เรื่องของผม ผมเป็นเด็กผิวขาวรูปร่างป้อมๆ ปากแดง หน้าตาอยู่ในเกณฑ์ดี บ้านผมเป็นร้านขายของชำอยู่ติดกับเขตวัดในชนบททั่วไปนั่นแหละ สมัยโน้น ปี 2513 เขตรั้ววัดไม่มีหรอกครับ บ้านกับวัดอยู่ปนกันแต่บ้านผมอยู่ใกล้วัดมากที่สุด เป็นธรรมเนียนในละแวกบ้านผมใครที่จะบวชเป็นพระจะต้องมาเรียนหนังสืออยู่ในวัดไม่น้อยกว่าครึ่งเดือน บางรายที่จำหนังสือคำขอบวชไม่ได้หลวงตาให้อยู่ในวัดเป็นเดือนสองเดือนก็มี และมีธรรมเนียมนิยมปฏิบัติอีกอย่างคือใครมาบวชมักจะนำลูกหลานหรือญาติมาบวชเป็นสามเณรคอยปรนนิบัติพระสงฆ์ ในคราวนั้นมีคนต่างตำบลมาเรียนหนังสือเตรียมตัวบวชและนำหลานชาย อายุ 13 ปี ชื่อพี่สมนึกมาบวชเป็นสามเณร วันนั้นผมกลับจากโรงเรียนก็โรงเรียนวัดอีกนั่นแหละอยู่ห่างจากบ้านไปสัก 200 เมตรเท่านั้น ผมเรียนอยู่ชั้น ป.2 อายุ 8 ปีเอง กลับมาถึงบ้านก็วางกระเป๋าหนังสือ เตรียมที่จะวิ่งไปเล่นกับเพื่อนๆที่สนามโรงเรียน ผมเห็นเด็กวัยรุ่นร่างผอมเกร็นผิวดำ นั่งอยู่ที่โต๊ะขายกาแฟของเตี่ย ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะบ้านผมเป็นที่ค้าขายมีคนแปลกหน้ามาซื้อของทุกวัน เล่นจนเหนื่อยก็ชวนเพื่อนๆทั้งกลุ่มไปอาบน้ำที่ลำห้วย ต้องอาบน้ำให้เรียบร้อยไม่งั้นเตี่ยกับอาม่าด่ากระเจิงแน่ กลับมาถึงบ้านอีกครั้งก็พรบค่ำแล้ว ที่โต๊ะตัวเดิมพี่คนนั้นก็ยังนั่งอยู่ สีหน้าดูเหงาเศร้ายังไงไม่รู้ อาม่าเรียกให้ผมรีบกินข้าวก็แปลกใจเพราะทุกวันที่บ้านผมต้องทานอาหารเย็นพร้อมกัน ทานอาหารเสร็จผมเตรียมทำการบ้าน แต่เตี่ยบอกผมว่า “อาอู๊ดลื้อไปทำการบ้านไปนอนที่วัดโน่น หลวงตาจาให้ไอ้นี่มันมานอนที่นี่ อั๊วบอกไปแล้วว่าให้ลื้อไปนอนที่วัดดีกว่า” ผมจึงทราบความจริงว่าพี่สมนึกนี่ลุงของพี่เค้านำมาบวชเณร เดินหนีออกจากวัดเมื่อตอนเที่ยง ทั้งที่เพิ่งจะมาถึงวัดในตอนเช้านี่เอง พี่สมนึกโดนคนที่มานั่งเล่นในวัดหลอกว่าที่นี่มีผีเยอะมากชอบออกมาหลอกเด็กวัดตอนดึกๆอยู่บ่อยๆ โชคดีที่มีคนเห็นว่ามีเด็กชายตัวผอมๆถือห่อผ้าวิ่งร้องให้มุ่งหน้าไปทางบ้านทุ่ง (บ้านพี่สมนึก) ที่ห่างจากวัดตั้ง 16 กิโลเมตร แต่ไปได้เพียง 3 กิโลเมตรเท่านั้น เจอน้ากำนันปลอบถามได้ความจึงนำตัวมาส่ง ผมทราบเรื่องก็แอบขำอยู่ในใจเพราะผมไม่กลัวผีและไม่เคยโดนผีหลอกด้วย ไปนอนที่วัดก็บ่อย