ทหารเกณฑ์ ( 1-2 )

tanya

ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับ เพราะว่าคัดลอกมาอีกที
เรื่อง ทหารเกณฑ์ นี้เป็นประสบการณ์ที่แปลกไปอีกแบบหนึ่งต่างจากเรื่องยาวอื่นๆที่เคยนำเสนอใน Thai GPC เนื้อเรื่องโลดโผน เน้นเซ็กซ์ล้วนๆสนุกมากครับ ลองติดตามกันดูครับว่าระทึกขวัญ เอ๊ย ระทึกใจขนาดไหน
ก่อนจะอ่าน ผู้เขียนเรื่องนี้ขอแนะนำตัวละครในเรื่องให้ผู้อ่านทราบด้วยครับอ่านไปแล้วจะได้จินตนาการได้ถูกว่าใครเป็นใคร และเป็นอย่างไร
ตัวละคร
ชัยวิทย์….ไอ้วิทย์ คนผิวขาว K ขนาด 4.5 " ตัวเดินเรื่อง
สมพงษ์….ไอ้พงษ์ คนผิวคล้ำ ไม่หล่อ ล่ำ กล้ามแขนเป็นมัด ใหญ่มาก น่าจะประมาณ 6 - 7 นิ้ว ลำตรง หัวหยักได้รูป หนังหุ้มปลายเปิดลงมาไม่ถึงคอหยัก ส่วนหัวที่พ้นหนังหุ้มปลายออกมาเป็นสีชมพู พวงไข่สีน้ำตาลเข้มใหญ่มาก โดยเฉพาะไข่ข้างขวาลูกโต ห้อยลงมาแทบจะปิดร่องก้น ขนสีดำรกครึ้มอยู่รอบโคน ระเรื่อยไปจนถึงข้างพวงไข่และร่องก้น เจอไอ้วิทย์กันตอนเปิดโลก
วีรวุฒิ……ไอ้วุฒิ เป็นลูกครึ่งจีน หน้าตี๋ ผิวขาว สูงประมาณ 175 ซม. อกกว้างมีกล้ามพองาม หน้าท้องมีกล้ามเป็นลอนเล็กๆ เวลาอ่อนตัวประมาณ 3 - 4 นิ้ว สีค่อนข้างขาว หัว K สีชมพู หนังหุ้มปลายขลิบเจียนเสียเรียบร้อย ขนสีดำปรากฏเป็นไรจากบริเวณใต้สะดือ ระเรื่อยลงมาหนาแน่นอยู่บริเวณโคนและข้างพวงไข่ ทำให้เห็นพวงไข่สีชมพูคล้ำของมัน เหมือนไข่ที่ซุกอยู่ในพงหญ้า เวลาแข็งตัวยาวประมาณ 7 นิ้ว
หัวบานแดง ชอบคุย มีแฟน 4 คน เป็นบัดดี้กับไอ้วิทย์
สมปอง….ไอ้ปอง หน้าตาอ่อนกว่าวัย เรียบร้อย พูดน้อย ยิ้มเก่ง ขนน้อย หนังหุ้มปลายยังปิดสนิท ผิวสีขาวออกชมพู เวลาอ่อนตัวยาวประมาณ
2 - 3 นิ้ว พวงไข่สีน้ำตาลอ่อนค่อนข้างใหญ่ เนินก้นขาวสวยเจอไอ้วิทย์ตอนกลัวความมืด โดนไอ้วิทย์ลักหลับ
อาคม…..ไอ้คม ผิวขาว พวงไข่สีน้ำตาลอ่อนๆ โดนไอ้พงษ์เปิดรูสวรรค์ตอนตั้งค่ายพักแรม
สุวัฒน์…..วัฒน์ ผิวขาว อายุ18 - 19 ปี สูง 170 ซม. หล่อกว่าไอ้วุฒิ หน้าเป็นไทย ไม่ใช่ตี๋แบบไอ้วุฒิ K ประมาณ 4 นิ้ว เวลาขยายตัวเต็มที่ยาว
เกือบ 6 นิ้ว หัวสีชมพูแดง พวงสวรรค์ขนาดใหญ่ สีน้ำตาลอ่อน ชอบดูรูปผู้ชายเปลือย สนุกกับวิทย์ในตอนน้องเพื่อน
ลัดดา…..ดา แฟนไอ้วุฒิ โดนไอ้วุฒิ กับวิทย์รุมในตอนแฟนเพื่อน
ก้อง….ทหารที่สมัครเรียนราม พร้อมวิทย์
ร.ท.สหภาพ…..ผู้หมวดสหภาพ อายุประมาณ 25 ปี ผิวคล้ำ สูงประมาณ 170 ซม. หน้าเข้มเหมือนแขกหรือคนใต้ ตัดผมสั้นเกรียน ยิ้มง่าย
อารมณ์ดี K เวลาอ่อนตัวประมาณ 4 นิ้ว เวลาแข็งตัว 5 - 6 นิ้ว พวงไข่สีคล้ำ ขนดกดำรอบโคน รอบไข่ ต้นขา และร่องก้น ใช้สรรพนาม ข้า เอ็ง
มีแฟนสาวชื่อ สุภาพร "พร"
บทที่ 1 ตรวจร่างกาย
ผมขอเล่าประสบการณ์ที่ได้รับในช่วงที่ถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหาร ซึ่งมีเรื่องน่าตื่นเต้นมากมาย และเป็นช่วงชีวิตที่ทำให้ผมได้สัมผัสกับความรู้สึก
ที่แปลกใหม่ ทั้งๆ ที่ก่อนนั้นผมยังคงสนใจและตามจีบสาวๆ ในหมู่บ้าน โดยไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้ชายเป็นพิเศษเหมือนปัจจุบัน
