ทหารเกณฑ์ (6-7)

tanya

ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที

บทที่ 6 ลีลาบัดดี้
หลังจากการช่วยเหลือไอ้วุฒิครั้งแรกด้วยการชักว่าวให้มันในห้องส้วมคราวก่อนแล้ว ไอ้วุฒิก็ทำตัวผิดปกติไม่เหมือนเดิมมันพูดกับผมน้อยลง ไม่ขี้คุย รวมทั้งการชักว่าวในห้องน้ำของมัน จะมีให้เห็นก็นานๆครั้ง ซึ่งมันผิดวิสัยของไอ้วุฒิ จนผมแปลกใจว่าไอ้วุฒิมันมีปัญหาอะไร
หรือความอยากมันน้อยลงหรือไงกระทั่งคืนหนึ่งเมื่อทุกคนเข้านอนแล้ว ผมจึงลุกจากเตียงผมไปนั่งที่เตียงไอ้วุฒิแล้วสอบถามมันด้วยความสงสัยและในฐานะที่เป็นบัดดี้ที่ควรจะรู้เรื่องของบัดดี้
"ไอ้วุฒิ มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ เดี๋ยวนี้มึงไม่ค่อยพูดค่อยจาเลย แล้วกูไม่ค่อยเห็นมึงชักว่าวบ่อยอย่างแต่ก่อนเลย หรือมึงบรรลุธรรม ลดกำหนัดได้แล้ว"
"มึงสนใจด้วยหรือ ว่ากูชักว่าวบ่อยหรือไม่บ่อย"ถูกถามเข้าอย่างนี้ เล่นเอาผมอึ้งไปเลย
"ก็กูเป็นบัดดี้ของมึงนะ มีอะไรก็บอกกู กูจะได้ช่วยเท่าที่กูช่วยได้"
"มึงช่วยได้ แต่มึงไม่ช่วยกูหรอก มึงไม่อยากเป็นบัดดี้กับกู"
"ทำไมมึงพูดอย่างนี้วะ มีอะไรที่กูไม่ช่วยมึง แล้วใครบอกมึงว่ากูไม่อยากเป็นบัดดี้กับมึง"
"ก็คราวที่แล้วที่กูให้มึงช่วยชักว่าวให้ แล้วกูจะชักว่าวให้มึงบ้าง มึงไม่พอใจเลยปฏิเสธกู"
ผมเพิ่งถึงบางอ้อ "ไอ้เวรเอ๊ย นึกว่าเรื่องอะไร กูไม่ได้โกรธหรือรังเกียจมึง แต่ตอนนั้นกูคิดว่ากูอายมึงต่างหาก"
"จริงหรือเปล่าวะ"
"กูจะบอกความจริงให้มึงรู้ไว้ เวลากูเห็นมึงชักว่าว กูก็ต้องแอบไปชักว่าวเหมือนกัน"
"ถ้าอย่างนั้น ต่อไปมึงชักว่าวให้กู แล้วต้องให้กูชักว่าวให้มึงบ้างนะเว้ย" ไอ้วุฒิดีใจอย่างออกนอกหน้า ว่าแล้วมันก็ดึงมือผมไปจับ K ของมัน "ไอ้วิทย์ ตอนนี้กูอยากชักว่าวแล้ว"
"อะไรวะ จะให้ชักให้ตอนนี้เลยเรอะ"
"หรือมึงจะไม่ช่วย"
"ช่วยซิวะ กูบอกแล้ว" ผมเลยมุดเข้าไปในมุ้งไอ้วุฒิ จัดการถอดกางเกงมันออกกองไว้ปลายเตียง แล้วจัดการกำ K ของมันรูดขึ้นลง แต่สักพัก
ไอ้วุฒิก็ขอให้เปลี่ยนท่าใหม่ โดยมันนอนคว่ำหน้ากับที่นอนแล้วโก่งก้นขึ้นให้ผมล้วงมือลอดหว่างขาของมันเข้าไปรูด K ขณะที่แขนของผมก็
ถูไถไปกับพวงไข่ที่แกว่งไปมา พอ K มันแข็งได้ที่แล้ว มันก็ขอให้ผมมุดเข้าไปหว่างขาของมันแล้วหงายหน้าอม K ให้มัน ผมก็ทำตามที่มันขอ แต่ด้วยความใหญ่ของ K ของมัน ทำให้ปากผมถูกอัดแน่นแทบฉีก พอผมเริ่มอม มันก็กดน้ำหนักตัวลงมา ทำให้ ปลาย K ของมันลงไปชน
ลิ้นไก่ผม จนผมหายใจไม่ออกจึงถอนปากออก
