เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ
รายงานความคืบหน้าล่าสุดเหตุ วิทนีย์ ฮูสตัน เสียชีวิตว่า ตำรวจเผยการเสียชีวิตของวิทนีย์ น่าจะมาจากการดื่มแอลกอฮอล์พร้อมกับทานยาคลายเครียดเกินขนาด ก่อนจะจมน้ำในอ่างน้ำเสียชีวิต ส่วนทางด้านลูกสาวนักร้องดังทำใจไม่ได้ ดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักและถูกหามส่งโรงพยาบาลถึง 2 ครั้งหลังการเสียชีวิตของแม่ ขณะที่ บ็อบบี่ บราวน์ อดีตสามีถึงกับร่ำไห้ไม่หยุดกลางงานคอนเสิร์ต
รายงานระบุว่า จากการเสียชีวิตปริศนาคาห้องพักของ วิทนีย์ ฮูสตัน เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า น่าจะมาจากการที่นักร้องดังทานยาคลายเครียด Xanax เกินขนาด ร่วมกับแอลกอฮอล์ ก่อนลงไปนอนแช่ในอ่างอาบน้ำ ซึ่งยาตัวนี้อาจทำปฏิกิริยาร่วมกับแอลกอฮอล์ให้มีฤทธิ์กดประสาทอย่างหนัก และทำให้นักร้องดังง่วงนอนขณะอาบน้ำ และเสียชีวิตโดยไม่รู้ตัวในที่สุด ขณะที่ตำรวจไม่พบสารเสพติดในห้องพักแต่อย่างใด
จากการสอบถามไปยังเพื่อนหลาย ๆ คนของวิทนีย์ ฮูสตัน ได้ความว่า วิทนีย์ ฮูสตัน เคยทานยา Xanax บ่อยครั้ง ก่อนที่จะขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ ๆ เพื่อลดความเครียดและเธออ้างว่ามันทำให้เธอแสดงคอนเสิร์ตได้ดีขึ้น ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่การทานยาชนิดนี้เกินขนาด บวกกับการดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักจากงานปาร์ตี้ในคืนนั้น จะทำให้เธอง่วงนอนและหมดสติ จนจมน้ำไม่รู้ตัวอย่างที่เป็น
อย่างไรก็ดี การชันสูตรศพอย่างละเอียดจะมีขึ้นในวันนี้ (13 ก.พ.) ท่ามกลางการรอคอยของคนทั่วโลกที่กำลังรอให้ปริศนาการเสียชีวิตของนักร้องดังคลี่คลาย ซึ่งคาดว่าแพทย์ผู้ชันสูตรจะเปิดเผยสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงออกมาภายใน 6-8 สัปดาห์ข้างหน้านี้
ทั้งนี้ การเสียชีวิตของ วิทนีย์ ฮูสตัน ได้นำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัว เพื่อนร่วมวงการและแฟนเพลงทั่วโลก โดยเฉพาะกับ บ็อบบี้ คริสติน่า ลูกสาววัย 18 ปีของนักร้องดัง ดูจะเป็นผู้ที่เสียใจมากที่สุดจากการจากไปของผู้เป็นแม่ โดยจากรายงานระบุว่า นับตังแต่คริสติน่ารู้ข่าวการเสียชีวิตของแม่เมื่อวานนี้ เธอก็ร้องไห้ไม่หยุด และดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่องเพราะทำใจไม่ได้กับการจากไปอย่างกะทันหัน จนถูกหามส่งโรงพยาบาลถึง 2 ครั้งจากภาวะเครียดอย่างหนัก โดยครั้งแรก คือในช่วงที่เพิ่งทราบข่าวการจากไปของแม่ใหม่ ๆ และครั้งที่สอง คือช่วงสายของวันรุ่งขึ้น (12 กุมภาพันธ์)
ส่วนทางด้าน บ็อบบี่ บราวน์ นักร้องผิวสีอดีตสามีวัย 43 ปีของ วิทนีย์ ฮูสตัน และเป็นพ่อของ บ็อบบี้ คริสติน่า นั้น ก็เสียใจไม่แพ้กัน โดยมีรายงานว่า นักร้องหนุ่มทราบข่าวการเสียชีวิตของวิทนีย์ในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนขึ้นคอนเสิร์ต และหลังจากทราบข่าวแล้ว ก็มีท่าทีเศร้ามาก จนกระทั่งเมื่อขึ้นแสดงคอนเสิร์ต บ็อบบี้ บราวน์ ก็เก็บน้ำตาไม่ไหว น้ำตาไหลกลางคอนเสิร์ต และได้ตะโกนออกมาก่อนจบคอนเสิร์ตว่า "ผมรักคุณ วิทนีย์" พร้อมกับส่งจูบขึ้นบนฟ้าด้วย และหลังจากนั้น บ็อบบี้ บราวน์ ก็ได้ออกมาเปิดเผยต่อว่า "ผมเสียใจมากกับการจากไปของวิทนีย์อดีตภรรยาของผม ตอนนี้ ผมขอความเป็นส่วนตัวกับครอบครัวผมและครอบครัวเธอด้วย โดยเฉพาะบ็อบบี้ คริสติน่า ลูกสาวของผม และผมขอขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับการแสดงความเสียใจและกำลังของทุก ๆ คนที่จะทำให้ผมผ่านช่วงเวลาอันแสนยากลำบากนี้ไปได้"
