เสียงโทรทัศน์ดังเนืองๆ ขณะที่หลอดฟลูออเรสเซนต์กำลังแผ่รังสีสีขาวให้ห้องที่มืดมิดสว่างไสวจนมองเห็นทุกสิ่ง สองสายตาจากคนสองคนทอดมองไปยังกรอบสี่เหลี่ยมซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทว่าเสียงแปลกปลอมก็ดังแทรกขึ้น เจ้าของร่างบอบบางจึงต้องขยับตัวเล็กน้อยเพื่อยื่นตัวไปหยิบโทรศัพท์เครื่องสีชมพู เมื่อเห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏชื่อของใครก็ต้องฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ มือเล็กกดปุ่มรับสายก่อนจะกรอกเสียงสดใส
“สวัสดีค่ะพี่ทงเฮ”
ตามด้วยเสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข ใบหน้าหวานน่ารักแต้มรอยยิ้มเจิดจ้า เรียกให้หน่วยตาคมซึ่งย้ายมาจับภาพร่างน่าทะนุถนอมตั้งแต่เสียงโทรศัพท์ดังยิ่งจดจ้องไปที่หน้าเรียวด้วยนัยน์ตาคมกล้า ชายหนุ่มจ้องเขม็งไปที่หญิงร่างเล็กข้างตัวอย่างใคร่รู้ว่าคู่สนทนาเป็นใคร ความรู้สึกในใจเริ่มคุกรุ่นเพราะให้คิดกี่ตลบ...
ชื่อ ‘ทงเฮ’ ก็เป็นชื่อของผู้ชาย
เขาขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ กระนั้นก็ยังพยายามฟังต่อไปว่าหญิงสาวจะพูดคุยกับอีกฝ่ายว่าอย่างไร
“แหม พี่ทงเฮอ่ะ คิดถึงใช่ไหมล่ะ คิคิ”
เสียงสดใสของผู้หญิงตัวเล็กพาให้ความขุ่นเคืองยิ่งถาโถมมากขึ้น เจ้าของหน้าหล่อซึ่งอายุมากกว่าเม้มปากแน่น มือหนากำหนักขึ้นอย่างไม่พอใจ และเมื่อได้ยินประโยคต่อไปความรู้สึกที่ประทุอยู่ในใจก็ยิ่งพุ่งพรวด
“จูรู้น่าว่าพี่ทงเฮรักมาก”
ใบหน้าหวานเจือยิ้มมากขึ้นกับคำพูดถูกใจของตัวเอง ซึ่งมันก็ทำให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เริ่มทนไม่ไหว มือใหญ่ยื่นออกไปคว้าโทรศัพท์เครื่องชมพูในมือนิ่มออกก่อนจะแนบเข้ากับหู
[[จูอย่าพูดตรงๆ แบบนี้สิ พี่เขินเหมือนกันนะ]]
เสียงห้าวติดหวานก้องอยู่ในหูของคนที่ไม่ใช่คู่สนทนาตั้งแต่ต้น เรียกความหงุดหงิดของร่างสูงให้กรุ่นกว่าเดิม มือหนากดตัดสายทิ้งทันที
“โอป้า!!!”
คนถูกเรียกว่าโอป้าเก็บโทรศัพท์ในมือเข้ากระเป๋ากางเกงของตน จากนั้นกดรีโมตที่วางอยู่ข้างตัวเพื่อปิดโทรทัศน์ซึ่งกำลังสร้างความรำคาญให้เขา ก่อนจะหันหน้าไปเผชิญกับสาวร่างเล็กด้วยหน้าที่เรียบตึง
“มันเป็นใคร”
เสียงเข้มบ่งบอกให้รู้ว่าชายหนุ่มไม่พอใจ พาให้หน้าสวยต้องก้มลงเล็กน้อย เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่เธอถูกนัยน์ตาคมมองด้วยประกายแข็งกร้าวเช่นนี้
เธอรู้... พี่ชายกำลังโกรธ
“ได้ยินที่พี่ถามรึเปล่า ตอบมา”
นับครั้งได้ที่เขาอารมณ์ร้ายแบบนี้ และทุกครั้งมันก็เป็นเพราะมีผู้ชายเข้ามายุ่งกับมินจูของเขา ซึ่งเขาไม่มีวันปล่อยมันไปง่ายๆ
“พี่ทงเฮ.. เป็นพี่ชายของเพื่อนฉัน”
“แล้วมันโทรมาหาเธอทำไม มายุ่งกับเธอทำไม”
“ก็..”
