจูบไซร้ซอกคอเบาๆ    พร้อมกับพูดซ้ำๆว่า  “ผมไม่เคยลืมๆ”







                ฉันและศักดิ์ไปถึงผับที่เพื่อนศักดิ์ทำงานอยู่แถวๆแยกลาดพร้าว   
               “เฮ้ที  ฉันมาถึงซักพักแล้วล่ะ” ยัยซาลาเปาร้องเรียก
               “เขาบอกอยากมาร่วมแสดงความยินดีกับเราน่ะครับ” ฉันกระซิบบอกศักดิ์
               “อืม  เข้าไปข้างในกันเถอะ” ศักดิ์รับรู้ แล้วเอ่ยปากเชิญชวน
                ตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่นฉันพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด  ทั้งๆที่ใจของฉันร้อนรุ่มอย่างมาก  ฉันเก็บทุกรายละเอียด  สังเกตทุกกริยาอาการ  คอยฟังทุกคำพูด ของคนทั้งคู่   ศักดิ์เองก็พยายามนั่งชิดฉันจับมือฉันตลอด  หอมแก้มฉันเวลาที่ฉันมีอาการเหมือนกำลังนั่งคิดหรือเหม่อลอย
                “คิดอะไรอยู่น่ะที่รัก  เหม่อเชียว” ศักดิ์ถาม
                “โทษที  แค่เพลียๆ น่ะครับ” ฉันตอบบ่ายเบี่ยง พร้อมทั้งส่งยิ้มให้เขา
                “เดี๋ยวเราก็กลับกันนะ ดูสิตาอิดโรยเชียว” เขาเอื้อมมือมาประคองศีรษะของฉันให้ซบไหล่เขาพร้อมทั้งดึงมือของฉันให้โอบรอบเอวเขา


                 “น้องๆ มานี่ซิ” ยัยหัวซาลาเปาเรียกบริกร “ไปบอกดีเจ ว่าเจ๊ขอฟังเพลง เราสามคน ของพี่อิทธินะ” ยัยหัวซาลาเปาสั่งและยื่นทิปใส่มือ
                ฉันทำตัวเป็นปกติ “ นั่นงัยล่ะมันต้องแสดงอะไรออกมาให้เห็นบ้างสิ  ถ้าเรื่องที่เพื่อนๆบอกมาเป็นความจริง” ฉันบอกกับตัวเอง
                “เธอคนหนึ่ง ฉันคนหนึ่ง เขาคนหนึ่ง  เราสามคน แล้วคนหนึ่งรักคนหนึ่ง  เหลือคนหนึ่ง อยู่เพื่อใคร” ยัยหัวซาลาเปา ร้องเสียงดัง คลอตาม ประมาณว่าอินกับบทเพลงที่กำลังเปิดอยู่ซะเหลือเกิน   ฉันผละจากอกศักดิ์นั่งตัวตรงตาจ้องมองกริยาของคนทั้งคู่ ซึ่งตอนนี้ ต่างก็ตึงได้ที่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์   ศักดิ์หน้าแดงจ้องยัยหัวซาลาเปาตาเขม็ง  แต่ยัยหัวซาลาเปายังคงร้องเสียงดังไม่หยุด“.................เราสามคน คงต้องมีคนเป็นฝ่ายไป”      ยัยหัวซาลาเปา จ้องมองฉันและศักดิ์สลับกันไปมา  แล้วพูดขึ้นอีกว่า “เราสามคน คงต้องมีคนเป็นฝ่ายไป  เดี๋ยวฉันไปเอง เธอสองคนอยู่ด้วยกันดีๆนะ”  ยัยหัวซาลาคว้าเป๋า เดินออกจากร้านไป
                ฉันจ้องมองศักดิ์  เขายิ้มแล้วดึงฉันเข้าไปหอมแก้มแล้วบอกว่า “เรากลับกันเถอะนะ”







                ฉันนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายทั้งคืน ภาพคนทั้งคู่วกไปวนมาอยู่ในมโนสำนึกของฉันตลอด   ศักดิ์กุมมือ แสดงอาการรักใคร่ แสดงความเป็นเจ้าของฉันตลอดเวลา  ยัยหัวซาลาเปาดูกระอักกระอ่วนหน้าแดง ตาแดง  กระเง้ากระงอด สุดท้ายเดินกระฟัดกระเฟียดออกจากร้านไป แต่ฉันยังไม่อยากสรุปอะไร


             “ใจเย็นๆสิ   เดี๋ยวค่อยคุยกัน...............  เออๆ  ก็ได้”  เสียงศักดิ์พูดโทรศัพท์ดังแว่วมา  ขณะที่ฉันอยู่ในห้องน้ำ  แต่ฉันไม่อยากจะนึกเลยว่าเป็น.................

