หนุ่มหน้าหล่อยืนหน้าหงิกกอดอกอยู่เคียงข้างสาวน้อยอยู่หน้าสวนสนุก เพราะว่าเลยเวลานัดไปสิบห้านาทีแล้วคนที่น้องสาวบอกว่าจะเดทด้วยยังไม่มาสักที เขาถอนหายใจออกมาอย่างอารมณ์เสียก่อนจะหันไปมองหน้าน้องสาวที่ยังคงรอคอยตัวริ้นไรที่มายุ่งกับน้องสาวของเขาอย่างมีความหวัง
“กลับบ้านกันได้แล้ว มันไม่มาหรอก เห็นไหม ผู้ชายมันไม่มีดีหรอก”
ร่างสูงบอกน้องสาวพลางจับมือนิ่มเพื่อจูงให้เดินไปขึ้นแท็กซี่แล้วกลับคอนโดด้วยกัน แต่ก็ถูกมือเล็กๆ นั้นรั้งเอาไว้
“พี่ก็เป็นผู้ชายไม่ใช่รึไง หรือจะบอกว่าพี่ก็ไม่ดีเหมือนคนอื่นๆ”
เจอน้องสาวย้อนมาคิบอมถึงกับอ้ำอึ้ง แต่สุดท้ายเขาก็เบนความสนใจไปที่มือหนาซึ่งจับมือของน้องสาวไว้ ออกแรงดึงให้เดินไปด้วยกัน
“รอเดี๋ยวสิ พี่ทงเฮอาจจะติดธุระอะไรก็ได้ถึงได้สาย พี่ทงเฮไม่เคยปล่อยให้ฉันรอนะ”
หน้าหล่อตึงขึ้นมาทันที คิ้วเข้มขดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ
“เธอไปกับมันหลายทีแล้วเหรอ?!”
“ก็...” ลากเสียงยาวพลางยกมือข้างที่ไม่ได้ถูกจับขึ้นมานับนิ้ว “สอง สาม สี่ ห้า หก...”
“พอๆ ไม่ต้องนับแล้ว! ทำไมเธอเป็นเด็กดื้อแบบนี้” บอกอย่างไม่พอใจ อยากจะยกมือขึ้นมาตีน้องสาวตัวดีนัก แต่ก็กลัวว่าน้องรักจะเจ็บจึงได้แต่เค้นเขี้ยวกับตัวเองว่าดูแลน้องสาวไม่ดี
เขาปล่อยให้ไปกับผู้ชายไว้ใจไม่ได้แบบนั้นสองต่อสองได้ยังไง
“คิคิ ล้อเล่นน่า” เสียงหัวเราะดังเบาๆ ใบหน้าหวานยิ้มแย้มที่แกล้งพี่ชายขี้หวงได้ “เดี๋ยวฉันโทรหาพี่ทงเฮดีกว่า”
“พี่ลบเบอร์มันไปแล้ว”
“ฉันขอมาใหม่แล้วล่ะ”
มินจูฉีกยิ้มกว้างให้กับพี่ชายพลางกดหาเบอร์ของคนที่ตนเองจะโทรหา ทว่ายังไม่ทันที่จะกดโทรออก เสียงหอบแฮ่กก็ดังอยู่ใกล้ๆ เรียกให้หน้าหวานต้องเงยขึ้นมองและร้องเสียงดังอย่างดีใจ
“พี่ทงเฮมาแล้ว!”
ตรงข้ามกับคิบอมที่พูดด้วยเสียงขุ่นอย่างต่อว่า
“ไร้ความรับผิดชอบ”
คนมาใหม่ที่ยังหอบเหนื่อยอยู่ตวัดตามองคนที่ขึงหน้าตึงอย่างไม่กลัวเมื่อยและละทิ้งความสนใจก่อนจะพยายามฉีกยิ้มทั้งที่เหนื่อยจนเกือบจะหมดแรงให้กับคนน่ารักซึ่งยืนอยู่ข้างๆ คนตัวโต
“พี่.. แฮ่ก... ขอ... โทษ แฮ่ก แฮ่ก พอดี..”
“น่ารำคาญ”
ทงเฮพยายามจะพูดอย่างเต็มที่แต่เพียงได้เริ่มบอกกล่าวเหตุผลของตนก็โดนขัดด้วยคำพูดแข็งๆ หน้าหวานตวัดมองคนที่จงใจพูดถึงตัวเอง แต่คิบอมก็ไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“ข้อแก้ตัวทั้งนั้น”
สิ้นเสียงก็ดึงมือน้องสาวที่ยังกุมไว้ให้เดินเข้าไปข้างในด้วยกัน แต่มินจูก็พยายามออกแรงรั้งตัวเองเอาไว้
“เดี๋ยวสิพี่คิบอม”
พอคิบอมหยุดฝีเท้าเพราะแรงรั้งที่ไม่ได้มากนักของน้องสาว มินจูก็ดึงมือของตัวเองออกจากมือใหญ่ และเดินกลับไปหาทงเฮที่ยังหอบแฮ่กอยู่น้อยๆ
มือนิ่มยื่นออกไปจับกับมือที่ใหญ่กว่าตนเองไม่เท่าไรและจูงให้เดินมาด้วยกัน กระทั่งมาประจันหน้ากับพี่ชายสายเลือดเดียวกันก็ใช้มืออีกข้างจับกับมือหนาไว้และเป็นคนควบคุมให้ทั้งสองเดินขนาบไปกับตนเอง ทว่ามีหรือที่คนหวงน้องสุดชีวิตจะยอม
คิบอมดึงมือตัวเองออกจากมือเล็กก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ระหว่างมินจูและทงเฮ เขาดึงมือของทั้งสองคนที่จับกันไว้ออก ก่อนจะจับมือน้องสาวแทนแล้วลอยแพอีกคน กระนั้นมินจูก็ยื่นมือที่ว่างอีกข้างไปจับทงเฮอยู่ดี
คิ้วหนากระตุก ฟันคมขบกันแน่น ก่อนร่างสูงจะปล่อยมือจากน้องสาวแล้วไปแยกมือของคนไม่พึงประสงค์ออกจากคนที่แสนรักและจับไว้เอง ทว่ามินจูก็ยังทำเหมือนเดิม ใช้มือที่เป็นอิสระจากพี่ชายจับมือที่ไม่แข้งกระด้างนักของคนที่ตัวเองชอบไว้
เมื่อเห็นท่าว่าน้องสาวจะไม่ยอมง่ายๆ สุดท้ายคิบอมก็จับมือของทงเฮและมินจูแยกจากกัน ใช้มือข้างซ้ายจับมือน้องสาวไว้ ส่วนมือขวาจับมือเรียวของคนที่มาจีบน้องของตัวเองอีกที ก่อนจะบอกเสียงเข้ม
“ถ้าเธอจับมือมันอีก พี่จะตีมือเธอ”
บอกให้น้องเข้าใจแล้วก็หันไปบอกคนที่ไม่ได้เต็มใจจะให้อยู่ข้างตัวอีกคนด้วยเสียงที่เข้มกว่าเดิมและเพิ่มความอาฆาตเข้าไปด้วย
“ถ้านายจับมือน้องฉัน ฉันจะตัดมือนาย”
.
