ทหารเกณฑ์ ( 3-5 )

tanya

ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที

บทที่ 3 กลัวความมืด
อากาศคืนนี้ร้อนเป็นบ้าเลย พอไฟในห้องนอนดับลงผมก็เลยถอดเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงออกเหลือแต่กางเกงในสีเขียวที่ขอบขายานจนไข่ลอดออกมาได้ทั้งพวงผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่มารู้สึกตัวอีกที่ตอนที่มีคนมานอนเบียดข้างๆผมจึงหันไปมอง ปรากฏว่าไอ้ปองนะเอง มันก็ใส่แค่กางเกงในตัวเดียวเหมือนผมมันก็คงจะร้อนเหมือนกัน
พอมันเห็นผมตื่นมันจึงบอกว่า
"ผมขอนอนด้วยคนนะผมไม่เคยนอนมืดๆ อย่างนี้"
"เออ ระวังตกเตียงนะ"ผมตกลงให้ไอ้ปองมันนอนด้วยเพราะฟังแล้วสงสาร มันคงไม่เคยนอนปิดไฟแต่ด้วยความแคบของเตียงที่ถูกออกแบบมาให้นอนคนเดียว ทำให้ไอ้ปองต้องนอนตะแคงตัวหันหน้ามาหาผมในขณะที่ผมนอนหงายมองเพดานมุ้ง

