ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 740|ตอบกลับ: 5

3 กลัวรัก

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
99
พลังน้ำใจ
3337
Zenny
3609
ออนไลน์
1076 ชั่วโมง
กลัวรัก....

               เดือนนี้ฉันเข้ากะเช้าและนั่งเครื่องที่แผนกยีนส์
               “ดูพี่แคชเชียร์สิ    แกดูซึมเศร้ามาก เหมือนเพิ่งจะอกหักมา”  เสียงพนักงานขายซุบซิบกัน
ซึ่งฉันก็ไม่ได้รู้สึกเคืองขุ่นพวกเขาแต่ประการใด    ฉันเองก็รู้ตัวอยู่เหมือนกันว่า  วันๆฉันพูดแทบจะนับคำได้     วันทั้งวัน  เดือนทั้งเดือนแทบจะไม่มีรอยยิ้ม บนใบหน้าของฉัน
                “ทีมันอกหัก    อย่าพูดอะไร ทิ่มแทงใจมันล่ะ” เพื่อนๆ พี่ๆ บอกกล่าวประโยคนี้กันเนืองๆ

               ซึ่งตัวฉันเองก็คอยระมัดระวังอารมณ์ตัวเองอยู่ค่อนข้างมากเหมือนกันกลัวจะฟุ้งซ่าน จน
คิดสั้นเหมือนคราวแรกนั้น
                ฉันพยายามทำตัวเองให้ว่างน้อยที่สุด    ฉันพยายามอยู่คนเดียวลำพังให้น้อยที่สุด
ฉันเลือกที่จะมานั่งดูทีวีที่ห้องรับแขกของอพาร์ทเมนท์  แทนที่จะนั่งดูอยู่บนห้องอย่างเดียวดาย
หลังข่าวเที่ยงคืน ฉันถึงจะยอมขึ้นห้องนอน ประมาณว่า  เมื่อหัวถึงหมอนก็ให้หลับเป็นตายกันเลย
ทีเดียว

              ซึ่งการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเองก็พอช่วยฉันได้ค่อนข้างมาก     คนที่พักอยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับฉัน

              ทุ่มครึ่งแล้วฉันเพิ่งจะถึงที่พัก  หนุ่มๆเล่นฟุตซอลกันอยู่ที่หน้าอพาร์ทเมนท์ส่งเสียงเอะอะโวยวาย  ก็แปลกดีนะตั้งแต่ฉันย้ายมาอยู่ที่นี่ฉันเข้ากะบ่ายตลอด กลับถึงที่พักก็สี่ห้าทุ่ม ไม่เคยเจอกับหนุ่มๆที่เล่นฟุตซอลกันเลย จะมีก็วันนี้ซึ่งฉันเริ่มลงกะเช้า  จึงเลิกงานและกลับถึงที่พักเร็วกว่าเดิมมาก
               “ส่งมานี่....................ไอ้กฤษส่งมานี่”
                ฉันมองหาลูกบอล  ด้วยกลัวจะโดนลูกหลง   แล้วสายตาก็ได้ประสานกับสายตาของคนชื่อกฤษที่กำลังครองบอลอยู่
               “ให้ตายเถอะ  ที่นี่มีคนน่ารักขนาดนี้พักอยู่ด้วยหรือ” ฉันบอกกับตัวเอง  
                กฤษเป็นคนผิวขาวมาก  รูปร่างสันทัด จมูกโด่ง หน้าได้รูป  ที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นริมฝีปากที่ แด๊ง แดงๆๆๆๆ

           อายุของกฤษน่าจะพอๆกับฉัน  เขาเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี  มีเพื่อนรุ่นพี่ รุ่นน้องและรุ่นราวคราวเดียวกันเยอะแยะ   ต่างกับฉันที่อยู่อย่างเดียวดาย  ฉันไม่มีใครเลย  ฉันแทบไม่รู้จักกับใครเลยในที่นี้
         
            ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา  ฉันชอบแอบมองดูกฤษ  โดยเฉพาะริมฝีปากแดงจัดนั้น ทำเอาฉันเก็บมาฝันอย่างช่วยไม่ได้   เขาเองก็เหมือนจะรู้ตัว  เวลาที่ฉันมองก็ชอบจะเอาลิ้นเลียปากซะงั้น
แต่ฉันไม่กล้าคิดอะไรไปไกลกว่านั้น