เป็นอันว่าผมต้องไปนอนเป็นเพื่อนพี่สมนึกที่วัด ห่างจากบ้านผม 50 เมตรเอง “ไอ้นึกมึงกินข้าว อาบน้ำแล้วยังหาเรื่องจริงนะมึง กลัวจนขี้ขึ้นสมอง” เสียงพูดห้วนๆของลุงพี่สมนึก ผมเห็นสีหน้าพี่สมนึกแล้วสงสารพี่แกจริงๆ “กินข้าวที่บ้านอาแป๊ะแกแล้ว แต่..” “มึงไปอาบน้ำเลยไปจะได้มาสวดมนต์ไหว้พระ” ลุงพี่สมนึกนี่ดุเสียจนผมยังกลัวเลย “พี่ไปอาบน้ำเหอะผมจะทำการบ้าน” ผมบอกพี่เขาไป สีหน้าพี่สมนึกขณะนี้มันเป็นสีขาวซีด “เออ..เอางี้ผมไปเป็นเพื่อนพี่ที่ท่าน้ำก็ได้” ผมรีบบอกเพราะกลัวการตะคอกของลุง ผมต้องเดินนำหน้าพี่สมนึกและแกเกาะแขนผมซะแน่นมาก ขณะถอดกางเกงสมัยนั้นวัยขนาดนี้ไม่ต้องถามหากางเกงในหรอก พี่แกยังจับแขนผมและกำชับว่าอย่าหนีไปไหน จนผมต้องถอดกางเกงลงไปยืนในน้ำเป็นเพื่อนพี่แก อาบน้ำเสร็จตอนนุ่งกางเกงเนื้อตัวที่เปียกน้ำไม่ต้องเช็ดกันแล้ว ผมเหลือบไปเห็นหนอนน้อยของพี่สมนึก โห..มันตัวอวบอ้วนห้อยยาวโตงเตง แต่หนวดหนอนนี่เห็นไม่ชัดว่าว่ามีหรือไม่เพราะมันมืด คืนนั้นเราสองคนโดนไล่ให้ไปนอนอีกฟากของกุฏิห่างจากที่ลุงพี่สมนึกนอนเกือบ 20 เมตร พี่สมนึกแย่งนอนชิดฝาผนังไม้กระดานให้ผมนอนด้านนอก คืนนี้ผมหลับสนิทตื่นก็ตอนหลวงตาออกบิณฑบาต พี่สมนึกและลุงก็หายไปกันหมด แน่นอนออกไปถือปิ่นโตตามหลังหลวงตา คืนนี้เป็นคืนที่ 5 แล้ว ที่ผมมานอนกับพี่สมนึกตอนนี้เราสนิทกันมากผมเรียกแกว่าพี่นึก และพี่เขาเรียกผมว่าอู๊ด ตอนกลางวันหากว่างพี่นึกยังไปเที่ยวที่โรงเรียน คุณครูวานให้ทำอะไรพี่นึกก็ช่วย เพื่อนๆในละแวกบ้านก็สนิทกับพี่นึกของผมทุกคน ดึกสงัดของเดือนธันวาคม อากาศหนาวตั้งแต่พรบค่ำแล้ว ผมโดนปลุกด้วยความร้อนผ่าวบริเวรร่องก้น พี่นึกกอดตัวผมแน่น จากการขยับตัวพี่นึกคงรู้แล้วว่าผมถูกปลุกให้ตื่นเพราะพี่เขากระซิบว่า “นอนนิ่งๆอย่าเสียงดัง” ผมถาม “มีไรหรือพี่” พี่เขาไม่ตอบแต่จับมือข้างหนึ่งของผมให้ไปจับหนอนน้อยของแก “พี่ปวดฉี่เหลอ..มาผมไปเพื่อน” ผมพูดพร้อมผุดตัวลุกขึ้นนั่ง พี่นึกดึงตัวผมให้นอนลง “พี่บอกว่าให้อู๊ดนอนนิ่งๆอย่าเสียงดัง” ตอนนั้นผมไม่รู้เรื่องใดเลย “อู๊ดจับหนอนพี่หน่อยดิ” พูดพร้อมกับเอามือผมให้ไปกำหนอนของพี่นึก ตอนนี้มันแข็งตัวใหญ่และยาวขึ้นกว่าที่ผมเคยเห็น ด้วยความอยากรู้ประสาเด็ก 8 ขวบ ผมตะแคงตัวหันหน้าเข้าหาพี่นึก