ฝีเท้าก้าวไปตามเส้นทางเดียวกับทุกๆ วันในยามค่ำคืน ระยะห่างระหว่างก้าวสม่ำเสมอมาตลอดทางจนกระทั่งรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ตกลู่ลงใส่ศีรษะ ก่อนจะรับรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ตัวทั้งตัวก็เปียกไปเสียแล้ว พีมองท้องฟ้าที่มีฝนโปรยปรายลงมาแล้วจึงรีบดึงแล็ปท็อปที่อยู่ในมือขึ้นมากอดเอาไว้ก่อนจะวิ่งไปยังร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ที่สุดในตอนนี้เพื่อเป็นที่กำบังฝน
ร่างสูงขยับตัวเข้ามาด้านใน ปัดหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามเสื้อผ้าและตามตัวออกลวกๆ ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะริมกระจกติดกับหน้าร้าน เพื่อสะดวกในการสังเกตสายฝนที่พรำลงมาหนักพอควรว่าเมื่อไหร่จึงจะหยุด
หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว มือใหญ่จับแล็ปท็อปที่หวงหนักหวงหนาวางลงบนโต๊ะ ควักผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินขึ้นมาเช็ดคราบน้ำที่เปรอะเปื้อนเพียงนิด ทะนุถนอมมันยิ่งตัวเองที่ตัวเปียกไปทั้งตัว แล้วจึงวางผ้าเช็ดหน้าลงเมื่อเห็นว่าของสำคัญของตัวเองไม่ได้เสียหายตรงไหน จากนั้นก็เปิดเครื่องขึ้นเพื่อทำงานที่คั่งค้างไว้ เพราะคิดว่าสายฝนที่กระหน่ำลงมาคงไม่หยุดง่ายๆ หากเขาไม่รีบทำเสียตั้งแต่ตอนนี้ คงเสร็จไม่ทันส่งในวันพรุ่งนี้เป็นแน่
เสียงพิมพ์กรอกแกรกดังเป็นจังหวะการกดนิ้วไปตามแป้นพิมพ์ ท่ามกลางความเงียบของร้านกาแฟเล็กๆ ซึ่งการกระทำเหล่านั้นสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตากลมของคนคนนึงที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์มาตลอดตั้งแต่ร่างสูงก้าวเข้ามาในร้าน ใช้ร้านนี้เป็นที่หลบฝนโดยไม่คิดจะสั่งกาแฟสักถ้วยเพื่อเป็นข้ออ้างในการเข้ามานั่งเลยสักนิด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ไนต์ติดใจอะไร ร่างบางเพียงนั่งอยู่ที่เดิม เท้าคางมองคนที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในร้านกับตัวเองซึ่งปรับอุณหภูมิของร้านไว้ที่ 25 องศา เสื้อผ้าเปียกชื้นน่าจะทำให้ร่างสูงรู้สึกหนาวได้ไม่ยาก
“ฮัดชิ้ว!”