"มึงอย่ากด K เข้าลึกนัก กูหายใจไม่ออก" มันก็ตกลงพร้อมกับบอกให้ผมถอดเสื้อผ้าออกแล้วมันก็นอนหงาย ให้ผมคร่อมตัวมันในลักษณะ 69
มันบอกว่าผมจะได้ทำเองเท่าที่ทำได้ พอเข้าที่เข้าทางแล้วผมก็เริ่มใช้ลิ้นเลียไปบริเวณปลายและรอบคอหยัก ในขณะที่มือข้างหนึ่งก็กำรูดขึ้นลง ส่วนไอ้วุฒิก็จัดการอมของผมเข้าไปทั้งลำ เพราะของผมมีขนาดไม่ใหญ่ ประมาณ 4.5 นิ้ว
ไอ้วุฒิใช้อุ้งปากตอดปลาย K ผมจนเสียววาบ ขณะที่มันใช้มือข้างหนึ่งคลึงพวงไข่ของผมที่แกว่งไปมาเหนือจมูกของมัน และใช้นิ้วมืออีกข้างกดบี้บริเวณรูก้นผม โดนเข้าอย่างนี้ผมจะทนไหวได้ไง พอผมรู้สึกว่าน้ำจะแตก ผมก็พยายามถอน K ออกจากปากไอ้วุฒิ
"มึงจะถอน K ไปไหนวะ"
"น้ำกูจะแตกแล้ว เดี๋ยวมันจะเข้าปากมึง"
"ไม่เห็นเป็นไร ก็มึงเป็นบัดดี้กูนี่หว่า" ว่าแล้วมันก็จับ K ผมยัดกลับเข้าปากไป ความเสียวแล่นแปร๊บจากปลาย K มาถึงพวงไข่และร่องก้น น้ำสีขาวขุ่นของผมทะลักเข้าสู่ปากไอ้วุฒิ มันกลืนเข้าไปอย่างไม่มีอาการที่จะรังเกียจ คงเหลือเฉพาะที่ล้นออกมาที่มุมปากแล้วไหลลงไปข้างแก้ม
ไอ้วุฒิยังคงดูดเน้น K ผมต่อจนน้ำหยดสุดท้าย ไอ้วุฒิละปากจาก K ของผมแล้วมาซุกไซ้ที่ร่องก้น ลิ้นของมันสาละวนอยู่ที่รูก้น ด้วยความสากของลิ้นผสมกับความลื่นเหนียวของน้ำลาย ทำให้อารมณ์ที่กำลังจะลดลงของผมต้องกระเจิงขึ้นอีก ผมเร่งจังหวะการรูดปากขึ้นลงให้กระชั้นขึ้น พร้อมกับมือที่คลึงเคล้นพวงไข่ของไอ้วุฒิก็เพิ่มน้ำหนักมากขึ้น ไอ้วุฒิเกร็งตัว ยกสะโพกขึ้นดัน K เข้าสู่ส่วนลึกของปากผม พร้อมกับพ่นน้ำรักเข้าสู่ช่องปากและไหลลงสู่ลำคอผม จนทำเอาผมแทบสำลัก
น้ำของไอ้วุฒิล้นไหลลงมาตามลำ K ของมันไปสู่พวงไข่และร่องก้น ขณะที่ไอ้วุฒิมันพ่นน้ำรักออกมานั้น มันเร่งลิ้นระรัวรอบรูก้นผมอย่างเมามัน พร้อมกับใช้มือรูด K ของผมอย่างเร็ว จนน้ำผมแตกอีกรอบ เราทั้งสองพลิกตัวลงนอน แล้วหันมามองหน้ากันพร้อมกับพูดขึ้นแทบจะพร้อมกันว่า "บัดดี้"
บทที่ 7 หาที่อาบน้ำ
หลังจาการปรับความเข้าใจกัน ผมกับไอ้วุฒิมักจะแอบสนุกกันบ่อยๆถ้าวันไหนเราไม่ถูกจัดเข้าเวร จนถึงวันทดสอบการเป็นบัดดี้ พี่จ่าก็ให้พวกเราแต่งชุดฝึกพรางพร้อมเครื่องสนาม และอาวุธประจำกาย (ปืนจริงๆ ไม่ใช่อาวุธประจำกายอย่างว่า) แล้วพาเดินทางไกลจากกองพันออกไปนอกค่าย ผมว่ากะระยะแล้วน่าจะสัก 20 กิโล แล้วให้พวกเราตั้งค่ายพักแรม แต่ละคู่ก็กางเต็นท์นอน ซึ่งหลังหนึ่งจะนอนได้สองคน โดยเต็นท์พี่จ่าและผู้หมู่จะอยู่ตรงกลาง แล้วเต็นท์พวกเราจะล้อมเป็นวงกลม แต่ละเต็นท์ห่างกันประมาณ 5 - 10 เมตร แล้วแต่สภาพพื้นที่ ผมกับไอ้วุฒิเลือกเอาใต้ร่มไม้ใหญ่ จะได้ไม่ร้อนตอนกลางวัน