          ด้วยพิษรักปักทรวง  ถึงสองครั้งสองหนยังสำแดงฤทธิ์เดชไม่หาย   บุคลิกฉันมันก็คนป่วยใจดีๆนี่เอง     

          แล้วก็ยังมีเหตุผลหลายอย่างประกอบกัน   ฉันค่อนข้างจะเจียมเนื้อเจียมตัว  คนอื่นๆพ่อแม่เขาส่งเรียน   มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือได้ไปเรียนอย่างสม่ำเสมอ  ต่างกับฉันที่ต้องทำงานหาเงินส่งเสียตัวเอง  ถ้าเดือนไหนเป็นช่วงลงทะเบียน ซื้อหนังสือ  หรือมีรายจ่ายอื่นที่อยู่นอกเหนือจากรายจ่ายประจำ   เดือนนั้นฉันเป็นอันต้องไส้แห้งอย่างช่วยไม่ได้


           “ไง..ไปทำงานวันแรกเวิร์คไหม”เสียงคนทักทายกันที่ประตูทางเข้าตึก ขณะที่ฉันนั่งดูทีวีที่อยู่ข้างใน
           “ก็ดีว่ะ.................”  เสียงกฤษตอบได้ยินชัดเจน

           ฉันไม่ได้เจตนาจะแอบฟังใครเขาพูดคุยกัน  แต่เขามานั่งคุยกันอยู่ข้างหลังฉันเลยทำให้รู้ว่า
กฤษเป็นคนที่เรียนเก่ง  และจบเร็ว  กว่าเพื่อนๆรุ่นเดียวกันถึงเกือบปี  เกรดเฉลี่ยสวย  ถึงขั้นไปสมัครงานธนาคาร  สำนักงานใหญ่ เขาก็รับเข้าทำงานทันที   
           “นี่แหละนะ  คนหน้าตาดี  บุคลิกภาพดี  สมองดี  ฐานะทางบ้านดี   เมื่อทุกอย่างพร้อม  ทุกอย่างก็ย่อมเกื้อหนุน  เสริมส่งให้ไปได้ดีเสมอ  ถ้าคนรักดีอีกอย่างด้วยน่ะนะ  ” ฉันคิดบอกกับตัวเองลำพัง    เมื่อยิ่งได้รู้ความจริงอย่างนั้น   มันยิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างฉันกับกฤษ เพิ่มมากขึ้น  ตัวฉันนะเหรอ
          “ไม่มีใครสนใจใยดี   ห้องเรียนไม่เคยได้เข้ากับคนอื่นเขา  อ่านหนังสือสอบเอง   ลาสอบได้บ้างไม่ได้บ้าง..................”  ฉันอดเปรียบเทียบ    และน้อยใจในชะตาชีวิตของตนเองอย่างช่วยไม่ได้



          ยิ่งนับวันกฤษยิ่งดูดีขึ้นในสายตาฉัน    นั่นมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่า ตัวเองต่ำต้อยลงทุกทีๆ
ฉันพยายามเก็บความรู้สึก   และไม้กล้ามองกฤษตรงๆอีกเลย   แต่ยังห้ามใจตัวเองไม่ได้ที่จะ.....................ไม่ให้แอบมอง

           นี่ก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว      ฉันนั่งดูทีวีอยู่เพียงลำพัง  ดูรายการต่างๆไปเรื่อยเปื่อย       ประสาทไม่ได้รับรู้อะไร  ฉันยังไม่อยากขึ้นห้องนอน  ฉันกลัวความเหงา  ฉันกลัวความอ้างว้าง  ฉันกลัวความเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย   ที่สำคัญ  ฉันกลัวใจตัวเอง.........