สักพักไอ้ปองก็เอาแขนมาโอบผม มันคงกลัวตกเตียงผมนึก ขณะที่จมูกผมเริ่มได้กลิ่นหอมโชยมา มันไม่ใช่กลิ่นสบู่หรือน้ำหอม แต่มันเป็นกลิ่นตัวไอ้ปอง เป็นกลิ่นที่ผมรู้สึกเร้าอารมณ์ ผมเริ่มคิดว่านี่ถ้าเป็นผู้หญิง ผมคงหอมแก้มมันสักฟอดแล้ว แต่นี่มันเป็นผู้ชายเลยต้องพยายามข่มใจเพื่อให้หลับ แต่ทำยังไงก็ไม่หลับเพราะอารมณ์มันปั่นป่วนไปหมด ในที่สุดผมเลยตัดสินใจ
"เอาวะ นึกว่ามันเป็นผู้หญิงก็แล้วกัน"
ผมจึงหันไปหอมแก้มมันอย่างที่คิดว่าแผ่วเบาที่สุด เพราะกลัวมันรู้ตัว เดี๋ยวมันจะหาว่าผมวิปริต แต่พอผมพลิกตัวกลับมานอน ไอ้ปองก็เอาขาขึ้นมาก่ายผม โดยที่ต้นขาของมันทับลงบน K ของผมที่นอนอยู่ในกางเกงใน ผมหันไปมองไอ้ปองยังหลับสนิท หน้าไอ้ปองหันมาทางผมจนจมูกมันแทบจะติดกับหน้าผมจนรู้สึกถึงลมหายใจที่มันรดบนหัวไหล่เปลือยเปล่า ด้วยกลิ่นตัวที่ให้อารมณ์อย่างมากแล้วมาโดนสัมผัสเข้าอีก อารมณ์ผมยิ่งเตลิดไปใหญ่ ทำเอา K เริ่มขยายตัวขึ้น ผมทั้งเจ็บทั้งเสียวขณะที่ K พยายามยืดตัวออก จนหนังหุ้มปลายรูดลงมารัดปลาย K
ผมค่อยๆ ยกขาไอ้ปองขึ้นเพื่อให้ K ผมขยายตัวได้สะดวกขึ้น จนหัว K ผมชนกับขอบกางเกง ผมรูดขอบกางเกงในลงให้ปลาย K ออกมานอกกางเกงใน ก่อนที่จะวางขามันลงทับบนช่วงโคน K ผม ขณะเดียวกันผมก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงตรงส่วนสำคัญของไอ้ปองที่เต้นตุบๆ
และขยายตัวล้นออกมานอกกางเกงในของมันจนมาสัมผัสกับข้างสะโพกของผม ผมอยากเอื้อมมือลงไปจับ K ไอ้ปอง แต่ผมไม่กล้าเพราะ
ตอนนั้นผมยังไม่เคยและผมไม่แน่ใจว่าไอ้ปองมันจะชอบหรือเปล่า แต่ไอ้ปองมันกลับนอนกระสับกระส่าย มือมันลูบไปมาบนหน้าอกของผม ในขณะที่ขาของมันก็ขยับถูไถไปมาบน K ของผม จนผมกลั้นไว้ไม่อยู่ต้องปล่อยให้น้ำรักกระฉูดออกมาไหลเลอะบนหน้าท้อง ผมรีบเอาเสื้อ
ที่ถอดไว้จะมาเช็ดทำความสะอาด เพราะกลัวมันจะไหลลงไปเปรอะผ้าปูที่นอน แต่ขณะที่ผมกำลังจะเช็ดอยู่นั้น มือไอ้ปองก็เลื่อนลงมาวางลงบนน้ำรักของผม แล้วมันก็เลื่อนมือไปมา จนเหมือนกับจงใจที่จะละเลงน้ำรักไปบนหน้าท้องและหน้าอกผม ผมได้แต่ถือเสื้อยืดไว้แน่น จนในที่สุดมือไอ้ปองที่เลอะไปด้วยน้ำรักของผมก็มาหยุดลงที่ปลาย K ของผมที่นอนสงบนิ่งอยู่บนหน้าท้อง ขณะที่มันยังคงถูไถ K ของมันไปมากับข้างสะโพก จนผมรู้สึกว่ามีน้ำเหนียวๆ อุ่นๆ พ่นออกจากปลาย K มันแล้วไหลลงตามข้างสะโพกของผม
ตอนนั้นผมไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่นอนนิ่ง พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่า ไอ้ปองมันคงละเมอ และมันคงไม่รู้สึกตัว ก่อนที่จะหลับไปอย่างมีความสุข ผมหลับไปได้สักพักก็รู้สึกว่ามีคนมาสะกิด ผมนึกว่าไอ้ปองมันสะกิด แต่พอลืมตาจึงเห็นทหารรุ่นพี่คนหนึ่งเปิดมุ้งเข้ามา
"ทำไมมึงต้องนอนกอดกันอย่างนี้วะ เดี๋ยวฟ้าผ่าหรอกมึง"
"ไอ้ปองมันกลัวความมืดนะครับ ผมเลยให้มันมานอนด้วย"
โชคดีที่ห้องนอนปิดไฟจึงมีเพียงแสงจากระเบียงพอรำไร ทำให้ทหารรุ่นพี่เห็นแค่เรานอนกอดกัน แต่ไม่เห็นผลงานที่เราสองคนปล่อยออกมาเลอะตัวและที่นอน รุ่นพี่จึงไล่ไอ้ปองกลับไปนอนที่เตียงของมัน
"มึงกลัวความมืดแล้วมึงจะไปทำอะไรได้วะ เดี๋ยวกูจะให้ไปนอนคนเดียวที่หลังกองร้อยซะเลย" ไอ้ปองค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงผม แล้วกลับไปนอนเตียงมันอย่างสงบ มันคงกลัวต้องไปนอนหลังกองร้อยคนเดียวน่ะ แต่ผมกลับอยากให้มันกลัวความมืดอย่างนี้ทุกคืนแฮะ
ตอนเช้าไอ้ปองทำท่าทางแปลกๆ ไม่ยอมมองหน้าผม
"ปอง นายเป็นอะไรหรือเปล่า"
"เมื่อคืนเราฝันแปลกๆ น่ะ"
"ฝันว่ายังไง" ผมเริ่มซักด้วยความสนใจ
ไอ้ปองเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเล่าด้วยเสียงเบาๆ เหมือนกระซิบ
"เราฝันว่านายชักว่าวให้เราจนน้ำแตก อย่าบอกใครนะ เราอายแย่เลย" ผมรู้สึกโล่งอกที่มันจำไม่ได้ แต่ในใจผมอยากบอกมันว่า