             “ไอ้ที มานี่ มานี่เลย” ยัยหมวยฉุดกระชากลากถูฉันให้ตามไป “ ยัยเงาะอยู่จัดการงานไป ถ้าพี่เอื้องมาถึงบอกแกด้วยว่าฉันพาไอ้สี่ไปทำธุระสำคัญ  เรื่องคอขาดบาดตายเชียวนะมึง…………. นังจิ๋มใหญ่ตามฉันมา” หมวยสั่งทุกคนเสร็จสับฉุดฉันขึ้นแท็กซี่
           “มันอะไรกันหมวย” ฉันถามด้วยความแปลกใจ
           “แกยังไม่ต้องพูดอะไร เดี๋ยวก็รู้เองแหละ   เร็วๆหน่อยพี่แท็กซี่  เลี้ยวซ้ายเข้าอพาร์ทเม้นข้างหน้าแล้วจอดเลย ”    ยัยหมวยสั่ง  แล้วจ่ายตังค์เสร็จสรรพทันทีที่แท๊กซี่จอด    ทั้งวิ่งทั้งเดิน
            “นี่มัน” “เออ ยังไม่ต้องพูด”  ยัยหมวยตัดบทแกอย่าเพิ่งส่งเสียงหรือแสดงตัวนะ
ยัยหมวยกระซิบสั่งให้ฉันแอบอยู่ข้างๆประตูก่อนจะเคาะประตูเรียกคนในห้อง
           “เปาๆ   เปาๆฉันขอยืมเตารีดหน่อย เตารีดของฉันเสียน่ะ”
           “เออๆเดี๋ยวหยิบให้  รอแป๊บนึง ” เสียงยัยหัวซาลาเปาตอบรับ
            ยัยหมวยขยิบตาให้จิ๋มใหญ่ “ผลั๊ว.....โครม” ทันทีที่เสียงประตูเปิดหมวยผลักแทรกตัวเข้าไปอย่างแรง
            “โอ๊ย....อะไรกันนี่”เสียงยัยหัวซาลาเปาร้องลั่น
            “จะอะไรกันล่ะ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง  ทรยศเพื่อนรักกี่ครั้งแล้วล่ะมึงอีเปาๆ”
หมวยด่าว่าเหมือนสุดจะทน “มึงเข้ามานี่มาดูให้เห็นกับตาเลยนะไอ้ที  ไม่เชื่อกูดีนัก” หมวยฉุดลากฉันเข้าไปในห้อง  พร้อมกับตะคอกฉัน “ดูมึงดูให้เต็มสองตามึงเลยนะ”







            ฉันมองยัยหัวซาลาเปาที่ใส่ผ้าขนหนูกระโจมอก ยังคงนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นห้อง  หน้าตาซีดเผือด  แล้วภาพที่ทำให้ฉันหัวใจแทบจะหยุดเต้นก็คือ ศักดิ์นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว นั่งตกตะลึงอยู่บนเตียงนอน ฉันจ้องมองศักดิ์ด้วยสายตาร้อนผ่าว ปวดแสบ ไปหมดทั้งกายใจ
            “ศักดิ์ คุณ............. คุณกับ........ มันเป็นเรื่องจริงหรือนี่” เสียงฉันแหบพร่าสั่นเครือ ตัวฉันสั่นเทาด้วยความโกรธ    ด้วยความร้อนรุ่มที่หัวใจ     ด้วยภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้า  ฉันพูดอะไรไม่ได้อีก น้ำตาฉันไหลเป็นทาง  แข้งขาฉันอ่อนแรงไปหมดฉันนั่งร้องให้ปิ่มว่า จะขาดใจอยู่ตรงนั้นเอง