เมื่อปี 2541 ผมได้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร โดยในวันที่ไปทำการคัดเลือกนั้น ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ใจหนึ่งก็อยากเป็นทหาร เพราะอย่างน้อยก็มีเงินเดือนมีรายได้แม้จะไม่มากนัก แต่ก็ช่วยแบ่งเบาภาระของทางครอบครัวได้ ส่วนอีกใจหนึ่งก็ยังกลัวการฝึกการปกครอง เพราะพี่ๆ ในหมู่บ้าน
ที่เคยถูกเกณฑ์เป็นทหาร มักจะมาเล่าถึงความลำบากขณะเป็นทหาร ซึ่งผลจะออกมาเป็นอย่างไรผมก็คิดว่าผมยอมรับได้นะครับ เพราะผมยังไม่มีเมียไม่มีลูกให้ต้องเป็นห่วงเหมือนเพื่อนบางคนที่ไปเกณฑ์ทหารด้วยกัน
เมื่อผมไปถึงศาลาประชาคมอำเภอ ปรากฏว่ามีคนมาไม่มากนัก แล้วก็มีทหารประมาณสิบกว่าคนที่กำลังจัดโต๊ะเก้าอี้อยู่ จนถึงเวลาประมาณ
โมงครึ่ง ก็เรียกชื่อผู้ที่จะเข้ารับการเกณฑ์ให้เข้าไปนั่งในศาลาประชาคมโดยให้ถอดเสื้อออก แล้วเอาปากกาเมจิกสีดำมาเขียนหมายเลขที่หน้าอก ตอนที่พี่ทหารเขามาเขียนหมายเลขให้ผมนั้น เหงื่อผมออกมากจนหน้าอกเปียก พี่ทหารเขาพูดว่า
"กลัวมากหรือน้อง เหงื่อออกเชียว" พร้อมกับเอามือมาเช็ดเหงื่อที่หน้าอกผม ขณะที่พี่ทหารเช็ดเหงื่อให้นั้น บังเอิญมือพี่เขามาถูกที่บริเวณหัวนมของผม ทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัว
พอเขียนหมายเลขเสร็จก็นั่งรอให้กรรมการเรียกหมายเลข จนถึงหมายเลขของผม ผมก็เดินไปให้รับการตรวจสารพัด ไม่ว่าจะเป็นความสูง
ความกว้างรอบอก และที่ทำเอาผมเสียวมากๆ ก็เป็นกรรมการตรวจโรค ที่ตอนแรกผมไม่เข้าใจว่าทำไมกรรมการชุดนี้ต้องกั้นห้องมีที่บังตา
จนผมเข้าไปข้างในถึงเข้าใจ เพราะเมื่อพอเข้าไปถึงเขาก็สั่งให้ถอดกางเกงและกางเกงในออกให้หมด แล้วก็ตรวจปาก หู ตา และมาจบที่
ส่วนสำคัญ
"เป็นโรคอะไรหรือเปล่า"
"เปล่าครับ" ผมตอบพร้อมกับมองหน้าเขา พี่เขาหน้าตาหล่อ ผิวขาวขนาดเป็นนายแบบได้สบาย สวมเสื้อคลุมสีขาวแบบหมอตามโรงพยาบาล ขณะที่คิดว่าพี่คนนี้เป็นทหารหรือเปล่าวะ ทำไมถึงหน้าขาวขนาดนี้ สักครู่เขาก็ใส่ถุงมือยางใสๆ แล้วก็เอื้อมมือมาจับที่ K ของผม พร้อมกับพยายามรูดหนังหุ้มปลายออก ทำเอาผมทั้งเสียวทั้งเจ็บ เพราะตอนนั้นหนังหุ้มปลายผมยังไม่เปิดเลยครับ ผมต้องโก่งก้นหนีมือ พี่เขายังพยายาม
รูดหนังหุ้มปลายผม จนหนังหุ้มปลายร่นลงมาจนปลาย K โผล่พ้นหนังหุ้มได้เกือบครึ่ง
"โอ๊ย" ผมร้องขึ้นเบาๆ
"เจ็บหรือ"
"ครับ" เขาก็บอกว่า
"ต้องพยายามรูดให้เปิดนะ จะได้ทำความสะอาดได้ เวลาเป็นทหารแล้วเหงื่อออกมาก จะมีสิ่งสกปรกหมักหมม เดี๋ยวเป็นโรค" แล้วเขาก็ล้วงลงไปจับที่พวงสวรรค์ของผมโดยใช้นิ้วลูบคลำไปทั่ว พร้อมกับถามว่า
"เป็นไส้เลื่อนหรือเปล่า"
"ไม่เคยเป็นครับ"
ขณะที่ผมตอบ K ของผมก็แข็งตัวขึ้น และที่สำคัญผมรู้สึกว่ามันเสียวมากจนมีน้ำซึมออกมาที่ปลาย K และรู้สึกอยากกระฉูดน้ำออกมาให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ผมก็อายมาก เพราะพี่ทหารที่ตรวจ เขาเห็นแล้วก็ยิ้มๆ พร้อมกับส่งกระดาษชำระให้ผม
"เอาเช็ดซะ เดี๋ยวเลอะเทอะ"