"มึงฝันเปียกจริง แต่น้ำมึงเปียกตัวกู" แล้วผมก็ปลอบใจมัน
"ไม่เป็นไรหรอก เมื่อคืนกูก็ฝันเปียกเหมือนกัน ไม่เห็นเป็นอะไร หรือมึงฝันแล้วไม่มีความสุข" มันได้แต่สบตาผมยิ้มอย่างมีเลศนัย
หลังจากคืนนั้น ผมกับไอ้ปองก็มานอนฝันเปียกใส่ผมอีกหลายคืน บางครั้งผมฝันแล้วมันเปียก บางครั้งมันฝันแล้วผมเปียก และบางครั้งเราช่วยกันฝันจนเปียกไปด้วยกันทั้งคู่ จนระยะหลังนี้ไอ้ปองเริ่มสนิทกับเพื่อนคนอื่นในกองร้อย แล้วมันก็เริ่มไปพาเพื่อนคนอื่นฝันเปียก ผมไม่แน่ใจว่าจะมีเพื่อนในกองร้อยกี่คนที่ยังไม่เคยฝันเปียกกับไอ้ปอง
ตอนที่ 4 เปิดโลก
เย็นวันหนึ่งหลังจากจากกินข้าวเย็นแล้ว ผู้ฝึกได้ปล่อยให้ทหารพักผ่อนตามลำพัง โดยมีทหารรุ่นพี่ที่เป็นผู้ช่วยครูฝึกคอยดูแล ตอนแรกผู้ช่วยครูก็บอกให้ไปนั่งรวมกันใต้ร่มไม้ แล้วรุ่นพี่ก็เล่าประสบการณ์การฝึกที่เคยผ่านมาให้ฟัง แต่นั่งไปได้สักครู่ทหารรุ่นพี่คนหนึ่งก็เดินมาแล้วเรียกชื่อพวกเราสิบสองคน บอกให้ลุกขึ้นไปเข้าแถว ซึ่งในจำนวนนั้นมีผมถูกเรียกไปด้วย
พี่เขาพาพวกเราเดินเข้าไปในป่าหลังกองพันซึ่งปกติใช้เป็นพื้นที่ฝึกบุคคลทำการรบ ผมก็นึกในใจว่าไหนว่าต้องฝึกเบื้องต้นให้เสร็จก่อนจึงจะมาฝึกบุคคลทำการรบไง พวกเราเดินตามพี่เขาเข้าไปลึกพอสมควร จึงเห็นมีรุ่นพี่อีกสี่คนยืนคอยอยู่ พี่เขาสั่งให้ยืนตามระเบียบพัก แล้วพี่เขาบอกว่า
"ที่เรียกพวกเอ็งมานี่ เพราะพวกเอ็งเป็นพวกที่อยู่ในโลกมืด ไม่มีความสมบูรณ์เพียงพอที่จะเป็นลูกผู้ชาย"
ผมนึกเถียงในใจขึ้นมาทันที "ทำไมวะ ถ้ากูไม่เป็นลูกผู้ชาย พวกกูจะถูกเลือกมาเป็นทหารหรือ"
"วันนี้พี่ๆ จะทำพิธีเปิดโลกให้กับพวกเอ็ง ใครสงสัยหรือมีปัญหาบ้าง"
พวกเราทุกคนเงียบ เพราะกลัวถูกรุ่นพี่ทำโทษ และทุกคนคิดว่ารุ่นพี่ไม่กล้าทำอะไรพวกเรามากหรอก เพราะถ้าพวกเรารายงานผู้ฝึก พวกรุ่นพี่ก็ต้องโดนนายสิบหรือนายทหารลงโทษเหมือนกัน พอไม่มีใครสงสัยพี่เขาก็เริ่มพิธี โดยจุดธูปให้พวกเราคนละดอก แล้วให้คุกเข่ากล่าวตามที่รุ่นพี่เขานำกล่าวคำสาบานว่า
"พวกผม…….ขอเชิญเหล่านางไม้ นางตานี ผีป่า ที่ประจำป่านี้ โปรดจงมาเป็นพยานในพิธีเปิดโลก และขอสาบานว่าจะไม่แพร่งพรายพิธีกรรมนี้ให้ผู้อื่นที่มิได้อยู่ในบริเวณพิธีนี้ล่วงรู้เป็นอันขาด หากผิดคำสาบานขอให้ท่านลงโทษ"
พอทุกคนกล่าวจบก็เอาธูปไปปักใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วกลับมาเข้าแถว
"พวกเอ็งพร้อมทำพิธีหรือยัง" รุ่นพี่ถามขึ้นเมื่อเห็นทุกคนเข้าแถวเรียบร้อย
"พร้อมครับ" ทุกคนตอบรับ "พวกเอ็งจะต้องจดจำวันนี้ไปอีกนาน และเมื่อเริ่มพิธีแล้วทุกคนต้องไม่พูด ไม่ถามอะไรทั้งนั้น ทำตามที่พี่ๆ สั่งเท่านั้น เข้าใจหรือเปล่า"
"เข้าใจครับ"
แล้วพิธีก็เริ่มขึ้น
"จัดแถวเป็นหน้ากระดานสองแถว ตามลำดับไหล่ ปฏิบัติ"
"แถวหน้ากลับหลังหัน"
"ให้จับคู่กับคนตรงหน้า"
ผมได้คู่กับเพื่อนชื่อสมพงษ์ ซึ่งหน้าตาพอใช้ได้ ไม่ถึงขั้นหล่อเหลา ผิวคล้ำ หุ่นล่ำ เห็นกล้ามแขนเป็นมัด เรามองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร
"ถอดเสื้อกางเกงออกให้หมด แล้ววางไว้ตรงหน้า"
ทุกคนถอดออกอย่างไม่เขินอาย เพราะอาบน้ำด้วยกันจนชินแล้ว
"แถวหน้านอนหงาย แถวหลังนั่งคุกเข่า"
ผมนอนหงายลงกับพื้น โดยมีไอ้พงษ์นั่งคุกเข่าอยู่หว่างขา
"พวกที่นั่งคุกเข่า ให้พูดว่าลูกขอเปิดโลก แล้วกราบหนึ่งครั้ง" ไอ้พงษ์พูดตามแล้วก้มกราบลงหว่างขาผม จนหน้าผากมันมาแตะกับ K และพวงไข่ของผมเข้าอย่างจัง เล่นเอาผมขนลุกไปทั้งตัว แล้วรุ่นพี่ก็ให้พวกนั่งคุกเข่าจับ K ของพวกที่นอนหงายรูดขึ้นลง ไอ้พงษ์มองหน้าผมอย่างลังเล ก่อนที่จะเอื้อมมือมากุม K ผมไว้ในอุ้งมือ แล้วค่อยๆ รูดขึ้นลงอย่างนุ่มนวล จน K ผมลุกขึ้นสู้เต็มอุ้งมือไอ้พงษ์ ความนุ่มนวลของไอ้พงษ์ทำเอาผมเสียวไปถึงร่องก้นโดยไม่รู้สึกเจ็บเลย ขณะที่ผมได้ยินเสียงเพื่อนที่นอนอยู่ข้างๆ บอกคู่ว่า
"เบาๆ กูเจ็บ" รุ่นพี่ได้ยินเข้าจนได้