สาวน้อยเม้มปากนิดๆ ตอบกลับไปเพียงเท่านั้น และขณะที่เธอกำลังอ้าปากเพื่ออธิบายต่อ เสียงทุ้มก็แทรกขึ้นอย่างรู้คำตอบดีอยู่แล้ว
“อย่ายุ่งกับมันอีก”
ออกคำสั่งเสร็จ ร่างสูงก็ดันตัวขึ้นจากโซฟาและเตรียมเดินกลับห้องนอนของตนเอง ทว่าเสียงหวานใสก็ดังขึ้นขัดขายาวซึ่งกำลังก้าวออก
“พี่คิบอม!”
“พี่ไม่ชอบมัน เธอก็ห้ามยุ่งกับมัน”
“แล้วโทรศัพท์ของฉัน..”
คำอุทธรณ์ของน้องสาวเรียกให้ใบหน้าหล่อเหลาต้องก้มลงมองกระเป๋ากางเกงของตนซึ่งถูกใช้เป็นที่ซุกซ่อนสิ่งที่ถูกถามถึง กระนั้นคิบอมก็ตอบเสียงเข้ม
“พี่จะคืนพรุ่งนี้เช้า”
“แต่..”
ไม่ฟังคำพูดของน้องสาว ชายหนุ่มย่างเท้าออกจากโซนนั่งเล่นไปยังห้องนอนของตนเอง เขาปิดประตูเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง ใคร่ครวญถึงประโยคสนทนาของน้องสาวกับคนแปลกหน้าแล้วก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นอีก
เขาดูแลน้องสาวเพียงลำพังมาสามปีเต็ม ตั้งแต่เขาเข้ามหาวิทยาลัยและพ่อแม่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ทั้งดูแลและทะนุถนอมเธอ เพราะเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวและเป็นคนที่เขารักที่สุด เพราะฉะนั้น.. เขาไม่มีวันให้หมาตัวไหนมายุ่งกับน้องสาวของเขาเด็ดขาด
มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง กดดูเบอร์โทรเข้าครั้งสุดท้ายแล้วก็ยิ่งต้องกัดกรามแน่นด้วยความโรกธแค้นที่พวยพุ่ง
พี่ทงเฮ ~♥
คิบอมกดโทรออกไปยังเบอร์ที่ขึ้นหราอยู่หน้าจอด้วยอารมณ์คุกรุ่น และเมื่อปลายสายรับสายอย่างรวดเร็วความรู้สึกในใจก็ยิ่งเดือดพล่าน
[[จู!!]]
“ฉันไม่ใช่มินจู”
ร่างสูงกรอกเสียงเข้มดุลงไปอย่างไร้ความสนใจคู่สนทนาที่ส่งน้ำเสียงมาอย่างตื่นเต้น พาเสียงในโทรศัพท์ซึ่งตอบรับมาดังคล้ายตกใจอย่างมาก ก่อนจะหลุดเสียงผะแผ่ว
[[อ๊ะ คุณ...]]
“อย่าโทรหาน้องสาวฉันอีก”
[[ทำ...]]
สิ้นเสียงทุ้ม มือหนาก็กดปุ่มวางสายทันที ไม่ฟังคำขาดของปลายสายแม้แต่น้อย
คิบอมลบเบอร์ซึ่งถูกบันทึกด้วยชื่อที่เขาไม่พอใจ ปิดเครื่อง และถอดแบตเตอร์รี่ออกจากโทรศัพท์ของน้องสาว จากนั้นวางลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง
“ไม่ว่าแกจะเป็นใคร อย่าฝันว่าจะพรากน้องสาวไปจากฉันได้เลย”
.
.
หลังจากกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว คิบอมก็ยกแล็ปท็อปในห้องนอนของตนออกมาที่โซนนั่งเล่นของคอนโดที่เขาอาศัยอยู่กับน้องสาวเพียงสองคน เขามีรายงานที่ต้องทำ แต่ก็อยากรอให้น้องสาวกลับมาจากโรงเรียนด้วย จึงออกมานั่งรอตรงนี้เช่นเดียวกับทุกวัน
มือหนานวดคลึงบริเวณดั้งจมูกซึ่งถูกกดทับด้วยแว่นกรอบหนาสีดำซึ่งเขามักจะสวมทุกครั้งที่ต้องจดจ้องกับตัวหนังสือ จากนั้นร่างสูงก็ฉุดตัวลุกขึ้นจากพื้นที่นั่งอยู่ไปยังโซนทำครัวซึ่งอยู่อีกด้าน เปิดตู้เย็นและหยิบขวดน้ำเปล่าออกมาเทใส่แก้วแล้วดื่ม ทว่าดื่มไปได้เพียงอึกเดียวก็ต้องหยุดมือค้างไว้และเพ่งสายตาไปยังประตูห้อง
“พี่ทงเฮเข้ามาเถอะน่า ไม่เป็นไรหรอก”
เสียงใสๆ ของเจ้าของห้องอีกคนดังมาพร้อมเจ้าตัวที่ควงแขนกับชายหนุ่มร่างเพรียวระหงซึ่งสูงกว่าเธอไม่มากนัก หนำซ้ำมือข้างที่ควงกันยังจับกันแน่น
แก้วทรงสูงใบใสซึ่งมีเม็ดเหงื่อปรากฏอยู่รอบตัวเล็กน้อยถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ ขายาวสาวเร็วไปยังร่างของน้องสาวและชายหนุ่มคนนั้น ซึ่งทันทีที่ไปหยุดอยู่ต่อหน้าของคนมาใหม่ทั้งสองแล้ว มือหนาก็จับมือซึ่งกุมกันไว้แยกออกอย่างรุนแรง
“แกเป็นใคร กล้าดียังไงมาจับมือน้องสาวฉัน”
นัยน์ตาคมสีเข้มจ้องเขม็งไปยังชายหนุ่มที่น้องสาวพามา เขาไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะไม่มีผู้ชายคนไหนที่มายุ่งเกี่ยวกับน้องสาวเขาแล้วเขาจะได้เห็นหน้ามันเป็นครั้งที่สอง แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะหน้าหวานจนคล้ายผู้หญิงไปสักหน่อย แต่ถ้ามี ‘ไอ้นั่น’ ตั้งแต่เกิด เขาก็ไม่มีทางยอมให้มันมายุ่งกับน้องของเขาแน่
“อ้อ นี่พี่ทงเฮที่โทรมาหาฉันเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้วถูกพี่ตัดสายทิ้งหน้าตาเฉย” แทนที่จะเป็นคนถูกถามตอบ กลับกลายเป็นเสียงใสๆ ของมินจูที่แสดงท่าทางกระตือรือร้นอยากแนะนำให้คนทั้งคู่รู้จักกัน “พี่ทงเฮคะ นี่พี่คิบอม พี่ชายสุดหล่อและหวงน้องสาวสุดๆ ของจูค่ะ”
แนะนำพี่ชายทั้งสองคนให้รู้จักกันแล้วก็ยิ้มระรื่น ก่อนจะจูงมือของคนที่มาเยือนห้องของตัวเองเป็นครั้งแรกให้เดินเข้าไปนั่งที่โซฟาของโซนนั่งเล่น
“จู!!”
เสียงทุ้มตวาดอย่างไม่พอใจที่น้องสาวไม่แยแสสายตาและความรู้สึกของเขาเลย คิบอมก้าวขายาวๆ ไปยังหน้าโซฟา ก่อนจะผลักคนแปลกหน้าที่นั่งข้างน้องสาวตัวเองอย่างหน้าตาเฉยให้ต้องเซล้มไป แล้วแทรกตัวไปนั่งตรงกลางระหว่างคนสองคน ตาคมเหลือบมองหน้าหวานๆ ของหนุ่มอีกคน
“ถ้าไม่พอใจก็กลับบ้านแกไป”
เมื่อโดนกีดกันอย่างชัดเจนถึงขนาดนี้ คนที่มีใจจะจีบน้องสาวของคนขี้หวงก็ต้องให้กำลังใจตนเองให้ฮึกเหิม ก่อนจะทรงตัวขึ้นมานั่ง ใบหน้าหวานผิดชายเจือรอยยิ้มไม่ยอมแพ้ออกมา
“ไม่เป็นไรครับ ถึงคุณจะกีดกัน แต่ผมก็จะทำให้สำเร็จ”
“`คุณ`ด้าน!”