ผมจึงรับกระดาษชำระมาซับน้ำที่ปลาย K แล้วใส่กางเกงเพื่อไปรับการตรวจที่โต๊ะต่อไป พอผ่านการตรวจครบทุกโต๊ะแล้วก็มานั่งรอจับสลาก ขณะที่ในใจยังนึกถึงการตรวจร่างกายที่ผ่านมา และนึกว่าคนอื่นจะรู้สึกเหมือนเราหรือเปล่าวะ แต่ที่ติดตาผมอยู่ก็คือใบหน้าของพี่ที่ตรวจร่างกายผมคนนั้น พร้อมกับความรู้สึกตอนที่ผมถูกตรวจส่วนสำคัญ จนได้ยินเสียงเรียกหมายเลขให้ไปจับสลาก ผมไปหยุดยืนที่หน้าโต๊ะจับสลาก
พร้อมกับล้วงมือลงไปหยิบสลากในกระป๋องสลาก แล้วส่งสลากให้พี่ทหาร แต่ไม่กล้ามองว่าจับได้อะไร
"ทบ.1" เสียงของพี่ทหารดังขึ้น ผมบอกไม่ถูกเลยว่าตอนนั้นดีใจหรือเสียใจ แต่ก็คิดปลอบใจตัวเองว่าเป็นทหารคงไม่น่ากลัวหรอก ถ้าได้เจอทหารที่ใจดีเหมือนพี่ที่ตรวจร่างกาย
"เดือนหน้าแล้วซินะที่จะต้องเปลี่ยนชีวิตไปเป็นทหาร"
บทที่ 2 ตรวจความสะอาด
วันที่ 1 พ.ค. 41 ผมเดินทางไปรายงานตัวเข้าเป็นทหารที่หน่วยทหารในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ เป็นหน่วยที่ได้ชื่อว่ามีความสามารถพิเศษกว่าหน่วยอื่นๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นปนกลัวครับ เพราะพี่ๆ ทหารที่มารับแต่งตัวด้วยเครื่องแบบทหารสีพราง สวมรองเท้าโอ๊บ แต่ละคนตัวใหญ่ กล้ามใหญ่ เสียงดัง น่ากลัว ผมพยายามมองหาพี่ทหารสักคนที่เหมือนพี่ที่ตรวจร่างกายตอนคัดเลือก แต่ก็ไม่เจอเลย จนได้ยินเสียงเรียกชื่อ
"นายชัยวิทย์…."
"ครับ" ผมขานรับ
"เฮ้ย เรียกแล้ววิ่งซิวะ"
"เดินเซื่องๆ เป็นไอ้ขี้โรคเลยมึง"
"มันจะตายก่อนฝึกเสร็จไหมวะ" สารพัดเสียงที่เข้ากระทบโสตประสาท ทำให้ใจผมเริ่มเต้นแรง ผมวิ่งไปรวมกับเพื่อนที่ถูกแยกเป็นกลุ่ม แล้วพาเดินเป็นแถวไปยังตึกที่พัก ทุกคนไปเข้าแถวรับแจกเสื้อผ้า ของใช้ แล้วก็เดินตามทหารเกณฑ์รุ่นพี่ไปประจำเตียงนอนบนตึก
"ทุกคนยืนประจำอยู่ท้ายเตียง ยังไม่ต้องทำอะไร" เสียงรุ่นพี่สั่ง
ระหว่างรอให้พวกที่เหลือมาพร้อม ผมก็ถือโอกาสทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ที่ยืนอยู่เตียงข้างๆ
"เฮ้ย..นายชื่ออะไร" ผมถาม
"สมปอง แล้วนายละ"
"ชัยวิทย์ เรียกเราว่าวิทย์เฉยๆ ก็ได้" ………. คุยกันหลายเรื่องจนคิดว่าค่อนข้างจะสนิทกัน ปองเป็นคนผิวขาว หน้าตาดี แต่ดูแล้วอ่อนกว่าอายุจริง เรียบร้อย พูดน้อย ยิ้มเก่ง
พอทุกคนมาครบ ทหารรุ่นพี่ก็บอกว่าให้พวกเราปฏิบัติคำสั่ง อย่าทำเกิน หรือขาดเด็ดขาด
"ทุกคนถอดเสื้อผ้าชุดเดิมออกให้หมด แล้วพับว่างไว้ปลายเตียง ปฏิบัติ"
ตอนแรกผมลังเล เพราะยังรู้สึกเขินและอายเพื่อนหน้าใหม่ ทุกคนหันมามองหน้ากัน ก่อนค่อยๆ ถอดออกจนหมดตามคำสั่ง แต่ส่วนใหญ่ยังเอามือกุมส่วนสำคัญของตนเองไว้อย่างอายๆ
"เสร็จแล้วยืนตรง แขนทั้งสองข้างแนบลำตัว" เสียงทหารรุ่นพี่ดังขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะค่อยๆ ปล่อยมือออกจากส่วนสำคัญ ผมมองเห็น K