.
เครื่องเล่นชิ้นแรกที่มินจูเลือกคือคอฟฟี่คัพ แค่เห็นของเล่นที่ดูท่าทางปัญญาอ่อนแต่มีอนุภาพมากกว่าสภาพที่เห็นภายนอกคิบอมก็ปฏิเสธที่จะเล่นมันทันที ไม่ใช่เพราะกลัวเครื่องเล่นจะสร้างความวิงเวียนให้ แต่มันน่าอายที่ผู้ชายตัวโตๆ อย่างเขาไปเล่นของเล่นสำหรับเด็ก
“ถ้าพี่ไม่เล่น ฉันเล่นกับพี่ทงเฮก็ได้” บอกคนข้างตัวอย่างงอนๆ พลางยื่นมือไปดึงมือของคนที่อยู่อีกฟากของพี่ชาย “ไปเล่นกันนะพี่ทงเฮ”
“เอ่อ..” ทงเฮอึกอักเล็กน้อย มองใบหน้าน่ารักของหญิงสาวสลับกับถ้วยหลากสีสันซึ่งกำลังหมุนวนไปมาอย่างน่าเวียนหัวแล้วก็ต้องยิ้มแหยเล็กน้อย “พี่ว่าพี่ไม่เล่นดีกว่า”
“ทำไมล่ะ”
คนอายุน้อยที่สุดร้องถามอย่างแปลกใจ เพราะเธอหวังว่าอย่างน้อยก็มีคนเล่นด้วย
“เพราะว่าป๊อดไง จะจีบเขาแต่แค่นี้ก็ทำไม่ได้”
เสียงทุ้มที่ไม่ใช่คนถูกถามตอบกลับมาแทน หนำซ้ำยังเพิ่มความหยามเหยียดเข้าไปด้วย ทงเฮจึงต้องมองใบหน้าหล่อๆ ของคนพูดอย่างไม่พอใจและสวนกลับไป
“คุณมีสิทธิ์ว่าผมด้วยเหรอในเมื่อคุณก็ไม่เล่น”
“ก็ได้ ฉันเล่น แต่นายก็ต้องเล่นเหมือนกัน”
เมื่อถูกท้าทายเลือดนักสู้ในกายก็เดือดพล่านขึ้นมาทันที คิบอมออกคำสั่งอย่างไม่ยอมให้ดูหมิ่น ซึ่งทงเฮก็รับคำเช่นกัน ทั้งสองคนจึงเดินตรงดิ่งเข้าไปยังเครื่องเล่นโดยไม่สนใจคนชวนเลยสักนิด
มินจูได้แต่มองพี่ชายกับพี่ชายของเพื่อนซึ่งนั่งอยู่บนถ้วยกาแฟสีฟ้าสดใสที่กำลังหมุนและเหวี่ยงไปรอบตัวรอบแล้วรอบเล่า เพราะทั้งสองคนต่างก็ไม่ยอมแพ้กัน แข่งกันอยู่อย่างนั้นว่าใครจะยอมแพ้ก่อน กระทั่งรอบที่เก้าทั้งสองคนก็แทบสลบเมือดกันอยู่ในถ้วยกาแฟ เดือดร้อนให้น้องสาวต้องวิ่งเข้าไปดู
“พวกพี่ทำอะไรกันน่ะ! ทะเลาะอย่างกับเด็ก!”
“เพราะเธอนั่นแหละ”
พี่ชายตัวจริงกล่าวหาน้องสาวก่อนจะดันตัวขึ้นจากถ้วยยักษ์ ร่างสูงซวนเซเล็กน้อยแต่ก็สามารถพยุงตัวเองออกมาจากบริเวณเครื่องเล่นนั้นได้ ซึ่งอาการมึนๆ ของเขาก็ทำให้ลืมตัว เปิดโอกาสให้น้องสาวสุดหวงกับคนที่มาจีบได้ใกล้ชิดกัน
“พี่ทงเฮเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
ปฏิเสธไปแต่กว่าจะลุกขึ้นจากเบาะนั่งได้ก็ลำบากจนมือเล็กๆ ต้องยื่นมาช่วยพยุงไว้ สองคนเดินออกไปจากเครื่องเล่นนั้น แต่แล้วก็ต้องมองหาคนที่ออกมาก่อนเพราะว่าอันตรธานหายไปจากจุดที่สมควรยืนอยู่
“เอ้า ดื่มซะ จะได้ดีขึ้น”
ทว่าสักพักก็มีขวดน้ำที่น้ำใสๆ ซึ่งบรรจุอยู่ภายในพร่องลงไปเกือบครึ่งยื่นมาตรงหน้าของหนุ่มร่างเพรียว ทงเฮเงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นว่าเป็นใครก็รู้สึกอุ่นชื้นขึ้นมาในใจเล็กน้อย เขายื่นมือออกไปรับมาพลางขอบคุณ
ฝาขวดน้ำถูกเปิดออกก่อนจะถูกกรอกเข้าไปในลำคอระหง คิบอมเหลือบมองทงเฮเล็กน้อยอย่างยอมรับว่าผู้ชายคนนี้ก็กล้าดีที่สู้กับเขา ขณะที่มินจูมองคิบอมและทงเฮสลับกันก่อนจะลอบยิ้มอย่างชื่นใจ
พี่คิบอมยอมรับพี่ทงเฮหน่อยๆ แล้ว
.
.