"กูบอกห้ามพูดไง ไอ้ห่….เดี๋ยวเสียพิธีหมด" แล้วพี่เขาก็เดินเข้ามาหาไอ้คู่นั้น
"มึงค่อยๆ รูดซิวะ แล้วเล่นไข่ให้มันด้วย จะได้ลืมเจ็บ" ไอ้คนนั่งคุกเข่าทำตามอย่างว่าง่าย ไอ้พงษ์มองหน้าผมเหมือนจะถามขอความเห็น ผมพยักหน้าให้มัน มันจึงใช้มืออีกข้างเล่นไข่ผมด้วย โอ๊ยเสียวสุดๆ ผมร้องขึ้นในใจ จนน้ำแทบแตก
"ไอ้พวกที่นั่ง มึงรูดมือลงให้สุด จนกว่า K ของเพื่อนมึงจะหัวถอ….. ใครไม่รู้ว่าหัวถอ…เป็นยังไงยกมือขึ้น" อ้อ มีเพื่อนเราไม่รู้จักหัวถอ… มานี่จะอธิบายให้ฟัง"
ไอ้คนที่สงสัยลุกขึ้นเดินโทงๆ ไปหารุ่นพี่ รุ่นพี่เอื้อมมือไปจับ K มันแล้วดันมือเข้าหาโคน K จนมันถอยกรูด
"มึงยืนนิ่งๆ" มันหยุดยืนสูดปากหน้าบิดเบี้ยว รุ่นพี่ค่อยๆ รูด K ของมันเข้าๆ ออกๆ เบาๆ ขณะที่พี่อีกคนนั่งลงข้างหลัง จับขามันถ่างออกแล้วล้วงมือข้างหนึ่งลอดหว่างขาของมันขึ้นไปลูบคลำพวงไข่ ส่วนอีกมือพยายามแหย่นิ้วเข้าไปในร่องก้น มันโน้มตัวไปกอดคอพี่พร้อมกับส่ายสะโพกไปมา มันคงเสียวจนลืมตัว รุ่นพี่เริ่มเร่งมือเร็วขึ้นและแรงขึ้นจนหนังหุ้มปลายมันรูดลงไปกองที่คอหยักจนเห็นหัว K สีแดง รุ่นพี่ยังรูดต่อจนกระทั่งน้ำมันแตกเป็นทาง แล้วพี่เขาก็จูงมือมันเดินมาให้พวกเราดู
"หัวถอ… เป็นอย่างนี้"
พวกเรามองหัว K สีแดงที่โผล่พ้นหนังหุ้มปลายออกห้อยโตงเตงไปมาตามจังหวะเดิน ไอ้พงษ์มองหน้าผมอีกครั้ง ก่อนที่จะค่อยๆ กดมือลง
อย่างช้าๆ หนังหุ้มปลายถูกรูดลงมารัดติ้วกับหัว K ที่พองตัวจนบาน ความเสียวที่มีเริ่มมีความเจ็บเข้ามาสอดแทรกด้วย แต่ความเสียวมีมากกว่า
ไอ้พงษ์คงเห็นว่าผมเจ็บ มันจึงใช้มือที่คลึงเคล้นไข่เล่นอยู่นั้น ล้วงลงไปที่ลูบที่โคนไข่และร่องก้น ผมยกหัวขึ้นมอง K ของตัวเองที่เต้นตุบๆ
อยู่ในมือไอ้พงษ์ ไอ้พงษ์มันคงเห็นว่าหนังหุ้มปลายของผมรัดหัว K แน่น มันจึงก้มลงมาแล้วบ้วนน้ำลายมันลงบนปลาย K ผม ก่อนที่จะรูดมือขึ้นลงจนน้ำลายมันชโลมไปทั่วหัว K และเลยลงมาตามแท่งลำของผม เล่นเอาผมเสียวจนลืมเจ็บขยับสะโพกขึ้นรับการรูดของมือไอ้พงษ์
ไอ้พงษ์เห็นผมตอบรับอย่างนั้น มันก็กดแรงและเร็วขึ้น จนในที่สุดผมทนไม่ไหวต้องปล่อยให้น้ำรักกระฉูดออกมาจากปลาย K อย่างมากมาย
ไอ้พงษ์รูดมือพรวดลงจนถึงโคน หนังหุ้มปลายผมรูดตามแรงมือไอ้พงษ์ลงมาจนเห็นหัว K สีแดงที่มีน้ำขุ่นข้นสีขาวไล่เรื่อยจากปลาย K ลงสู่อุ้งมือไอ้พงษ์ และไหลลงผ่านพวงไข่ พออารมณ์ผมสงบลงจึงเริ่มรู้สึกแสบหัว K มาก แต่มือไอ้พงษ์ที่ยังคงรูด K ของผมต่ออย่างช้าๆ
เหมือนพยายามจะรีดเอาน้ำออกให้หมดช่วยลดความเจ็บแสบไปได้มากทีเดียว เมื่อมันเห็นผมสงบลงจึงปล่อยมือให้ K ผมนอนพักอยู่บนหน้าท้อง
"ใครยังไม่ถอ….. ถ้าไม่มี เปลี่ยนตำแหน่ง"
ไอ้พวกที่นอนก็ลุกขึ้นมานั่งคุกเข่า ในขณะที่พวกที่นั่งคุกเข่ากลับลงไปนอนหงาย แล้วก็เริ่มกรรมวิธีเหมือนเดิม ผมค่อยๆ กำ K ของไอ้พงษ์
อย่างเบาๆ K ของมันใหญ่มาก น่าจะประมาณ 6 นิ้ว ลำตรง หัวหยักได้รูป หนังหุ้มปลายเปิดลงมาได้เล็กน้อยไม่ถึงคอหยัก ส่วนหัวที่พ้นหนังหุ้มปลายออกมาเป็นสีชมพู ที่ปลาย K มีน้ำใสๆเยิ้มจนหัวเป็นมัน พวงไข่สีน้ำตาลเข้มของมันก็ใหญ่มาก โดยเฉพาะไข่ข้างขวาลูกโต ห้อยลงมาแทบจะปิดร่องก้น ขนสีดำรกครึ้มอยู่รอบโคน ระเรื่อยไปจนถึงข้างพวงไข่และร่องก้น
หลังจากสำรวจส่วนสำคัญของไอ้พงษ์อย่างทั่วถึงแล้วผมค่อยๆ รูด K ของมันขึ้นลงอย่างช้าๆ ไข่พวงใหญ่ของมันโยนตัวขึ้นลงตามจังหวะรูด เห็นแล้วผมอดใจไม่ไหวจึงที่เอามืออีกข้างไปอุ้มพวงไข่นั้นไว้ในอุ้งมือ ขณะเดียวกันก็เอานิ้วกลางแหย่ลงไปสัมผัสโคนไข่และร่องก้นของไอ้พงษ์ ไอ้พงษ์มันคงเสียวน่าดู มันยกสะโพกขึ้นรับมือผมที่รูด K มันอย่างลืมตัว พอเห็นมันเพลินดีแล้ว ผมก็ค่อยๆ กดมือรูดแรงๆ สองสามครั้งจนหนังหุ้มปลายมันรูดลงจนพ้นคอหยัก ไอ้พงษ์มันสะดุ้งเฮือก ผมจึงหยุดมือไว้ ก่อนที่จะรูดต่อ พร้อมกับขยำพวงไข่ให้มันต่อ