            “กูว่าแล้ว  นังหมวย มึงอยากจะเห็นไอ้ทีมันช็อกตายหรือไงหือ” จิ๋มใหญ่ต่อว่า หมวยด้วยเสียงอันดังมาก
           “เออสิ กูทนไม่ได้หรอกที่เพื่อนรักสวมเขาให้เห็นๆอย่างนี้ ใครทนได้ทนไป” หมวยไม่ยอมลดละ
           ฉันพยุงตัวลุกขึ้น มองไปที่ศักดิ์ซึ่งก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตาฉัน ฉันเดินระโหยโรยแรงออกจากห้อง ขณะที่ยังได้ยินเสียงหมวยและจิ๋มต่อว่ากันไปมา บางครั้งก็ด่าทอยัยหัวซาลาเปาและศักดิ์สลับกันไปมา  แต่ฉันฟังไม่ได้ศัพท์ ฉันรู้สึกหูอื้อ ตาลาย  เจ็บที่หัวอกเหมือนหัวใจแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ  หมดเรี่ยวหมดแรง  แต่น้ำตาไม่ยอมหยุดไหลริน  น้ำตายังคงไหลเป็นทางขณะที่เรียกบอกให้แท็กซี่ไปส่งที่พัก

             ฉันยังไม่อยากเข้าบ้านฉันนั่ง ร้องไห้คร่ำครวญที่สนามหญ้า หน้าสนามกีฬาฯ  ฉันเจ็บปวดที่หัวใจ    ฉันปวดแสบที่ดวงตา ฉันปวดร้าวทั่วร่างกายและหัวใจ  ฉันหนาวเหน็บ  อ้างว้าง   โลกนี้ดูโคลงเคลง...........................เหมือนฉันกำลังนั่งเรือฝ่ากระแสคลื่นแรงๆ ลูกแล้วลูกเล่า
              ภาพเก่าๆ ผ่านเข้ามาในห้วงคำนึงของฉัน  ภาพศักดิ์กำลังประคองกอดฉัน    หอมแก้มฉัน จูบซอกไซร้  ปลอบประโลม  กระเซ้าเย้ายวน  ภาพแสดงบทรักพะเน้าพะนอ   หัวร่อต่อกระซิบกับฉัน.........................................ภาพเหล่านั้นกลับกลายเป็นหนามคอยทิ่มตำทิ่มแทงฉัน    เมื่อมีภาพของศักดิ์แสดงบทบาทอย่างเดียวกันกับยัยหัวซาลาเปา ซ้อนขึ้นมาในทุกๆภาพน้ำตาฉันไหลเป็นทางไม่ขาดสาย...................ฉันร้องไห้  ร้องไห้  ฉันนั่งร้องไห้………………อย่างเดียวดาย  

                 





              ครืนๆๆๆๆ   เสียงฟ้าคำรามเหมือนตอบรับว่า เข้าใจความรู้สึกของฉัน            ครืนๆๆๆๆ   ฟ้าร่วมร้องไห้เป็นเพื่อนฉัน      ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆ      ฉันร้องไห้ฟ้องบอกฟ้าว่า  ฉันปวดเจ็บยิ่งกว่า
ฟ้ามืดครึ้มไปทั่ว เหมือนหัวใจของฉันที่มืดมน     เปรี้ยงๆๆๆ   เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้อง    อกฟ้าคงแตกกระจาย   เหมือนหัวใจของฉันที่แตกสลายเป็นเสี่ยงๆจนไม่เหลือเลยชิ้นดี    เปาะแปะๆๆๆๆ  น้ำตาฟ้าร่วงลงมาต้องกายฉัน   แล้วน้ำตาฟ้าก็ชะล้างน้ำตาแห่งฉัน      น้ำตาฟ้า น้ำตาฉัน ไหลรวมเป็นหนึ่งเดียวไหลนองทั่วแผ่นผืนฟ้าและผืนดิน เจิ่งนอง ........เนิ่นนาน

                ปรี๊ดๆๆๆๆๆ  เสียงนกหวีดดังแทรกทำลายความสงบเงียบ  “โปรดทราบ ท่านที่มาใช้บริการสนามกีฬาฯ  เราจะปิดประตูทุกด้านในอีก 15 นาที...................” ฉันพยุงตัวลุกขึ้นช้าๆ    ฉันรู้สึกเคว้งคว้าง สิ่งแวดล้อมรอบตัวหมุนเคว้งไปหมด   ฉันยืนกอดต้นไม้  หลับตานิ่งนานปรี๊ดๆๆๆๆๆ  “ขณะนี้ถึงเวลาปิดให้บริการ...............................................” ฉันค่อยๆ ก้าวเดินช้าๆ  ฉันก้าวเดินช้าๆ  ออกจากสนามกีฬาท่ามกลางสายฝนกระหน่ำหนักหน่วงและรุนแรงขึ้น     