หลังจากอาการมึนเมาจากคอฟฟี่คัพหมดไป ทั้งสามคนก็ยังเล่นเครื่องอื่นๆ จนเกือบจะครบทั้งสวนสนุก อีกทั้งมินจูยังชวนถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆ ทั้งหน้าเครื่องเล่นและสวนดอกไม้ซึ่งทางสวนสนุกจัดไว้ กระนั้นไม่วายต้องมีเสียงถกเถียงกันทุกครั้งเพราะน้องสาวตัวดีของคิบอมอยากถ่ายรูปคู่กับทงเฮ แต่คนเป็นพี่ชายไม่ยอมท่าเดียว
“พี่คิบอมใจร้าย ทำไมไม่ให้ฉันถ่ายคู่กับพี่ทงเฮมั่งล่ะ”
เมื่อโดนหลายๆ ครั้งเข้ามินจูก็ต้องงอแงบ้าง เพราะถ่ายไปหลายรูปแล้ว แต่ไม่มีสักรูปที่เธอได้ถ่ายร่วมเฟรมเดียวกับคนที่มาจีบ มีแต่รูปเดี่ยวกับรูปคู่คิบอม เพราะแม้แต่ตอนเป็นตากล้อง ร่างสูงยังเอาขาเกี่ยวทงเฮไม่ให้วิ่งเข้าไปหาน้องสาว
“แล้วทำไมพี่ต้องให้เธอถ่ายกับมันด้วย ถ่ายไปก็ไม่มีประโยชน์”
“ไม่มีประโยชน์ยังไง”
ใบหน้าน่ารักบูดบู้เพราะโดนห้ามในสิ่งที่อยาก หนำซ้ำคำพูดพี่ชายยังไม่เข้าหู
“เพราะว่าอีกหน่อยหมอนี่จะไม่มีโอกาสได้เจอเธออีกไง”
“ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก เนอะพี่ทงเฮ”
ไม่ยอมรับคำพูดของพี่ชายนหนำซ้ำยังพูดสวนทางกันอีก มินจูฉีกยิ้มพลางถามพี่ชายเพื่อน ซึ่งทงเฮก็พยักหน้ากลับไป
“ถึงยังไงพี่ก็ไม่ให้เธอถ่ายคู่กับมันอยู่ดี ถ้าจะถ่ายกับมันก็ไม่ต้องถ่าย”
“ใจร้ายที่สุด!!” กล่าวหาพี่ชายแล้วก็เสนอความคิด “เอาแบบนี้ก็ได้ ฉันไม่ถ่ายกับพี่ทงเฮ แต่พี่ต้องถ่ายคู่กับพี่ทงเฮแทน”
“แล้วทำไมฉันต้องถ่ายคู่กับมัน”
“ก็เพราะพี่ไม่ยอมให้ฉันถ่ายน่ะสิ”
มือเล็กยื่นไปคว้ากล้องมาจากพี่ชาย ก่อนจะยกขึ้นเสมอหน้าและกดชัตเตอร์ทันทีแบบไม่ให้ตั้งตัว ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าหน้าตาของพี่ชายสุดหล่อตอนกำลังโมโหและแยกเขี้ยวที่ปรากฏในจอแอลซีดีจะดูทุเรศแค่ไหน
ร่างเล็กหัวเราะร่วน ใบหน้าขาวคลี่ยิ้มสดใสก่อนจะวิ่งหนีไปให้คนอายุมากกว่าสองคนต้องวิ่งตาม จนสุดท้ายคิบอมไปเจอว่าน้องสาวตัวดีกำลังยืนต่อแถวขึ้นชิงช้าสวรรค์
“ยัยตัวแสบ”
มือหนากำหลวมๆ ก่อนจะเขกลงไปบนหัวของน้องสาว เมื่อโดนมือหนักกระแทกไปเต็มๆ แต่ไม่แรงมาก มินจูก็รีบไปเกาะแขนของคนที่ไม่ใช่พี่ชายและออเซาะทันที
“พี่ทงเฮดูสิ พี่คิบอมแกล้งจู”
เลือดลมของคิบอมเดินอย่างรวดเร็วทันที เขารีบดึงตัวน้องสาวสุดหวงออกมาก่อนมือของผู้ชายที่ตัวเองไม่ชอบหน้าจะสัมผัสโดนคนตัวเล็ก
“ไม่ต้องฟ้องมันเลย ถึงฟ้องมันก็ทำอะไรพี่ไม่ได้”
“ทำไม่ได้ก็จริง แต่ไม่เห็นว่าจะต้องเขกหัวน้องจูเลยนี่ครับ”
“เรื่องของพี่น้อง ไม่ใช่เรื่องของแก ไม่ต้องเสือก”
เสียงห้วนตวัดใส่คนที่อยากได้น้องรักของเขาเป็นแฟน พาให้สถานการณ์ที่ดีขึ้นเล็กน้อยต้องแย่ลงกว่าเดิม
มินจูเหลือบมองผู้ชายสองคนก่อนครวญคิดหาวิธีจนเมื่อปิ๊งไอเดียเด็ดๆ ก็รีบบอกด้วยเสียงสดใส
“ฉันอยากกินไอติมตอนขึ้นชิงช้าสวรรค์ด้วย”
เสียงนั้นเรียกความสนใจจากคิบอมได้ เขามองหน้าน้องสาว
“เดี๋ยวก็ถึงตาเราแล้ว ไม่เห็นรึไง”
“แต่ฉันอยากกินนี่”
เมื่อเห็นน้องสาวงอแงทำหน้าบูดบู้ก็ต้องยอมตามใจ
“ก็ได้ เดี๋ยวพี่...” ชะงักคำพูดของตนไว้แค่นั้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้มากันแค่สองคน แต่มีแมงรำคาญอยู่ด้วยหนึ่งตัว คิบอมเบี่ยงทิศมายังเจ้าของหน้าหวานทั้งที่เป็นชาย “แกน่ะ ไปซื้อไอติมให้จูสิ”
“ทำไมพี่ต้องใช้พี่ทงเฮด้วย พี่ทงเฮไม่ได้อยากกินสักหน่อย”
“ก็มันจีบเธอไม่ใช่รึไง แค่นี้ทำไม่ได้ก็กลับบ้านไปแล้วอย่าเสือกมาให้เห็นอีก”
ร่างสูงพูดด้วยเสียงห้วนๆ ใช้หางตามองคนที่ตนเองพูดถึงอย่างดูถูก ทงเฮจึงต้องเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะโพลงออกมา
“เดี๋ยวพี่ไปซื้อเองก็ได้”
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวจูไปซื้อเองได้ค่ะ”
ได้ยินน้องสาวตัดบทแบบนั้นแล้วคิบอมก็ไม่พอใจนัก แต่จะปล่อยให้น้องไปกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็ไม่ไว้ใจ เกิดเขาไปซื้อให้แล้วกลับมาน้องสาวหายไปกลับมันคงเป็นเรื่องใหญ่
“รีบกลับมาเร็วๆ แล้วกัน แล้วเธอมีเงินไหม”
เสียงทุ้มถามคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงอ่อนลงผิดกับยามพูดกับใครอีกคนลิบลับ ซึ่งมันก็ทำให้มินจูระบายยิ้มกว้าง