พอจัดที่พักเสร็จ พวกเราก็ได้พักผ่อน รอรวมพลตอนห้าโมงเย็น ผมกับไอ้วุฒิก็เดินไปสำรวจรอบๆ ซึ่งเป็นป่าละเมาะ มีไม้ใหญ่บางตา ห่างจากที่พักประมาณ 200 เมตร มีลำห้วยกว้างประมาณ 5 เมตร น้ำใส พื้นส่วนใหญ่เป็นหินกรวดและทราย เรารีบกลับมาที่พักเอาเครื่องอาบน้ำ แล้วรีบเดินกลับไปที่ลำห้วยเพื่ออาบน้ำ ขณะที่เราเดินไปเกือบถึงลำห้วย เราก็ได้ยินเสียงคนคุยกันเบาๆ เรามองหน้ากัน แล้วค่อยๆ ย่องไปยังต้นเสียง
เราเห็นไอ้คมกับไอ้พงษ์ เพื่อนร่วมกองร้อย กำลังเดินลุยน้ำอยู่ในลำห้วย โดยทั้งคู่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ส่วนสำคัญของร่างกายของทั้งคู่แกว่งโตงเตงไปมา
ไอ้วุฒิสะกิดผม "ไอ้วิทย์ ไปเล่นน้ำกับพวกมันดีกว่า"
"อย่าดีกว่า รอให้มันอาบเสร็จก่อนก็ได้ เดี๋ยวไอ้คมมันจะอาย" เพราะปกติแล้วไอ้คมจะเป็นคนขี้อาย เวลาอาบน้ำก็จะหลบๆ หามุมบังส่วนสำคัญ ทำให้ผมไม่กล้าออกไปปรากฏตัว แต่ไอ้พงษ์ผมเคยเจอมันแล้วในพิธีเปิดโลก ไอ้วุฒิยอมตามที่ผมบอก โดยเราสองคนหลบไปที่หลังพุ่มไม้ใหญ่ ที่พอใช้หลบแดดได้ ไอ้วุฒิหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
"เฮ้ย ไอ้วิทย์ หาอะไรทำรอไอ้สองคนนั้นดีวะ"
"กูรู้นะมึงคิดอะไร" "แล้วมึงคิดอะไรล่ะ"
"ก็คิดแบบมึงนั้นแหละ"
ว่าแล้วเราสองคนก็อยู่ในสภาพไม่ต่างจากไอ้คมกับไอ้พงษ์ ขณะที่เรากำลังเริ่มสร้างบรรยากาศ ก็พลันได้ยินเสียงไอ้คมดังขึ้น
"พงษ์ มันเสียวจัง"
เราสองคนหยุดนิ่งแทบไม่หายใจ เพราะเสียงไอ้คมกับไอ้พงษ์อยู่ใกล้มาก ผมค่อยๆ คลานออกไปดู โอโฮ สุดโรแมนติกเลยว่ะ ภาพที่เห็นคือภาพไอ้คมที่ตัวมันขาวจ๊วะ หันหลังยืนพิงไอ้พงษ์ ขณะที่ไอ้พงษ์โอบกอดไอ้คมจากด้านหลัง แล้วมือไอ้พงษ์ก็เกาะกุมส่วนสำคัญของไอ้คมไว้ในอุ้งมือ พร้อมกับขยับขึ้นลงช้าๆ เห็นแต่ส่วนปลาย K ของไอ้คมที่ผลุบโพล่อยู่ในกำมือไอ้พงษ์ ต่ำจากมือไอ้พงษ์ลงมาเป็นพวงไข่สีน้ำตาลอ่อนๆ
ของไอ้คมที่โยนตัวตามจังหวะที่ไอ้พงษ์สาวมือ เนินก้นขาวเนียนของไอ้คมก็เบียดเสียดสีอยู่กับส่วนสำคัญของไอ้พงษ์ ยิ่งไอ้พงษ์รูดมือเร็วเท่าไหร่ ก้นไอ้คมก็ส่ายบดขยี้ส่วนสำคัญของไอ้พงษ์เท่านั้น ไอ้คมมันคงเสียวเต็มที่ มันเอามือมาจับข้อมือไอ้พงษ์ที่กำลังรูด K ของมันไว้แน่น เหมือนกลัวมือไอ้พงษ์ข้างนั้นจะหลุดลอยไปขณะที่น้ำของมันพุ่งออกมาเป็นสาย