แม้จะถูกต่อว่าเช่นนั้น แต่ทงเฮก็ยังคลี่ยิ้มไม่ทุกข์ร้อนตอบอย่างหน้าตาย
“ครับ หน้าด้าน”
“พี่ชายเขาไม่ยอมรับแล้วยังจะดันทุรังอีก”
ตาคมขึงเข้มด้วยความไม่พอใจอย่างที่สุด เขาคาดหวังว่านัยน์ตาดุๆ และท่าทางเอาเรื่องของเขาจะใช้ได้ผลเช่นเดียวกับหลายๆ ครั้งที่ผ่านมายามมีผู้ชายหน้าหนาเพียรมาจีบน้องสาวสุดหวงของเขา
“ถ้าผมยอมถอยก็แสดงว่าผมยอมแพ้สิครับ ผมไม่จิตอ่อนเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ ที่เคยมาจีบน้องจูหรอกครับ”
คำเรียก ‘น้องจู’ ไปสะกิดต่อมหงุดหงิดของคิบอมให้ยิ่งทำงานหนักขึ้นจนคิ้วเข้มกระตุกด้วยความไม่พอใจ มือหนากำแน่น
“ปากหมาแบบนี้มาต่อยกันสักตั้งไหม ฉันไม่มีทางให้น้องฉันไปยุ่งกับคนอ่อนแอกว่าฉันหรอก”
หน้าดุ ตาดุ น้ำเสียงก็ดุ...
ทงเฮลงความเห็นที่มีต่อพี่ชายของคนที่ตนเองจีบแบบนั้น ยิ่งโดนท้าทาย เขาก็ยิ่งสยายรอยยิ้มติดหน้าให้กว้างขึ้นกว่าเดิม และพูดย้อนด้วยประโยคที่คิดว่าคงโดนอีกฝ่ายยัดเยียดให้ว่าเป็นคำพูด ‘อวดดี’
“ใช้กำลังไม่ใช่ทางออกที่ดีหรอกครับ คนเราปกป้องตัวเองและคนรักด้วยสมอง”
คำตอบนี้เรียกอารมณ์โมโหโกรธาของคิบอมได้ดียิ่งขึ้น เขาเม้มปากแน่น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพยายามระงับอารมณ์ แต่สุดท้ายคำพูดที่เล็ดลอดจากปากอิ่มก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นในใจ
“แล้วมึงจะเอายังไง!”
“ไม่ยังไงหรอกครับ”
หน้าเรียวของหนุ่มอวดดีเลื่อนหลบร่างหนาเล็กน้อย มองผ่านไปยังใบหน้าใสๆ ของสาวน้อยที่กำลังมองมาที่คนอายุมากกว่าทั้งสอง
ทงเฮขยิบตาให้หนึ่งทีอยากมีเสน่ห์ พาให้ใบหน้าของมินจูต้องเคลือบด้วยรอยยิ้มหวาน ก่อนเสียงห้าวจะดังต่อเพื่อบอกกล่าวเจตนาของตนเองโดยที่ไม่ลดรอยยิ้มบนใบหน้า
“ผมแค่..อยากจีบน้องสาวของคุณก็เท่านั้นเอง”
ในเวลานี้มันคงถึงที่สุดของความอดทนของผู้ชายชื่อคิมคิบอมแล้ว ร่างสูงจึงฉุดตัวลุกขึ้นพรวดพราดจนเต็มความสูง ก่อนจะวาดมือไปโอบเอวของคนที่จงใจเอ่ยวาจากระตุ้นความโกรธของเขา จนเมื่อร่าวเพรียงระหงลอยหวืดขึ้นเขาก็จับร่างนั้นพาดบนบ่าของตนเอง
“เฮ้ย คุณ!”