ตอนนี้ผ้าขาวม้าเก่าๆที่พี่นึกนุ่งนอนหายไปไหนไม่รู้ ผมจับหนอนน้อยพี่นึกมันยาวเลยกำมือผมอีกและผมกำลำตัวมันไม่รอบด้วย “อยากเห็นตัวจริงมั๊ย” พี่นึกกระซิบข้างหูผม ผมไม่ทันตอบว่าจะดูหรือไม่ ไฟฉายจากมือพี่นึกก็สองให้ผมเห็นหนอนของแกเต็มตา หัวหนอนสีแดง หนังร่นมาอยู่ที่คอ แต่ต้องรีบปิดไฟฉายทั้งๆที่ตอนนั้นเราสองคนคลุมโปงอยู่ในผ้าห่ม (คงกลัวลุงตื่นมาเห็น) พี่นึกจับมือผมที่กำตัวหนอนให้รูดขึ้นลง ด้วยความไม่ประสาผมชักสนุก พี่นึกปล่อยมือผมแล้ว ผมยังใช้มือรูดตัวหนอนขึ้นลงไม่ยอมหยุดมันเป็นความรู้สึกแปลกๆตัวหนอนอุ่นๆแข็งแต่ยังมีความนุ่มมือแฝงอยู่ หัวหนอนของพี่นึกมีน้ำลื่นๆไหลซึมออกมา พี่นึกเอามือมาปลดตะขอกางเกงผมออกพร้อมรูดซิปลงเอามือมาจับหนอนน้อยของผมมันแข็งตัวเหมือนตอนปวดฉี่ “พี่นึกไม่ต้องจับของผม..จั๊กจี้” ผมบอกเบาๆ และติดว่าพี่นึกก็คงจั๊กจี้เหมือนผม ผมจึงปล่อยมือจากหนอนของพี่เขา “กำลังมันส์..หยุดทำไม” “ผมง่วงนอนแล้ว” พี่นึกจับตัวผมให้นอนตะแคงหันหน้าออก กอดตัวผมให้แนบกับตัวพี่นึก ก้นผมอยู่ตรงหัวเหน่าพี่เขาพอดี พี่นึกเอาตัวหนอนที่คายน้ำลื่นๆออกมากจนรู้สึกว่ามันเยิ้มไปทั้งตัวหนอนเลย ผมเอามือไปป้ายมาดมดูกลิ่นมันคาวๆ ที่ร่องก้นผมขณะนี้โดนตัวหนอนของพี่นึกรูดขึ้นลงจนเปียกลื่น จั๊กจี๊อยากจะหัวเราะแต่กลัวลุงตื่น ผมต้องเก็บอาการเอาไว้ พี่นึกใช้นิ้วชี้เขี่ยร่องก้นผมแทนตัวหนอน ควานหาจนเจอรูตูดผมพร้อมใช้นิ้วแหย่กดลงไป ผมสะดุ้งสุดตัว “พี่นึกผมเจ็บ..เล่นบ้าๆ” พี่นึกรวบตัวผมมากอดแน่นกว่าเดิมหอมแก้มผม “อย่าเสียงดัง..เดี๋ยวอู๊ดสนุกกว่านี้อีก” ตอนนี้หนอนน้อยทำหน้าที่แทนนิ้วชี้ เอาหัวเสียดสีครูดขึ้นลงตามร่องก้นผม หัวหนอนเจอรูก้นที่โดนนิ้วแหย่พี่นึกพยายามดันหัวหนอนให้มุดเข้ารูตูดผม เสียงดังปึ๊กที่รูตูดผมความเจ็บจนเกินทนแล่นเข้ามาถึงหัวใจ “พี่เอาออกผมเจ็บ” เสียงผมร้องห้ามที่ดังกว่าทุกครั้ง ปลุกให้ลุงที่นอนคนละมุมพลิกตัวละเมอพึมพำในลำคอก่อนที่จะส่งเสียงกรนต่อ “เห็นมะพี่บอกอย่าเสียงดัง” “พี่ใส่มันไปทำไม ผมเจ็บตูด” “เจ็บนิดเดียว....เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้ว” พี่นึกต่อรองทั้งที่หัวตัวหนอนเสียบคาอยู่ที่รูตูดของผม “พี่เอาออกเจ็บ..