         กฤษเดินมาโน่นแล้ว   เขาเดินผ่านไป....................... แล้วเดินกลับมา   เดินย้อนกลับไปด้านหน้า    เดินกลับมาแล้วก็เดินย้อนกลับไปด้านหน้า.............
        “ป๊าบ..............”    เขาแกล้งแกว่งแขนมาโดนฉันอย่างแรง
        “.....................”   
        “.....................”    เงียบสนิท ไม่มีคำขอโทษจากเขา .................................... ไม่มีเสียงของฉัน    ไม่แม้กระทั่ง...........ฉันจะหันไปมอง     
         เสียงกฤษนั่งลงที่นั่งแถวหลังฉัน เงียบๆ
         ทุกอย่างยังคงเงียบสนิท...........  เงียบสนิท ไม่มีคำขอโทษจากเขา ........................... ไม่มีเสียงของฉัน    ไม่แม้กระทั่ง...........ฉันจะหันไปมอง     
          ฉันรับรู้ได้ว่า  กฤษเจตนาที่จะทำความรู้จัก............... แต่  ฉันยังไม่พร้อม   ฉันต่างหากที่ยังไม่พร้อม   ฉันขอเวลา   ฉันยังต้องการเวลา เยียวยา  รักษาแผลใจ

          สักพัก กฤษลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นบน  มองฉันอย่างงงๆ   มองฉันอย่างไม่เข้าใจ ฉันมองกลับไปที่เขาด้วยสายตาที่อ้างว้าง......................และว่างเปล่า

          หลายเดือนผ่านไป  ฉันยังคงอยู่กะเช้า  ฉันกลับถึงที่พักตรงเวลาเสมอ     เหมือนกฤษจะรออยู่เมื่อฉันไปถึง   เราต่างมองสบสายตา............แล้ว เขาจะเดินตาม    หรือบางวันก็เดินนำหน้าฉันขึ้นข้างบนเสมอ     อย่างเงียบๆ..............
          เป็นอยู่อย่างนั้น..................อย่างเงียบๆ  
         ไม่มีรอยยิ้มให้กัน...........................ไม่มีแม้คำพูดจาสักคำเดียว     

          แต่   ฉันก็รู้สึกเป็นสุขและอบอุ่นใจ อย่างประหลาด

      ผ่านไปครึ่งปี  ถึงคิวฉันต้องลงกะบ่ายบ้างแล้ว
      ฉันกลับถึงที่พัก   ประมาณห้าทุ่มครึ่ง................. กฤษ ไม่รอแล้ว  เขาคงเข้านอนแล้ว  เขาต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานฉันเข้าใจดี
     
      วันนี้เป็นวันเสาร์  คนทำงานห้างอย่างฉันยิ่งหยุดไม่ได้เลย  ลูกค้าเยอะมากทั้งวันเพราะมีการจัดรายการพิเศษด้วย     ฉันถึงที่พักเที่ยงคืนได้   กฤษรออยู่เช่นเคย  เขามองมา  เขาจ้องมองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม   ด้วยสายตาที่ขุ่นข้องหมองใจ
       “ผมไม่ได้เกเร  ผมไม่ได้หนีเที่ยว  ผมเพิ่งกลับจากที่ทำงาน.................” ฉันส่งสายตา    และกระแสใจไปบอกเขาอย่างเงียบๆ
       ............แล้ว เขาก็เดินตาม ฉันขึ้นข้างบน    อย่างเงียบๆ.............. โดยไม่มีรอยยิ้มให้กัน...........................ไม่มีแม้คำพูดจาสักคำเดียว     


       เราเดินตามกัน    เรามองสบตากัน   เราส่งความรู้สึกเข้าหากัน...........................เราปล่อยให้หัวใจมันคุยกัน  อยู่อย่างเงียบๆ...................  แต่ฉันก็รู้สึกอบอุ่นใจดี      
      
          บางวันที่ฉันเหนื่อยอ่อน....................  บางครั้งฉันก็อยากจะให้มันเป็นมากกว่านี้   แต่  ฉันยังไม่พร้อม   ฉันต่างหากที่ยังไม่พร้อม   ฉันขอเวลา   ฉันยังต้องการเวลา เยียวยา  รักษาแผลใจ

          เวลาพ้นผ่านไปเป็นปี     ความสัมพันธ์สองเรายังคงเดิม   
          กฤษเองก็ไม่กล้า  ทำอะไรไปมากกว่านั้น  ด้วยฉันเคย....................
          ฉันเองก็ไม่กล้าเพราะตีค่าตนเองต่ำไป.....................................และฉัน  ยังเจ็บ  แผลเก่าที่หัวใจ
ยังไม่หาย.................มันเจ็บ ปลาบแปลบทุกครั้ง เมื่อคิดถึงเรื่อง ความรัก

