มาต่ออีกครับ “ ซี๊ด ออสซี่อูย...คุณดูดเก่งจัง ”ผมพูดทั้งที่อมแท่งหยกของเขาเอาไว้เต็มปากเขายิ่งเพิ่มจังหวะการโยกให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก พร้อมทั้งกระเด้าแท่งหยกใส่ปากของผมผมขย้ำบั้นท้ายที่ตึงแน่นพลางสอดนิ้วเข้าไปในถ้ำทอง ทีละนิดๆจนหมดนิ้ว “ อา...อย่า...อย่า...ผมเสียว...อย่า...ผมจะทนไม่ไหวแล้ว” กล้ามเนื้อหูรูดดูดนิ้วผมสุดแรงพร้อมกับที่ผมรู้สึกได้ถึงอาการกระตุกออสซี่คำรามเสียงนั้นสั่นแล้วดันแท่งหยกของเขาเข้าปากของผม พร้อมๆ กันนั้นเขาเองก็ดูดแท่งหยกของผมอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมทนไม่ไหวจึงต้องปล่อยไอรักออกมาเป็นคำรบสองออสซี่ดูดกลืนมันอย่างเอร็ดอร่อย เหมือนที่ผมกำลังกลืนของคาว ของหนุ่มตี๋ที่กำลังทะลักทะลายเข้ามาในคอของผม จวบจนมันแห้งหมดนั่นแหละถึงได้หยุดกัน “ พอแล้วน๊ะ ” ออสซี่ปราม ก่อนที่เราจะอาบน้ำอีกรอบ
“ ผมจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว ”
ผมแกล้งชกเขาที่หน้าท้องแกร่งนั้นเบาๆ แล้วร่วมวงอาบน้ำด้วยกัน เราสองคนเลือกที่จะอาบน้ำแบบใครอาบมันกว่า เพราะกลัวว่าจะอดใจไหว
ออสซี่เล่าให้ฟังว่า เขาเองก็รู้ตัวว่าเป็นเกย์มาตั้งแต่เด็ก แต่สังคมที่นี่ยังไม่เปิดเผยนัก และความเป็นเกย์คืออะไรที่ต้องห้าม สำหรับสังคมที่นี่ เขาจึงจำเป็นจะต้องปกปิดตัวเองมาตลอด
เมื่อเขาย้ายจากปักกิ่งมาเรียนอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ เขาก็ได้พบกับรุ่นพี่ ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ชื่อ ว่าน ไค่ ซือ แน่นอนว่าเขาทั้งคู่ตกหลุทรักกัน แต่ก็ไม่มีอะไรที่มากมายไปกว่าการใช้ปากและมือ ก็มีผมเนี่ยแหละที่ได้ทะลวงพรหมจรรย์ของเขาเป็นคนแรก
ตอนที่ได้ยิน ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกดีใจหรือเสียใจดีกับเรื่องนี้ ออสซี่เล่าต่อว่า ว่า ไค่ ซือ จบและออกไปแต่งงานกับสาวที่ครอบครัวของเขา ได้มั่นหมายเอาไว้แต่เด็ก ทำให้เขาเสียใจมากและหันไปเอาดีทางกีฬาเอ็กซ์ตรีมจนกระทั่งมาได้เจอกับผม
“ มันเหมือนพรหมลิขิต คุณว่าไหม? ผมออกมาเล่นเสก็ตบอร์ดทุกวันแต่ก็ไม่ได้เคยไปต่อที่ไหนกับใครเลย แต่แปลกที่พอมาเจอคุณแล้ว...”