                  วิ้ว**     ซ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   ลมพัดแรงขึ้นอีก  ฝนลงเม็ดหนักกว่าเดิม     ฝนตกหนักจนฉันรู้สึกเจ็บที่ผิวกาย  แต่มันรู้สึกปวดแสบน้อยกว่าความเจ็บปวดที่กัดกร่อนหัวใจฉันในตอนนี้มากมายหลายเท่านัก   แต่ฉันยังคงก้าวเดินต่อไปช้าๆ  ฉันก้าวเดินต่อไปอย่างช้าๆ    ผ่านสิ่งแวดล้อมรอบข้างที่ฉันคุ้นเคย...................................................แต่ดูทุกสิ่งในวันนี้ ช่างเงียบเหงา   มืดมน   อ้างว้างและไม่งดงาม   

                     “ใช่แล้ว ทุกสิ่งอย่างไม่งดงามเลย”    ฉันบอกกับตัวเอง  ขณะยืนจับราวสะพานข้ามคลอง     “โลกใบนี้ไม่งดงาม  ทุกสรรพสิ่งไม่งดงาม  ผู้คนไม่งดงาม  หัวใจคนล้วนไม่งดงาม”   “ความงดงามที่ผ่านมา  ความงดงามที่เคยผ่านตาฉัน  เคยผ่านความรู้สึกของฉัน    มันคือ ภาพมายา   ภาพมายา..............แห่งชีวิต”  “สิ่งที่ฉันเผชิญในวันนี้ต่างหากคือ ความจริง.....................ความเป็นจริง ที่ฉันต้องยอมรับมัน” สมองของฉันคิดเรื่อยเปื่อย







                    “แสนแสบ  ฮะ  ใครกันนะที่ตั้งชื่อคลอง...........แสนแสบจริงๆ”     “แสนแสบ ฮะๆๆๆ   ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ  ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ฉันทั้งหัวเราะและร้องไห้จนตัวโยน        ขณะที่ปีนขึ้นไปนั่งบนขอบสะพาน   “ศักดิ์ ศักดิ์ ศักดิ์............” ฉันร้องตะโกนเสียงดัง แข่งกับเสียงร้องของฟ้าฝน                               “ฮะๆๆๆ   ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ  ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ”    “ลาก่อน...............................................”
ฉันร้องตะโกนสุดเสียงอีกครั้ง   ก่อนที่จะยืดตัวขึ้นและกระโจน   ลงสู้เป้าหมายด้านล่าง..................
ฉันกระโจนลงสู้เป้าหมายด้านล่าง             ฉันกำลังกระโจนลงสู่ คลองแสนแสบ.............  สุสานแห่งฉัน

           ฉันขอลา ความเจ็บปวด  ฉันขอลาภาพมายา   ฉันขอลาความทรยศ    ฉันขอลาความอดสูแห่งใจ       ฉันขออำลาความอาย    ฉันขออำลาความปราชัย................................................ฉันขอลาทุกสรรพสิ่ง  ที่มืดมนและไม่งดงาม    ฉันขอลาไปชั่วนิรันดร์
           

          ..................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................


             “เฮ้ย.............จะทำอะไรน่ะ” เสียงร้องตะโกนโวยวาย ดังลั่น  “ช่วยกันดึงขึ้นมาหน่อยสิคุณ”
มือแข็งแรงจับแขนฉันไว้ทั้งสองข้าง   พยายามดึงรั้งฉันไว้  ขณะที่ฉันหลับตาปล่อยตัว  ให้ลอยล่องสู่เบื้องล่าง     “ฉันกำลังลอยลงสู่ สุสานแห่งฉัน” ฉันคอยพร่ำบอกกับตัวเอง  ไม่ยอมรับรู้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัว   









              “ไอ้ทีนี่หว่า......................ทีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”  คนที่ดึงรั้งฉันขึ้นมา เขย่าตัวฉันอย่างแรง  ร้องเรียกเสียงดังลั่น “ที**ๆๆๆๆๆๆๆ   ลืมตาซะทีสิ.....................”
เสียงนั้น ยังคงตะโกนร้อง   สองมือก็จับหัวไหล่ทั้งสองข้างของฉันเขย่าไม่ยอมหยุด “ไอ้ที..................อย่าทำอย่างนี้นะ” เขาตะโกนและเขย่าตัวฉันแรงกว่าเดิม


                ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมอง  เมื่อรู้สึกว่า  เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงที่คุ้นเคย  
                “พี่แตง..............พี่....แตงโม”  ฉันพูดได้แค่นั้น  แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย



              “ ตื่นซะทีสิไอ้น้อง.................... แกจะทิ้งทุกคนไปอย่างนี้ไม่ได้นะ” เสียงคุ้นเคยกว่าเดิมดังแว่วอยู่ไกลมากในความรู้สึกของฉัน “แล้วแกจะให้พี่ไปบอกกับพ่อแม่ว่าอย่างไร  แกจะให้พี่บอกกับทุกคนเขาว่าอย่างไร     เกิดอะไรขึ้นกับแก.................ที”
                ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ฉันร้องไห้ทั้งๆที่ตายังหลับ เมื่อรับรู้ได้แน่ชัดแล้วว่า เสียงที่ตัดพ้อต่อว่าเป็นเสียงของพี่ชาย   ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ฉันร้องไห้ไม่ยอมหยุดแต่เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน   น้ำตาไหลเป็นทางจนฉันรับรู้ได้   
               “ไม่เป็นไรๆ พักผ่อนให้หายเพลีย    แต่แกอย่าทำอย่างนี้อีก   แกยังมีพี่  แกยังมี พ่อแม่ ที่รัก และเป็นห่วงแก  แกอย่าทำอย่างนี้อีก  เข้าใจไหม”  rพี่ชายจับไหล่และพูดปลอบ เสียงสั่นเครือ..................................................................................................................................................

                  “โอ๊ย...........” โครม คราม  เสียงคนร้องด้วยความเจ็บปวดและ เสียงข้าวของตกหล่นดังจนปลุกให้ฉันตื่นขึ้นมา
                  “แกทำอะไรน้องฉันฮึ.....  มานี่เลย   น้องชายฉันเกือบตายไปแล้วรู้ไหม  ยังไม่สาแก่ใจแกอีกหรือ” “ผลั๊ว”  ฉันได้ยินชัดเจนว่าเป็นเสียงหมัดแน่ๆ   







                   “แกจะตามมาทำอะไรมันอีก   เห็นแล้วนี่มันใกล้ตายแล้วไง   แกจะตามมาซ้ำมันเหรอ” “ผลั๊ว”  เสียงอีกหมัดเน้นๆ    ฉันพยายามพยุงตัวลุกขึ้น  แต่ไม่รอด เรี่ยวแรงฉันหายไปไหนหมด  “ผลั๊ว” อีกหมัด เสียงดังชัดเจนมาก
                 “ไหนใคร...ใครกัน  หมาตัวไหนบอกจะดูแลน้องฉันเป็นอย่างดี   หมาตัวไหนบอกไม่ต้องเป็นห่วง...............”เสียงพี่ชายฉันต่อว่าอย่างเกรี้ยวกราด
               “แล้วนี่แกทำอะไร  ไอ้บัดซบเอ๊ย..........”“ผลั๊วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” รัวเป็นชุดหมือนเสียงที่แสดงอารมณ์โมโหนั่น
               “หยุดซะทีไอ้ทู  เดี๋ยวมันก็ตายหรอก”  เสียงพี่แตงโมฉุดดึงและร้องห้ามไว้
               “เออสิ .... กูก็กำลังจะฆ่ามันอยู่นี่ไง  คนเขามีพ่อมีแม่ มีพี่มีน้อง มันมาหยาบหยาม ทำอย่างนี้ได้ยังไง” พี่ฉันยังคงเกรี้ยวกราดต่อไป
               “ เฮ้ย...แกกลับไปก่อนไอ้น้อง”เสียงพี่แตงโมร้องบอกศักดิ์
               “ครับพี่  ผมฝากขอโทษทีด้วย...อีกสองสามวันผมจะมารับกลับบ้าน”   
               “ไอ้เห้.....เอ๊ย  ใครจะให้น้องกูไปอยู่กับมึงอีก  ไปให้มึงฆ่ามันอีกงั้นเหรอ เหอ....  มึงไปให้พ้นหน้ากูเลยนะ  อยู่ต่ออีกนิดเดียวมึงเป็นศพแน่    แล้วอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก   คราวหน้ากูเอามึงตายแน่........ไป๊ ”   
               “เฮ้ย  ไปซะทีซีวะ  พูดกันไม่รู้เรื่องหรอกวันนี้นะ  ไปๆๆๆๆๆ”เสียงพี่แตงโมร้องสั่งศักดิ์อีกรอบ



                 ฉันเหนื่อย  ฉันเพลียเหลือเกิน  แต่น้ำตาไม่ยอมหยุดไหล  เหมือนกับหัวใจที่ยังไม่หายเจ็บเหมือนมีมีดซักร้อยซักพันเล่ม มาคอยห้ำหั่น  เชือดเฉือนอยู่ไม่ยอมหยุด.............................................................................................................................................................










