แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เอก... เมื่อ 2012-1-3 13:03
ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกๆปี เมื่อสิ้นสุดปีเก่าและย่างเข้าสู่ปีใหม่ ที่สถาบันต่างๆรวมถึงสำนักข่าวหลายๆที่ มักจัดอันดับแห่งปี เพราะในแต่ะปีมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย และเว็บไซต์ CNN ก็ได้จัดอันดับ 10 ข่าว ที่ได้รับความสนใจ และมีผลกระทบมากที่สุดในรอบปี 2011 มาบอกกัน แต่จะมีข่าวไหนบ้าง ไปดูกันดีกว่า...
1. การสังหาร อุซามะห์ บิน ลาดิน
เช้าตรู่ของวันที่ 2 พฤษภาคม ข่าวของผู้ก่อการร้ายที่ประเทศสหรัฐอเมริกาต้องการตัวมากที่สุดในโลกอย่าง "อุซามะห์ บิน ลาดิน" ผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ ก็สร้างความตื่นตะลึงให้คนทั่วโลก เมื่อประธานาธิบดี บารัก โอบามา ได้แถลงว่า ขณะนี้ บิน ลาดิน ผู้นำกลุ่มอัล-เคด้า ซึ่งเป็นผู้วางแผนก่อวินาศกรรมสะท้านโลกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 ได้เสียชีวิตลงแล้ว หลังจากการที่หน่วยซีลสหรัฐฯ เข้าโจมตีบ้านของ บิน ลาดิน ในแอบบอตทาบัต พร้อมกับเผยภาพเพื่อเป็นหลักฐาน ท่ามกลางการแสดงความยินดีของนานาชาติ
2. เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่น
ในช่วงเย็นของวันที่ 11 มีนาคม เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 9 ริกเตอร์ เขย่าพื้นที่ตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ตามด้วยคลื่นยักษ์สึนามิที่ซัดกระหน่ำ จังหวัดอิวาเตะ จังหวัดมิยางิ จังหวัดฟุกุชิมะ กลืนชีวิตผู้คน บ้านเรือน รถยนต์ทุกสิ่งทุกอย่างราบเป็นหน้ากลอง ในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง นำมาซึ่งความสูญเสียอย่างมากมายมหาศาล นอกจากนี้ ประเทศญี่ปุ่นยังถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤตนิวเคลียร์ ที่เกิดจากการรั่วไหลของกัมมันตรังสี และยังถูก S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ จึงทำให้ปี 2554 กลายเป็นปีที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นถูกซ้ำเติมอย่างหนักที่สุด
3. ปฏิวัติตะวันออกกลาง
หลังจากที่ นายมูฮัมหมัด บูอาซีซี บัณฑิตตกงานชาวตูนิเซีย ได้เผาตัวเองเพื่อประท้วง หลังถูกตำรวจจับข้อหาเปิดแผงลอยขายผลไม้โดยไม่มีใบอนุญาต เมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2533 ส่งผลให้ประชาชนทั่วประเทศตูนิเซีย ลุกขึ้นมาต่อต้านอำนาจรัฐ หรือที่เรียกกันว่า "การปฏิวัติดอกมะลิ" จนประธานาธิบดี ไซเน เอล อาบิดีน เบน อาลี ต้องหนีออกนอกประเทศ นั่นเป็นชนวนทำให้เกิดกระแสการปฏิวัติตะวันออกกลาง โดยลุกลามไปยังประเทศเยเมน ซูดาน จอร์แดน อียิปต์ และในที่สุดว่าก็ไปถึงลิเบีย ซึ่งถือว่ารุนแรงจนเสียเลือดเสียเนื้อมาก เนื่องจากประชาชนนับล้านลุกฮือขับไล่ พ.อ.มุอัมมาร์ กัดดาฟี จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง
4. แกเบรียล กิฟฟอร์ดส์ ส.ส.สหรัฐอเมริกา ถูกลอบสังหาร แต่รอดตาย
เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม เกิดเหตุการณ์ที่ส้รางความตื่นตระหนกตกใจกับชาวอเมริกันเป็นอย่างมาก หลัง นายจาเร็ด เลาห์เนอร์ วัย 22 ปี ยิงปืนกราดใส่ฝูงชน โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ นางแกเบรียล กิฟฟอร์ดส์ (Gabrielle Giffords) สมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐฯ จากรัฐแอริโซนา ซึ่งเดินทางมาพบประชาชนในเขตเลือกตั้งเมืองทูซอน โดยนางกิฟฟอร์ดส์ ถูกยิงเข้าที่ศีรษะอาการสาหัสเอาการ แต่สุดท้ายก็พ้นขีดอันตราย ทั้งนี้ แรงจูงใจในการก่อเหตุของ นายเลาห์เนอร์ น่าจะเิกดอาการทางจิต รวมถึงความเกี่ยวโยงกันกับกลุ่มออนไลน์ที่จัดตั้งเพื่อกลุ่มนิยมผิวขาว และกลุ่มใช้ถ้อยคำต่อต้านคนต่างด้าว
5. สตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งแอปเปิล อิงค์ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง
หลังจากตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งตับอ่อน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 สตีฟ จ็อบส์ หัวเรือใหญ่ของแอปเปิล ก็เข้ารับการรักษาตัวเรื่อยมา แต่เมื่อสุขภาพไม่เอื้ออำนวย ในที่สุด CEO คนดังก็ต้องประกาศลาออกจากตำปหน่งประธานกรรมการบริหารแอปเปิล เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554 แต่หลังจากเขาลาออกได้เพียงเดือนเศษๆ สาวกแอปเปิลทั่วโลกก็ได้รับข่าวสุดช็อก เมื่อในวันที่ 5 ตุลาคม สตีฟ จ็อบส์ CEO ผู้ปราดเปรื่องได้จากโลกนี้ไปด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน ในวัยเพียงแค่ 56 ปีเท่านั้น ท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัยของผู้คนทั่วโลกที่เสียดายในความสามารถของผู้ชายคนนี้