เป็นดั่งที่ไนต์คาดเอาไว้ เสียงจามดังจากเจ้าตัวที่คล้ายจะม่อล่อกม่อแล่กด้วยน้ำฝน ความเฉอะแฉะของเสื้อผ้าทำให้พีตัวสั่นขึ้นมาน้อยๆ รู้สึกหนาวขึ้นมา มือหนาจึงผละจากแป้นพิมพ์ของคอมพิวเตอร์ขนาดพกพามาถูมือตัวเองและลูบแขนไปมาเพื่อบรรเทาอาการเหน็บหนาว
ตาคมมองทอดออกไปนอกกระจก สายฝนยังเทลงมาไม่มีวี่แววว่าจะหยุด คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะลุยน้ำฝนกลับไปในตอนนี้ เพราะไม่อยากเสี่ยงต่อการต้องเอาแล็ปท็อปเข้าศูนย์ ข้อมูลหลายๆ อย่างที่อยู่ในเครื่อง เขาไม่อยากให้มันหล่นหายไปไหนจึงทำได้เพียงแค่กลับมาทำงานของตัวเองต่อ ลืมความหนาวเย็นที่ปะทะร่างกายตัวเองเสียให้ราวกับไม่มีอะไร
ไนต์มองคนที่ดูท่าว่าจะหนาวแล้วก็ต้องยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วเดินกลับเข้าในหลังร้าน หยิบผ้าขนหนูขนาดพอดีมาผืนนึงพร้อมกับกลับมาที่เคาน์เตอร์ ชงกาแฟร้อนๆ สักถ้วยก่อนจะเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีแขกของร้านนั่งอยู่
ถ้วยกาแฟวางลงเบาๆ บนโต๊ะ แต่นั่นก็ทำให้คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วรู้สึกตัวอยู่ดี เจ้าของใบหน้าอูมนิดๆ ละสายตาจากจอสี่เหลี่ยมตรงหน้าเพื่อเบนความสนใจไปยังถ้วยกาแฟที่ถูกวางลง ไล่สายตาตั้งแต่ถ้วยไปยังมือ แขน ต้นแขนจนไปสุดยังใบหน้าหวานที่ต้องยอมรับว่าสะดุดกึกทันทีที่เห็น
“ท่าทางคุณจะหนาว ดื่มกาแฟร้อนๆ สักถ้วยสิครับ”
ร่างเล็กยิ้มให้นิดๆ อย่างมารยาทที่ดีของคนเป็นเจ้าของร้าน แม้ว่าจะถูกคนคนนี้บุกรุกร้านทั้งที่กำลังจะปิดมันก็ตามที ร่างบางไม่คิดจะเอามันมาใส่ใจให้เป็นเรื่อง
“แต่ว่าผมไม่ได้สั่งนี่ครับ”
“คุณไม่ได้สั่งก็จริง แต่ผมอยากให้คุณรับเอาไว้”
ตอบมาอย่างนี้แล้วร่างสูงก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองใบหน้าที่คิดว่าตรึงตาตัวเองเอาไว้อย่างไม่เข้าใจความหมาย ไนต์จึงยื่นผ้าขนหนูที่ติดมาด้วยให้กับร่างสูงอีกครั้ง และก็เป็นอีกครั้งที่พีต้องมองไนต์อย่างฉงนใจ
“ตัวคุณเปียก เอาไปใช้เถอะครับ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” บอกพลางส่งยิ้มเล็กน้อยให้ พีจึงจำต้องรับผ้าผืนนั้นมา แล้วก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่ารู้สึกดีที่ได้ผ้าผืนนี้มาช่วยทุเลาความหนาวของตัวเอง
เมื่อเห็นว่าร่างสูงรับผ้าจากตัวเองไปเช็ดเผ้าผมที่เปียก รวมถึงซับความชื้นแฉะไปตามเนื้อตัวแล้ว ไนต์ก็เดินไปยังเคาน์เตอร์ของร้าน ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้สูงขึ้น พลางกดเปิดเครื่องเล่นเพลงให้เสียงดนตรีฟังสบายเบาๆ คลอตามไปบรรยากาศแห่งความเงียบ แล้วกลับไปยังโต๊ะที่อยู่ติดกันกับร่างสูง นั่งลงไปก่อนจะทอดสายตาออกไปนอกกระจก เหม่อมองสายตาฝนที่พรำลงมาเรื่อยๆ
เสียงเพลงที่ดังขึ้นทำให้พีต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เบนสายตาไปยังเคาน์เตอร์เพราะคิดว่าร่างบางคงจะอยู่ตรงนั้น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ทว่าเมื่อสายตาหันเหกลับมายังตรงหน้าตัวเองก็ต้องเห็นใบหน้าหวานของคนที่เป็นเจ้าของร้านอยู่ต่อหน้า