“มีๆ งั้นเดี๋ยวฉันไปแล้วนะ พี่คิบอมกับพี่ทงเฮต่อคิวรอไปก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจูรีบกลับมา”
“กลับมาให้ทันล่ะ”
คิบอมยิ้มบางๆ ให้น้องสาวซึ่งกำลังถอยตัวออกจากแถวคนรอเครื่องเล่น ทว่าต้องหุบยิ้มฉับเมื่อได้ยินเสียงของใครอีกคน
“ระวังตัวด้วยนะน้องจู”
“อย่าเรียกน้องสาวฉันว่าน้องจู”
กลับมาตวัดเสียงไม่พอใจใส่เช่นเดิม แต่ทงเฮก็ไม่ใส่ใจอาจเพราะเขาเคยชินกับมันแล้วก็ได้
“แล้วทำไมผมจะเรียกไม่ได้ล่ะครับ”
“เพราะว่าฉันไม่ชอบ”
“แต่ถึงผมจะเรียกแบบอื่น คุณก็คงไม่ชอบเหมือนกัน” สวนกลับไปด้วยการตีหน้าซื่อส่งผลให้คิบอมยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้น
ร่างสูงขบกรามแน่นมองหน้าหวานของชายหนุ่มซึ่งอยู่ตรงหน้าที่ไม่หลบเลี่ยงสายตาเขา นานนับนาทีจนเสียงของคนต่อคิวซึ่งอยู่ด้านหลังดังขึ้น
“คุณสองคนจะจ้องหน้ากันอีกนานไหมครับ แถวมันร่นไปด้านหน้าแล้ว”
เพราะเสียงนั้นทำให้คิบอมและทงเฮต้องละสายตาออกจากใบหน้าของกันและกัน ก่อนจะเดินไปด้านหน้าซึ่งก็พบว่าเขามาอยู่แถวหน้าสุดแล้ว และโครงขนาดมหึมาตรงหน้ากำลังหมุนเป็นวงกลมอย่างช้าๆ บอกให้รู้ว่าถ้าถึงรอบหน้าเขาจะเป็นคิวแรก
ใจของคนเป็นพี่ชายเริ่มกระวนกระวายที่น้องสาวยังไม่กลับมา เขารออีกร่วมสิบนาทีจนชิงช้าสวรรค์รอบนี้สิ้นสุดลง ทว่าน้องสาวก็ยังไม่กลับมา
“ถึงคิวคุณแล้วครับ”
ประตูของกระเช้าขนาดไม่ใหญ่นักเปิดรอให้ชายหนุ่มสองคนก้าวเข้าไป คิบอมทำหน้าอิหลักอิเหลื่อไม่ต่างจากทงเฮที่พยายามมองรอบตัวเพื่อหาหญิงสาวที่บอกจะไปซื้อไอศกรีม
“นี่คุณ จะขึ้นก็ขึ้น ชักช้าเกะกะคนอื่นอยู่ได้”
ชายหนุ่มคนเดิมที่มากับคนรักบอกด้วยประโยคที่ไม่สุภาพนักเมื่อรู้สึกรำคาญคนทั้งคู่ คิบอมและทงเฮจึงต้องมองหน้ากันอย่างตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร แต่มันคงช้าเกินไปสำหรับคนใจร้อนที่รอคิวมานานชายหนุ่มคนนั้นจึงได้เร่ง
“ขึ้นๆ ไปสักที ไม่เห็นรึไงว่าคนอื่นเขารออยู่”
เพราะโดนต่อว่าเสียงดังเช่นนั้นทั้งคิบอมและทงเฮจึงต้องขึ้นกระเช้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเมื่อทั้งคู่ขึ้นไปแล้วประตูก็ถูกปิด กระเช้าสีน้ำเงินค่อยๆ ดันตัวสูงขึ้นทีละนิด กระนั้นมันก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของพี่ชายที่รักน้องสาวยิ่งกว่าอะไร มือหนาควานหาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดโทรหาน้องสาว
สัญญาณรอสายดังอยู่นานจนตัดเข้าฝากข้อความเพราะไม่มีใครรับ พาให้ความว้าวุ่นใจยิ่งถาโถมในใจของคิบอม เขากดโทรออกซ้ำๆ อยู่นานแต่กลับไม่มีเสียงหวานๆ ของยัยตัวดีรับเสียที
ใบหน้าคมหม่นหมองลง กระวนกระวายอยากลงไปจากกระเช้าซึ่งกำลังลอยสูงขึ้นจากพื้นดินเรื่อยๆ เสียที ทว่าขณะที่ร่างสูงพยายามกดโทรหาน้องสาว เสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์ของทงเฮ มือเรียวหยิบโทรศัพท์ของตนเองออกมาอ่านข้อความภายใน
ทันทีเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความมาดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้าง เขากดเข้าไปดูเนื้อหาที่ถูกส่งมาแล้วก็อยากจะจับคนที่ส่งข้อความมาตีสักทีสองทีเพราะทำให้เขารวมทั้งคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาเป็นห่วง
จูช่วยพี่ทงเฮได้เท่านี้นะคะ ที่เหลือพี่จัดการเองนะ
จูกลับก่อนค่ะ ไฟติ้ง
จากมินจูที่แสนน่ารัก
อ่านข้อความในมือถือของตนเองแล้วก็ต้องเงยหน้ามองคนที่ห่วงน้องสาวอย่างหนัก ก่อนจะเค้นเสียงออกมา เขารู้สึกประหม่าและตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาอยู่กับผู้ชายคนนี้เพียงสองคน
“จูส่งข้อความมาหาผม”
ใบหน้าหล่อเงยขึ้นจากการหมกหมุ่นกับโทรศัพท์ของตนเอง เขาถลึงตามองเจ้าของคำพูดนั้น
“แล้วทำไมจูต้องส่งข้อความหาแก ฉันเป็นพี่ชาย จูควรจะส่งหาฉันสิ”
ทงเฮหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อโดนอารมณ์เสียใส่ ทว่าเสียงข้อความจากโทรศัพท์ของคิบอมคงช่วยเขาไว้ได้ทัน
ร่างสูงรีบก้มมองโทรศัพท์โดยพลัน เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่กำลังห่วงส่งข้อความมาก็รีบเปิดอ่านทันใด อดน้อยใจอยู่นิดๆ ไม่ได้ที่น้องสาวส่งข้อความให้ ‘คนอื่น’ ก่อนตนเอง