พอน้ำออกหมดแล้วไอ้คมทรุดตัวลงคุกเข่าอย่างสิ้นแรง เผยให้เห็น K ของไอ้พงษ์ที่พุ่งผงาด โชว์หัวสีแดงเข้ม ไอ้พงษ์ย่อตัวลงตาม เอา K ถูไถ
ไปตามแผ่นหลังของไอ้คมอย่างแผ่วเบา จนไอ้คมต้องหันหลังกลับมาใช้สองมือประคองแท่งลำอันเขื่องของไอ้พงษ์ขึ้นจนแท่งลำแนบไปกับท้องน้อยของไอ้พงษ์ ขณะที่ไอ้คมใช้ลิ้นไล้ไปตามพวงไข่สีน้ำตาลเข้ม แล้วกลืนหายไปในปากทีละใบ มือของไอ้คมลูบไล้ไปตามความยาวลำ K ของไอ้พงษ์ ตั้งแต่โคนจนถึงปลาย แล้วใช้นิ้วคลึงเค้นไปมาบริเวณคอหยัก ไอ้พงษ์หงายหน้าสูดปากด้วยความเสียว
"กูทนไม่ไหวแล้ว กูขอจารึกความเป็นบัดดี้กับเอ็งนะ"
"นายจะทำยังไง"
ไอ้พงษ์ไม่ตอบแต่จับให้ไอ้คมทำท่าคลานจนก้นขาวของมันลอยเด่น ไอ้พงษ์เอาน้ำสบู่ลูบไปมาบริเวณปากรูก้นของไอ้คม จนไอ้คมต้องส่ายก้นไปมาตามการลูบของไอ้พงษ์ ไอ้พงษ์จับ K ของมันจ่อตรงร่องรู แล้วค่อยๆ กดสะโพกดันแท่งลำขนาด 7 นิ้วของมันเข้าหลืบรูของไอ้คมอย่างเชื่องช้า ไอ้คมก้มลงเอาหน้าซบกับพื้น พร้อมกับเอื้อมมือลอดหว่างขาของมันมากุม K ของไอ้พงษ์ที่สอดใส่เข้าไปได้แค่เพียงคอหยัก
"พอแล้ว เจ็บเหมือนก้นจะฉีก" ไอ้คมร้องขึ้นด้วยความเจ็บ
ไอ้พงษ์หยุดนิ่ง คาปลาย K ไว้ในรูก้นไอ้คมเหมือนเดิม แต่มันก้มลงทาบตัวมันลงไปตามแผ่นหลังของไอ้คม พร้อมกับเอามืออ้อมไปกำ K ไอ้คมรูดเบาๆ จนไอ้คมเสียวได้ที่
"น้ำเราจะออกอีกแล้วพงษ์"
ไอ้พงษ์ได้จังหวะ มันกด K มันเข้าไปในรูก้นของไอ้คมอย่างรวดเร็ว
"โอ๊ย" ไอ้คมร้องได้คำเดียว K ของไอ้พงษ์ก็ฝังเข้าไปในรูเกือบหมด พร้อมกับน้ำรักไอ้คมพุ่งกระฉุดออกมาเป็นรอบสอง มันนอนนิ่งให้ไอ้พงษ์เคลื่อนแท่งลำเข้าออกอยู่ที่บั้นท้าย
"โอ๊ย น้ำกูจะออกแล้วคม" ไอ้พงษ์เร่งความเร็วขึ้น น้ำขาวขุ่นไหลล้นอกมาจากร่องก้นไอ้คมผ่านพวงไข่หยดลงพื้นเป็นทาง ไอ้พงษ์ถอน K มันออกจากรูก้นไอ้คมที่บานแดงฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำรัก ไอ้คมยังคงนอนนิ่งในท่าเดิม คงจะระบมหนัก ไอ้พงษ์นั่งลงด้านหลังแล้วเอาน้ำลายของมันไปลูบเบาที่รูก้นไอ้คม
"เจ็บมากไหม เดี๋ยวกูจะหายามาใส่ให้"
"นายทำเราเจ็บมากเลย เลือดเราออกหรือเปล่า"
"เลือดไม่ออกหรอก แต่กูจะรักษาให้" ว่าแล้วไอ้พงษ์ก็ก้มหน้าลงตรงร่องก้นไอ้คม ใช้ลิ้นเลียไล้รอบรูก้นที่บวมแดง พร้อมกับใช้มือลูบไล้พวงไข่และแท่งลำของไอ้คมอย่างนุ่มนวล ไม่นานนักไอ้คมก็หน้าเหยเกอีก มันกำมือแน่น สูดหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะปลดปล่อยน้ำรักออกมาอย่างกระปิดกระปอยภายในอุ้งมือของไอ้พงษ์


