แผล ในปากที่พูดถึงคือ แผลที่เป็นตุ่มสีขาวหรือสีเหลืองที่เกิดบริเวณกระพุ้งแก้ม เหงือกหรือลิ้น ที่เรามักเรียกว่าแผลร้อน ในนั่นเอง
ปัจจุบัน ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดแผลในปาก แต่ดูเหมือนปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้เกิดแผลดังกล่าวก็คือ ความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอซึ่งอาจจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันมีปฏิกิริยาไวต่อเชื้อแบคทีเรียในปากมากเกิน ไป
แผลในปากพวกนี้มัก สร้างความทรมานปวดแสบปวดร้อนให้เราได้ในเวลาดื่มหรือกินอาหาร โดยทั่วไปแล้วแผลเหล่านี้จะหายไปเองได้ภายใน 2 อาทิตย์ แต่ระหว่างนั้นเชื่อว่าท่านที่เคยเป็นคงกินอะไรไม่อร่อยหรือจะพูดจะจาแต่ละคำก็ทรมานน่าดู
ตัวผมเองก็เคยเป็นแผลในปากบ่อยมาก ตกเดือนละ 1-2 ครั้ง เป็นทีหนึ่งก็7-10 วันกว่าจะหาย สร้างความทรมานให้กับการกินการพูดพอสมควรทีเดียวแหละตอนหลังก็ค่อยสังเกตได้ว่า อะไรที่ทำให้ไม่ค่อยเป็นแผลในปากและอะไรที่ช่วยทำให้แผลที่เป็นหายเร็วขึ้น
เท่าที่สังเกตดู ช่วงที่ใช้ยาสีฟัน ที่มีส่วนผสมของเกลือจะไม่ค่อยเป็นแผลในปากเลย จนตอนหลังแม้ไม่ใช้ยาสีฟันดังกล่าว แต่บ้วนปากด้วยน้ำเกลือที่ผสมเองเป็นประจำหลังอาหารและก่อนนอน ก็ยังได้ผลดี
อีกอย่างก็คือ หลังจากกินวิตามินซีและวิตามินบีรวมเป็นประจำก็ไม่ค่อยเกิดแผลดังกล่าว จนกระทั่งช่วงที่หยุดกินวิตามินและไม่บ้วนปากด้วยน้ำเกลือแผลในปากจึงกลับมาเป็นบ่อยขึ้น
คราว นี้มาดูวิธีที่ช่วยทำให้แผลที่เป็นแล้วหายเร็วขึ้นซึ่งค้นพบโดยบังเอิญเช่นกัน คือก่อนที่จะเป็นแผลในปาก ได้ไปหาหมอด้วยอาการเจ็บคอและได้ยาพ่นคอที่เป็นพวกสมุนไพรมาด้วย เลยลองใช้ยานั้นพ่นที่แผลในปากดูทนแสบนิดหน่อย แต่แผลหายเร็วมากภายใน 3-4 วันเอง
ตอนหลังเลยลองใช้สเปร์ พ่นดับกลิ่นปากยี่ห้อหนึ่งที่มีส่วนผสมสมุนไพรพ่นแทนก็ได้ผลดีเช่นกัน ทั้งนี้ควรทำตั้งแต่เริ่มเป็น อย่าปล่อยไว้หลายวันจนแผลมีขนาดใหญ่
หวังว่าประสบการณ์ตรงของผมที่ค้นพบ วิธีดังกล่าวโดยบังเอิญจะช่วยลดความทรมานและโอกาสเกิดแผลในปากของท่านได้นะครับ
หมาย เหตุ -ปัจจัยอื่นนอกจากความเครียดและการพักผ่อนไม่พอที่ทำให้เกิดแผลในปากคือ
>การที่กระพุ้งแก้มหรือลิ้นโดนฟันขบเอาเหงือกโดนแปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็งเกินไป การกินอาหารที่ร้อนจัดเผ็ดจัดและอาหารพวกสัปปะรด มันฝรั่งทอดกรอบ ช็อกโกแล็ต ซินนาม่อน และถั่ว เป็นต้น
> การแพ้อาหารที่มีส่วนผสมของสารกันบูด เช่น benzoicacid, sorbic acid หรือ glutenซึ่งเป็นโปรตีนที่พบในข้าวสาลีและธัญพืชอื่น
> การขาดวิตามินดี วิตามินบี12 ธาตุเหล็ก กรดโฟลิกและกรดอะมิโน ไลซีน
> การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การมีประจำเดือน
> สารก่อให้เกิดฟองในยาสีฟัน (SLS)
> เชื้อไวรัสบางชนิด เช่น เริม (Herpes simplex) - การป้องกันการเกิดแผลในปาก
>งดหรือลดอาหารที่ กินแล้วมักเกิดแผลในปาก
> รักษาความสะอาดใน ช่องปากด้วยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ - ควรพบแพทย์เมื่อ
> แผลเจ็บมากจนดื่มน้ำแทบไม่ได้
> เกิดแผลในปากมากกว่า 4 แผล
> ถ้าเป็นแผลนานเกินกว่า 2 อาทิตย์
> ถ้ามีไข้ 101°ฟาเรนไฮน์หรือสูงกว่า ร่วมด้วย
> ถ้าแผลในปากเกิดจากลวดดัดฟันหรือฟันที่บิ่นหรือคม ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก
Wholehealthmd.com
Wikipedia.org |