ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 636|ตอบกลับ: 8

++ จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ++ $ 18

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

“มึงอย่าโกหกกูได้ยินพวกมันคุยกันก่อนลงไปเข้าแถว” ผมเริ่มทำหน้าดุใส่มัน
“ก็มาชวนคุยเหมือนปรกตินี่ ไม่เห็นมีไร” ตั้มตอบหน้ากลัวๆ ...กลัวกูรู้เหรอวะว่าพวกมึงทำอะไรกัน
“ปรกติยังไง” ผมยังซักต่อ
“ก็ มาโอบคอชวนคุย แล้วก็ เอ้อ...” มันทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก “หอมแก้มเราทีนึงอะ”
“มึงก็ยอมให้มันทำเหรอวะ” ผมโกรธสิครับ
“ก็ไม่รู้ตัวนี่” มันหน้าจ๋อย “แล้วไมปอโกรธอะ ทีเมื่อก่อน พวกศักดิ์มันแกล้งหอมแก้มเรา ไม่เห็น ปอ เป็นงี้เลย”
“.........................” คำตอบของมันทำเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน
“ปอ เองก็เหอะ ชอบแอบหอมแก้มเราเหมือนกันนี่นา” ตั้ม มันพูดงอนๆ
“เออๆ ไม่ว่าก็ได้วะ” ผมบอกไป แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ หันไปทางอื่น...พุดถึงเรื่องนี้ทำไมวะ กูเขินเว๊ย...
“ปอ” มันเรียกผม หน้าตาหวาดๆ “ปอ ว่า นึก มันเป็นพวกมนุษย์กินคนรึเปล่าอะ” มันถามเสียงเบาเหมือนกระซิบ
“อะไรของเอ็งวะ” ผม เริ่ม งง กับคำถามของมัน
“ก็เมื่อเช้าอะ นึก มันท่าประหลาดๆ โอ บอกว่า นึก จะกินเราอะ” สีหน้ามันเหมือนจะร้องไห้
“ฮ่าๆๆ” ผมอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อเห็นท่าทางของมัน ...เฮ้ย หรือว่าที่มันคุยกันอยู่เมื่อเช้าจะจริงวะ
“กลัวเหรอ” ผมถามพลางเอามือซ้ายไปจับมือขวามันที่ใต้โต๊ะบีบเบาๆ
“อื้อ” หน้าตามันยังไม่หายกลัว ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้
“ถ้ากลัว ก็อย่าอยู่กับมันตามลำพัง แล้วเวลาอยู่กับมันก็คอยระวังไว้ เดี๋ยวเกิดมันหิวจัด ทนไม่ไหว มันจะกัดเนื้อมึงกินแหว่งเป็นแถบๆ ไม่รู้ด้วยนะเว๊ย” ผมขู่
“หง่ะ น่ากลัวอะ ปอ มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอ” สีหน้ามันยิ่งตกใจ เหลือบมองไปทางนึกแล้วขมวดคิ้วใหญ่
เวรจริงๆ ไอ้ตั้ม กูหลอกแค่นึ้ก็เชื่อด้วยเว๊ย แต่ดีเหมือนกัน เผื่อมันจะได้ห่างๆ ไอ้นึก ไว้หน่อย ไอ้ตัวอันตรายแบบนั้น ถ้ามันคิดจริงจัง กูก็จะแข่งกับมันแฟร์ๆ นี่มันทำกับ ไอ้ตั้ม เพราะความสนุก กูไม่ยอมเว๊ย.....