สักพักหนึ่งพวงไข่ของไอ้พงษ์ก็หดหนีมือผมขึ้นมาจนชิดโคน K เห็นเป็นกระเปาะกลม พร้อมกับที่น้ำรักของไอ้พงษ์ก็ล้นทะลักออกมาเต็มมือผม ไอ้พงษ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเอามือมันมากำทับมือผมที่ยังคงรูด K ของมันอยู่ จนน้ำมันออกหมดมันจึงปล่อยมือ ผมยังคงลูบคลำ K ของมันที่อ่อนตัวลงแล้วเล่นรอเวลา จน K มันลุกชูชันขึ้นมาอีก ผมหันไปมองหน้าไอ้พงษ์ มันยิ้มพร้อมกับพยักหน้า ผมจึงรูด K มันเร็วขึ้นจนน้ำมันแตกออกมาอีก
หลังจากที่ทุกคู่ปฏิบัติเสร็จเรียบร้อย รุ่นพี่ก็สั่งให้ทุกคนลุกขึ้นยืน แล้วรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งหน้าตาดีมาก ผิวขาว เห็นเพื่อนๆ เรียกว่า "อ้อ" ก็มาเดินตรวจสภาพส่วนสำคัญของพวกเราทีละคน หากของใครยังมีหนังหุ้มปลายอยู่ พี่เขาก็จะกำรูดจนบางคนน้ำแตกเป็นรอบที่สอง แต่ถ้าใครหนังหุ้มปลายเปิดแล้วสายสองสลึงขาด หรือมีเลือดออก พี่อ้อก็จะใช้ปากอม K นั้นเข้าไปแล้วดูดจนน้ำแตกอีกรอบ พี่อ้อบอกเป็นการสมานแผล ส่วนของผมหนังหุ้มปลายเปิดจนถึงคอหยัก แต่สายสองสลึงคงไม่ขาดจึงไม่มีเลือดออก เพียงแต่แสบบริเวณคอหยักเล็กน้อย เป็นอันว่าพิธีเปิดโลกก็เสร็จสิ้นลงด้วยความมัน แล้วคืนนั้นผมก็หลับเป็นตายด้วยความอ่อนเพลียจากพิธีเปิดโลก
บทที่ 5 บัดดี้
หลังจากฝึกเบื้องต้นจบแล้ว กองพันก็ให้พวกผมลาพักกลับไปเยี่ยมบ้านได้คนละ 7 วัน ผมกลับไปบ้านก็ใช้ชีวิตเป็นปกติดี พาแฟน (ผู้หญิง)
ไปเที่ยว ดูหนัง เดินซื้อของในจังหวัด จนครบกำหนดการลาจึงกลับเข้ากองพัน
พอวันรุ่งขึ้น ครูฝึกก็เรียกรวมแล้วจัดพวกเราแยกไปอยู่ตามกองร้อย ปรากฏว่าผม ไอ้ปอง ไอ้พงษ์ ถูกจัดไปอยู่คนละกองร้อย ซึ่งเมื่อผมไปถึงกองร้อยใหม่แล้วสิบเวรก็ชี้แจงพวกที่มารายงานตัว
"การเป็นทหารแบบพวกเราจะต้องมีเพื่อนรักเพื่อนตาย หรือที่เรียกว่าบัดดี้ ที่สามารถร่วมทุกข์ ร่วมสุขและพร้อมที่จะตายแทนกันได้ ดังนั้นในวันนี้ผู้หมู่จะจัดคู่บัดดี้ให้พวกเราทุกคน" ปรากฏว่าผมได้บัดดี้ชื่อ "ประวุฒิ" ซึ่งตอนที่ฝึกเบื้องต้น ผมไม่ค่อยชอบมันนัก เพราะมันขี้คุย และมักมองผมด้วยหางตาบ่อยๆ แต่เมื่อถูกจัดให้เป็นบัดดี้กันแล้วก็จำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากันให้ได้
"ให้ทุกคนไปทำความรู้จักกับบัดดี้ให้ดี ต้องรู้จักทุกเรื่องของบัดดี้หรือเรียกว่ารู้จักทุกรูขุมขน แล้วเราจะมีการทดสอบคู่บัดดี้ด้วย" หลังจากที่สิบเวรชี้แจงแล้ว ผมกับไอ้วุฒิก็พยายามสอบถามประวัติของกันแทบทุกเรื่องเพื่อให้ผ่านการทดสอบ แต่ไอ้วุฒิมักคุยเกินจริงเสมอ จนผมจำเรื่องของมันแทบไม่ไหว เช่นมันบอกว่ามันมีแฟนตั้งสี่คน อยู่คนละหมู่บ้าน ตอนพักมันต้องตระเวนไปนอนกับแฟนมันคนละวัน แค่ชื่อแฟนมันผมก็จำไม่ไหวแล้ว
ไอ้วุฒิเป็นลูกครึ่งจีน หน้าตาเลยออกจะตี๋ ผิวขาว สูงประมาณ 175 ซม. อกกว้างมีกล้ามพองาม หน้าท้องมีกล้ามเป็นลอนเล็กๆ ส่วนสำคัญของมันขณะที่อ่อนตัวคงประมาณ 3 - 4 นิ้ว สีค่อนข้างขาว หัว K สีชมพู หนังหุ้มปลายขลิบเจียนเสียเรียบร้อย ขนสีดำปรากฏเป็นไรจากบริเวณใต้สะดือ ระเรื่อยลงมาหนาแน่นอยู่บริเวณโคนและข้างพวงไข่ ทำให้เห็นพวงไข่สีชมพูคล้ำของมัน เหมือนไข่ที่ซุกอยู่ในพงหญ้า เวลามันอาบน้ำ มันจะถูสบู่บริเวณส่วนสำคัญของมันอย่างทะนุถนอม บางครั้งมันถูจน K มันลุกขึ้นตั้งโด่ ยาวประมาณ 7 นิ้ว หัวบานแดง แล้วมันก็รูดขึ้นลงจนน้ำแตก
ในห้องน้ำต่อหน้าเพื่อนๆที่อาบน้ำอยู่ด้วยกัน แต่เวลาผมเห็นไอ้วุฒิมันชักว่าวทีไร ผมเกิดอารมณ์ทุกที จนบางครั้งพอเห็นมันชักว่าวในห้องน้ำ ผมก็จะออกไปเข้าห้องส้วมแล้วก็จัดการของผมจนน้ำแตกเหมือนกัน
จนวันหนึ่งขณะที่กำลังอาบน้ำอยู่ด้วยกัน ไอ้วุฒิก็เดินเข้ามาพูดกับผมว่า
"กูเงี่ย….จัง อยากชักว่าวว่ะ"
"มึงก็ชักว่าวซิวะ" ผมว่า
"กูเบื่อแล้วว่ะ ชักเองไม่มัน อยากให้มึงช่วยหน่อย"
"จะให้กูช่วยอะไร"
"มึงช่วยชักให้กูหน่อย"