                 “ไม่ต้องไปทำงานที่นั่นอีก.....................ไม่ต้องไปหา  ไม่ต้องโทรคุย............ไม่ต้องติดต่อกับมัน   ถ้าแกไม่อยากให้พี่  และพ่อแม่ต้องเสียใจอีก...................เข้าใจไหม”  พี่ทูสั่งฉันห้ามฉันติดต่อกับศักดิ์อย่างเด็ดขาดในทุกทาง  หลังจากที่ย้ายห้องพักจากที่เดิม


                เวลาผ่านไปกว่า ปีเศษ    ฉันค่อยๆแข็งแรงขึ้น  และกลับมาดูแลตัวเองได้อีกครั้ง   ภายใต้การประคบประหงมของพี่ชายที่แสนดี
              “ดูแลน้องให้ดีๆนะลูก..... น้องไม่ค่อยแข็งแรง  อย่าให้ใครมารังแกน้องได้ล่ะ” เสียงพ่อและแม่  สั่งพี่ชายให้คอยดูแลฉันเสมอ  ยังคงดังแว่วอยู่ในหูของฉัน    ฉันอยากกลับไปบอกพ่อกับแม่เหลือเกินว่า  ถึงวันนี้   พี่ชายก็ยังดูแลฉันเป็นอย่างดี   ฉันเองเสียอีกที่..............      
               “พ่อครับ  แม่ครับ  ผมขอโทษ  ผมเกือบจะทำลายสมบัติที่พ่อแม่ แหนหวงและ สร้างมา...........ด้วยน้ำมือของลูกเองซะแล้ว    ยกโทษให้ลูกด้วยนะครับ ”


                ถึงแม้ว่า ฉันจะเริ่มเป็นปกติแล้ว  แต่เหมือนพี่ชายจะยังไม่วางใจ   ไม่เคยปล่อยฉันให้ไปลับตา  ไม่เคยปล่อยฉันไว้  ลำพัง .............................................................................................
..............................................................................................................................................................................ส่วนตัวฉันเอง  แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายในเมืองใหญ่    แต่ทำไมฉันจึงรู้สึก  โศกเศร้า เงียบเหงา  และเดียวดายนักนะ

                 

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
37914
Zenny
17334
ออนไลน์
3995 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-9-3 10:34:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
8666
Zenny
885
ออนไลน์
757 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-1-4 17:24:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
4
พลังน้ำใจ
6256
Zenny
2749
ออนไลน์
1313 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-1-4 18:46:25 จากอุปกรณ์พกพา | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
457
พลังน้ำใจ
79631
Zenny
203662
ออนไลน์
9900 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-1-4 20:28:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
22457
Zenny
8
ออนไลน์
2982 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-1-4 22:58:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนครับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
5101
Zenny
372
ออนไลน์
519 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-1-6 12:41:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
15212
Zenny
829
ออนไลน์
1399 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-1-13 04:19:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ประธานนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
59605
Zenny
38812
ออนไลน์
7807 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-1-14 18:55:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
1219
Zenny
1556
ออนไลน์
362 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-2-19 21:27:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
33404
Zenny
7136
ออนไลน์
2610 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-2-19 21:33:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์
โพสต์ 2016-2-20 01:19:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ภาษาสวยงามมาก

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
209
พลังน้ำใจ
14133
Zenny
42887
ออนไลน์
1090 ชั่วโมง

สมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชร

โพสต์ 2016-6-3 15:42:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
32032
Zenny
17959
ออนไลน์
3636 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-6-4 13:47:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
33040
Zenny
2482
ออนไลน์
4036 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-6-13 22:04:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากๆครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
21
พลังน้ำใจ
30023
Zenny
665
ออนไลน์
3897 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-6-14 05:04:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
612
Zenny
312
ออนไลน์
56 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-7-30 21:40:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เศร้าจังครับ
แต่ภาษาดีมากเลย
ขอบคุณครับ ^.^

นายกสโมสร

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
119439
Zenny
60259
ออนไลน์
12931 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-7-30 22:27:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ...

ประธานนักศึกษา

โสดเหงาหงี่

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
71737
Zenny
46
ออนไลน์
11081 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-9-18 17:56:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณค่ะ

นายกสโมสร

กระทู้
28
พลังน้ำใจ
168793
Zenny
171951
ออนไลน์
28707 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-9-19 11:18:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-12-28 21:44 , Processed in 0.128179 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้