๓๘ เที่ยวบ้านชานเมือง
“ตั้ม พรุ่งนี้สอบวันสุดท้ายพวกไอ้นึก จะไปเที่ยวบ้านเอ็งกันเหรอวะ” ปอ ถามผมขณะที่ผมนั่งอ่านการ์ตูนอยู่
“อื้อ” ผมตอบสั้นๆ เพราะกำลังสนุกอยู่กับหนังสือการ์ตูนในมือ
“กูไปด้วยนะ” ปอ พูดพลางเอามือมาปิดหนังสือที่ผมอ่านอยู่ แล้วแย่งไปถือไว้
“ก็ไปสิ แล้วทำไมต้องมาปิดการ์ตูนเราด้วยอะ” ผมพูดงอนๆ
“จะสอบอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว มึงยังเอาแต่อ่านการ์ตูน ทำไมไม่อ่านหนังสือเรียนวะ” ปอ พูดฉุนๆ “มึงทำอย่างนี้พวกกูฝ่อหมดดิ สบายฉิบ หนังสือก็ไม่อ่าน ดันสอบได้คะแนนดีอีกนะมึง”
“ก็เราอ่านหมดแล้วอะ ตอนนี้ไม่อยากอ่าน อ่านไปก็ไม่เห็นจะได้อะไรเลย อ่านแค่ ๑๐ นาทีก่อนสอบเนี่ย” ผมพุดพลางเอามือไปแย่งหนังสือการ์ตูนคืน
“งั้นมึงช่วยกูหน่อย เล่าโรบินสันตอนท้ายๆให้กูฟังหน่อย กูอ่านไม่ทัน”
“อ้าว ปอ ทำไมเพิ่งบอกอะ จะทันรึเปล่า เอาหนังสือมาเร็วๆ” ผมตกใจ รีบหยิบหนังสือออกมาเปิดอ่าน แล้วอธิบายในจุดที่ ปอ ถาม ไม่ได้สนใจว่า เริ่มมีคนเข้ามาล้อมฟังเพิ่มขึ้น ผมก็แปลให้ ปอ ฟังไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงออดสัญญาณบอกเวลาให้เข้าห้องสอบดังขึ้น ถึงได้พากันเก็บของเข้าไปนั่งประจำที่ในห้องสอบ
“โอย บ้านเอ็งนี่จังหวัดอะไรวะ”  เชียร บ่น หลังจากนั่งรถมานาน แล้วยังต้องเดินอีกเกือบ๒๐๐ เมตร กว่าจะถึงบ้านผม
“คิ๊ก คิ๊ก เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งเข้าไป เราเข้าไปผูกหมาก่อนนะ” ตั้ม พูดจบ ก็เปิดประตูรั้วเข้าไปแล้วปิดไว้เหมือนเดิม
“บ้านแม่งบ้านนอกจริงๆหว่ะ ไม่น่าเชื่อจะอยู่ในกรุงเทพฯอยู่นะเนี่ย” โอ พูดพลางมองไปรอบๆ ทุ่งนากว้างๆ มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นเป็นระยะ
“ร่มรื่นดีนะ เราว่า อากาศดีด้วย” วัฒน์ พูดขึ้น
“เข้ามาได้แล้ว” ตั้ม เปิดประตูรั้วออกมาชะโงกหน้าเรียก เพื่อนๆก็เลยทยอยกันเดินเข้าไป มีเสียงหมาเห่ามาจากทางหลังบ้าน
“โห อยู่กันกี่คนเนี่ย บ้าน ๓ หลังเชียว” นึกพูดขึ้น เมื่อเข้ามาเห็นสภาพภายในรั้วเต็มตา
ประตูรั้วบ้านอยู่ค่อนมาทางด้านซ้าย เมื่อเข้ามาก็มองเห็นเรือนเล็กๆอยู่ถัดไปจากสนามหญ้า ทางขวามือ เป็นอาคารชั้นเดียว เชื่อมต่อกับเรือนใหญ่ด้านใน ที่เป็นอาคาร ๒ ชั้น แล้ว ถัดไปเหมือนมีเรือนไม้เล็กๆอยู่อีกหลังหนึ่ง มีศาลาเล็กๆใต้ต้นมะม่วงต้นใหญ่อยู่ริมสนามหญ้าใกล้ๆอาคารชั้นเดียว มองเข้าด้านหลังศาลา เห็นเป็นแนวต้นไม้พุ่มสลับต้นชมพู่เตี้ยๆเป็นระยะๆ
“แม่เราอยู่เรือนเล็กอะ แล้วเรือนใหญ่ เราอยู่กับพ่อ แล้วก็พี่ๆไง เรือนไม้นั่น เรือนครัว” ตั้มพูดพลางเดินนำเพื่อนๆ เข้าไปยังห้องรับแขกภายในเรือนใหญ่
“นั่งกันก่อน เดี๋ยวเราหาน้ำ หาขนมให้กิน ใครว่าง ช่วยเปิดหน้าต่างให้หมดเลยนะ ลมจะได้เข้า” ตั้ม บอกเพื่อนๆ