ผมชอบดูมันชักว่าวอยู่แล้ว พอมันให้ผมช่วยมีหรือที่จะปฏิเสธ "ก็ได้ว่ะ แต่ต้องไปทำในห้องส้วมนะถ้าทำในห้องน้ำเดี๋ยวคนอื่นเข้ามาเห็น"
มันเดินนำหน้าไปเข้าห้องส้วมด้านหลังห้องน้ำ โดยมีผมเดินตามไปติดๆพอปิดประตูห้องส้วม มันก็หันหน้ามาหาผมผมจึงถอดผ้าเช็ดตัวที่มันนุ่งออกพาดไว้กับข้างฝา แต่ K ของมันยังคงสงบนิ่งห้อยโตงเตงแนบพวงไข่ เหมือนไม่มีอารมณ์เลย
"เฮ้ย มันไม่อยากมั้ง" ผมบอกมัน
"มึงช่วยปลุกมันหน่อยซิวะ" ผมก็เริ่มลูบไล้ K และพวงไข่ของมัน เวลาที่สัมผัสกับส่วนสำคัญขณะที่มันอ่อนตัวอย่างนี้มันนุ่มนิ่ม หยุ่นมือ ยิ่งขนที่ดกดำของมันซอกซอนเข้าไปตามซอกนิ้วของผมทำให้ผมมีความรู้สึกที่แปลกประหลาด ผมใช้อุ้งมือคลึงพวงสวรรค์ของมันเบาขณะที่อีกมือหนึ่งก็รูด K ของไปด้วย จน K ของมันพองตัวขึ้นมาในอุ้งมือผม โอโฮ มันใหญ่เสียจนมือผมกำได้ไม่รอบเลยผมจึงละมือจากพวงไข่ของมันมาช่วยจัดการกับ K อันมโหฬารโดยมือหนึ่งยังคงรูดลำขึ้นลงยาวๆส่วนอีกมือหนึ่งก็เอาไปลูบคลำที่คอหยักและเส้นสองสลึงปล่อยให้พวงไข่แกว่งไกวกระทบซอกขาไปมาตามจังหวะแล้วไอ้วุฒิก็กระฉูดน้ำสีข้นขาวออกมาพออารมณ์มันสงบลงมันก็ขอบใจผมใหญ่ที่ช่วยเหลือมัน
"เดี๋ยวกูทำให้มึงบ้างก็ได้ ไอ้วิทย์"
"ไม่ต้องหรอก ถ้ากูอยากกูทำเองได้" ผมรีบปฏิเสธเพราะยังไม่สนิทกับมันนักเลยรู้สึกอาย แต่ใจจริงอยากให้มันทำให้เหมือนกัน เอาไว้ให้คุ้นกับมันมากกว่านี้หน่อยก็แล้วกัน