ของเพื่อนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างชัดเจน เต็มตา บางคนสั้น บางคนยาว บางคนขาว บางคนดำ บางคนหัวเปิด บางคนหัวปิด บางคนพอแพล็มๆ พวงใหญ่ พวงเล็ก ขนมาก ขนน้อย โอโฮ สารพัดรูปแบบยังกับตลาดนัด K สำหรับไอ้ปอง มีขนน้อยมาก หนังหุ้มปลายยังปิดสนิท ผิวสีขาวออกชมพู กะด้วยสายตาตอนที่ยังอ่อนตัวคงยาวประมาณ 2 - 3 นิ้ว พวงไข่สีน้ำตาลอ่อนค่อนข้างใหญ่ห้อยสงบนิ่งอยู่หว่างขา เนินก้นมันเป็นเนินขาวสวยมาก เนียนเหมือนก้นผู้หญิงเลย
ขณะที่ผมกำลังสำรวจรูปร่างของมันอยู่ มันก็หันมาสบตาแล้วก้มหน้านิ่ง คงจะอายน่ะครับ แล้วทหารรุ่นพี่ก็สั่งให้แต่งชุดทหารที่ได้รับแจก เป็นเสื้อยืดคอกลมสีเขียว กางเกงในผ้าสีเขียวที่ไม่ค่อยมีผลกับการที่จะประคองส่วนสำคัญ เพราะมีขนาดใหญ่ขอบขากว้างถ้าจัดไม่ดีละก้อ พวงไข่อาจออกมาสูดอากาศได้ทั้งพวง แล้วก้อกางเกงขาสั้นที่ไม่ค่อยจะพอดีตัว บางคนได้แบบคับติ้ว รัดรูปจนเห็น K นูนเป็นลำ พอเสร็จแล้วรุ่นพี่ก็พาเราไปเดินชมและแนะนำสถานที่ภายในค่าย
พอตกเย็นรุ่นพี่ก็ให้พวกเราไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำที่มีฝาสี่ด้าน ตรงกลางเป็นอ่างน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ โดยให้คนอาบยืนอาบรอบๆ อ่าง ตอนแรกที่เข้าไปอาบส่วนใหญ่ยังคงใส่กางเกงใน แต่สักพักรุ่นพี่ก็เข้ามาสั่งให้ทุกคนถอดกางเกงในออกให้หมด
"พวกมึงไม่ต้องอายกันหรอก ผู้ชายทั้งนั้น"
ทุกคนก็ถอดออกตามที่สั่ง จนอาบเสร็จกำลังจะเช็ดตัว รุ่นพี่ก็เข้ามาในห้องน้ำ
"ไม่ต้องใส่เสื้อผ้า แล้วออกมาเข้าแถวหน้าห้องน้ำ"
"จัดสองแถวตามลำดับไหล่"
พอทุกคนจัดแถวเสร็จรุ่นพี่ก็บอกว่าจะตรวจความสะอาดของร่างกาย พอได้ยินว่าตรวจร่างกาย ทำให้ผมนึกไปถึงครั้งที่ถูกตรวจร่างกายตอนคัดเลือกทหาร มันทำให้ผมเกิดความรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ระงับความรู้สึกเอาไว้ รุ่นพี่คนแรกเริ่มเดินตรวจจากหัวแถว เห็นเพื่อนบางที่พี่เขาตรวจแล้วให้ออกไปยืนนอกแถว จนตรวจมาถึงผมซึ่งอยู่ประมาณกลางแถว รุ่นพี่ที่มาหยุดอยู่ตรงหน้าผม หน้าตาดุ ผิวคล้ำ และไม่ค่อยยิ้ม พอพี่เขามองหน้าผมแล้วถามขึ้นว่า
"อาบน้ำด้วยสบู่อะไร?"
"นกแก้วครับ"
"เออดี เป็นทหารไทยต้องใช้ของไทย แล้วเอ็งคิดว่าเอ็งอาบสะอาดดีหรือเปล่า"
"สะอาดครับ"
พอผมตอบจบ มือสากๆ ของพี่เขาก็คว้าหมับเข้าที่ K ของผม ผมสะดุ้งเพราะไม่คิดว่าจะโดนจับ พี่เขาพยายามรูดหนังหุ้มปลายผมให้เปิดออก ผมทั้งเสียวทั้งเจ็บ เพราะมือสากๆ นั้นทำให้ผมเกิดอารมณ์จน K เริ่มแข็งตัว แต่ก็เจ็บเพราะหนังหุ้มปลายมันรัดปลาย K
"ผมเจ็บครับ"
"อะไรวะ เอ็งไม่เคยเย็….หรือไง"
"ไม่เคยครับ"
"ไปยืนนอกแถว"
ผมเริ่มมองไปยังเพื่อนที่ถูกไล่ไปยืนนอกแถว ถึงรู้ว่าพวกที่ถูกไล่ไปนอกแถวเป็นพวกที่หนังหุ้มปลาย K ยังไม่เปิดทั้งนั้น พอพี่เขาตรวจครบทุกคนแล้วก็ให้เพื่อนผมคนหนึ่งเดินจดรายชื่อพวกผมที่ถูกคัดออกนอกแถว หลังจากนั้นก็ให้กลับเข้าแถวกับเพื่อนเหมือนเดิม รุ่นพี่คนที่สองก็เริ่มเดินตรวจ โดยเดินด้านหลังแถว และให้คนที่ถูกตรวจก้มลงเอามือจับข้อเท้า พอมาถึงผมผมก็ก้มลงเอามือจับข้อเท้า พี่ที่ตรวจก็เอามือลูบที่ร่องก้น ทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัว แล้วพี่เขาก็พยายามถ่างก้นผมออก