“เราไปช่วยนะ ป่ะ หมู ไปช่วย ศิลปี กัน” วัฒน์ พูด
แล้วทั้ง ๓ คนก็เดินออกไปจากห้องรับแขกไปทางเรือนครัว สักพักก็กลับมาพร้อม น้ำเปล่าและน้ำอัดลมยี่ห้อต่างๆหลายขวด กระติกน้ำแข็ง ถาดใส่แก้วน้ำ แล้วก็จานขนมหวานแบบไทยๆใบใหญ่ มีขนมจำพวก ขนมชั้น  ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองอยุ่บนจาน และโหลแก้วใบใหญ่ ใส่ขนมจำพวกคุ๊กกี้ต่างๆอีก ๒ โหล ด้วยความเหนื่อยเพราะนั่งรถมานาน ต่างคนจึงจัดการกินน้ำ กินขนมกันซะเต็มคราบ
“ตั้ม เราอยากเห็นห้องนอน ตั้ม อะ” นึก พูดขึ้นแล้วจับมือ ตั้ม ให้ลุกขึ้นจากที่นั่งอยู่
“ไปดูดิ ชั้นบนแน่ะ เดี๋ยวเราพาไปดู” ตั้ม ตอบ
“กูไปด้วย” ปอ พูดขึ้น ....เรื่องอะไรกูจะให้อยู่กันสองต่อสองวะ กูไม่ยอมหรอก แล้วดูดิ มันกลัว ไอ้นึกได้ไม่กี่วันกลับมาคุยกันเหมือนเดิมอีกแล้ว
“เฮ๊ย มึงอยู่ห้องนี้คนเดียวเลยเหรอวะ” ปอ ถามพลางมองดูห้องนอนขนาด ๔ เมตรคูณ ๔ เมตร มีเตียงนอนขนาดควีนไซด์วางชิดผนังด้านหนึ่ง ปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าใบย่อม ทางหัวเตียงมีโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่ กับชั้นหนังสือ บนชั้นเต็มไปด้วยหนังสือนิทาน และหนังสือภาพมากมาย ทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ รวมทั้งหนังสือการ์ตูนสารพัดเรื่อง บนหัวเตียงมีเครื่องเล่นวิทยุ-เทปวางอยู่ พร้อมกับชั้นวางเทป กะด้วยสายตามีประมาณเกือบ ๑๐๐ ตลับได้ เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ปอ ก็เห็นมีแต่เพลงบรรเลง ทั้ง ไทย สากล และไทยเดิม
“เพลงอะไรของมึงวะเนี่ย กูไม่เคยเห็นเลยหว่ะ” ปอ หันไปถาม ตั้ม
“ไหน ดูดิ๊” นึก เข้าไปดูบ้าง ... เพลงอะไรวะ เพลงฝรั่งทั้งนั้นเลยนี่หว่า แล้วนี่อะไรวะ บาค โมสาท บีโธเฟ่น  ไฮเดน เดอบุสซี่ ราเวล มันฟังอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะนี่ แล้วดูอีกด้านดิ ตับพระลอ  ตับนางลอย เดี่ยวขิม ซอสามสาย วงปี่พาทย์ วงมโหรี เข้ากันน่าดูเลยหว่ะ -*-...นึก คิด
“เพลงพวกนี้เพราะอะ เราเปิดฟังจนหลับทุกคืนแหละ ตั้งแต่เด็กๆแล้วอะ บางอันเราก็ไม่ค่อยรู้จักหรอก ญาติเราที่เป็นพยาบาลให้มา” ตั้ม ตอบยิ้มๆ  
“นี่อะไรวะ ตั้ม ท่าทางจะของโบราณ” ปอ ชี้ไปที่กล่องสีดำใบย่อม ที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ตัวกล่องเหมือนโทรทัศน์สมัยโบราณที่ย่อส่วนลงมา มีรูปคนนั่งเล่นกีตาร์อยู่ตรงส่วนที่เป็นเหมือนหน้าจอ ปอ ลองเอามือดึงลิ้นชักด้านหน้าออกมาเล็กน้อย รูปคนนั้นก็ขยับไปมาแล้วก็มีเสียงเพลงดังออกมา เหมือนกับรูปคนนั้นกำลังบรรเลงเพลงอยู่ นึกขยับตัวมาดูด้วยความสนใจอีกคน