nirun_love

1)ไอ้ม้า
ผมได้อ่านประสบการณ์ของคนอื่นมามากแล้วส่วนใหญ่มักจะเล่าว่าเคของตัวเอง (หรือของคู่ขาในเรื่อง) ยาว 7 นิ้วบ้าง 8 นิ้วบ้าง บอกจริงๆผมว่าโม้เป็นส่วนใหญ่เพราะของคนไทยโดยเฉลี่ยแล้วราว 5 นิ้วเท่านั้นเอง อะไรจะมี 7-8นิ้วได้มากมายขนาดนั้น
และอีกอย่าง คนที่ว่าใหญ่ๆยาวๆนั้นที่จริงแล้วไม่มีความสุขหรอกครับมันทรมานมากกว่า อย่างเช่นชีวิตของผมนี่ไงเพราะความที่เคใหญ่จึงทำให้ผมต้องกลายมาเป็นเกย์ซึ่งถ้าผมเลือกได้หรือย้อนเวลาไปได้ ผมอยากขอมีเคเล็กๆ (หมายถึงขนาดปกติไม่ต้องเล็กมาก) แล้วเป็นผู้ชายปกติธรรมดาดีกว่า
เนื้อหาถูกซ่อนไว้
จำได้ว่าตอนเด็กๆนั้น (ราว 8-9 ขวบ) เจ้าน้องชายประจำตัวของผมก็ไม่ได้ใหญ่กว่าของคนอื่นหรอกครับ เพราะเคยแก้ผ้าอาบน้ำกับเพื่อนๆแถวบ้าน (บ้านผมอยู่ติดคลอง) อยู่บ่อยๆ ทั้งตอนที่มันสงบและตอนที่มันตื่นตัว แต่พออายุได้ราว 10 ขวบสิครับ เวลามันตื่นตัวก็ชักจะเริ่มใหญ่โตผิดเพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ก็ยังไม่เท่าไรเพราะเวลาเล่นน้ำในคลองนั้นเล่นเป็นกลุ่ม มีเด็กที่โตกว่าผมก็มี ของผมก็ไปใหญ่ราวเด็กอายุ 12-13
แต่พอผมเริ่มเป็นหนุ่ม อายุได้สัก 12 เจ้าน้องชายของผมมันก็ยาวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีก คงจะประมาณ 5-6 นิ้วได้มั้งครับ เพราะตอนนั้นยังเป็นเด็ก ไม่เคยสนใจไปวัดดูหรอก แต่ก็ยาวผิดเพื่อนๆเยอะแล้วล่ะ แถมน้องชายยังอ้วนใหญ่อีกต่างหาก เวลาว่ายน้ำแล้วแข็งตัวทีไรมันจะชี้โด่เป็นลำเลย ในขณะที่เพื่อนๆแข็งแล้วก็ยังไม่ใหญ่กันเท่าไร เพื่อนๆก็เลยชอบล้อเลียนผมกัน ว่ายาวใหญ่เหมือนของม้า แล้วผมก็ได้ฉายา “ไอ้ม้า”
เพื่อนๆคงคิดว่าผมจะภูมิใจในความใหญ่ของตัวเอง แต่ที่จริงไม่ใช่หรอกครับ เพราะเวลาถูกเรียกว่า “ไอ้ม้า” นั้นมันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย จำได้ว่าผมได้ฉายานี้ตอน ม. 2 หลังจากที่ได้ฉายานี้มาจากคลองหลังบ้าน มันก็เริ่มแพร่เข้ามาในโรงเรียนเพราะเพื่อนที่ร่วมเล่นน้ำด้วยกันนั้นบางคนก็อยู่โรงเรียนเดียวกับผม แต่หลังจากที่ผมได้ฉายานี้ผมก็เลยไม่แก้ผ้าเล่นน้ำที่คลองหลังบ้านอีก หากจะเล่นก็จะนุ่งผ้าขาวม้าหรือใส่กางเกงใน เพราะโตแล้วก็เริ่มมีความอาย อีกทั้งขนเพชรก็เริ่มขึ้นแล้วด้วย ขืนปล่อยให้เพื่อนเห็นมันก็ต้องเอาไปล้ออีก
ยิ่งตอนขึ้นชั้น ม. 3 ในแต่ละปีนักเรียนจะถูกคละห้องเรียนใหม่ เจ้าเพื่อนในห้อง ม.2 เดิมบางคนก็ได้ไปอยู่ร่วมห้องกับผมในชั้น ม.3 ด้วย มันก็เรียกผมว่าไอ้ม้าๆ พวกเพื่อนใหม่ในชั้น ม.3 ก็มักจะถามหาที่มาว่าทำไมถึงชื่อไอ้ม้า ไอ้เพื่อนมันก็จะบอกว่า “ไปถามไอ้ม้ามันดูเองสิ” ส่วนใหญ่ผมก็จะยิ้มๆ ไม่ยอมตอบ แต่ไปๆมาๆเจ้าเพื่อนมันคันปากก็เลยแย้มๆออกไปว่า “บางอย่างมันใหญ่เหมือนม้าว่ะ เลยได้ชื่อนี้” แค่นี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าหมายถึงอะไร คราวนี้ผมเลยกลายเป็นตัวตลกประจำห้องเลย โดนล้อเลียนเรื่องนี้เป็นประจำ บางคนก็บอกว่าจะขอยืมไปทำเสาธงบ้าง อะไรบ้าง ทั้งๆที่ไม่มีใครเคยเห็นเคของผมจริงๆเลยนอกจากเพื่อนที่เคยเล่นน้ำคลองด้วยกันเพียงไม่กี่คน
เพราว่าโดนล้อเลียนบ่อยๆ ผมก็เลยมีความรู้สึกว่าการมีเคใหญ่ผิดเพื่อนๆนั้นมันเป็นปมด้อย ไม่เคยรู้สึกภูมิใจเลยครับ ยิ่งใครต่อใครพยายามขอดู บางทีก็แอบดูเวลาผมฉี่ในห้องน้ำ (ที่จริงตอนไม่แข็งก็ไม่ได้ใหญ่กว่าของคนอื่นเท่าไรนักหรอก) ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามีปมด้อยมากขึ้น
ตอนผมอยู่ ม.5 ผมได้เพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชื่อก้อย (ผู้ชายนะครับ โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนชายล้วน) เพิ่งคบกันตอน ม. 5 เอง แต่ก้อยนิสัยดีมาก ไม่เคยล้อผมว่า “ไอ้ม้า” เลย แต่จะเรียกผมว่า “หนึ่ง” ซึ่งเป็นชื่อเล่นจริงๆของผมเสมอ ก้อยบอกว่าไม่ชอบล้อเลียนคนอื่น มันไม่ดี นี่เองที่ทำให้ผมสนิทกับก้อยมากขึ้นเรื่อยๆ
อยู่มาวันหนึ่ง พวกเพื่อนๆในห้องคุยกันเรื่องเที่ยวซ่อง มีเพื่อนในห้องบางคนไปเที่ยวแล้วกลับมาเล่าให้ฟัง คุยแล้วก็เคแข็งเด่ไปตามๆกัน ตอนนั้นผมอายุย่าง 16 แล้ว เคยาวเกือบๆ 8 นิ้ว ใหญ่ราว 8 นิ้ว ใหญ่กว่าตอนอยู่ ม.3 อีก (แต่ไม่เคยมีใครเห็น) ของผมพอแข็งแล้วก็จะตุงเป็นลำในกางเกง มองเห็นได้ชัดเลย ผมเลยต้องนั่งซุกตัวอยู่ในโต๊ะเรียนขณะคุย แต่ก็สังเกตว่าก้อยเหลือบมองมาที่เป้ากางเกงของผมบ่อยๆ...
วันนั้นพวกเรา (มีอยู่ 5 คน) ตกลงใจว่าจะไปเที่ยวซ่องกัน โดยมีคนที่เคยไปมาแล้วอาสาพาพวกเราไปขึ้นครูที่ซ่องในเมือง ผมตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศเลย ไม่เคยแม้แต่จะช่วยตัวเองเพราะทำไม่เป็น อาศัยฝันเปียกเอาเป็นประจำ ผมก็ถามเพื่อนๆไปว่าเข้าไปแล้วจะเอาผู้หญิงยังไง เพื่อนมันก็บอกว่าเดี๋ยวพอถึงเวลาเขาก็สอนให้เองนั่นแหละ
จำได้ว่าตอนที่ผมเที่ยวซ่องครั้งแรกนั้นตื่นเต้นมาก ผมเลือกได้สาวอายุราว 19 ปีคนหนึ่ง หน้าตาดีทีเดียว แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องของตัว...
ในห้องเปิดไฟสลัวๆ คู่นอนของผมเห็นผมนั่งเซ่ออยู่บนเตียงก็ถามผมว่าจะมานั่งเล่นเหรอ (ถามแบบน่ารักนะครับ) ผมก็บอกว่านี่เป็นครั้งแรก ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก เธอก็บอกว่างั้นจะสอนให้ ว่าแล้วเธอก็ถอดเสื้อของผมออก จากนั้นก็ถอดกางเกง แล้วก็กางเกงใน
พอกางเกงในหลุดจากเอวเท่านั้นแหละครับ เคของผมก็ผงาดลำ 8 นิ้วขึ้นมาทันทีเพราะผมเองตอนนั้นเกิดอารมณ์เต็มที่แล้วตั้งแต่เธอเริ่มถอดเสื้อผ้าให้ แต่พอเธอเห็นเคของผมเท่านั้นแหละครับ เธอร้องอุ๊ยออกมาเบาๆ หน้าเสียเลย จากนั้นเธอก็บอกผมว่าของผมใหญ่มาก เธอรับไม่ไหว กลัวเครื่องพัง จากนั้นก็ขอร้องให้ผมเปลี่ยนเป็นคนอื่นแทน แถมยังบอกอีกว่าอย่าเลือกคนอายุน้อยๆ เพราะคงไม่กล้ารับอีกเหมือนกัน ให้เลือกสาวที่อายุมากหน่อยเพราะผ่านผู้ชายมาเยอะแล้ว คงพอรับไหว
พอผมได้ยินอย่างนั้นเข้าก็หมดอารมณ์ทันที เพราะรู้สึกว่าเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอย่างมากที่โดนผู้หญิงปฏิเสธ ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนสัตว์ประหลาดที่ผิดมนุษย์ ผมเลยแต่งตัวแล้วกลับบ้านทันทีโดยไม่ยอมเปลี่ยนคนใหม่ ไม่ขอเงินคืนด้วยเพราะว่าอายแม่เล้า ทั้งอายทั้งเจ็บใจครับ
วันรุ่งขึ้น เจ้าเพื่อนที่ไปเที่ยวซ่องด้วยกันก็เอามาคุยฟุ้งในห้องถึงรสสวาทที่ได้รับมาจากซ่อง มีแต่ผมเท่านั้นที่นั่งหน้าบูดอยู่เพราะอารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่เมื่อคืน นอกจากความอับอายแล้วผมยังรู้สึกหงุดหงิดอีกด้วยเพราะความต้องการไม่ได้ระบายออก (ก็อย่างที่บอก ตอนนั้นยังช่วยตัวเองไม่เป็นเลยครับ) เพื่อนมันก็แซวว่าสงสัยผู้หญิงที่นอนกับผมต้องไปพักฟื้นแน่เลยเพราะเครื่องพัง ผมฟังแล้วยิ่งโมโหเลยเดินหนีออกจากกลุ่มไป ทิ้งให้ทุกคนงงในพฤติกรรมของผม ใครมาถามผมก็ไม่ตอบ เอาแต่เงียบลูกเดียว เพราะปกติผมก็เป็นคนเงียบๆอยู่แล้ว...
เย็นวันนั้น หลังเลิกเรียน ทุกคนออกจากห้องกันไปหมดแล้ว เหลือผมเป็นคนสุดท้าย นั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ก็เห็นก้อยย้อนกลับเข้ามาในห้อง
“เฮ้ย หนึ่ง ทำไมยังไม่กลับวะ” ก้อยทัก
เงียบ ผมไม่ตอบเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร
“นายหนึ่ง ทำไมวันนี้หน้าตาไม่ดีเอาเลย เมื่อคืนไปเที่ยวมาน่าจะมีความสุขนะ” ก้อยพูดต่อ ถึงก้อยไม่ได้ไปด้วยแต่ก้อยก็นั่งฟังเจ้าเพื่อนกลุ่มนั้นคุยมาตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว
“เฮ้ย หนึ่ง เป็นอะไรไปวะ ปล่อยให้เราพูดคนเดียวอยู่ได้”
“ไม่มีอะไรหรอก” ผมตอบ แต่หนึ่งไม่เชื่อ
“เฮ่ย มีอะไรก็เล่าสู่กันฟังได้นะ เผื่อว่านายจะสบายใจขึ้นบ้าง” ก้อยพยายามปลอบใจผม แต่ผมก็ยังไม่ยอมเล่าอยู่ดี เรื่องน่าอายแบบนี้จะเล่าได้ยังไง แม้ว่าก้อยจะป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดก็ตาม
“เอา ไม่เล่าก็ไม่เล่าวะ เอายังงี้ นายอย่าเพิ่งกลับบ้านเลย ไปเที่ยวบ้านเราไหม เผื่อจะสบายใจขึ้น”
เมื่อก้อยเปลี่ยนเรื่องพูด ผมรู้สึกขอบคุณก้อยในใจที่ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดี และหวังที่จะช่วยผมโดยไม่คิดสอดรู้สอดเห็น ผมก็เลยตอบตกลงว่าจะไปเที่ยวบ้านก้อย
บ้านของก้อยอยู่ในอำเภอซึ่งเป็นย่านพักอาศัยของคนที่มีฐานะดี เป็นบ้านขนาดปานกลาง ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก ตกแต่งดี น่าอยู่ ดูก็รู้ว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะ ต่างจากบ้านของผมที่เป็นครอบครัวชาวสวนอยู่ที่กิ่งอำเภอ