ทั้งนี้ บ็อบบี้ บราวน์ ได้พบรักกับ วิทนีย์ ฮูสตัน ในงานโซลเทรนมิวสิคอวอร์ดเมื่อปี 1989 และแต่งงานกันเมื่อปี 1992 ก่อนจะหย่าขาดจากกันในปี 2007 โดยทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน คือ บ็อบบี้ คริสติน่า
ส่วนยา Xanax ที่คาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของนักร้องดังนั้น เป็นยาที่ออกฤทธิ์กล่อมประสาทส่วนกลาง ใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยที่มีอาการวิตกกังวล และเครียด ซึ่งไม่ใช่ยาที่ผิดกฎหมาย แต่มีขายตามร้านขายยาทั่วไปที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการแล้ว และต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ด้วย หากใช้ติดต่อกันอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทั้งร่างกายและจิตใจ
Whitney Houston
เปิดประวัติ วิทนีย์ ฮูสตัน
หลังจากข่าวการเสียชีวิตของนักร้องดัง วิทนีย์ ฮูสตัน ถูกเปิดเผยขึ้นและได้รับการเผยแพร่ต่อไปอย่างรวดเร็วเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้คนทั่วโลก ไม่เฉพาะแค่แฟนเพลงของเธอเท่านั้น ต่างรู้สึกใจหายกับการจากไปอย่างกะทันหันของนักร้องดังในครั้งนี้ ขณะที่หลายคนถึงกับร่ำไห้ออกมาเลยทีเดียว และเพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อการจากไปของวิทนีย์ ฮูสตัน วันนี้กระปุกดอทคอมขอเปิดประวัติ ย้อนรำลึกถึงชีวิตบนเส้นทางบันเทิงของเธอนับตั้งแต่เข้าวงการจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
วิทนีย์ ฮูสตัน เกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1963 ในครอบครัวของนักร้องเพลงโซลในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ชีวิตของเธอเรียกว่าคุ้นเคยอยู่กับการร้องเพลงตั้งแต่เด็ก
เพราะทั้งคุณแม่ของเธอ "นางซิซซี่ ฮูสตัน" และญาติ อาทิ ดีออน วอร์วิค และ ดีดี้ วอร์วิค ก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักร้องด้วยกันทั้งสิ้น และยังรวมไปถึง อะเรธ่า แฟรงกลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในนักร้องหญิงระดับตำนานคนหนึ่ง ที่เคยได้รับรางวัลทั้งรางวัลเอ็มมี่ อวอร์ด รางวัล แรมมี่ อวอร์ด และรางวัล บิลบอร์ด มิวสิค อวอร์ด ก็ไม่ใช่คนไกลตัวที่ไหน เป็นแม่บุญธรรมของวิทนีย์ ฮูสตัน นั่นเอง
ในสมัยที่ยังเป็นเด็ก วิทนีย์ ฮูสตัน เริ่มร้องเพลงครั้งแรกในโบสถ์ และเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เธอก็เป็นนักร้องแบ็คอัพให้กับ ชาก้า คาน (Chaka Khan) เจอร์เมน แจ็คสัน (Jermaine Jackson) รวมไปถึงนักร้องคนอื่น ๆ อีก ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่ ไคลฟ์ เดวิส (Clive Davis) เจ้าพ่อของวงการเพลง ได้ยินเสียงของเธอเป็นครั้งแรก จนเขาถึงกับกล่าวว่า ครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงของเธอตอนที่เธอร้องเพลงในคลับ เขารู้สึกตะลึงงันไปเลย และจากการพบกันในครั้งนั้น เขาก็ได้ทาบทามให้วิทนีย์ ฮูสตัน เซ็นสัญญาเป็นนักร้องในสังกัดในที่สุด
หลังจากตกลงเซ็นสัญญาแล้ว วิทนีย์ ฮูสตัน ได้ออกอัลบั้มแรกในปี 1985 ในชื่ออัลบั้ม "Whitney Houston" ซึ่งมียอดขายหลายล้านแผ่นและมีเพลงฮิตอยู่มากมาย อาทิเพลง
"Saving All My Love for You" ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลแกรมมี่ อวอร์ด เป็นครั้งแรก ในสาขานักร้องป็อปหญิงยอดเยี่ยม ตามมาด้วยเพลงฮิตมากมายอย่าง "How Will I Know," "You Give Good Love" และ "The Greatest Love of All" และในปี 1987 อัลบั้มที่สองอย่าง "Whitney" ก็วางแผง และมีเพลงฮิตมากมาย อาทิ "Where Do Broken Hearts Go" และ "I Wanna Dance With Somebody."