“กล่องเพลงนี่หว่า น่ารักจังหว่ะ” ปอ หันไปพูดกับตั้มยิ้มๆ แต่เขากลับเห็น ตั้ม มีสีหน้าเศร้าสร้อยอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน “เฮ้ย เป็นอะไรวะ ตั้ม” ปอถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เอ้อ...ไม่มีอะไรอะ ปอ” สีหน้า ตั้ม เปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยๆ “ลงไปข้างล่างดีกว่า หาอะไรเล่นกัน”
พอลงมาข้างล่าง ก็พากันออกไปนั่งกันที่สนามหญ้าหน้าบ้าน พากันเล่นกับหมาบ้าง อ่านหนังสือบ้าง บางคนหาสายเอ็นมาผูกไม้แล้วเขาขอตกปลาผูกสายเอ็นอีกด้าน (โอ กับ นึก ขี่จักยานไปซื้อจากร้านค้าแถวนั้น) พากันไปตกปลาที่สะพานข้ามคลองใกล้ๆบ้าน แต่ไม่ได้ปลาสักตัวหรอก ตกกันเป็นซะที่ไหนล่ะ -*-
เพลินกันไปถึงสี่โมงครึ่ง  ตั้ม ก็เตือนเพื่อนๆว่าให้เตรียมตัวกลับได้แล้ว เพราะเดี๋ยวพ่อจะกลับบ้านมาตอน ๕ โมงเย็น พ่อ ตั้ม สั่งไว้ว่าให้เพื่อนๆนั่งรถประจำตำแหน่งของพ่อ ซึ่งจะไปส่งแถวๆตลาดคลองเตย จะได้ไปต่อรถกลับบ้านกันง่ายๆ
“ไอ้ลูกหมาเอ๊ย อยู่ไหนลูก” เสียง พ่อเรียกมาจากหน้าบ้าน ตั้ม วิ่งไปที่ตู้เย็นใบเล็กในห้องรับแขก หยิบผ้าเย็นออกมาแล้ววิ่งไปหาพ่อ
“พ่อค๊าบ ผ้าเย็นค๊าบ” ตั้ม ส่งผ้าเย็นให้พ่อที่กำลังเอามือขยี้หัวผมอยู่อย่างเอ็นดู
“สวัสดีครับ คุณพ่อ” เพื่อนๆพร้อมใจกันทักทาย
“สวัสดีลูก เอ้า กลับรถพ่อกันนะ รีบไปกันได้แล้ว เดี๋ยวเย็นมากไปทางบ้านจะเป็นห่วง ตั้ม ไปส่งเพื่อนๆที่รถนะลูก” พ่อพูดจบก็เดินไปยังห้องของพ่อที่อยู่ด้านหลังของห้องรับแขก
ตั้ม ก็พาเพื่อนๆไปที่รถ ทักทายกับคนขับรถที่เขาคุ้นเคยนิดหน่อย เมื่อเพื่อนๆขึ้นรถหมดแล้ว ตั้ม ก็โบกมือบ๊ายบายเป็นการส่งเพื่อนๆ จนรถแล่นออกไปลับตา
๓๙ ลูกรัก-ลูกชัง
เฮ้อ...มองเห็นลูกชายคนเล็กของตัวเองในกลุ่มเพื่อน ถึงแม้จะเติบโตมาอย่างปรกติ แต่ ก็ยังดูออกว่ามีความเป็นเด็กมากกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน
ตอนมันจะเกิดมาก็ไม่ได้อยากจะให้มันเกิด แต่พอออกมาแล้วก็ต้องทนๆเลี้ยงไปตามแกน ให้ป้ามันมั่ง ลุงมั่ง เลี้ยงดูอุ้มชูไป แม่มันก็เอาแต่ทำงานไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ มีพี่สาวมันนี่แหละ ที่สนใจมันหน่อย เห็นว่ามันเป็นเด็กแปลกๆมาตั้งแต่เล็ก วางไว้ตรงไหน ก็อยู่นิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่คลานไปไหน ข้าวของก็ไม่ซนไขว่คว้า ต้องมีคนยื่นส่งให้มันถึงจะลูบคลำด้วยความสนใจ มันตกจากเปล ก็สมน้ำหน้ามัน เวลาเห็นมันเอียงคอมองอะไรบ่อยๆ หรือบางทีก็มองโดยปิดตาไว้ข้างหนึ่ง ก็ไม่ได้คิดว่าสายตามันมีปัญหา จนมันเรียนชั้นประถม ครูเขียนมาในสมุดพกว่า มันเดินเป๋ไปเป๋มา ชนประตู ชนกำแพงบ่อยๆ แล้วยังเดินพลาดตกหลุม ตกบ่อ ตกบันไดเป็นประจำ พี่สาวมันถึงได้พาไปหาญาติที่อยู่ในโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่ง อยู่ตรวจอย่างละเอียดอยู่หลายวัน