         
           “ไอ้กฤษมันได้งานใหม่ที่  ไฟแนนซ์..........................”
           “เหรอวะ  โอ้โฮ้  เงินเดือนเพิ่มกว่าสองเท่าเลยนะแก.......”
           “นั่นน่ะสิ  โบนัสนะเกือบยี่สิบเดือนเชียวนะโว๊ย”
            เสียงเพื่อนๆ  พี่ๆ  น้องๆ  ร่วมที่พักต่างพูดคุยแสดงความยินดีกับกฤษ  ที่ได้งานดี  เงินดีกว่าเดิม          นั่นมันยิ่งเป็นการเพิ่มช่องว่างระหว่าง  ฉันกับเขาให้ห่างไกลเกินกว่าที่  ฉันจะไข่วคว้า..............เอื้อมมือไปถึง    ฉันครุ่นคิดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
        
        แต่กฤษก็ยังทำตัวเป็นปกติเช่นเคยๆ    เดินนำฉันขึ้นที่พักไปนั่นแล้ว        แต่วันนี้แปลกไป
เมื่อถึงชั้นสาม  แทนที่เขาจะเลี้ยวขวาเข้าห้องพักตนเอง    เขากลับเดินไปอีกฝั่งแล้วรีบเดินกลับมา
ขณะที่ฉันยังอยู่กึ่งกลางบันได   
         “โอ้โฮ............ แผลถลอกเป็นรอยยาว  ตั้งแต่เข่าไปถึงโคนขา”  กฤษหยุดยืนอยู่ต่อหน้าฉันสักครู่  เหมือนต้องการให้ฉันได้รับรู้
        “กฤษ  คุณ..............” เสียงของฉันแผ่วเบา  คอแห้งผาก.............  แต่เขาเปิดประตูเดินเข้าห้องไปแล้ว

          “กฤษ.............คุณคง  เจ็บแสบที่แผลมากสินะ” ฉันรำพึงกับตนเอง
          “ผมอยากจะคอยดูแลคุณเหลือเกิน..............” ฉันได้แต่คิด
           ในความเป็นจริง  เราต่างกันเหลือเกิน    ฉันจึงทำได้แค่เพียงรับรู้...............ฉันรับรู้ถึงเจตนา และความเจ็บปวดของเขาได้


         เรายังคงเดินตามกัน    เรามองสบตากัน   เราส่งความรู้สึกเข้าหากัน...........................เราปล่อยให้หัวใจมันคุยกัน  อยู่อย่างเงียบๆ...................  แต่ฉันเริ่มรู้สึก   ว้าวุ่นใจ      


         ฉันต้องลาออกจากงาน    ฉันต้องไปฝึกงาน   ห่างจากที่พักไปไกลถึงสองชั่วโมง ถ้ารถไม่ติด
มันเป็นเรื่องจำเป็น  ที่คณะถ้าไม่ลงฝึกงานจะขอจบปริญญาไม่ได้   แล้วถ้าฉันไม่ย้ายที่พักฉันคงต้องเสียงาน เสียการเรียนแน่ๆ  ด้วยคงต้องเสียเวลาอยู่บนรถประจำทางไปกลับ  วันละสี่ถึงห้าชั่วโมงได้  ไหนจะต้องเผื่อเวลาไปยืนคอยรถอีก  ข้าวของที่หิ้วไปฝึกงานก็คงพะรุงพะรังน่าดู  ฉันปรึกษากับเพื่อนๆ เราตกลงกันที่จะไปเช่าห้อง  ย่านที่ฝึกงาน เพื่อจะได้ให้ความช่วยเหลือ  ดูแลกันได้และตัดปัญหาจิปาถะ ข้างต้น  


         ฉันเก็บข้าวของ  สัมภาระขึ้นรถเช่า  เที่ยวแล้ว...............เที่ยวเล่า
……………………………………………………………………………………………………….
         “เฮ้อ..........เที่ยวสุดท้ายแล้วสินะ  ขอขอบคุณทุกสิ่งอย่างที่ให้ฉันอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยดี  เสมอมา”
ฉันบอกลา ห้องพักและสะพายกระเป๋าลูกสุดท้าย เดินออกมาหน้าตึกอพาร์ทเมนท์