"เอ็งไม่ต้องเกร็ง"
ผมพยายามไม่เกร็งอย่างที่พี่เขาสั่งแต่มือและนิ้วมือของพี่เขาที่เคลื่อนไปมาบริเวณร่องก้นและรูก้นทำเอา K ผมชูชันขึ้น จนรู้สึกเหมือนน้ำกำลังเคลื่อนออกมาที่ปลาย K
"เอ็งเคยถูกเสียบก้นหรือเปล่าวะ"
"ไม่เคยครับ"
"ก้นสวยน่าเสียบชิบหา…"
พอพี่เขาตรวจผ่านไปแล้ว K ผมยังคงโด่เด่อยู่นานกว่าจะสงบลงเหมือนเพื่อนที่ถูกตรวจก่อนผม พอตรวจเสร็จรุ่นพี่ก็สั่งให้แต่งตัวแล้วเพื่อไปทานอาหาร ตอนกลางคืนมีการชี้แจงการปฏิบัติตัวของทหารใหม่จนสามทุ่มจึงให้เข้านอน

freedom..

ขอบคุงมากคร๊าฟ

nirun_love

1)ไอ้ม้า
ผมได้อ่านประสบการณ์ของคนอื่นมามากแล้วส่วนใหญ่มักจะเล่าว่าเคของตัวเอง (หรือของคู่ขาในเรื่อง) ยาว 7 นิ้วบ้าง 8 นิ้วบ้าง บอกจริงๆผมว่าโม้เป็นส่วนใหญ่เพราะของคนไทยโดยเฉลี่ยแล้วราว 5 นิ้วเท่านั้นเอง อะไรจะมี 7-8นิ้วได้มากมายขนาดนั้น
และอีกอย่าง คนที่ว่าใหญ่ๆยาวๆนั้นที่จริงแล้วไม่มีความสุขหรอกครับมันทรมานมากกว่า อย่างเช่นชีวิตของผมนี่ไงเพราะความที่เคใหญ่จึงทำให้ผมต้องกลายมาเป็นเกย์ซึ่งถ้าผมเลือกได้หรือย้อนเวลาไปได้ ผมอยากขอมีเคเล็กๆ (หมายถึงขนาดปกติไม่ต้องเล็กมาก) แล้วเป็นผู้ชายปกติธรรมดาดีกว่า
เนื้อหาถูกซ่อนไว้
จำได้ว่าตอนเด็กๆนั้น (ราว 8-9 ขวบ) เจ้าน้องชายประจำตัวของผมก็ไม่ได้ใหญ่กว่าของคนอื่นหรอกครับ เพราะเคยแก้ผ้าอาบน้ำกับเพื่อนๆแถวบ้าน (บ้านผมอยู่ติดคลอง) อยู่บ่อยๆ ทั้งตอนที่มันสงบและตอนที่มันตื่นตัว แต่พออายุได้ราว 10 ขวบสิครับ เวลามันตื่นตัวก็ชักจะเริ่มใหญ่โตผิดเพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ก็ยังไม่เท่าไรเพราะเวลาเล่นน้ำในคลองนั้นเล่นเป็นกลุ่ม มีเด็กที่โตกว่าผมก็มี ของผมก็ไปใหญ่ราวเด็กอายุ 12-13
แต่พอผมเริ่มเป็นหนุ่ม อายุได้สัก 12 เจ้าน้องชายของผมมันก็ยาวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีก คงจะประมาณ 5-6 นิ้วได้มั้งครับ เพราะตอนนั้นยังเป็นเด็ก ไม่เคยสนใจไปวัดดูหรอก แต่ก็ยาวผิดเพื่อนๆเยอะแล้วล่ะ แถมน้องชายยังอ้วนใหญ่อีกต่างหาก เวลาว่ายน้ำแล้วแข็งตัวทีไรมันจะชี้โด่เป็นลำเลย ในขณะที่เพื่อนๆแข็งแล้วก็ยังไม่ใหญ่กันเท่าไร เพื่อนๆก็เลยชอบล้อเลียนผมกัน ว่ายาวใหญ่เหมือนของม้า แล้วผมก็ได้ฉายา “ไอ้ม้า”
เพื่อนๆคงคิดว่าผมจะภูมิใจในความใหญ่ของตัวเอง แต่ที่จริงไม่ใช่หรอกครับ เพราะเวลาถูกเรียกว่า “ไอ้ม้า” นั้นมันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย จำได้ว่าผมได้ฉายานี้ตอน ม. 2 หลังจากที่ได้ฉายานี้มาจากคลองหลังบ้าน มันก็เริ่มแพร่เข้ามาในโรงเรียนเพราะเพื่อนที่ร่วมเล่นน้ำด้วยกันนั้นบางคนก็อยู่โรงเรียนเดียวกับผม แต่หลังจากที่ผมได้ฉายานี้ผมก็เลยไม่แก้ผ้าเล่นน้ำที่คลองหลังบ้านอีก หากจะเล่นก็จะนุ่งผ้าขาวม้าหรือใส่กางเกงใน เพราะโตแล้วก็เริ่มมีความอาย อีกทั้งขนเพชรก็เริ่มขึ้นแล้วด้วย ขืนปล่อยให้เพื่อนเห็นมันก็ต้องเอาไปล้ออีก