ทำให้รู้ว่า มันมีปัญหาทางสายตาอย่างหนัก แล้วไอ้ท่าทางเอ๋อๆเหมือนเด็กปัญญาอ่อนของมัน หมอบอกว่าเกิดจากการกระทบกระเทือนตอนที่แม่มันตั้งท้อง ทำให้มีปัญหากับระบบสมองบ้าง ยังดีที่ไม่ถึงขั้นปัญญาอ่อนไป จะมีก็คงเป็นปัญหาเรื่องบุคลิคภาพ แล้วก็มีเรื่องของฮอร์โมนในตัวที่ไม่สมดุล ทำให้สภาพทางร่างกายบางอย่างผิดไปจากเด็กผู้ชายทั่วไปอยู่บ้าง และมีพัฒนาการทางร่างกายช้ากว่าเด็กปรกติ เพราะคำว่า พ่อ ก็เลยต้องส่งเสียรักษามันไปตามหน้าที่ พี่สาวพี่ชายมันก็ขยันพาไปตามศูนย์บำบัดต่างๆ
ด้วยความชังน้ำหน้ามันตั้งแต่เล็ก เวลามันเข้ามาใกล้ๆ ก็ไม่ค่อยจะอุ้มหรือกอดมันซักเท่าไร เวลาจะเรียกมันก็เรียก ไอ้ดำ ไอ้หมาขี้เรื้อน บอกมันบ่อยๆว่าเก็บมันมาจากถังขยะ ท่าทางมันก็ดูจะเสียใจเหมือนกัน แต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจอะไรกับมันนัก เคยได้ยินมันถามป้ามันเหมือนกันว่า ทำไมพ่อไม่อุ้ม ไม่กอด มันบ้าง ป้าก็บอกว่า เพราะมันเอาแต่ซน สกปรกตัวเหม็น พ่อเลยไม่อยากอุ้ม หลังจากนั้นก็ดูเหมือนมันจะซนน้อยลง ยอมให้ป้าทาขมิ้น ทาน้ำอบ แป้งร่ำ ที่มันไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ป้ามันยังเอาสีผึ้งทาปาก ทาคิ้ว ทาน้ำมันหอมที่ผม แล้วพอมันใส่เสื้อผ้าดีๆมียี่ห้อ ที่แม่มันชอบหามาให้จากตามห้างสรรพสินค้า มันก็ดูสะอาดสะอ้าน น่ารักเหมือนตุ๊กตา แต่ก็ไม่ได้คิดจะกอดมันเลยสักครั้ง มันก็เอาแต่ถามป้ามัน ว่าตัวมันเหม็นมากเหรอ พ่อถึงไม่สนใจมันเลย
เรื่องเรียนก็เหมือนกัน ไม่ได้คิดจะส่งให้มันเรียนโรงเรียนดีอะไรมากมาย แต่แม่มันไม่ยอม บอกว่า พี่เรียนที่ไหน น้องก็ควรได้เรียนด้วย ลุงกับป้ามันก็เห็นด้วย ก็เลยให้มันเรียนโรงเรียนคริสต์ที่พี่ชายมันเคยเรียน แต่มันก็มีเรื่องทำให้รำคาญบ่อยๆ บางวันทำสำออยไม่ยอมไปเรียน บอกว่าไข้ขึ้นสูง พอตกเย็น เห็นมันวิ่งเล่นกับเด็กๆแถวบ้านออกปร๋อ พอหลายๆครั้งเข้า ก็พี่สาวมันอีกนั่นแหละพาไปหาหมอ
ถึงได้รู้ว่ามันเป็นภูมิแพ้อากาศค่อนข้างรุนแรง พอเจอกับอากาศเย็นๆตอนเช้า ก็จะมีไข้และอาการปวดศรีษะ ตามมาด้วยมีน้ำมูกเหมือนเป็นหวัด ต้องรักษากันอยู่นาน อาการมันถึงได้ดีขึ้น เริ่มนึกห่วงอยู่เหมือนกัน กลัวว่ามันจะเป็นหอบหืดเหมือนพี่ชายมันตอนเด็กๆ
วิชางานไม้ มันก็ทำส่งไม่เคยทัน จนครูต้องมีจดหมายมาถึงผู้ปกครองทุกเทอม แต่มันก็ยังของเงินไปซื้อไม้ ซื้อใบเลื่อยเยอะผิดสังเกต จนมาเห็นตอนมันทำนั่นแหละถึงได้รู้ว่ามันทำไม่ได้จริงๆ สายตามันแย่ กะระยะอะไรผิดเพี้ยนไปหมด จับเลื่อย จับฉลุ ดูเก้ๆกังๆไปหมด เลื่อยไม้กว่าจะใช้ได้ ต้องเลื่อยใหม่หลายครั้ง แต่มันอดทนทำของมันไปเรื่อยๆ ไม่ได้มาเรียกให้ใครช่วย จนงานของมันเสร็จไปส่งครู เห็นแล้วก็ภูมิใจนิดๆไม่ได้ ที่มันอดทนเอาการเอางานดี ไม่ร่ำร้องให้ใครทำให้มันเหมือนลูกของเพื่อนบ้าน ที่พ่อต้องคอยทำงานให้ลูกเอาไปส่งครู การบ้านวิชาอื่นๆ พี่สาวมันก็สอนให้รู้จักเปิดหาคำตอบเองจากหนังสือ พี่สาวมันเป็นครู ก็เลยสอนมันแบบเดียวกับที่สอนนักเรียนในโรงเรียน มันก็ตั้งอกตั้งใจหาคำตอบที่มันต้องการหาเองจนเจอ ไม่ค่อยมาถามซอกแซกจะเอาแต่คำตอบอย่างเดียว