ร่างบางกำลังยิ้มน้อยๆ ทิ้งสายตาไปกับเม็ดฝนที่หล่นลงมาจากฟากฟ้าราวกับชื่นชอบกับบรรยากาศสบายๆ และสภาพอากาศแบบนี้ ซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างที่พีคิด ไนต์ชอบฝน ชอบที่จะมองหยดน้ำตกลงมาจากท้องฟ้า บรรยากาศหม่นๆ เงียบเหงา แต่กลับมีเสน่ห์ให้ตกลงไปในภวังค์ของมันจนถอนตัวไม่ขึ้น
พีมองใบหน้าสวยงามนั้นอย่างไม่วางตา รู้สึกว่าคนหน้าหวานคนนี้มีอะไรหลายๆ อย่างให้เขารู้สึกว่าไม่อยากจะละสายตาไปไหน เหมือนเทพธิดา เหมือนนางฟ้าที่อยู่ไกลเกินกว่าจะสัมผัสได้ ยากเกินแตะต้อง แต่ในขณะเดียวกันก็อยากจะที่เข้าหา อยากใกล้ชิด อยากทำให้รู้จักความรัก
คิดแล้วก็ต้องหยุดความคิดของตัวเองเอาไว้เพียงเท่านั้น หัวเราะนิดๆ กับความคิดที่ไม่รู้ว่าหลุดออกมาได้ยังไง ก่อนจะนั่งทำงานของตัวเองต่อไป พลางหยิบผ้าขนหนูที่ได้รับจากคนที่ไกลเกินเอื้อมมาเช็ดตัวเองอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ายังเย็นๆ ที่ร่างกายอยู่
หน้าหวานใสค่อยๆ ลดระดับสายตาจากที่เหม่อมองท้องฟ้าและกระจกที่ขึ้นฝ้าพร้อมกับมีน้ำเกาะพราว มองไปยังคนที่อยู่ในร้านอีกคน ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเพ่งความสนใจอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องเล็ก คิ้วขมวดมุ่นเป็นบางครั้งทำให้เรียวปากบางต้องแต้มรอยยิ้มขึ้นมาในบางครั้ง ก่อนร่างบอบบางจะค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปยังโต๊ะตัวนั้น ไม่ส่งเสียงใดๆ แต่กลับเรียกความสนใจจากคนที่ตัวเองเดินมาหาได้โดยไร้สาเหตุ
“ท่าทางฝนจะยังตกอีกนาน ผมจะไปทำขนมให้ทานนะครับ” เอ่ยถ้อยคำเมื่อเห็นว่าอีกคนเงยขึ้นมามองตัวเอง สร้างรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมาบนใบหน้าหวานให้อย่างเป็นมิตร พีเลิกคิ้วน้อยๆ แต่กลับได้รับยิ้มที่กว้างกว่าเดิมอีกนิดหน่อยกลับมาแทน
“ผมไม่ชอบของหวานครับ”
ทว่าก่อนที่ร่างบางๆ จะหมุนตัวกลับไปด้านในของร้าน ก็โดนคำพูดของคนที่ตัวเองพูดด้วยเมื่อครู่ขัดเอาไว้เสียก่อน ไนต์หันไปหาคนที่อยู่ด้านหลัง ยิ้มหวานให้พีรู้สึกว่าหัวใจมันพองโตขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ผมจะทำแบบไม่หวาน”
ร่างสูงเลื่อนสายตาตามแผ่นหลังเล็กๆ ที่หายเข้าไปด้านในแล้วลอบยิ้มออกมาเบาๆ ทอดสายตาทิ้งเอาไว้ตรงนั้นสักครู่ก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจกับงานของตัวเองต่อ ครึ่งหนึ่งแล้วที่งานเดินหน้าไป อีกไม่เท่าไหร่มันก็จะเสร็จสิ้น และเขาก็หวังว่ามันจะเสร็จทันก่อนที่ฝนจะหยุดตก เพราะกลับไปจะได้อาบน้ำอุ่นๆ คลายความหนาวแล้วซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
มือกว้างบรรจงกดลงบนแป้นพิมพ์ต่อไปเรื่อยๆ สลับกับมองกระจกภายนอกร้าน ถนนที่ร้างลาผู้คนเพราะหยาดน้ำฟ้ายังคงหล่นลงมาไม่หยุดหย่อน เสียงเพลงยังคงคลอตามเป็นจังหวะทำนอง ทำให้ความตึงเครียดในการทำงานผ่อนคลายลง พีรู้สึกชอบกับบรรยากาศสบายๆ แบบนี้ ไม่มีการบีบรัด เร่งเร้า เพียงทิ้งอารมณ์ไปตามอากาศรอบตัวเท่านั้น