ผมเองก็แปลกใจ กับความไวของตัวเองเหมือนกัน แต่ช่างเถอะ
“ คงงั้นมั้ง ผมเองก็เพิ่งได้ออกมาซื้อของเหมือนกัน ก็พอดีมาเจอคุณเข้า ”
เสียงท้องร้องเบาๆ ทำให้ออสซี่อาย
“ ขอโทษที ผมยังไม่ได้กินข้าวเย็นน่ะ ”
เขาเอามือลูบหน้าท้องที่แกร่งเป็นลอน ผมเลยก้มลงไปหอมที่ตรงนั้นฟอดใหญ่
“ พอๆ ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวไม่ได้กินข้าวกันพอดี ”
แล้วผมก็ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของเขาไปทานอาหารกันที่ภัตตาคารโต้รุ่ง มันไม่ได้หรูหราอย่างที่ควรจะเรียกหรอกนะ แต่ดูดีกว่าร้านข้างทาง
ออสซี่สั่งอาหารขึ้นชื่อของร้านนั่นคือ
“ หลัว ซึ ” หรือหอยขม เอาหอยขนมจีนมาตัดก้นออกแล้วผัดใส่เหล้า ขิงแก่สับ และต้นกระเทียม เห็นแล้วก็นึกถึงแกงคั่วหอยขมใส่ชะอมที่บ้านเรา อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วสินะ ที่ผมจะได้กลับไปทานที่บ้านให้หายอยาก
อาหารที่ค่อนข้างจืด และเบียร์ที่นี่ถูกมากๆ แต่เขาจะไม่แช่เย็นขาย เราสองคนก็ดื่มมัน ทั้งร้อนๆอย่างนั้นแหละ แกล้มปลาเค็มที่แช่ในน้ำเชื่อมคาวๆรสชาติเหมือนน้ำของออสซี่เมื่อตะกี้นี้ กับลิ้นเป็ดพะโล้
“ อร่อยไหม? ”
“ ฮื่อ ”
“ ผมก็ทำเป็นนะ ถ้าคุณมาคราวหน้าผมจะทำให้กินเอง ”
ผมชะงักตะเกียบ...คราวหน้า...เป็นอะไรที่ฟังแล้วเจ็บปวดจริงๆ
ออสซี่มองดูผมอย่างงงๆ
“ อิ่มแล้วรึ? ”
“ เปล่า ” ผมโกหก
“ ผมกินช้าน่ะ ”
ผมไม่ได้บอกเขาไปว่าพรุ่งนี้ผมจะกลับเมืองไทยแล้ว ที่จริงเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากมายเท่าไร ได้แต่ทำรักกัน ผมจะเป็นฝ่ายฟังเขาเล่าเสียมากกว่า
“ งั้นกินเร็วๆสิ ” ออสซี่กระเซ้า
“ ชึ ไคว่ ไคว่ (กินเร็วๆ )”
ผมย่นจมูกใส่เขา ออสซี่แกล้งทำท่าจะเอาตะเกียบคีบจมูกผม
“ เร็วๆ ภาษาไทยพูดว่ายังไง ”
จู่ๆก็อยากเรียนภาษาไทยขึ้นมาซะงั้น แปลกที่คนจีนส่วนใหญ่จะถือว่าภาษาของบ้านเขา เป็นภาษาทางการ เขาจะบังคับให้เราเรียนรู้ภาษาของเขา มากกว่าที่จะเรียนรู้ภาษาของชาติอื่น
“ ไคว่ ไคว่ ซื่อ ผมรักคุณ ( เร็วๆคือ ผมรักคุณ )” ผมแกล้งหลอก ดูซิเขาจะว่ายังไง
“ โผ ระ คู ” ออสซี่พยายามจะพูด แต่ในภาษาจีนจะไม่ใคร่มีตัวสะกดเท่าไรนัก ทำให้อ่านออกเสียงได้ลำบาก
“ ผมรักคุณ ” ผมพูดซ้ำ แต่เพียงได้มองหน้าของ ออสซี่ แล้วกลับรู้สึกละอายที่โกหกเขา
“ เอ่อ ออสซี่ ไม่ใช่อย่างนั้น เอ่อ ”