และเพียง 2 ปีหลังจากนั้น ในปี 1987 เธอก็ได้คลอดอัลบั้มที่สองออกมาชื่ออัลบั้มว่า "Whitney" และแน่นอนว่า เธอยังคงได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม
ทั้งนี้ การที่เธอไม่เดินตามรอยการร้องเพลงโซลแบบที่ แฟลงกิน แม่บุญธรรมของเธอทำ ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในหมู่คนที่คิดว่า เธอได้หลงลืมความเป็นคนดำเพื่อที่จะร้องเพลงป๊อปมากขึ้น และพยายามเข้าถึงกลุ่มคนฟังเพลงผิวขาว ซึ่งเหตุการณ์การวิพากษ์วิจารณ์ที่ค่อนข้างจะรุนแรงที่สุด เห็นจะเป็นเหตุการณ์ในงานโซลเทรนมิวสิคอวอร์ด ปี 1989 ที่มีคนโห่ร้องถากถางเธอมากมาย แต่ในงานนี้เอง ที่ทำให้เธอได้โคจรมาพบกับ บ็อบบี้ บราวน์ อดีตสมาชิกวง New Edition และนักร้องเพลงโซล ซึ่งกลายมาเป็นแฟนหนุ่มของเธอในเวลาต่อมา และระหว่างนี้เองที่เธอได้ทำเพลงออกมาเป็นอัลบั้มที่ 3 นั่นคือ I'm Your Baby Tonight
หลังจากคบหากันได้ 3 ปี ในปี 1992 วิทนีย์ ฮูสตัน ก็ได้แต่งงานกับ บ็อบบี้ บราวน์ ซึ่งการแต่งงานของเธอครั้งนี้ ก็ยังคงไม่พ้นถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า การที่วิทนีย์แต่งงานกับบ็อบบี้ ก็เพื่อที่จะลดเเรงเสียดทานของนักวิจารณ์ในเรื่องที่เธอร้องเพลงป็อป ซึ่งดูเหมือนคู่นี้ จะเป็นคู่ที่แปลกอยู่พอสมควร เพราะวิทนีย์ ถูกมองในฐานะของเจ้าหญิงเพลงป็อป ในขณะที่บ็อบบี้ กลับมีภาพลักษณ์แบบแบดบอย
จากนั้น ในปี 1993 ทั้งสองก็มีลูกสาวด้วยกัน ชื่อว่า บ็อบบี้ คริสติน่า ขณะที่ในช่วงเวลานั้น บ็อบบี้ถูกตำรวจจับกุมหลายครั้ง ซึ่งมีตั้งแต่คดีเมาแล้วขับ ไปจนถึงการที่ไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูลูก
ในปี 1992 วิทนีย์รับงานแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Bodyguard และแม้ว่าจะมีคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ แต่ว่า เควิน คอสเนอร์ นักแสดงฮอลลีวูด ได้ออกมาบอกว่า การแสดงของเธอประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว อย่างเพลง "I Will Always Love You" ก็กลายมาเป็นเพลงฮิตอมตะติดอยู่ในชาร์ตนานหลายสัปดาห์ และทำให้เธอได้รับรางวัลแกรมมี่อวอร์ด สาขาเพลงแห่งปี และสาขานักร้องเพลงป็อบหญิงยอดเยี่ยม และในปี 1995-1996 วิทนีย์กลับมารับงานแสดงอีกครั้งหนึ่งกับเรื่อง "Waiting to Exhale" และ "The Preacher's Wife." และภาพยนตร์ทั้งสองเรื่อง ก็ทำให้เธอได้ออกอัลบั้ม ที่มีชื่อว่า "My Love Is Your Love" ในปี 1998 เธอได้รับรางวัลแกรมมี่ อวอร์ด ในสาขา นักร้องหญิงอาร์เเอนด์บียอดเยี่ยมจากเพลง "It's Not Right But It's Okay." และหลังจากนั้นเธอก็ได้ทำงานเพลงออกมาอีก 2 อั้มบั้มในเวลาไล่เลี่ยกัน คือ Just Whitney ในปี 2002 