ไอ้พงษ์พยุงไอ้คมไปที่ลำห้วยแล้วบรรจงอาบน้ำฟอกสบู่ให้ไอ้คมทุกซอกทุกมุมผมหันไปมองไอ้วุฒิที่หมอบอยู่ข้างๆ
"ไอ้วุฒิ รีบกลับเถอะว่ะ จะห้าโมงแล้วเดี๋ยวพี่จ่าตรวจยอด"
เป็นอันว่าวันนั้นเราทั้งสองไม่ได้อาบน้ำ ได้แค่ดูคนอื่นเขาอาบน้ำ……

nirun_love

1)ไอ้ม้า
ผมได้อ่านประสบการณ์ของคนอื่นมามากแล้วส่วนใหญ่มักจะเล่าว่าเคของตัวเอง (หรือของคู่ขาในเรื่อง) ยาว 7 นิ้วบ้าง 8 นิ้วบ้าง บอกจริงๆผมว่าโม้เป็นส่วนใหญ่เพราะของคนไทยโดยเฉลี่ยแล้วราว 5 นิ้วเท่านั้นเอง อะไรจะมี 7-8นิ้วได้มากมายขนาดนั้น
และอีกอย่าง คนที่ว่าใหญ่ๆยาวๆนั้นที่จริงแล้วไม่มีความสุขหรอกครับมันทรมานมากกว่า อย่างเช่นชีวิตของผมนี่ไงเพราะความที่เคใหญ่จึงทำให้ผมต้องกลายมาเป็นเกย์ซึ่งถ้าผมเลือกได้หรือย้อนเวลาไปได้ ผมอยากขอมีเคเล็กๆ (หมายถึงขนาดปกติไม่ต้องเล็กมาก) แล้วเป็นผู้ชายปกติธรรมดาดีกว่า
เนื้อหาถูกซ่อนไว้
จำได้ว่าตอนเด็กๆนั้น (ราว 8-9 ขวบ) เจ้าน้องชายประจำตัวของผมก็ไม่ได้ใหญ่กว่าของคนอื่นหรอกครับ เพราะเคยแก้ผ้าอาบน้ำกับเพื่อนๆแถวบ้าน (บ้านผมอยู่ติดคลอง) อยู่บ่อยๆ ทั้งตอนที่มันสงบและตอนที่มันตื่นตัว แต่พออายุได้ราว 10 ขวบสิครับ เวลามันตื่นตัวก็ชักจะเริ่มใหญ่โตผิดเพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ก็ยังไม่เท่าไรเพราะเวลาเล่นน้ำในคลองนั้นเล่นเป็นกลุ่ม มีเด็กที่โตกว่าผมก็มี ของผมก็ไปใหญ่ราวเด็กอายุ 12-13
แต่พอผมเริ่มเป็นหนุ่ม อายุได้สัก 12 เจ้าน้องชายของผมมันก็ยาวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีก คงจะประมาณ 5-6 นิ้วได้มั้งครับ เพราะตอนนั้นยังเป็นเด็ก ไม่เคยสนใจไปวัดดูหรอก แต่ก็ยาวผิดเพื่อนๆเยอะแล้วล่ะ แถมน้องชายยังอ้วนใหญ่อีกต่างหาก เวลาว่ายน้ำแล้วแข็งตัวทีไรมันจะชี้โด่เป็นลำเลย ในขณะที่เพื่อนๆแข็งแล้วก็ยังไม่ใหญ่กันเท่าไร เพื่อนๆก็เลยชอบล้อเลียนผมกัน ว่ายาวใหญ่เหมือนของม้า แล้วผมก็ได้ฉายา “ไอ้ม้า”
เพื่อนๆคงคิดว่าผมจะภูมิใจในความใหญ่ของตัวเอง แต่ที่จริงไม่ใช่หรอกครับ เพราะเวลาถูกเรียกว่า “ไอ้ม้า” นั้นมันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย จำได้ว่าผมได้ฉายานี้ตอน ม. 2 หลังจากที่ได้ฉายานี้มาจากคลองหลังบ้าน มันก็เริ่มแพร่เข้ามาในโรงเรียนเพราะเพื่อนที่ร่วมเล่นน้ำด้วยกันนั้นบางคนก็อยู่โรงเรียนเดียวกับผม แต่หลังจากที่ผมได้ฉายานี้ผมก็เลยไม่แก้ผ้าเล่นน้ำที่คลองหลังบ้านอีก หากจะเล่นก็จะนุ่งผ้าขาวม้าหรือใส่กางเกงใน เพราะโตแล้วก็เริ่มมีความอาย อีกทั้งขนเพชรก็เริ่มขึ้นแล้วด้วย ขืนปล่อยให้เพื่อนเห็นมันก็ต้องเอาไปล้ออีก