เสียงฝีเท้าเล็กๆ ที่เดินมาตามทางพร้อมกับถาดขนมที่ถือมาด้วยเรียกสายตาของพีให้ต้องหันไปสนใจอีกครั้ง ทว่ายังไม่ทันที่ร่างบางจะเดินมาถึงและวางถาดขนมลงบนโต๊ะดี เท้าเล็กก็เหยียบเข้ากับแอ่งน้ำเล็กๆ ที่หยดมาจากร่างสูงตอนที่เข้ามาในร้านใหม่ๆ ร่างเล็กแทบจะหงายหลังลงไปกองกับพื้นถ้าเพียงแต่ร่างใหญ่ยื่นมือออกไปรวบร่างเล็กเอาไว้ไม่ทัน
ใบหน้าที่หวานหยดกับหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้กันจนเกือบจะชิดทำให้ทั้งคู่หยุดการกระทำทุกอย่าง แม้กระทั่งลมหายใจก็แทบจะหยุดลงเพราะความชิดใกล้ ดวงตากลมกลอกไปมาอยู่ภายในกระบอกตา มองคนตรงหน้าที่สบตากับตัวเองด้วยนัยน์ตาสีเข้ม หัวใจที่อยู่ในอกเต้นรัวจากคนทั้งคู่ เวลาราวกับจะนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน มือร้อนที่ประคองอยู่ตรงเอวบอบบางโอบรัดให้ร่างเล็กแนบกับตัวเองมากขึ้นอีกเล็กน้อย
พีบอกตัวเองในตอนนั้นว่าอยากจะอยู่ตรงนี้อีกหน่อย อยากให้ช่วงเวลานี้ยืนยาวต่อไป แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเอาไว้เพราะไนต์ค่อยๆ เบี่ยงตัวเองออกจากวงแขนนั้นช้าๆ หลบสายตาที่จ้องมองตัวเองด้วยความหมายบางอย่าง
“เอ่อ ขอบคุณครับ”
น้ำเสียงติดกระอักกระอ่วนเล็กน้อยทำให้มือใหญ่ต้องปลดออกช้าๆ ด้วยความเสียดาย ใบหน้าหวานก้มงุดนิดหน่อย แต้มยิ้มน้อยๆ บนแก้มไม่ให้อีกคนได้เห็นก่อนจะเงยขึ้นแล้ววางถาดขนมลงบนโต๊ะ
“ขอโทษนะครับ เพราะผมทำพื้นเปียก คุณก็เลยลื่น”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่คุณยังหนาวอยู่รึเปล่า ผมจะได้เตรียมโกโก้อุ่นๆ ให้คุณอีกสักแก้ว”
รอยยิ้มพร้อมกับความห่วงใยเล็กน้อยที่ร่างเล็กหยิบยื่นมาให้ เพียงแค่นั้นก็ทำให้พีรู้สึกคลายหนาวไปได้มากแล้ว ร่างใหญ่ส่งยิ้มกลับไปเป็นคำขอบคุณ
“เท่านี้ก็พอแล้วครับ” ประคองถ้อยกาแฟที่ยังอุ่นๆ อยู่เอาไว้ ก่อนจะยกขึ้นจิบนิดๆ เป็นการบอก ร่างเล็กจึงดันเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามร่างสูงออกแล้วทิ้งตัวลงนั่ง หยิบช้อนขึ้นมาตัดเค้กชิ้นเล็กให้พอดีคำก่อนจะส่งให้ร่างสูง
“ลองชิมดูสิครับ ว่าใช้ได้รึเปล่า”
คิบอมมองอย่างเก้ๆ กังๆ นิดหน่อย ไม่คิดว่าร่างเล็กตรงหน้าจะบริการตัวเองถึงขนาดนี้ ก่อนจะจับช้อนที่ยื่นมาให้ ส่งเค้กที่อยู่บนนั้นเข้าปาก รสชาตินุ่มลิ้นและไม่หวานมากอย่างเค้กที่เคยลองกินมาทำให้ต้องยิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วส่งช้อนคืนให้คนที่ทำท่าลุ้นอยู่ไม่น้อย
“อร่อยครับ”
เพียงเท่านั้นร่างเล็กก็ฉีกยิ้มมากกว่าครั้งไหน ใบหน้าน่ารักที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มทำให้พีไม่สามารถละสายตาของตัวเองไปได้ คนตรงหน้าทำให้เขากำลังอุ่น ...อบอุ่นที่หัวใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เจ้าตัวจะรู้ตัวมั้ยนะ?