จะว่าไปมันก็เรียนดี พี่สาวมันไปงานรับเกียรติบัตรทุกเทอม โดยเฉพาะวิชาภาษาไทย มันทำคะแนนได้ไม่เคยต่ำกว่า ๙๐% ดูเหมือนพี่สาวมันจะภูมิใจมาก เพราะตัวเองก็เป็นครูวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา เวลาโรงเรียนมีงานแสดง มันก็จะได้ไปร้องเพลงบนเวทีกับพวกนักร้องประสานเสียงทุกปี เวลาว่าง ก็เห็นมันไปนั่งเล่นดนตรีไทยกับพวกคนแถวบ้านบ่อยๆ บางทีก็เห็นมันไปเล่นหมากรุกกับเค้าด้วย ไม่รู้ว่าใครมาสอนให้มัน  คนเฒ่าคนแก่แถวบ้าน เอ็นดูมันไปซะทุกคน
เท่าที่เห็น นอกจากเรื่องที่เกิดจากความผิดปรกติของร่างกายมันเอง มันก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรให้เดือดร้อนรำคาญเลย จะเห็นก็มีบางครั้งที่มันนั่งเหม่อ ดวงตาเลื่อนลอยเหมือนพวกเด็กปัญญาอ่อน หรือบางครั้งมีน้ำลายยืดออกจากปากโดยที่มันไม่รู้ตัว เห็นแล้วก็นึกกลุ้มใจอยู่ว่ามันจะโตขึ้นเป็นแบบไหนกันแน่ เพราะดูแล้ว สมองกับบุคลิกมัน ดูจะพัฒนาไปไม่พร้อมกันเลย
ช่วงที่มันปิดเทอมภาคเรียนแรกตอนชั้นประถม ๕ กระมัง ตอนบ่ายๆที่พ่อเกิดอุบัติเหตุหกล้มในห้องน้ำ ต้องให้มันไปเรียกคนข้างบ้านมาช่วย พอตามคนมาเสร็จ มันก็หายหัวไปไหนไม่รู้ นึกโกรธมันมาก ทำไมไม่อยู่ดูแลพ่อ หรือเผื่อว่าพ่อจะเรียกใช้อะไรบ้าง มันหายไปตั้งแต่ตอนนั้นจนตกเย็น เพื่อนพี่สาวมันพามาส่งบ้าน พี่สาวมันถามดูก็ได้ความว่า มันวิ่งไปตามบ้านเพื่อนของพี่ชาย ตามหาว่าพี่ชายมันอยู่หรือเปล่า วิ่งไปตามหาลุงตามบ่อนไพ่ในตลาด แล้วก็วิ่งหาโรงเรียนของพี่สาว จนมันไปหลงทางอยู่ห่างจากบ้านไปเกือบ ๓ กิโลเมตร ยังดีที่คนที่เจอเข้าเป็นเพื่อนพี่สาวมัน เห็นยืนร้องไห้อยู่กลางถนนก็จำได้ ไม่อย่างนั้นไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไง นึกขึ้นมาทีไรหวาดเสียวไม่หาย มันไม่กลัวจะโดนรถชน หรือโดนใครจับตัวไปบ้างเลยหรือไง
ตอนมันอยู่ประถม ๖ วันพ่อปีนั้น มันเอา ออดิโคโลน ๔๗๑๑ มาให้ขวดหนึ่ง ทำเอาตกใจว่ามันเอาเงินมาจากไหน ยี่ห้อนี้ไม่ใช่ของที่เด็กอย่างมันจะหาเงินมาซื้อได้ พี่สาวมันบอกว่ามันหยอดกระปุกทุกวันมาปีกว่าแล้ว ทำเอาตื้นตันไปเหมือนกัน แทนที่มันจะเอาเงินไปซื้ออะไรสำหรับตัวมันเอง มันเอามาซื้อของที่พ่อชอบ ให้พ่อที่ไม่ค่อยใส่ใจกับมันนัก  แล้วดูเหมือนว่ามันซื้อน้ำหอมยี่ห้อเดียวกันให้แม่มันอีกขวดหนึ่งด้วย