ยิ่งตอนขึ้นชั้น ม. 3 ในแต่ละปีนักเรียนจะถูกคละห้องเรียนใหม่ เจ้าเพื่อนในห้อง ม.2 เดิมบางคนก็ได้ไปอยู่ร่วมห้องกับผมในชั้น ม.3 ด้วย มันก็เรียกผมว่าไอ้ม้าๆ พวกเพื่อนใหม่ในชั้น ม.3 ก็มักจะถามหาที่มาว่าทำไมถึงชื่อไอ้ม้า ไอ้เพื่อนมันก็จะบอกว่า “ไปถามไอ้ม้ามันดูเองสิ” ส่วนใหญ่ผมก็จะยิ้มๆ ไม่ยอมตอบ แต่ไปๆมาๆเจ้าเพื่อนมันคันปากก็เลยแย้มๆออกไปว่า “บางอย่างมันใหญ่เหมือนม้าว่ะ เลยได้ชื่อนี้” แค่นี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าหมายถึงอะไร คราวนี้ผมเลยกลายเป็นตัวตลกประจำห้องเลย โดนล้อเลียนเรื่องนี้เป็นประจำ บางคนก็บอกว่าจะขอยืมไปทำเสาธงบ้าง อะไรบ้าง ทั้งๆที่ไม่มีใครเคยเห็นเคของผมจริงๆเลยนอกจากเพื่อนที่เคยเล่นน้ำคลองด้วยกันเพียงไม่กี่คน
เพราว่าโดนล้อเลียนบ่อยๆ ผมก็เลยมีความรู้สึกว่าการมีเคใหญ่ผิดเพื่อนๆนั้นมันเป็นปมด้อย ไม่เคยรู้สึกภูมิใจเลยครับ ยิ่งใครต่อใครพยายามขอดู บางทีก็แอบดูเวลาผมฉี่ในห้องน้ำ (ที่จริงตอนไม่แข็งก็ไม่ได้ใหญ่กว่าของคนอื่นเท่าไรนักหรอก) ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามีปมด้อยมากขึ้น
ตอนผมอยู่ ม.5 ผมได้เพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชื่อก้อย (ผู้ชายนะครับ โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนชายล้วน) เพิ่งคบกันตอน ม. 5 เอง แต่ก้อยนิสัยดีมาก ไม่เคยล้อผมว่า “ไอ้ม้า” เลย แต่จะเรียกผมว่า “หนึ่ง” ซึ่งเป็นชื่อเล่นจริงๆของผมเสมอ ก้อยบอกว่าไม่ชอบล้อเลียนคนอื่น มันไม่ดี นี่เองที่ทำให้ผมสนิทกับก้อยมากขึ้นเรื่อยๆ
อยู่มาวันหนึ่ง พวกเพื่อนๆในห้องคุยกันเรื่องเที่ยวซ่อง มีเพื่อนในห้องบางคนไปเที่ยวแล้วกลับมาเล่าให้ฟัง คุยแล้วก็เคแข็งเด่ไปตามๆกัน ตอนนั้นผมอายุย่าง 16 แล้ว เคยาวเกือบๆ 8 นิ้ว ใหญ่ราว 8 นิ้ว ใหญ่กว่าตอนอยู่ ม.3 อีก (แต่ไม่เคยมีใครเห็น) ของผมพอแข็งแล้วก็จะตุงเป็นลำในกางเกง มองเห็นได้ชัดเลย ผมเลยต้องนั่งซุกตัวอยู่ในโต๊ะเรียนขณะคุย แต่ก็สังเกตว่าก้อยเหลือบมองมาที่เป้ากางเกงของผมบ่อยๆ...
วันนั้นพวกเรา (มีอยู่ 5 คน) ตกลงใจว่าจะไปเที่ยวซ่องกัน โดยมีคนที่เคยไปมาแล้วอาสาพาพวกเราไปขึ้นครูที่ซ่องในเมือง ผมตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศเลย ไม่เคยแม้แต่จะช่วยตัวเองเพราะทำไม่เป็น อาศัยฝันเปียกเอาเป็นประจำ ผมก็ถามเพื่อนๆไปว่าเข้าไปแล้วจะเอาผู้หญิงยังไง เพื่อนมันก็บอกว่าเดี๋ยวพอถึงเวลาเขาก็สอนให้เองนั่นแหละ
จำได้ว่าตอนที่ผมเที่ยวซ่องครั้งแรกนั้นตื่นเต้นมาก ผมเลือกได้สาวอายุราว 19 ปีคนหนึ่ง หน้าตาดีทีเดียว แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องของตัว...
ในห้องเปิดไฟสลัวๆ คู่นอนของผมเห็นผมนั่งเซ่ออยู่บนเตียงก็ถามผมว่าจะมานั่งเล่นเหรอ (ถามแบบน่ารักนะครับ) ผมก็บอกว่านี่เป็นครั้งแรก ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก เธอก็บอกว่างั้นจะสอนให้ ว่าแล้วเธอก็ถอดเสื้อของผมออก จากนั้นก็ถอดกางเกง แล้วก็กางเกงใน