และ One Wish: The Holiday Album ในปี 2003 ก่อนจะเว้นช่วงนานถึง 6 ปี ในการทำงานเพลงอัลบั้มสุดท้ายออกมา นั่นคือ I Look To You ในปี 2009 ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จ มีเพลงติดชาร์ตมากมาย รวมถึงได้เเผ่นเสียงทองคำ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวิทนีย์จะประสบความสำเร็จด้านอาชีพ แต่ชีวิตส่วนตัวของเธอนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยโสภาเท่าไรนัก ทั้งเรื่องความรักและยาเสพติด โดยหลังจากที่เธอแต่งงานกับ บ็อบบี่ บราวน์ แล้ว ก็มีคดีบ็อบบี้ บราวน์ ทำร้ายร่างกายเธอเมื่อปี 1993 และในปี 2007 ชีวิตรักของเธอเป็นอันต้องสิ้นสุดลง เมื่อเธอตัดสินใจแยกทางกับบ็อบบี้ บราวน์ ในที่สุด
ส่วนเรื่องยาเสพติดนั้น เธอให้สัมภาษณ์ในรายการของ โอปรา วินฟรีย์ เมื่อปี 2010 ว่า ในระหว่างที่มีการฉายภาพยนตร์เรื่อง The Preacher's Wife เธอติดยาเสพติดงอมแงม โดยหลังจากที่ทำงานเสร็จ ตลอดระยะเวลา 1-2 ปีนั้น เธอใช้ยาทุกวัน แต่เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกดีกับช่วงเวลานั้น เหมือนกับเธอกำลังสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง และจากการติดยาเสพติดนี้เองที่ทำให้เธอต้องเข้ารับการบำบัดผู้ติดยาเสพติดถึง 2 ครั้ง ก่อนที่เธอจะสามารถเลิกยาเสพติดได้เป็นผลสำเร็จ
ทั้งนี้ แม้ว่าวิทนีย์จะมีข่าวฉาวเรื่องยาเสพติดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังคงเป็นศิลปินในดวงใจของใครหลาย ๆ คน และด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะทรงพลังและเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เธอได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย จนกินเนสส์บุ๊คยกย่องให้เป็นนักร้องหญิงที่ได้รับรางวัลมากที่สุดตลอดช่วงชีวิตการเป็นน้กร้อง โดยรางวัลที่สำคัญ ๆ ได้แก่ รางวัลจากเอมมี่อวอร์ด 2 รางวัน รางวัลจากแกรมมี่อวอร์ด 6 รางวัล รางวัลงานเพลงจากบิลบอร์ด 30 รางวัล รางวัลงานเพลงจากอเมริกันมิวสิคอวอร์ด 22 รางวัล เป็นต้น
แต่ใครเลยจะไปคาดคิดว่า จู่ ๆ วิทนีย์ ฮูสตัน จะมาจบชีวิตลงอย่างกะทันหัน ขณะที่งานเพลงของเธอยังคงถูกเปิดฟังนับครั้งไม่ถ้วน
โดยในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ท่ผ่านมา วิทนีย์ถูกพบเสียชีวิตในโรงแรมเบเวอร์ลีฮิลตัน แคลิฟอร์เนีย ขณะกำลังอยู่ระหว่างพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวร่วมงานแกรมมี่อวอร์ดในวันรุ่งขึ้น นับเป็นข่าวที่ช็อควงการดนตรีเป็นอย่างมาก จนงานแกรมมี่อวอร์ดนั้นถูกเปลี่ยนเป็นงานไว้อาลัยวิทนีย์ ฮูสตัน เลยทีเดียว
[12 กุมภาพันธ์] ช็อก! วิทนีย์ ฮูสตัน นักร้องดังระดับโลกเสียชีวิตแล้ว