ฉันมาไม่ทัน เสียดายสุดๆ TT TT แต่ไม่เป็นไร ไว้คราวหน้าเราค่อยมาด้วยกันใหม่เนอะ ^^
พี่ชายจ๋า น้องกลับก่อนนะคะ ลืมไปว่ายังทำการบ้านไม่เสร็จเลย T T
น้องจูคนสวยของพี่คิบอมสุดหล่อ
คิบอมเค้นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่กับตัวเองพลางคิดว่าถ้ากลับคอนโดแล้วจะฟาดน้องสาวให้ก้นลาย ทั้งที่รู้ว่าต่อให้ถึงเวลาจริงเขาก็ไม่กล้าทำแบบนั้นอยู่ดีก็ตาม
“เดี๋ยวหมดรอบนี่แกก็กลับไปได้แล้ว จูคงบอกแกแล้วว่าจะกลับก่อน”
คำบอกกล่าวของร่างสูงดังสะท้อนอยู่ในหูของคนฟัง ทงเฮรู้สึกเหมือนว่าใจมันชาวูบๆ ชอบกล ทั้งที่เขามีโอกาสอยู่กับคิบอมเพียงสองคนแล้ว แต่ว่าโอกาสนั้นกำลังจะถูกทำลายไป
ร่างบางพยายามรวบรวมสติและเสียงของตนให้สามารถประกอบกันมาเป็นคำพูด
“ครับ”
ทว่าคิบอมคงไม่ทันได้สังเกตท่าทางและน้ำเสียงที่ผิดปกติของคนถือดีที่มักย้อนเขาด้วยถ้อยคำที่ตอบโต้ได้ยาก เขาจึงพูดประโยคที่ทงเฮรู้สึกว่ามันทำร้ายตัวเองอย่างหนัก
“แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับน้องสาวฉันอีก”
ไม่ใช่เพราะเสียใจหรือกลัวที่จะไม่ได้เจอมินจู แต่เพราะหากไม่ได้เจอมินจู เขาก็จะไม่ได้เจอ...คิบอม
ทงเฮเม้มปากแน่นสะกดกลั้นความรู้สึกที่กำลังจะเซาะกำแพงหนาในใจของเขาให้ทลายลง ทั้งที่เขาพยายามเข้มแข็ง พยายามทำเหมือนว่าตัวเองไม่รู้สึกอะไรเวลาตอบโต้กับร่างสูง ไม่แสดงออกถึง ‘ความหวั่นไหว’ ว่ามีต่อผู้ชายชื่อคิมคิบอมมากแค่ไหน ซึ่งมันก็สำเร็จทุกครั้ง ทว่า...เวลานี้ทุกอย่างกำลังจะพัง
“ผมขออย่างนึงได้ไหมครับ เลิกเรียกผมว่าแกได้ไหม”
เขาได้ยินคิบอมเรียกเขาด้วยคำนี้ทีไร มันปวดร้าวในใจทุกที
เหมือนกับความร่างสูงไม่ได้มองว่าเขาเป็นแม้แต่คนด้วยซ้ำ
เพราะคราวนี้ทงเฮแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นมากเกินไป คิบอมจึงสามารถสังเกตท่าทางที่เปลี่ยนไปได้ ร่างเพรียวบางตรงหน้าไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับทุกๆ ครั้งที่เขาเจอ แต่กำลังเปราะบางลงเรื่อยๆ
“อะไรของนาย”
ได้ยินสรรพนามเรียกตนเองเปลี่ยนไปทงเฮก็รู้สึกชื้นในใจขึ้นมาเล็กน้อย พอให้เขารวบรวมความกล้าที่จะพูดอะไรบางอย่างซึ่งอัดแน่นอยู่ในใจมาเนิ่นนานได้
“ผม...อยากพูดความจริง”
คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างสงสัยทั้งกับท่าทางที่ไม่เหมือนเดิมรวมทั้งข้อความที่เปล่งมาจากเรียวปากสีชมพู
“ผมไม่ได้ชอบมินจู ไม่ได้ชอบน้องสาวของคุณ”
คำสารภาพของหนุ่มร่างระหงพาให้ลมหายใจของคิบอมสะดุด เขาถลึงตามองทงเฮก่อนจะพรวดพราดเข้าไปกระชากคอเสื้อของเจ้าของคำพูดนั้นโดยลืมไปสนิทว่าตนเองไม่ได้ยืนอยู่บนพื้น กระเช้าซึ่งลอยอยู่ในอากาศจึงโคลงเคลงเล็กน้อย กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ทงเฮรู้สึกหวาดกลัวเท่านัยน์ตาคมซึ่งกำลังจ้องเขาราวกับจะฆ่ากันให้ตาย
“อยากตายใช่ไหมถึงได้หลอกน้องสาวฉัน!!”
ทั้งที่พยายามระงับอารมณ์ของตนเองแล้ว แต่เมื่อนึกไปถึงตอนที่ได้พูดคุยกับน้องสาวและได้รับคำตอบมาว่าชอบผู้ชายคนนี้มันทำให้ความอดทนของเขาพังไม่เป็นท่า
“ผมไม่ได้หลอกน้องสาวคุณ”
“...”
“เธอต่างหากที่...เป็นคนวางแผนทุกอย่าง”
หน่วยตาคมกล้าทอประกายอ่อนลงเมื่อสะดุดกับประโยคสุดท้าย
“นายหมายความว่ายังไง”
มือหนาคลายออกจากคอเสื้อยืดสีดำที่ร่างบางสวมใส่เล็กน้อย ทงเฮจึงสามารถหายใจได้ทั่วท้องขึ้น มือเรียวหยิบโทรศัพท์ของตนออกมากดเปิดข้อความที่ถูกส่งมาล่าสุดให้ร่างสูงดู
ตัวหนังสือทุกตัวสะท้อนบนนัยน์ตาสีดำขลับ บอกให้รู้ว่าเจ้าของโทรศัพท์ไม่ได้โกหกแต่อย่างใด กระนั้นคิบอมก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดีว่าหมายความว่าอย่างไร เขาปล่อยมือจากเสื้อของทงเฮก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
“ฉันไม่เข้าใจ”
“มันเป็นข้อความเชียร์”
คิ้วหนามุ่นเข้าหากัน หน้าหล่อหันไปยังคนที่อธิบายความให้ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ ทงเฮจึงเบนหน้าไปสบกับคนที่ย้ายมานั่งด้านข้าง มองด้วยตาคู่นั้นด้วยความรูสึกหวิวๆ อยู่ในอก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันก่อนจะรวบความกล้า
“ก็หมายความว่าเธอสนับสนุนผม”
“...”