พอกางเกงในหลุดจากเอวเท่านั้นแหละครับ เคของผมก็ผงาดลำ 8 นิ้วขึ้นมาทันทีเพราะผมเองตอนนั้นเกิดอารมณ์เต็มที่แล้วตั้งแต่เธอเริ่มถอดเสื้อผ้าให้ แต่พอเธอเห็นเคของผมเท่านั้นแหละครับ เธอร้องอุ๊ยออกมาเบาๆ หน้าเสียเลย จากนั้นเธอก็บอกผมว่าของผมใหญ่มาก เธอรับไม่ไหว กลัวเครื่องพัง จากนั้นก็ขอร้องให้ผมเปลี่ยนเป็นคนอื่นแทน แถมยังบอกอีกว่าอย่าเลือกคนอายุน้อยๆ เพราะคงไม่กล้ารับอีกเหมือนกัน ให้เลือกสาวที่อายุมากหน่อยเพราะผ่านผู้ชายมาเยอะแล้ว คงพอรับไหว
พอผมได้ยินอย่างนั้นเข้าก็หมดอารมณ์ทันที เพราะรู้สึกว่าเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอย่างมากที่โดนผู้หญิงปฏิเสธ ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนสัตว์ประหลาดที่ผิดมนุษย์ ผมเลยแต่งตัวแล้วกลับบ้านทันทีโดยไม่ยอมเปลี่ยนคนใหม่ ไม่ขอเงินคืนด้วยเพราะว่าอายแม่เล้า ทั้งอายทั้งเจ็บใจครับ
วันรุ่งขึ้น เจ้าเพื่อนที่ไปเที่ยวซ่องด้วยกันก็เอามาคุยฟุ้งในห้องถึงรสสวาทที่ได้รับมาจากซ่อง มีแต่ผมเท่านั้นที่นั่งหน้าบูดอยู่เพราะอารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่เมื่อคืน นอกจากความอับอายแล้วผมยังรู้สึกหงุดหงิดอีกด้วยเพราะความต้องการไม่ได้ระบายออก (ก็อย่างที่บอก ตอนนั้นยังช่วยตัวเองไม่เป็นเลยครับ) เพื่อนมันก็แซวว่าสงสัยผู้หญิงที่นอนกับผมต้องไปพักฟื้นแน่เลยเพราะเครื่องพัง ผมฟังแล้วยิ่งโมโหเลยเดินหนีออกจากกลุ่มไป ทิ้งให้ทุกคนงงในพฤติกรรมของผม ใครมาถามผมก็ไม่ตอบ เอาแต่เงียบลูกเดียว เพราะปกติผมก็เป็นคนเงียบๆอยู่แล้ว...
เย็นวันนั้น หลังเลิกเรียน ทุกคนออกจากห้องกันไปหมดแล้ว เหลือผมเป็นคนสุดท้าย นั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ก็เห็นก้อยย้อนกลับเข้ามาในห้อง
“เฮ้ย หนึ่ง ทำไมยังไม่กลับวะ” ก้อยทัก
เงียบ ผมไม่ตอบเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร
“นายหนึ่ง ทำไมวันนี้หน้าตาไม่ดีเอาเลย เมื่อคืนไปเที่ยวมาน่าจะมีความสุขนะ” ก้อยพูดต่อ ถึงก้อยไม่ได้ไปด้วยแต่ก้อยก็นั่งฟังเจ้าเพื่อนกลุ่มนั้นคุยมาตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว
“เฮ้ย หนึ่ง เป็นอะไรไปวะ ปล่อยให้เราพูดคนเดียวอยู่ได้”
“ไม่มีอะไรหรอก” ผมตอบ แต่หนึ่งไม่เชื่อ
“เฮ่ย มีอะไรก็เล่าสู่กันฟังได้นะ เผื่อว่านายจะสบายใจขึ้นบ้าง” ก้อยพยายามปลอบใจผม แต่ผมก็ยังไม่ยอมเล่าอยู่ดี เรื่องน่าอายแบบนี้จะเล่าได้ยังไง แม้ว่าก้อยจะป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดก็ตาม
“เอา ไม่เล่าก็ไม่เล่าวะ เอายังงี้ นายอย่าเพิ่งกลับบ้านเลย ไปเที่ยวบ้านเราไหม เผื่อจะสบายใจขึ้น”
เมื่อก้อยเปลี่ยนเรื่องพูด ผมรู้สึกขอบคุณก้อยในใจที่ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดี และหวังที่จะช่วยผมโดยไม่คิดสอดรู้สอดเห็น ผมก็เลยตอบตกลงว่าจะไปเที่ยวบ้านก้อย
บ้านของก้อยอยู่ในอำเภอซึ่งเป็นย่านพักอาศัยของคนที่มีฐานะดี เป็นบ้านขนาดปานกลาง ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก ตกแต่งดี น่าอยู่ ดูก็รู้ว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะ ต่างจากบ้านของผมที่เป็นครอบครัวชาวสวนอยู่ที่กิ่งอำเภอ