ผมไม่มานอนด้วยแล้ว” คำพูดสุดท้ายทำให้พี่นึกหยุดที่จะดันหัวตัวหนอนลงรูตูดผม “พี่เอาออกก็ได้” ความรู้สึกโล่งที่รูตูดเข้ามาแทนความเจ็บ แน่น ร้อน ในทันทีที่พี่นึกเอาหัวหนอนออก เหลือแต่ความโล่งๆและแสบนิดๆ “ “อู๊ดทีนี้ไม่เจ็บแล้วเสียวดีด้วยนะ” พี่นึกกระซิบพร้อมจับตัวผมนอนคว่ำลง พี่นึกขึ้นทับตัวผม กางเกงผมร่อนไปอยู่ที่ข้อเท้าตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่รู้ตัวเลย พี่นึกใช้เข่าทั้ง 2 ข้าง บีบให้ขาของผมแนบชิดกัน ถ่มน้ำลายลงที่ใต้รูก้นผม ปักตัวหนอนที่อวบอ้วน ขนาด 5 นิ้ว ตามลงไปโกงตูดและกดลงสลับกัน เริ่มจากช้าๆมาเป็นเร่งความเร็วขึ้น ผมรู้สึกเสียวที่ตัวหนอนของผมเหมือนปวดฉี่ “พี่นึกผมปวดฉี่” “ทนเอาหน่อยเดี๋ยวค่อยฉี่..จะเสร็จแล้ว” พี่นึกกระซิบที่ซอกหูของผม “ซีดอ้าๆๆๆๆๆๆ...โอซีดๆๆๆๆๆๆๆๆ...เอาะๆๆๆ” ผมได้ยินเสียงพี่นึกกัดฟันร้องคราง บางครั้งกัดติ่งหูผมเบาๆ ผมกลัวว่าพี่นึกจะไม่สบาย ตอนนั้นคิดว่าพี่เขาไข้ขึ้นจนตัวสั่น แต่ความเสียวที่หนอนน้อยของผมก็เพิ่มมากขึ้นทุกที ผมไม่กล้ากระดุกกระดิกตัวเพียงแต่เกร็งสองขาให้บีบแน่นเพื่อให้ร่องก้นบีบกระชับตัวหนอนของพี่นึกให้มากที่สุด “อ้าๆๆซีดๆๆๆๆออกแล้ว” สิ้นเสียงพี่นึกผมรู้สึกมีน้ำอุ่นพุ่งออกมาจากหัวตัวหนอนของพี่นึกเป็นระลอกๆตามแรงกระตุกตัวของมัน น้ำอุ่นๆไหนนองไปถึงหน้าขาของผมเลยที่เดียว พี่นึกกอดตัวผมไว้แน่น หายใจเหนื่อยหอบทับอยู่บนหลังของผมนานจนหนอนน้อยหดตัวลง พี่นึกพลิกตัวลงนอนหงายข้างตัวผม เอาผ้าขาวม้าที่พี่แกนุ่งนอนมาเช็ดน้ำลายหนอนที่เลอะร่องก้นและหน้าขาของผม “เห็นมะ..พี่บอกแล้วไม่เจ็บ” พี่นึกบอกผมพร้อมดึงแก้มผมไปจูบ “ไหนว่าปวดฉี่...ไปไปฉี่กัน” พี่นึกบอกแต่ตอนนี้ผมกลับไม่มีอาการปวดฉี่เลย ผมลองเอามือไปจับที่หนอนผมดูมันมีน้ำลื่นๆเหมือนของพี่นึกแต่ของผมมีน้อยกว่า “พี่ฉี่ใส่ผมใช่มะเมื่อกี้” ผมอดถามไม่ได้ “ไม่ใช่ฉี่เขาเรียกน้ำว่าว” พี่นึกตอบผม “เออ..ลืมไปเช็ดหมดแล้วที่จริงกินได้นะ เป็นวิตามินบำรุงสมองให้เรียนเก่งด้วย...อยากกินมั๊ย” “พี่ทำให้ผมกินเหลอ?” “ไม่อู๊ดต้องดูดเอาเอง...จากตัวหนอนพี่นี่แหละ” พี่นึกพูดพร้อมเอามือผมไปจับตัวหนอนของแก ตอนนี้มันแข็งตัวและยาวขึ้นอีกแล้ว ผมดีใจจังเลยที่จะได้กินวิตามินตัวหนอนจะได้เรียนหนังสือเก่งๆ (อ่านต่อตอนต่อไปนะครับ) |