        “กฤษ............ คุณดูเศร้าจังเลย” กฤษยืนอยู่ที่ใต้ต้นกระถินณรงค์หน้าตึก
ฉันเดินผ่านเขาช้าๆ

         เรามองสบตากัน   เราส่งความรู้สึกเข้าหากัน...........................เราปล่อยให้หัวใจมันคุยกัน  อย่างเงียบๆ

        ฉันรู้สึกร้อนผะผ่าว  ...........  แสบเคือง ที่ดวงตา    ฉันเดินช้าๆ มาที่รถ  ตายังคงมองอยู่ที่กฤษ
       “ไปแล้วนะครับ..............ลาก่อน” ฉันส่งความรู้สึกถึงกฤษ
      
        ดอกกระถินณรงค์สีเหลืองสด   หล่นโปรยปรายท่ามกลางสายลมที่พัด กระชั้น ........................
      
         ดอกกระถินณรงค์สีเหลืองสด   หล่นโปรยปรายลงบนศีรษะของกฤษ...................
ฉันเห็นน้ำตาเขาไหลเป็นทาง   
      
         ดอกกระถินณรงค์สีเหลืองสด   น้ำตากฤษ........................................ไหลเป็นทาง   

         น้ำตาฉันเริ่มเอ่อล้นเช่นกัน
          “ลาก่อน........ลาก่อนครับ”  
          ฉันส่งความรู้สึกถึงกฤษเป็นครั้งสุดท้าย   ก่อนที่ฉันจะควบคุมตัวเองไม่ได้มากกว่านี้


         พอรถเริ่มเคลื่อน  ฝนก็เริ่มโปรยปราย .....................ฉันมองกฤษผ่านกระจกมองหลัง
เขายืนอยู่ที่เดิม................. ฉันเห็นเขายังยืนอยู่ที่เดิม.............................น้ำตาเขารินไหลเป็นทาง   

          ฉันมองเห็น กฤษยืนนิ่ง......................น้ำตารินไหล....................................อยู่ที่เดิม


          “ผมขอโทษๆ................ เราต่างกันเหลือเกิน” ฉันพร่ำบอกกับหัวใจของตัวเอง  ขณะรถเลี้ยวเข้าสู่ถนนเส้นหลัก          ฉันนั่งหันหลังให้คนขับ.............................น้ำตาฉันรินไหล ไปตลอดทาง
ฉันเริ่มเจ็บที่หัวใจ................ฉันเจ็บปวดที่หัวใจอย่างเคยๆ


           ฉันตั้งใจฝึกงาน ทำงานอย่างเต็มความสามารถ  ฉันทำงานหนักมากทั้งเวลางานและหอบกลับมาทำที่ที่พัก ไม่เว้นแม้เสาร์อาทิตย์
            แต่ทุกครั้งที่ฉันพอจะมีเวลาว่าง   ใจฉันจะล่องลอยไป.....................และที่หนังสือตรงหน้าจะปรากฏ ภาพของกฤษเสมอๆ      ฉันคิดถึงเขาทุกลมหายใจเข้าออก ก็ว่าได้

                 ทุกเช้าวันพฤหัสบดี อาจารย์จะเรียกนักศึกษาทุกคนมาประชุม    เพื่อติดตามเรื่องการฝึกงานเสมอ           กว่าครึ่งเทอม  งานถึงเข้าที่เข้าทาง.....................................
                 ฉันคิดถึงกฤษแทบใจจะขาด .................................         ตอนนี้ฉันพอจะปลีกตัวได้บ้าง     วันนี้ฉันต้องไปเจอเขาให้ได้     ฉันออกจากที่พักตั้งแต่เช้ามืด     ฉันไปยืนดักรอดูเขาอยู่บนสะพานลอยที่ปากซอยเข้าที่พักของเขา      ยังคงตรงเวลาเสมอ กฤษเดินมาโน่นแล้ว......................... เขายังดูดีอย่างเคยๆ   หล่อเหลา สูงสง่า   แต่ดูเขาผอมลงและดูเงียบเหงาซึมเซาไปมาก
ที่แปลกตามากๆก็ตรงที่ทรงผม .....................................ปกติกฤษจะไว้ผมทรงสั้นตั้งๆคล้ายทหาร    แต่ตอนนี้เขาไว้ผมยาวแล้วทาเจล  หวีเสยเปิดหน้าผากไปทางด้านหลัง     ซึ่งเป็นทรงผมของฉันเอง  เขาดูดีมากในสายตาฉัน...................................ฉันมองเขาอย่างชื่นชมและมีความสุข