ยิ่งตอนขึ้นชั้น ม. 3 ในแต่ละปีนักเรียนจะถูกคละห้องเรียนใหม่ เจ้าเพื่อนในห้อง ม.2 เดิมบางคนก็ได้ไปอยู่ร่วมห้องกับผมในชั้น ม.3 ด้วย มันก็เรียกผมว่าไอ้ม้าๆ พวกเพื่อนใหม่ในชั้น ม.3 ก็มักจะถามหาที่มาว่าทำไมถึงชื่อไอ้ม้า ไอ้เพื่อนมันก็จะบอกว่า “ไปถามไอ้ม้ามันดูเองสิ” ส่วนใหญ่ผมก็จะยิ้มๆ ไม่ยอมตอบ แต่ไปๆมาๆเจ้าเพื่อนมันคันปากก็เลยแย้มๆออกไปว่า “บางอย่างมันใหญ่เหมือนม้าว่ะ เลยได้ชื่อนี้” แค่นี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าหมายถึงอะไร คราวนี้ผมเลยกลายเป็นตัวตลกประจำห้องเลย โดนล้อเลียนเรื่องนี้เป็นประจำ บางคนก็บอกว่าจะขอยืมไปทำเสาธงบ้าง อะไรบ้าง ทั้งๆที่ไม่มีใครเคยเห็นเคของผมจริงๆเลยนอกจากเพื่อนที่เคยเล่นน้ำคลองด้วยกันเพียงไม่กี่คน
เพราว่าโดนล้อเลียนบ่อยๆ ผมก็เลยมีความรู้สึกว่าการมีเคใหญ่ผิดเพื่อนๆนั้นมันเป็นปมด้อย ไม่เคยรู้สึกภูมิใจเลยครับ ยิ่งใครต่อใครพยายามขอดู บางทีก็แอบดูเวลาผมฉี่ในห้องน้ำ (ที่จริงตอนไม่แข็งก็ไม่ได้ใหญ่กว่าของคนอื่นเท่าไรนักหรอก) ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามีปมด้อยมากขึ้น
ตอนผมอยู่ ม.5 ผมได้เพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชื่อก้อย (ผู้ชายนะครับ โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนชายล้วน) เพิ่งคบกันตอน ม. 5 เอง แต่ก้อยนิสัยดีมาก ไม่เคยล้อผมว่า “ไอ้ม้า” เลย แต่จะเรียกผมว่า “หนึ่ง” ซึ่งเป็นชื่อเล่นจริงๆของผมเสมอ ก้อยบอกว่าไม่ชอบล้อเลียนคนอื่น มันไม่ดี นี่เองที่ทำให้ผมสนิทกับก้อยมากขึ้นเรื่อยๆ
อยู่มาวันหนึ่ง พวกเพื่อนๆในห้องคุยกันเรื่องเที่ยวซ่อง มีเพื่อนในห้องบางคนไปเที่ยวแล้วกลับมาเล่าให้ฟัง คุยแล้วก็เคแข็งเด่ไปตามๆกัน ตอนนั้นผมอายุย่าง 16 แล้ว เคยาวเกือบๆ 8 นิ้ว ใหญ่ราว 8 นิ้ว ใหญ่กว่าตอนอยู่ ม.3 อีก (แต่ไม่เคยมีใครเห็น) ของผมพอแข็งแล้วก็จะตุงเป็นลำในกางเกง มองเห็นได้ชัดเลย ผมเลยต้องนั่งซุกตัวอยู่ในโต๊ะเรียนขณะคุย แต่ก็สังเกตว่าก้อยเหลือบมองมาที่เป้ากางเกงของผมบ่อยๆ...
วันนั้นพวกเรา (มีอยู่ 5 คน) ตกลงใจว่าจะไปเที่ยวซ่องกัน โดยมีคนที่เคยไปมาแล้วอาสาพาพวกเราไปขึ้นครูที่ซ่องในเมือง ผมตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศเลย ไม่เคยแม้แต่จะช่วยตัวเองเพราะทำไม่เป็น อาศัยฝันเปียกเอาเป็นประจำ ผมก็ถามเพื่อนๆไปว่าเข้าไปแล้วจะเอาผู้หญิงยังไง เพื่อนมันก็บอกว่าเดี๋ยวพอถึงเวลาเขาก็สอนให้เองนั่นแหละ
จำได้ว่าตอนที่ผมเที่ยวซ่องครั้งแรกนั้นตื่นเต้นมาก ผมเลือกได้สาวอายุราว 19 ปีคนหนึ่ง หน้าตาดีทีเดียว แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องของตัว...
ในห้องเปิดไฟสลัวๆ คู่นอนของผมเห็นผมนั่งเซ่ออยู่บนเตียงก็ถามผมว่าจะมานั่งเล่นเหรอ (ถามแบบน่ารักนะครับ) ผมก็บอกว่านี่เป็นครั้งแรก ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก เธอก็บอกว่างั้นจะสอนให้ ว่าแล้วเธอก็ถอดเสื้อของผมออก จากนั้นก็ถอดกางเกง แล้วก็กางเกงใน