“...”
“ผมชอบคุณ”
ร่างสูงผงะไปเล็กน้อยเมื่อถูกสารภาพรักอย่างไม่ตั้งตัว เขาไม่เคยคิดว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้ หน่วยตาคมมองใบหน้าหวานค้างด้วยความตื่นตะลึง หัวใจชาวูบไปครู่หนึ่ง
การแสดงออกเพียงเท่านี้ทำให้ทงเฮรู้ได้ทันทีว่า...เขาไม่สมหวัง กระนั้นก็ยอมที่จะเล่าเรื่องราวที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ทั้งหมด
วันนึงน้องสาวพาเพื่อนมาค้างที่บ้าน กระนั้นทงเฮก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร เพียงแค่แปลกใจเพราะเป็นครั้งแรกที่เพื่อนของน้องมาค้างที่บ้าน
‘สวัสดีครับ พี่ชื่อทงเฮ น้องชื่ออะไรครับ’
‘มินจูค่ะ แต่พี่ทงเฮเรียกจูเฉยๆ ก็ได้ เพราะใครๆ ก็เรียกจูแบบนั้น’
สาวน้อยยิ้มหวานให้กับพี่ชายของเพื่อน รู้สึกถูกชะตาด้วยเพราะท่าทางใจดี หนำซ้ำเพื่อนของเธอบยังชอบเล่าเรื่องพี่ชายให้ฟัง หรือเรียกง่ายๆ ว่าอวดพี่ชายให้ฟังบ่อยๆ ซึ่งเธอเองก็โม้เรื่องพี่ชายใส่เพื่อนไว้ไม่น้อยเหมือนกัน
‘ยินดีที่ได้รู้จักครับ เดี๋ยวพี่ไปหาอะไรให้ทานเล่นดีกว่านะ’
‘ขอบคุณค่ะพี่ทงเฮ’
มินจูยิ้มหวานบอกพี่ชายเพื่อนเสียงใส ก่อนจะคุยกับเพื่อนรักต่อเพราะว่าโดนเพื่อนเอาพี่ชายมาเกทับใส่อีกแล้ว
‘พี่ชายฉันน่ารักใช่ไหมล่ะ ดีสุดๆ ด้วย พี่ชายเธอสู้ไม่ได้หรอก’
‘ถ้าเธอเห็นพี่ชายฉันแล้วจะพูดไม่ออก พี่ชายฉันทั้งหล่อ ทั้งเท่ นิสัยก็ดี แถมยังรักฉันแบบสุดๆ ด้วย’
ไม่เพียงพูดโอ่แต่ยังทำนัยน์ตาเพ้อฝันจนคนเป็นเพื่อนถึงกับหมั่นไส้
‘ฉันไม่เชื่อเธอหรอก อย่ามาโม้ให้ยาก ถ้าหล่อเท่จริงก็พามาให้เห็นสิ’
‘ฉันไม่พามาให้เธอเห็นหรอก เสียแรงเปล่าๆ แต่ฉันจะใจดีให้เธอดูรูปก็ได้’ พูดจาเย้ยเพื่อนสาวเล็กน้อยก่อนจะหยิบรูปพี่ชายสุดหล่อออกมาจากกระเป๋าสตางค์
‘ว้าว พี่ชายของเธอหล่อสุดๆ เลย เท่ด้วย’
‘เห็นไหมล่ะ ฉันบอกแล้ว’
มินจูยืดอกอย่างเต็มที่ที่ในที่สุดก็ทำให้เพื่อนยอมรับได้ ถึงแม้ว่าพี่ชายของเพื่อนจะดูใจดีและน่ารักมากๆ สมคำบอกเล่าก็เถอะ แต่พี่ชายของเธอก็ไม่แพ้กันหรอก
ขณะเดียวกันทงเฮก็เดินออกมาจากด้านหลังบ้านพร้อมถาดขนมและน้ำพอดี
‘พี่เอาคุ้กกี้กับน้ำผลไม้มาให้ จูทานได้ไหม’
‘ได้ค่ะๆ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว’
หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มทว่าก็โดนเพื่อนรักแย่งซีนเพราะว่าร่างเล็กๆ ของเจ้าของบ้านคนน้องถลาไปหาพี่ชายทั้งที่หนุ่มร่างเพรียวยังไม่ทันวางถาดลงบนโต๊ะของห้องนั่งเล่น
‘พี่ทงเฮดูนี่สิ พี่ชายของจู หล่อมากเลยเนอะ เท่มากด้วย ตอนแรกฉันคิดว่าจูโม้ซะอีกที่บอกว่ามีพี่หล่อมากกกก’
น้องสาวลากเสียงยาวเพราะต้องการเน้นถึงคำโม้ที่เป็นจริงของเพื่อน ทว่าทงเฮกลับแทบไม่ได้ยินเสียงอะไร นัยน์ตาคู่หวานเบิกกว้างอย่างตกใจ เพราะว่าผู้ชายที่ยืนกอดเด็กสาวซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาตอนนี้คือคนที่เขาแอบชอบมาตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย
สามปีแล้ว...