“ ผม-ระ-คูน ” ออสซี่ยังคงพยายามต่อไป “ ผม-รัก-คุณ ”
เขายิ้มประจบเอาใจเมื่อเห็นผมทำหน้าทึ่งในความสามารถของเขา “ ผมรักคุณ ”
ถ้าแม้จะรู้สึกผิดบาปในใจ แต่ผมก็ไม่อาจจะทรยศคำพูดของตัวเองได้ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเขา
“ มานี่สิ เดี๋ยวผมจะพาไปที่ๆนึง ” ออสซี่ชวนผมขณะที่เราขับรถกลับ
“ ที่ไหนเหรอ ”
“ ที่ๆพิเศษที่สุด ผมอยากให้คุณไป ”
ผมมองดูนาฬิกาแล้วพยักหน้าตกลง เขาจึงขับรถวนกลับไปที่มหาวิทยาลัยของเขา ม.ปูตงอัน เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อดังของที่นั่น เราสองคนแอบมุดเข้าประตูรั้วเก่าๆ ด้านข้างของมหาวิทยาลัย ผมรู้สึกตื่นเต้นราวกับได้กลับเป็นเด็กๆอีกครั้ง ออสซี่พาผมเดินขึ้นไปจนถึงดาดฟ้าของอาคารเรียน
“ ไหนล่ะที่พิเศษ ผมเห็นมีแต่ดาดฟ้า ”
“ ใจเย็นๆ สิ ” เขากดบ่าผมให้นั่งลง แล้วชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ เห็นไหม? ” นี่คืออีกหนึ่งฉากที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับงานเขียนของผมอีกหลานชิ้น ต่อมาในภายหลัง
ท้องฟ้ายามราตรีที่เต็มไปด้วยดาวดารดาษดุจทะเลสีดำ มีเกลียวคลื่นแวววาวคือหมู่ดาวนับหมื่นนับแสนที่ส่องประกายแข่งกัน ลมราตรีโชยเอากลิ่น
“ เยี่ย ไหล่ เซียง ” มาแต่ไกลดุขคำถามที่ถามกันเสมอ
“ ดอกราตรีบานเพื่อใคร ทั้งๆ ที่มิมีภมรใดเคยตื่นขึ้นมาเชยชม ”
“ สวยจริงๆ ” ผมพึมพำ ผมคงไม่มีวันลืมภาพนี้ไปได้เลย
“ ใช่มันเป็นที่พิเศษมากๆ ”
ออสซี่เอนลงนั่งพิงหลังกัน เขาทิ้งศีรษะลงมาบนบ่าของผม
“ เวลาที่ผมเหงา ผมจะมาที่นี่เสมอ ”
เขาหันมาสบตาผม ในความมืดนั้นยากที่จะเดาได้ว่าเขานึกอย่างไร
“ มันทำให้ผมหายเหงาได้ ลองดูสิ มันเหมือนมีใครต่อใครหลายคนที่ยังเหงาและมองไปที่ดาวเหมือนกับผม ผมไม่ได้เหงาหรือเศร้าตามลำพัง ”
มือของเขายื่นออกไปสุดแขนดังจะคว้าเอาดวงดาวลงมา
“ และที่นี่ใกล้สวรรค์เหลือเกิน ใกล้จนเหมือนว่าดาวจะอยู่แค่เอื้อม ”
ผมถอนหายใจ
“ ใช่...แต่ความเป็นจริงคือเราแตะต้องมันไม่ได้ ”
ออสซี่หันมาโอบกอดผม
“ ฟาง คุณมาอยู่กับผมได้ไหม? ”
คงไม่มีคำไหนจะทำให้ผมหนักใจไปกว่านี้อีกแล้ว
“ นะ คุณเองก็ยังไม่มีใคร ” เขาจับมือซ้ายของผมขึ้นมาดู มันว่างเปล่าและไม่มีรอยซีดจางของการใส่แหวน
“ ได้สิ คุณแน่ใจนะ ” ผมแน่ใจว่า การโกหกบางครั้งก็น่าจะให้อภัยได้ ถ้าหากมันจะทำให้ใครบางคนมีความสุข