                “กฤษครับ  ผมมารอคุณสักพักแล้ว...........ผมคิดถึงคุณมากครับ”  ฉันได้แต่ส่งใจไปบอกเขา     เราช่างแตกต่างกันเหลือเกิน.................ความรู้สึกนั้น  ฉุดรั้งฉันเอาไว้ไม่ให้เดินไปหาเขา

                 เขาเดินใกล้เข้ามา  เขามองเห็นฉันแล้ว ........................ เขาชะงักนิดหนึ่ง
เขามองมาที่ฉัน    เขาจ้องมองมาด้วยสายตาที่แสดงความเจ็บปวด..................................................แล้วเปลี่ยนเป็นสายตาที่แสดงความเย็นชา.................    เขาแสดงอาการเฉยเมยและเดินไปโน่นแล้ว


           ฉันได้แต่  ยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก   เหมือนโดนไฟช็อต     กฤษไม่เคยแสดงอาการอย่างนี้กับฉัน      เรื่องราวต่างๆผ่านเข้ามาในห้วงคิดของฉัน
            “ขอโทษครับกฤษ..............ผมผิดเอง  ผมไม่ดีเอง      สมควรแล้วที่คุณจะโกรธจะเกลียดผม”
          วันนั้นฉันเข้าประชุมอย่างไร้หัวจิตหัวใจ   และกลับไปทำงานด้วยความสลดหดหู่ใจ
  ............................................................................................................................................................

            ฉันฝึกงานอย่างไม่มีความสุขแต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด สุดท้ายฉันได้คะแนนดีที่สุดในรุ่นทั้งในรายวิชาฝึกงานและการสัมมนาการฝึกงาน
             ฉันได้งานเป็นซูปเปอร์ไวเซอร์ในบริษัทผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์   ซึ่งเป็นบริษัทฝรั่งที่มีชื่อเสียงมาก และที่สำคัญมาก  รายได้ของฉันมากกว่าตอนทำงานห้างถึงสามเท่า
            
             ฉันมีความสุขกับงาน  กับเพื่อนร่วมงาน.........................แต่ฉันลืมกฤษไม่ลง    ฉันตัดสินใจย้ายกลับเข้าไปที่พักเดิมเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับกฤษ
           
           รุ่นพี่ต่างแสดงความยินดีที่ฉันได้งานดี  ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นี่คัดคนมาก.............แต่กฤษสิ   เขาแปลกไป  เขาเปลี่ยนไป  เขาพยายาม   หลบหน้า   ไม่มองสบตาฉันอย่างเคยๆ
         
          “ที่รัก  ผมกลับมาแล้ว    ผมกลับมาตามเสียงหัวใจที่เรียกร้อง.........................................”
           
           ฉันพยายามส่งใจไปถึงเขา     แต่เปล่าเลยกฤษไม่เคยรับรู้........................เขาดูเฉยเมย
เขาเย็นชาทุกครั้งที่เจอ         
            แต่ที่ทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง...................... เขาใช้ผ้าเช็ดตัว สีขาว    และสีบานเย็น
เช่นเดียวกับฉัน  ซึ่งก่อนที่ฉันจะย้ายออกไปเห็นเขาใช้สีเหลือง....................โธ่ที่รักคุณคงต้องการระลึกถึงผมสินะ  ฉันรำพึงเข้าข้างตัวเอง

            “พี่พลๆ ............................” เสียงกฤษเรียกหาใครคนหนึ่งซึ่งฉันคุ้นหน้าดี
            ฉันแอบดูที่ระเบียงด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเขาจะไปไหนกัน      เขาทั้งคู่หิ้วกระเป๋าใบใหญ่คนละข้าง    มีด้ามไม้เทนนิสโผล่ออกมา   ดูเขาสนิทสนมกันมาก  ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีทีท่าว่าสองคนนี้จะชอบพอกัน
         