เขาไม่คิดว่าคิมคิบอมจะเป็นพี่ชายของมินจู
มือบางอ่อนแรงชั่วครู่เพราะสติไม่อยู่กับตัวจนถาดที่ถืออยู่หล่นลงไปกระแทกกับพื้น ซึ่งมันก็ทำให้คนทั้งสามสะดุ้งตกใจ ทงเฮรีบกระวีกระวาดก้มลงเก็บขนมที่หกบนพื้น
‘ฮันแน่ พี่ชายของจูหล่อมากจนพี่ตกใจเลยใช่ไหมล่ะ ฉันก็ตกใจเหมือนกัน คนอะไรหล่อได้ขนาดนี้’
น้องสาวเอ่ยล้อๆ กับอาการตกใจของพี่ชาย ผิดกับใครอีกคนที่มองพฤติกรรมของคนที่เก็บเศษคุกกี้บนพื้นอย่างลนลาน
ท่าทางแปลกๆ ของทงเฮทำให้มินจูรู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล และเพื่อขจัดข้อสงสัยนั้น เสียงใสก็เปล่งบอก
‘แกไปเอาไม้ถูพื้นมาช่วยพี่ทงเฮเก็บกวาดสิ’
‘เอ่อๆ ฉันลืม’
พอโดนบอกถึงได้รู้ตัว ร่างเล็กพุ่งพรวดไปทางหลังบ้านเพื่อนำอุปกรณ์มาทำความสะอาด
มินจูมองเพื่อนที่วิ่งไปก่อนจะก้มตัวลงตรงข้ามกับทงเฮ ตากลมมองพี่ชายของเพื่อนอย่างประเมินอะไรบางอย่าง มือนิ่มช่วยเก็บเศษขนมที่หกเรี่ยราด
‘พี่ทงเฮรู้จักพี่คิบอมใช่ไหมคะ’
คำถามนี้พาให้หัวใจของทงเฮกระตุก เขาพยายามบังคับตัวเองไม่ให้เงยหน้าขึ้นมองคนที่ถามเขาราวกับรู้สิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจ
‘พี่ชอบพี่คิบอมใช่ไหม’
‘อะ..’
คำถามแทงใจทำให้ทงเฮสะดุ้งจนมือที่เก็บคุกกี้อยู่พลาดไปโดนแก้วที่หล่นลงมาแตกจนเลือดซึม
‘จูพูดแทงใจเหรอคะ’
‘เปล่าหรอก ไม่มีอะไร น้องจูเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า’
ทงเฮชันตัวลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะเดินกลับไปหลังบ้านเพื่อนำเศษขนมไปทิ้งพลางคิดว่าจะให้น้องสาวมาเก็บต่อ เพราะว่าเขาอยากหลีกเลี่ยงจากเด็กคนนี้ให้มากที่สุด ทว่ามินจูก็เดินตามเขาเข้าไปในครัว
‘อ้าว ทำไมเข้ามากันแล้ว ฉันกำลังจะออกไปจัดการเลย’
‘แกไปจัดการต่อเถอะ พี่ทงเฮโดนแก้วบาด ฉันจะดูเขาให้’
‘อ่า เหรอ งั้นฉันไปเก็บมันก่อนนะ’
เมื่อบุคคลที่สามจากไปทำหน้าที่แล้ว บรรยากาศระหว่างคนสองคนก็เงียบลง ทงเฮเม้มปากแน่นสะกดกันไม่ให้ตนแสดงท่าทีอะไรออกมา ทว่าแม้จะพยายามเช่นนั้นมันก็ไร้ผลเพราะว่า...
‘ถ้าพี่ชอบพี่คิบอม จูช่วยพี่ได้นะ’
เมื่อเล่าทุกอย่างจบ ความเงียบกับก็ย่างกรายเข้ามา ทงเฮหลบสายตาของคิบอมเพราะไม่อยากมองและไม่อยากรู้ว่าร่างสูงกำลังมองเขาด้วยสายตาแบบไหน เพราะถ้าได้เห็นความจริงที่ซ่อนอยู่ในแววตาคู่นั้นมันอาจจะโหดร้ายเกินไป
“ผมขอโทษที่ทำเหมือนปั่นหัวคุณ”
“...”
“ขอโทษที่บอกว่าผมชอบคุณ”
“...”
“ผมแค่...อยากบอกความรู้สึกของตัวเอง ถึงมันจะทำให้คุณเกลียดผมมากกว่าเดิมก็ตาม”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากสีสวยสลดลงเรื่อยๆ และมันก็สั่นพร่าลงเรื่อยๆ เช่นกัน กระนั้นทงเฮก็พยายามลำเลียงมันออกมาจากลำคออันแห้งผาก
“ต่อไป.. ผมจะไม่มาสร้างความวุ่นวายให้คุณอีก คุณสบายใจได้”
ไร้คำจะและน้ำเสียงจะกล่าวออกมาให้ใครอีกคนได้ฟังอีกทงเฮก็เม้มปากแน่น พยายามเก็บกดอารมณ์ที่กำลังจะท่วมท้นเอาไว้ในใจ ไม่ให้ทะลักล้นออกมารบกวนอีกฝ่าย
ความเงียบคุกคามอีกครั้งพร้อมกับกระเช้าซึ่งลอยอยู่บนฟ้ากำลังร่อนต่ำลงเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงพื้นดิน ยิ่งบีบหัวใจของคนไม่สมหวังให้ยิ่งปวดร้าวหนักขึ้น ราวกับเวลาของชีวิตกำลังสั้นลงทุกที กระทั่งหมดลง ประตูของกระเช้าสีน้ำเงินเปิดออกเมื่อหยุดอยู่ใกล้พื้นดินที่สุด
คิบอมลุกออกไปนอกกระเช้าอย่างไม่รีรอจนทงเฮรู้สึกใจหาย เข้าใจได้ทันทีว่าร่างสูงคงไม่อยากอยู่ในที่ที่น่าอึดอัดแบบนี้ อึดอัดที่ต้องอยู่กับคนที่ชอบตัวเองแต่ตัวเองไม่ได้ชอบ หนำซ้ำยังเป็นผู้ชาย และยังโกหกหลอกลวง ทว่านัยน์ตาคู่สีน้ำตาลอ่อนที่รู้สึกเคืองแสบเพราะน้ำใสๆ พยายามจะดันกันออกมาก็ต้องเปิดกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อมือหนายื่นออกมาตรงหน้า
หน้าหวานเงยขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ด้านนอกแต่กลับส่งมือมาให้ มองใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ สลับกับมือกว้างที่ยังแผ่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งท่าทีงุนงงนั้นก็กระตุ้นให้เสียงทุ้มๆ ต้องเปล่งออกมา
“ลุกออกมาสิ”
ไม่ใช่น้ำเสียงไม่พอใจหรือว่ากดดัน แต่กลับเป็นน้ำเสียงสบายๆ ให้ร่างบางรู้สึกตื้นตันอยู่ในใจ แม้จะไม่รู้ความหมายแต่ก็ซาบซึ้งไปแล้ว
มือบางวางทับบนมือแข็งๆ ที่ยื่นมาให้ ค่อยๆ ดันตัวลุกออกจากกระเช้าก่อนจะย่างก้าวไปจากบริเวณนี้ด้วยกัน ทั้งที่ออกมาจากกระเช้าแล้วแต่ว่ามือที่กุมมือของตนเอาไว้ก็ยังไม่ปล่อยออก หนำซ้ำยังกระชับแน่นขึ้นอีก
ทงเฮรู้สึกว่าหัวใจมันเร่งจังหวะขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พยายามบอกตัวเองไม่ให้คิดไปไกลแต่มันก็พานจะคิดออกนอกลู่นอกทางทุกที
“เอ่อ..”