ทงเฮร้องเสียงหลงเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำเช่นนี้ แม้แต่มินจูเองก็ดันตัวขึ้นจากเบาะนุ่มก่อนจะร้องถาม
“พี่คิบอมจะทำอะไรพี่ทงเฮ!!”
กระนั้นคนถูกถามกลับไม่ตอบ เขาแบกร่างที่ไม่ได้หนักนักด้วยความแข็งแรงที่มี ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูห้อง เปิดประตูออกแล้วจึงเหวี่ยงร่างนั้นลงมาจากบ่าแกร่งให้ร่างนั้นยืนอยู่บนพื้นหน้าห้องพักของตนด้วยความึนงง ปากอิ่มเปิดออกเป็นคำล่ำลาด้วยน้ำเสียง`ตัวเงินตัวทอง`ม
“อย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีก”
ตามด้วยเสียงประตูห้องที่ปิดดังจนอาจสะเทือนไปทั้งชั้น จากนั้นเดินกลับมาหาน้องสาวที่ยังคงทำหน้าตื่นตะลึงเพราะไม่คิดว่าพี่ชายเขาจะไล่คนที่มาจีบตัวเองด้วยวิธีนี้
กระทั่งรับรู้แรงกระแทกจากร่างสูงใหญ่ที่ทิ้งตัวแรงๆ ลงบนโซฟาข้างตัวเองแล้ว ร่างบอบบางจึงหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ และสอบถามพี่ชายด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกเล็กน้อย
“ทำไมพี่คิบอมทำแบบนี้”
“ทำอะไร” ถามด้วยเสียงห้วน นิ้วแข็งๆ เกี่ยวขาแว่นซึ่งประดับบนหน้าหล่อออกก่อนจะเหวี่ยงมันอย่างไม่ไยดีว่ามันจะพังหรือไม่ลงบนโต๊ะซึ่งวางแล็ปท็อปไว้
“อย่าทำเหมือนไม่รู้เรื่องสิ”
น้องสาวร้องท้วงที่พี่ชายไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยว่าการกระทำไล่แขกเมื่อครู่มันเสียมารยาทสักเพียงใด
“แล้วไง” ยังคงถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยี่หระ ก่อนจะดันตัวขึ้นเล็กน้อยและหันไปมองหน้าน้องสาวอย่างจริงจัง “พี่บอกเธอแล้วว่าห้ามไปยุ่งกับมัน เธอยังพามันมาที่นี่ พี่ไม่ต่อยมันหน้าคว่ำตั้งแต่เห็นหน้าก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“พี่คิบอมไม่มีเหตุผลเลย”
มินจูทำหน้าบูดกับคำพูดรุนแรงของพี่ชาย เธอรู้ว่าพี่ชายรักและหวงเธอแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาก็พิสูจน์ได้แล้ว
พี่คิบอมจัดการผู้ชายทุกคนที่ทำท่าว่าจะเข้ามาจีบเธอจนไม่มีใครกล้ามายุ่งด้วย แต่กับพี่ทงเฮไม่เหมือนกัน คราวนี้เธอไม่ยอม!
“เธอรู้ว่าพี่มีเหตุผล”
“ไม่มี!”
“มิน! จู!”
พอโดนพี่ชายที่รักขึ้นเสียงใส่อย่างไม่เคยเป็นหน้าหวานๆ ก็ต้องเบะออกคล้ายจะร้องไห้ พลอยให้คนหวงน้องที่มองอยู่ต้องร้อนวูบขึ้นมาในใจ ยื่นแขนกว้างออกไปโอบกอดคนตัวเล็กเอาไว้แนบอก
“ร้องไห้ทำไม”
เสียงที่แข็งกร้าวเมื่อครู่อ่อนลงจนเหมือนเป็นคนละคน มือหนาลูบแผ่นหลังของน้องสาวอย่างปลอบใจ
เขาไม่ชอบให้น้องร้องไห้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
เห็นมินจูร้องไห้ทีไรเขารู้สึกเหมือนมีคนเอามีดมากรีดหัวใจของเขาทุกที
“ก็พี่ดุฉัน ขึ้นเสียงใส่ฉันด้วย”
ใบหน้าขาวนวลซบกับอกแกร่ง ทำเสียงสะอื้นนิดๆ ให้พี่ชายเห็นใจ ทว่าบนใบหน้านั้นกลับไม่มีน้ำใสๆ แม้แต่หยด หนำซ้ำ...