6. ปรากฏการณ์ยึดวอลล์สตรีท
ช่วงปลายเดือนสิงหาคม ได้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก เมื่อประชาชนหลายหมื่นคนในประเทศสหรัฐอเมริกา ออกมาชุมนุมประท้วงที่ย่านวอลล์สตรีท เพื่อต่อต้านความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม และประณามความโลภของกลุ่มนายทุนรายใหญ่ โดยชูแคมเปญ "Occupy Wall Street" หรือ "ยึดวอลล์สตรีท" โดยพวกเขากล่าวว่า การยึดย่านการเงินของนิวยอร์ก เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ถึงความไม่พอใจต่อสภาพเศรษฐกิจและการเมืองในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี่มีการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก เป็นแรงกระตุ้นในการรณรงค์ชักชวนให้ประชาชนในเมืองใหญ่ๆ ทั่วทุกมุมโลกออกมาแสดงพลังในการเคลื่อนไหวอย่างคึกคักเป็นประวัติการณ์ เพื่อยึดศูนย์กลางการเงินสำคัญๆ ทั่วโลก
7. สหรัฐอเมริกาเผชิญกับภัยพิบัติรุนแรง
ในปี พ.ศ. 2554 เรียกได้ว่าเป็นปีที่สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่สาหัสรุนแรงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่แปรปรวน ฝนตกใหญ่ น้ำท่วมใหญ่ พายุเฮอริเคน พายุหิมะ ทอร์นาโด แถมยังต้องมาพบกับสภาพอากาศที่แล้งจัดอีก ซึ่งภัยพิบัติต่างๆเหล่านี้ สร้างความเสียหา่ยทั้งในด้านทรัพย์สินและชีวิตผู้คนประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก
8. จำนวนคนว่างงานในสหรัฐอเมริกายังสูงลิ่ว
เป็นที่รู้กันดีว่าสหรัฐอเมริกาคือประเทศมหาอำนาจ ที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก แต่ที่นั่นกลับพบปัญหาการว่างงาน ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงถึง 8.6% และอาจฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2011 จนถึงต้นปี 2012 จึงถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก แม้ว่าตัวเลขจ้างงานเงินเดือนพฤศจิกายนจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 12,000 ตำแหน่งแล้วก็ตาม จึงไม่แปลกที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ได้ออกมาแสดงความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
9. สหรัฐอเมริกาสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA
หลังจากที่สถาบันจัดอันดับอย่างสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกาลงเหลือ AA+ จากที่ระดับสูงสุด AAA ในเดือนสิงหาคม นั่นทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกถูกเขย่าอย่างรุนแรงที่สุด อีกทั้งยังฉุดดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงไปกว่า 600 จุด และยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วโลกด้วย ทั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์ ที่สหรัฐอเมริกาถูกลดอันดับเครดิตลงด้วย
10. พระราชพิธีเสกสมรสระหว่าง เจ้าชายวิลเลียม และ เคท มิดเดิลตัน
เรียกว่าเป็นตำนานซินเดอเรลล่าที่สาวๆทั่วโลกใฝ่ฝันและอิจฉา เมื่อเจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ เข้าพิธีเสกสมรสกับ เคท มิดเดิลตัน พระคู่หมั้น อย่างสมพระเกียรติ์ โดยมีสายตาคนทั่วโลกนับล้านๆคู่ จับจ้องผ่านจอโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ตไปทั่วโลก ด้วยความรู้สึกชื่นชมความงดงามของสองพระองค์ และในโอกาสนี้ สมเด็ยพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ของอังกฤษทรงพระราชทานอิสริยยศให้ เคท มิดเดิลตัน เป็น "ดัสเชสแห่งเคมบริดจ์"
และหลังจากเสร็จพระราชพีธีในโบสถ์เวสต์มินสเตอร์ ดยุคแห่งเคมบริดจ์ และดัสเชสแห่งเคมบริดจ์ ก็ไ้ด้ประทับรถม้าพระที่นั่งไปยังพระราชวังบักกิงแฮม เพื่อเสด็จออก ณ สีหบัญชรพระราชวังบักกิงแฮม ทักทายประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จฯ ตามแบบอย่างพระราชบิดาและพระราชมารดา เมื่อ 30 ปีก่อน ก่อนที่เจ้าชายวิลเลียมจะบรรจงจุมพิต "ดัสเชสแห่งเคมบริดจ์" ถึง 2 ครั้ง ท่ามเสียงโห่ร้องยินดีของประชาชนนับแสนที่เฝ้ารอชมพระบารมี
และนี่คือข่าวเด่นรอบปี 2011 ที่ทางเว็บไซต์ CNN จัดอันดับมาฝากกัน...
|