เมื่อไม่เข้าใจ ทางเดียวที่จะไขข้อข้องใจได้ก็คือการถามเจ้าตัวให้รู้เรื่อง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการทำร้ายหัวใจตัวเองแต่ก็ดีกว่าได้ความหวังแล้วโดนปฏิเสธ แบบนั้นคงเจ็บกว่าเยอะ
“อะไร”
เสียงเบาๆ ที่แทรกความเงียบระหว่างกันทั้งที่รอบตัวเต็มไปด้วยเสียงผู้คน เสียงเพลง เสียงอึกทึกของเครื่องเล่นเรียกความสนใจจากคนที่มองไปด้านหน้าและจูงมือคนข้างตัวให้เดินไปยังด้านหน้าสวนสนุกราวกับไม่รู้ตัวให้หันมามองหน้าหวานๆ ได้
“คือ... มือ..”
ทงเฮพูดอะไรไม่ออก เขารวบรวมเสียงพูดออกมาได้เท่านี้ หน้าเรียวก้มมองมือของตนเองที่ถูกมือหนากุมเอาไว้ซึ่งมันเป็นการบอกคิบอมให้เข้าใจได้ว่าหมายถึงอะไร มือข้างที่จับมือบางไว้จึงยกขึ้นมาพลางเปล่งเสียงถามราวกับคนไม่รู้เรื่อง
“นี่เหรอ” ถามแล้วก็วางมือลงข้างตัวเหมือนเดิมและไม่ได้ปล่อยมือนิ่มๆ ที่จับอยู่ออก ทงเฮจึงได้แต่ครางเสียงในลำคอ
“อืม”
“แปลว่าฉันตกลงไง”
“เอ๊ะ”
คิบอมบอกอย่างสบายๆ แต่กลับกลายเป็นทงเฮที่เบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงเหมือนจะเข้าใจความหมายและไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน ปากบางอ้าออกส่งเสียงไม่เข้าใจ ซึ่งกลายเป็นภาพที่ร่างสูงเห็นแล้วต้องขำเบาๆ ก่อนจะบอกสิ่งที่ชัดเจนกว่า
“ฉันรับรักนาย”
ราวกับเวลาหยุดลงทันใด ขาที่ก้าวเดินไปอย่างไม่เข้าใจหยุดลง ทงเฮยืนขาตายอยู่กับที่ คิบอมจึงต้องหยุดเดินและหันไปมองเจ้าของหน้าหวานที่ได้แต่ยืนตัวแข็ง
“เป็นอะไร”
“ไม่อยากจะเชื่อ คุณโกหกเพราะจะแกล้งผมเหรอ”
“เปล่า”
แม้ว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธว่าไม่ได้โกหกหรือกลั่นแกล้ง แต่ทงเฮก็ไม่รู้สึกว่ามันจะเป็นความจริง เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และยากเกินกว่าจะเชื่อ
“ทำไม...”
“ไม่เชื่อฉันรึไง”
“ก็มันไม่น่า...”
เสียงของคนไม่เชื่อหยุดและถูกกลืนลงคอไปทันทีทั้งที่ยังพูดไม่จบ ไม่ใช่เพราะถูกขัดเหมือนครั้งแรกแต่เพราะสัมผัสอุ่นๆ ที่แตะอยู่บนแก้ม
ทิ้งริมฝีปากของตนเองไว้บนแก้มนุ่มๆ ของคนตัวบางกว่าไว้นานพอสมควร คิบอมก็ถอนหน้าออกมา ยิ้มน้อยๆ ให้หน้าหล่อเหลามีเสน่ห์ยิ่งขึ้น ทว่าเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทงเฮแล้วก็ต้องขยายรอยยิ้มบนแก้มมากขึ้นเพราะว่าร่างบางกำลังยืนหน้าแดงและเพิ่งจะยกมือขึ้นมากุมแก้มตรงที่เขาจูบเมื่อครู่
อย่างกับคนละคนกับตอนทำใจกล้าต่อคำกับเขาเรื่องที่จะจีบมินจู
“ทีนี้เชื่อรึยัง”
หน้าเรียวขาวที่กลายเป็นสีระเรื่อแดงกว่าเดิมเมื่อถูกถามราวกับจะตอกย้ำให้รู้ว่าเมื่อครู่ตนเองโดนร่างสูงทำอะไร ทว่าไม่ได้ตอบอะไรกลับไป คิบอมจึงถามซ้ำ แต่ด้วยประโยคที่ผิดจากเมื่อครู่
“หรือว่าต้องยืนยันอีกข้าง”
“ไม่ ไม่ต้องแล้ว”
“แสดงว่าเชื่อแล้ว?”
“อืม” ตอบเสียงเบาๆ ในลำคอ ทว่านั่นก็ถือว่าเป็นคำตอบ คิบอมจึงยื่นมือไปกุมกับมือบางอีกครั้งก่อนจะพาเดินออกไปจากสวนสนุก
“กลับด้วยกันนะ ฉันมีเรื่องจะพูดกับนายเยอะเลย”
“เห?” เปล่งเสียงด้วยความสงสัยพลางหันไปมองหน้าหล่อที่หันมายิ้มให้เขานิดๆ นัยน์ตาสวยขยายมากกว่าปกติเล็กน้อย
“เชื่อสิว่านายอยากฟัง”
คำพูดที่เหมือนจะรู้ทันทำให้ทงเฮต้องเม้มริมฝีปากแน่น หันหน้ากลับไปยังด้านหน้าเหมือนเดิมเพราะถ้าหากว่ามองใบหน้าหล่อที่แต้มยิ้มนานกว่านี้หัวใจของเขาคงหมดอายุการใช้งานวันนี้ ทว่าแม้จะพยายามสร้างเกราะป้องกันให้ตนเองแล้ว ร่างสูงก็ยังหาวิธีมาทลายเกราะที่กำลังสร้างขึ้นมาได้
“อ้อ แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าคุณด้วย มันดูห่างเหินเกินไปสำหรับคนเป็นแฟนกัน”
ให้ตายสิ จะทำให้หัวใจฉันเต้นแรงไปถึงไหน
( ป.ล. เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเหตุการจริงใดๆ )
|