พอกางเกงในหลุดจากเอวเท่านั้นแหละครับ เคของผมก็ผงาดลำ 8 นิ้วขึ้นมาทันทีเพราะผมเองตอนนั้นเกิดอารมณ์เต็มที่แล้วตั้งแต่เธอเริ่มถอดเสื้อผ้าให้ แต่พอเธอเห็นเคของผมเท่านั้นแหละครับ เธอร้องอุ๊ยออกมาเบาๆ หน้าเสียเลย จากนั้นเธอก็บอกผมว่าของผมใหญ่มาก เธอรับไม่ไหว กลัวเครื่องพัง จากนั้นก็ขอร้องให้ผมเปลี่ยนเป็นคนอื่นแทน แถมยังบอกอีกว่าอย่าเลือกคนอายุน้อยๆ เพราะคงไม่กล้ารับอีกเหมือนกัน ให้เลือกสาวที่อายุมากหน่อยเพราะผ่านผู้ชายมาเยอะแล้ว คงพอรับไหว
พอผมได้ยินอย่างนั้นเข้าก็หมดอารมณ์ทันที เพราะรู้สึกว่าเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอย่างมากที่โดนผู้หญิงปฏิเสธ ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนสัตว์ประหลาดที่ผิดมนุษย์ ผมเลยแต่งตัวแล้วกลับบ้านทันทีโดยไม่ยอมเปลี่ยนคนใหม่ ไม่ขอเงินคืนด้วยเพราะว่าอายแม่เล้า ทั้งอายทั้งเจ็บใจครับ
วันรุ่งขึ้น เจ้าเพื่อนที่ไปเที่ยวซ่องด้วยกันก็เอามาคุยฟุ้งในห้องถึงรสสวาทที่ได้รับมาจากซ่อง มีแต่ผมเท่านั้นที่นั่งหน้าบูดอยู่เพราะอารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่เมื่อคืน นอกจากความอับอายแล้วผมยังรู้สึกหงุดหงิดอีกด้วยเพราะความต้องการไม่ได้ระบายออก (ก็อย่างที่บอก ตอนนั้นยังช่วยตัวเองไม่เป็นเลยครับ) เพื่อนมันก็แซวว่าสงสัยผู้หญิงที่นอนกับผมต้องไปพักฟื้นแน่เลยเพราะเครื่องพัง ผมฟังแล้วยิ่งโมโหเลยเดินหนีออกจากกลุ่มไป ทิ้งให้ทุกคนงงในพฤติกรรมของผม ใครมาถามผมก็ไม่ตอบ เอาแต่เงียบลูกเดียว เพราะปกติผมก็เป็นคนเงียบๆอยู่แล้ว...
เย็นวันนั้น หลังเลิกเรียน ทุกคนออกจากห้องกันไปหมดแล้ว เหลือผมเป็นคนสุดท้าย นั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ก็เห็นก้อยย้อนกลับเข้ามาในห้อง
“เฮ้ย หนึ่ง ทำไมยังไม่กลับวะ” ก้อยทัก
เงียบ ผมไม่ตอบเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร
“นายหนึ่ง ทำไมวันนี้หน้าตาไม่ดีเอาเลย เมื่อคืนไปเที่ยวมาน่าจะมีความสุขนะ” ก้อยพูดต่อ ถึงก้อยไม่ได้ไปด้วยแต่ก้อยก็นั่งฟังเจ้าเพื่อนกลุ่มนั้นคุยมาตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว
“เฮ้ย หนึ่ง เป็นอะไรไปวะ ปล่อยให้เราพูดคนเดียวอยู่ได้”
“ไม่มีอะไรหรอก” ผมตอบ แต่หนึ่งไม่เชื่อ
“เฮ่ย มีอะไรก็เล่าสู่กันฟังได้นะ เผื่อว่านายจะสบายใจขึ้นบ้าง” ก้อยพยายามปลอบใจผม แต่ผมก็ยังไม่ยอมเล่าอยู่ดี เรื่องน่าอายแบบนี้จะเล่าได้ยังไง แม้ว่าก้อยจะป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดก็ตาม
“เอา ไม่เล่าก็ไม่เล่าวะ เอายังงี้ นายอย่าเพิ่งกลับบ้านเลย ไปเที่ยวบ้านเราไหม เผื่อจะสบายใจขึ้น”
เมื่อก้อยเปลี่ยนเรื่องพูด ผมรู้สึกขอบคุณก้อยในใจที่ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดี และหวังที่จะช่วยผมโดยไม่คิดสอดรู้สอดเห็น ผมก็เลยตอบตกลงว่าจะไปเที่ยวบ้านก้อย
บ้านของก้อยอยู่ในอำเภอซึ่งเป็นย่านพักอาศัยของคนที่มีฐานะดี เป็นบ้านขนาดปานกลาง ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก ตกแต่งดี น่าอยู่ ดูก็รู้ว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะ ต่างจากบ้านของผมที่เป็นครอบครัวชาวสวนอยู่ที่กิ่งอำเภอ