ก้อยพาผมไปไหว้พ่อแม่ของเขา จากนั้นก็เลี้ยงน้ำและขนมผมแล้วพาผมขึ้นไปที่ห้องนอนของก้อย ห้องนอนนอนของก้อยขนาดกะทัดรัด จัดอย่างเรียบร้อยดูน่าอยู่ ผิดกับห้องของผมที่รกรุงรังก้อยเอาเทปเพลงมาให้ผมเลือกเพื่อจะเปิดให้ผมฟัง พลางก็อวดเครื่องเสียงชุดเก่งที่ก้อยภูมิใจมากครับ ก้อยเป็นคนชอบฟังเพลงมากทีเดียว รวมทั้งยังหลงใหลเครื่องเสียงอีกด้วย
ก้อยชวนผมคุยนั่นคุยนี่โดยไม่ถามถึงเรื่องที่ผมหน้าบูดตลอดวันอีกเลยจนผมรู้สึกเกรงใจในความดีของก้อย หลังจากนั้นมาผมก็รู้สึกว่าสนิทกับก้อยมากขึ้นกว่าเดิมและมักไปนั่งฟังเพลงจากเครื่องเสียงชุดเก่งของก้อยบ่อยๆ

man__Poon

ขอบคุงมากคร๊าฟ

tanboy

ขอบคุณมากครับ

qazws

ขอบคุณมากครับ

sengjit

ขอบคุณมากครับ

dream601

ชอบจังเลยคับๆๆอะ

tajarak

ขอบคุณครับ

Ifoot-ballZ

ว่าวแค่อันที่2ก็เสียวแว้ว แต๊งมากคับพี่หนึ่ง

mikeki

ขอบคุณมากนะคับ

matty

สุดยอดมากๆเลยครับ

mybee

ขอบคุณครับ

kabuki

ขอบคุณครับ

Bonus_Bigbang

ขอบคุณคร้าบบบบบ

montre

ขอบคุณมากครับ

aomaomaom

ขอบคุณครับ

sensedevil

ขอบคุณมากนะคับ

nutty2513

ขอบคุณครับผม

areo02

สนุกมากเลยคับ อ่านสนุกมาก

hmoo

ขอบคุณมากมายเลยครับ