“กินอีกมั้ยครับ เดี๋ยวผมตักให้”
เขี้ยวเล็กๆ เผยให้เห็นเวลาขยับริมฝีปากดึงดูดสายตาคนมองไม่น้อย เขี้ยวเสน่ห์กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ และพีก็รู้สึกว่าตัวเองจะตกลงไปแล้ว ตกลงไปในหลุมเสน่ห์นั้น
“ขอบคุณครับ”
ในเมื่ออีกคนมีน้ำใจขนาดนี้พีก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธ รับช้อนมาจากอีกคนแล้วส่งเค้กเข้าปากเป็นครั้งที่สอง
“ผมชอบฝนตกนะ”
ปากบางพร่ำคำพูดออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยขณะตัดเค้กเป็นชิ้นให้กับร่างสูง เมื่อส่งช้อนให้แล้วก็มองออกไปนอกกระจกอีกครั้ง หยาดน้ำที่ไหลไปตามกระจกดูงดงาม ยิ่งมีร่างบางอยู่เคียงข้างมันพร้อมกับเอานิ้วเล็กๆ เขี่ยไปมาให้เกิดเป็นลายเส้น ภาพนั้นก็ยิ่งสวยงามมากยิ่งขึ้น
พีทิ้งสายตาตามการกระทำของไนต์ที่ยื่นหน้าไปใกล้กับบานกระจก พรูลมหายใจอุ่นๆ เข้าปะทะกับมันจนเกิดเป็นฝ้า แล้วเอานิ้ววาดลงบนนั้นก่อนจะหันกลับมาหาคนที่อยู่ตรงหน้าตัวเองด้วยรอยยิ้มหวาน
“คุณชอบฝนตกรึเปล่า”
“จริงๆ แล้วผมไม่ชอบฝนตก แต่ตอนนี้ผมกำลังคิดว่าฝนตกก็ดีเหมือนกัน”
คำตอบของพีทำให้ไนต์หัวเราะคิกออกมาเบาๆ แล้วยกตัวขึ้นจากเก้าอี้ โน้มตัวเข้าไปหาร่างสูงจนพีอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ว่าร่างเล็กจะทำอะไร แต่ว่ามันก็เป็นแค่ความคิดเลื่อนเปื้อนของตัวเองเท่านั้น เพราะว่ามือบางแค่ยื่นมาดึงช้อนออกจากมือตัวเอง ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้เหมือนเดิม
“ฝนตกมันทำให้หนาว ทำให้เหงา แต่ถ้ามีใครสักคนอยู่ข้างๆ กับเรา มันก็เป็นช่วงเวลาที่ดี คุณว่ามั้ย?”