“ รักผมนะ ” ผมกระซิบบอกเขาเบาๆ ก่อนที่จะผลักเขาลงนอนกับพื้น ออสซี่ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างว่าง่าย คล้ายกับจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว เรือนร่างของเขาภายใต้เงาพระจันทร์เป็นสีเทามองดูเศร้ายิ่งนัก เขาหลับตาลงเมื่อผมเริ่มพรมจูบลงบนร่างกายของเขา
อากาศยามนั้นหนาว หากเราสองคนกลับอุ่นในไอรัก จากร่างกายของกันและกัน ผมพยายามให้ร่างกายสัมผัสกับทุกตารางนิ้วของเขา เพื่อซึมซับเอาไปเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี ที่จะเก็บไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ ดูออสซี่จะแปลกใจเล็กน้อยที่ผมเป็นฝ่ายที่จะรับและขึ้นนั่งทับเขา หลังจากที่ดูดดื่มความกำยำของเขาจนมันผงาดเต็มที่“ ฟาง...คุณแน่ใจนะ ”
“ ฮื่อ ” ผมตอบ
“ คุฯชอบแบบนี้ไหม? ”
กับอีกคำตอบที่ทำให้ผมรู้สึกปวดใจ
“ ชอบสิ สำหรับคุณผมชอบทุกอย่าง ”คำๆนั้นเกือบจะทำให้ผมเลิกทำทุกสิ่งทุกอย่างลงทันทีแต่ผมอยากให้คืนๆนี้จบลงด้วยดี เหมือนที่ทั้งผมและเขาหวังเอาไว้“ ผมก็เหมือนกันออสซี่...ผมรักคุณ”แล้วเขาก็ปิดริมฝีปากขี้ปดของผมด้วยริมฝีปากของเขาใจเต้นระทึกเหมือนกันเมื่อ ออสซี่จับแท่งหยกของเขาตั้งตรง แล้วปล่อยให้ผมนำมันล่วงล้ำเข้ามาในถ้ำทองทีละน้อยถึงแม้ว่าผมจะเคยทำแบบนี้บ่อยๆแต่กับขนาดที่ใหญ่ยาวของเขาก็ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย“ อะ...โอวว์...ฟาง...ดีจัง” ออสซี่ครางออกเบาๆเมื่อมันเข้าไปจนสุด ผมดื่มด่ำกับความกำยำของเขาแบบเต็มๆ พักใหญ่ก่อนที่จะเริ่มโยกโดยมีมือของออสซี่ คอยประคองสะโพกของผมไว้“ ห่าว...ห่าวเลอะ ” ออสซี่กระซิบหอบๆ
“ หนี เหิ่น ป้าง ”
“...ดีจังครับคุณเก่งจริงๆ....”ผมยิ้มให้กับคำชมของเขาเพียงพักเดียวออสซี่ก็พลิกผมลงแล้วเป็นฝ่ายจับผมยกขาขึ้นบ่าแทนท่าทางเขาคงจะมีอารมณ์มากแล้ว เขาเริ่มกระแทกเอวเข้ามาแบบเน้นๆพร้อมทั้งครางอย่างเสียวซ่าน“ ฟาง...อา...ห่าว...ห่าวเล่อะ”ผมเด้งเอวขึ้นรับแรงกระแทกกระทั้นพร้อมทั้งสาวแท่งหยกของตัวเองไปด้วย จังหวะรักของเราสองคนเร็วขึ้นๆจนแทบหายใจไม่ทันไม่นานนัก ออสซี่ก็คราง
“ ต้าวเล่อะ... ” ( ถึงแล้ว พร้อมทั้งปล่อยพลังหนุ่มที่อัอแน่นในร่างออกมาเต็มถ้ำทองผมออสซี่ฟุบลงมาบนอกผมแล้วจูบที่หัวใจผมเบาๆ
“ หว่อ อ้าย หนี่ ” ...ผมรักคุณ...
ผมจูบเขาตอบแล้วกระซิบ
“ หว่อ เหย่ ” ...ผมก็เหมือนกัน...
|