ยังแอบแลบลิ้นออกมานิดๆ อีกต่างหาก!
“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้จะดุเธอ”
“แต่พี่ก็ใจร้าย พี่คิบอมใจร้ายมากๆ”
“ทำไมล่ะ” น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนลงอีกเมื่อโดนคนที่รักยิ่งกว่าใครตำหนิ รู้สึกปวดใจที่ถูกหาว่าใจร้าย “ทำไมเธอต้องเดือดร้อนแล้วก็ร้องไห้เพราะหมอนั่นด้วย”
“แล้วทำไมพี่ต้องไม่พอใจด้วย”
ไม่ตอบคำถาม แต่ย้อนถามกลับไปทั้งที่ยังไม่ผละออกจากอกกว้างที่แสนอบอุ่น
“ก็พี่รักเธอ” ตอบด้วยรอยยิ้มนิดๆ มือหนาลูบเบาๆ บนศีรษะซึ่งปกคลุมด้วยแพรนุ่มสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลัง
“ถ้าพี่รักฉัน พี่ก็ต้องรักพี่ทงเฮด้วยสิ”
คำพูดไม่ถูกหูพาให้ร่างแกร่งต้องผละตัวออกจากน้องสาวอย่างรวดเร็ว ตาคมจ้องมองหน้าหวานๆ ซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัว... หวั่นกลัวกับความคิดที่กำลังวนเวียนอยู่ในหัว
“มินจูอา อย่าบอกนะว่า...”
ยังไม่ทันถามน้องสาวจนจบประโยค ศีรษะกลมก็ผงกขึ้นลงหลายๆ ครั้งเป็นการยืนยันในสิ่งที่ร่างหนุ่มกำลังคิด เขารีบสวนเสียงกลับทันควัน
“แต่เธอยังเด็กอยู่ ยังไม่ควรคิดเรื่องความรัก”
“ฉันสิบเจ็ดแล้วนะ วัยนี้แหละสมควรคิดเรื่องความรักสุดๆ”
ไม่เพียงแค่พูดด้วยความสุขใจ ยังทำประกายตาวิ้งวับใส่พี่ชายอีกต่างหาก คิบอมจึงได้แต่เรียกน้องสาวด้วยเสียงอ่อน
“มินจูอา”
“ฉันคุยกับพี่ทงเฮแล้ว อาทิตย์นี้เราจะไปเดทกัน” ยิ้มหวานส่งให้พี่ชาย ก่อนจะผุดตัวขึ้นจากโซฟา ดวงตากลมโตเหลือบมองแล็ปท็อปที่หน้าจอปรากฏเป็นสกินเซเวอร์รูปคู่ของตัวเองกับพี่ชายสลับไปมาทีละรูป รวมทั้งหนังสือกองโตซึ่งวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าแล้วก็บอกทิ้งท้าย “พี่ชายสุดหล่อทำรายงานต่อไปแล้วกันนะคะ น้องสาวสุดน่ารักจะไปวาดฝันเดทอันสวยงานก่อน คิคิ”
ตบบ่าพี่ชายก่อนจะถลาร่างออกไปอย่างรวดเร็วเพราะเกรงกลัวว่าจะโดนต่อว่าหรือสั่งห้ามอะไรอีก
คิบอมมองตามร่างของน้องสาวตัวแสบพลางถอนหายใจออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย กระทั่งประตูห้องนอนของมินจูปิดไปแล้วจึงได้เบนหน้ากลับมายังแล็ปท็อปของตนเอง เห็นภาพน่ารักๆ ของน้องสาวที่ถ่ายคู่กับตนแล้วก็กระตุกยิ้มร้าย
เดทแสนหวานเหรอ?
พี่ชายคนนี้จะช่วยน้องเอง
|