           วันต่อๆมา ฉันคอยสังเกต ความสัมพันธ์ของทั้งคู่
           เขาดูสนิทชิดเชื้อกันมากกว่าที่ฉันคิด    ไปไหนมาไหนด้วนกันตลอด    ไปเที่ยวกลางคืนด้วยกัน  ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน   และดูเหมือนกฤษจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่เจ้าสำอางค์เหมือนเมื่อก่อน……………………….ผมเผ้าไม่เข้ารูปเข้าทรง ทั้งๆที่ตัดสั้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว   และดูเหมือนเขาจงใจจะทำตัวเองให้อ้วนขึ้นให้ทัน  พี่พล  ของเขาคนนั้น

            “ดูนัยกฤษสิเธออ้วนขึ้นมากเลย....................................”
            “ก็เป็นธรรมดาคนมัน อินเลิฟ อะไรๆ  ก็คงอร่อยไปหมดน่ะนะ”
             “นั่นนะสิ คอยพะเน้าพะนอเอาใจกันซะ........................ ”
             “เออนะ...............ไม่เหมือนใครบางคน  เขารักแทบจะเป็นจะตายทำเป็นเล่นตัวอยู่ได้   สุดท้ายเป็นไงหล่ะ”
            “กินแห้วสิคะ............ฮ้า ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
             เกย์สาวเม้าแตกกันกระจายเหมือนจงใจให้ฉันได้รับรู้


             ฉันคอแห้งผาก...............รู้สึกเหมือนโดนไฟช๊อต  พยายามฝืนก้าวเดินจนถึงห้อง
             เหมือนมีมีดสักร้อยเล่มพันเล่ม  มาปักอยู่ที่อกฉัน...........................ฉันจุกแน่นที่หน้าอกจนแทบหายใจออก........................หัวใจร้อนรุ่ม  เหี่ยวแห้ง  ฉันรู้สึกอ่อนระโหยโรยแรง  ไม่มีแม้แต่น้ำตาสักหยด     หัวสมองฉันมึนตึงเหมือนประสาทไม่สั่งการ

               ฉันตกอยู่ในภวังค์นั้น  นานเท่าไหร่ไม่ทราบได้  ................................

               มารู้ตัวอีกที   น้ำตาก็เปียกปอนหมอนหนุนไปทั่ว..............................ฉันไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะขยับตัว   

              “กฤษครับ    ผมขอโทษ  ทุกสิ่งอย่างมันเป็นเพราะผม.......................ผิดที่ผมคนเดียวเท่านั้น”
      
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

             ฉันหิ้วกระเป๋าใบสุดท้ายเดินออกจากตึก    สายลมพัดเอื่อย  กิ่งก้านกระถินณรงค์เอนไหว  ดอกสีเหลืองสดร่วงหล่น  สายฝนโปรยปราย.............................แต่ไม่มีใครยืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ที่ตรงนั้น   หัวใจฉันยังคงร้าวราน   น้ำตาเอ่อนอง แล้วเริ่มรินไหลเป็นทาง

          ดอกกระถินณรงค์ร่วงหล่น   สายฝนโปรยปราย    น้ำตาฉันรินไหลเป็นทาง

          ฉันก้าวเดินต่อไปไม่ไหว  จึงได้แต่หยุดยืนนิ่ง.................น้ำตารินไหลเป็นทาง

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
209
พลังน้ำใจ
14088
Zenny
42724
ออนไลน์
1088 ชั่วโมง

สมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชร

โพสต์ 2016-6-3 15:59:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ประธานนักศึกษา

กระทู้
745
พลังน้ำใจ
53246
Zenny
48743
ออนไลน์
11927 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-6-11 23:55:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
บทความนี้ค่อนข้างเศร้าในตอนท้ายนะ สะท้านเลย

ประธานนักศึกษา

กระทู้
457
พลังน้ำใจ
79646
Zenny
202837
ออนไลน์
9900 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-6-12 05:13:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
32770
Zenny
2666
ออนไลน์
4004 ชั่วโมง
โพสต์ 2016-6-13 22:35:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากๆครับ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
2
พลังน้ำใจ
86272
Zenny
62137
ออนไลน์
4844 ชั่วโมง
โพสต์ 2021-10-8 16:46:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-25 10:07 , Processed in 0.088231 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้