ก้อยพาผมไปไหว้พ่อแม่ของเขา จากนั้นก็เลี้ยงน้ำและขนมผมแล้วพาผมขึ้นไปที่ห้องนอนของก้อย ห้องนอนนอนของก้อยขนาดกะทัดรัด จัดอย่างเรียบร้อยดูน่าอยู่ ผิดกับห้องของผมที่รกรุงรังก้อยเอาเทปเพลงมาให้ผมเลือกเพื่อจะเปิดให้ผมฟัง พลางก็อวดเครื่องเสียงชุดเก่งที่ก้อยภูมิใจมากครับ ก้อยเป็นคนชอบฟังเพลงมากทีเดียว รวมทั้งยังหลงใหลเครื่องเสียงอีกด้วย
ก้อยชวนผมคุยนั่นคุยนี่โดยไม่ถามถึงเรื่องที่ผมหน้าบูดตลอดวันอีกเลยจนผมรู้สึกเกรงใจในความดีของก้อย หลังจากนั้นมาผมก็รู้สึกว่าสนิทกับก้อยมากขึ้นกว่าเดิมและมักไปนั่งฟังเพลงจากเครื่องเสียงชุดเก่งของก้อยบ่อยๆ

man__Poon

ขอบคุงมากคร๊าฟ

honda01

ขอบคุณครับ

asahe

ขอบคุนครับ

puchit

ขอบคุณมากครับน่าติดตามมาก

petch_dream

ขอบคุณครับ

misterdul

สุดยอดมากเลยครับ

kahmandi

ขอบคุณครับจัง

news

ขอบคุณครับ

tanboy

ขอบคุณมากครับ

tapoott

ขอบคุณมากมากคร้าบบบ

qazws

ขอบคุณมากครับ

sengjit

ขอบคุณมากครับ

dream601

เป็นกำลังจัยให้นะครับๆๆอออ

tajarak

ขอบคุณครับ

jipjoyce

ชอบมากคราฟฟฟ

Ifoot-ballZ

จะระทึกใจแค่ไหนอ่ะ ขออ่านหน่อยคับ แต๊งมากคับพี่หนึ่ง

montre

ขอบคุณมากครับ