เค้กชิ้นสุดท้ายถูกส่งมาพร้อมกับประโยคนี้ พีรับมาก่อนจะพยักหน้าเบาๆ สิ่งที่ร่างเล็กพูดมาก็เหมือนกับตัวเองในตอนนี้ ที่กำลังรู้สึกดีในช่วงเวลานี้ แม้ว่าตอนแรกจะไม่ชอบใจอยู่สักหน่อยกับการเปียกน้ำฝนและทำให้กลับห้องพักของตัวเองไม่ได้
“ผมว่าผมรบกวนการทำงานของคุณแล้วล่ะ”
หลังจากพูดประโยคนั้นจบและร่างสูงคืนช้อนให้แล้ว ไนต์ก็พูดประโยคนี้ออกมา ความรู้สึกของพีในตอนนี้ไม่อยากที่จะทำงานอีกต่อไปแล้ว อยากจะนั่งคุยกับร่างเล็กต่อไปอย่างนี้ ได้มองใบหน้าหวานนี้ไปอีกสักหน่อย แต่ร่างเล็กก็ไม่เปิดโอกาสให้ทำแบบนั้น เพราะใครคนนั้นกำลังลุกจากเก้าอี้ พร้อมกับถือถาดขนมไว้ในมือเพื่อนำไปเก็บข้างในร้าน
พีได้แต่มองตามไปเท่านั้น ลอบเสียดายอยู่ในใจ แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ จึงต้องเบี่ยงความสนใจกลับมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม และก็เหมือนเดิมที่ไนต์กลับมานั่งตรงเคาน์เตอร์ มองผ่านออกไปนอกกระจกร้าน แต่ตำแหน่งที่มองคงผิดไปจากตอนแรกก่อนที่ร่างสูงจะก้าวเข้ามาในร้าน เพราะว่ามันเปลี่ยนทิศจากทางด้านซ้ายเป็นด้านขวาซึ่งมีร่างสูงนั่งจดจ่ออยู่กับการทำงาน
ตากลมยังคงมองอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งสายน้ำที่เทลงมาจากฟากฟ้าเริ่มชะลอตัวลง และค่อยๆ หยุดอย่างช้าๆ พีเงยหน้าจากแล็ปท็อปเมื่อรู้สึกว่าเสียงฝนที่ตกลงมาในช่วงแรกๆ จะแผ่วเบาลง และก็เห็นว่ามันเกือบจะหยุดสนิทแล้วจริงๆ จึงปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และพับฝาลงเพราะงานที่ทำค้างเอาไว้เสร็จสิ้นพอดี
ร่างสูงกวาดสายตาไปรอบร้านก่อนจะหยุดลงตรงเคาน์เตอร์ที่มีร่างเล็กนั่งอยู่ พิจารณาใบหน้าหวานสวยนั้น ก่อนที่ร่างเล็กจะลุกขึ้นมาราวกับรู้ว่าเขาอยากจะให้ระยะทางระหว่างตัวเองกับร่างเล็กหดสั้นลงมา
“ฝนหยุดแล้ว”
พูดได้เท่านั้นพีก็ต้องปิดปากตัวเองลง เพราะหมดข้ออ้างที่จะอยู่ในร้านนี้ต่อ ซึ่งไนต์ก็ทำเพียงแต่ส่งยิ้มให้เท่านั้น พีจึงจำต้องเก็บแล็ปท็อปเข้ากระเป๋า แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเพื่อจะจ่ายค่ากาแฟและเค้กที่ร่างเล็กนำมาให้ แต่มือนุ่มนิ่มก็ยื่นมาจับมือใหญ่เพื่อรั้งการกระทำนั้นเอาไว้
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมเป็นฝ่ายทำให้คุณเอง”
“มันจะดีเหรอครับ”
“ถ้าคุณลำบากใจ เอาไว้วันหลังก็มาอุดหนุนสิครับ” ยิ้มกว้างให้พร้อมกับมือที่ปล่อยออกมา แต่นั่นก็ทำให้พีใจเต้นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“ขอบคุณมากนะครับ”
ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่ต้องพูดประโยคนี้กับคนคนนี้ พีหยิบกระเป๋าแล็ปท็อปขึ้นมาถือไว้ พลางส่งผ้าขนหนูผืนเล็กที่เปียกชื้นคืนให้ร่างบางก่อนจะโค้งให้น้อยๆ แล้วเดินไปที่ประตูของร้าน เมื่อร่างกายออกมานอกร้านแล้วก็ยังหันกลับไปมองผ่านกระจกใสที่มีร่างบางยืนมองมาทางตน มือเล็กๆ ยกโบกไปมาให้พร้อมกับรอยยิ้มสวยงามที่ติดตรึงตาให้ต้องยิ้มตาม ก่อนจะก้าวออกห่างจากร้านนั้นช้าๆ
ฝนตกคราวหน้าเขาคงจะไม่ต้องหนาวอีกแล้วล่ะมั้ง
เพราะหาที่สร้างความอบอุ่นให้กับตัวเองได้แล้ว
อยากให้พรุ่งนี้ฝนตกอีกจัง
END
|