ก้อยพาผมไปไหว้พ่อแม่ของเขา จากนั้นก็เลี้ยงน้ำและขนมผมแล้วพาผมขึ้นไปที่ห้องนอนของก้อย ห้องนอนนอนของก้อยขนาดกะทัดรัด จัดอย่างเรียบร้อยดูน่าอยู่ ผิดกับห้องของผมที่รกรุงรังก้อยเอาเทปเพลงมาให้ผมเลือกเพื่อจะเปิดให้ผมฟัง พลางก็อวดเครื่องเสียงชุดเก่งที่ก้อยภูมิใจมากครับ ก้อยเป็นคนชอบฟังเพลงมากทีเดียว รวมทั้งยังหลงใหลเครื่องเสียงอีกด้วย
ก้อยชวนผมคุยนั่นคุยนี่โดยไม่ถามถึงเรื่องที่ผมหน้าบูดตลอดวันอีกเลยจนผมรู้สึกเกรงใจในความดีของก้อย หลังจากนั้นมาผมก็รู้สึกว่าสนิทกับก้อยมากขึ้นกว่าเดิมและมักไปนั่งฟังเพลงจากเครื่องเสียงชุดเก่งของก้อยบ่อยๆ

tonnum69

ขอบคุน...................

proeng

ขอบคุณครับ

jemmifer

บัดดี้แบบนี้ดีแฮะ

tajarak

ขอบคุณครับ

kikda

ขอบคุณมากคับหนุกดีน่ะสำหรับสิ่งนี้

puchit

หฃทหารเกณน่ารัก

tanboy

ขอบคุณมากครับ ตามมาอ่านต่อครับ เสียว อิอิ

tapoott

ขอบคุณมากมากคร้าบบบ

Ifoot-ballZ

เค้ายังอยู่ในโลกมืดอยู่เลยอ่ะ 555++

poolter

ขอบคุณค้าบ

Ifoot-ballZ

ต้นฉบับโพสต์โดย ballove เมื่อ 2012-1-7 06:26
เค้ายังอยู่ในโลกมืดอยู่เลยอ่ะ 555++

ซ่อนเป็นละคัย ขอบคุณคับที่แนะนำให้
ว่าแต่เห็นแสงตะวันเลยหรอคับ ไม่ดีมั้ง ขออยู่ในร่ม(ผ้า)ดีกว่าอ่ะ

jemmifer

ขอบคุณคับ จะรออ่านเด้อ

nutty2513

ขอบคุณครับผม

aomaomaom

ขอบคุณครับ

Bonus_Bigbang

ขอดูหน่อยน่ะ ขอบคุณ ^U^

DeK_Za

ขอบคุณครับ

wwballer

น่าสนใจดีเหมือนกัน

chai_mheenoi

ขอบคุณค้าบ