แล้วตอนมันอยู่มัธยม ๑ พ่อต้องเข้าโรงพยาบาล วันแรกมันมาอยู่เฝ้าหลังเลิกเรียน พอจะให้กลับบ้าน มันร้องไห้เกาะเตียงพ่อไว้แน่น อาละวาดดิ้นไปดิ้นมา ไม่ยอมกลับ บอกว่าเป็นห่วงพ่อ เดี๋ยวพ่ออยู่คนเดียวจะเหงา ต้องปล่อยให้มันหลับไปก่อนแล้วถึงได้อุ้มมันกลับบ้านไป ช่วงนั้นก็เข้าๆออกๆโรงพยาบาลบ่อยๆ  มันก็มาเฝ้าทุกวันที่ว่าง พอพ่อขยับตัวที มันก็ชะโงกหน้ามาถาม
...พ่อค๊าบ พ่อจะเอาอะไรรึเปล่า
...พ่อค๊าบ หิวน้ำมั๊ย เดี๋ยวตั้มป้อนให้
...พ่อค๊าบ ทานหนมมั๊ย เดี๋ยวตั้มไปซื้อมาให้
...พ่อค๊าบ พ่อหายไวไวนะค๊าบ
...พ่อค๊าบบ พ่อเจ็บมากรึเปล่า... มันพูดพลางน้ำตาคลอ
ตอนนั้นเอง ก็เริ่มรู้สึกตัว ยังไงมันก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกเรา มันรักเราห่วงเราขนาดนี้ จะมัวแต่เกลียดชังมันก็ไม่ถูก
มีลูกรูปร่างหน้าตาน่ารักน่าชังขนาดนี้ น่าจะเป็นที่ชื่นใจของคนเป็นพ่อ

ลูกเรียนดี ประพฤติดี ไม่เคยสร้างปัญหาอะไรยิ่งน่าภูมิใจ
ตอนนั้นเห็นท่าทางที่มันนั่งอ่านหนังสือ โยกขาไปมา ในปากมีอมยิ้มยังคิดว่ามันเป็นเด็ก ๗-๘ ขวบ ทั้งๆที่มันก็โตจนจะขึ้นชั้น ม.๒อยู่ภาคเรียนหน้าแล้ว


มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
1448
Zenny
25960
ออนไลน์
408 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-6-11 17:14:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด
" I'm limited edition "

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
559
Zenny
6561
ออนไลน์
105 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-6-12 11:09:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณ๕รับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1871
Zenny
4480
ออนไลน์
417 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-6-14 21:13:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกมากๆเลย

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1430
Zenny
6827
ออนไลน์
291 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-3 09:34:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1157
Zenny
2209
ออนไลน์
532 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-4 20:33:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สุดยอดเลยอ่ะคร๊าฟ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1541
Zenny
6736
ออนไลน์
824 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-20 05:53:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
209
พลังน้ำใจ
14133
Zenny
43040
ออนไลน์
1090 ชั่วโมง

สมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชร

โพสต์ 2016-4-19 13:47:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
47841
Zenny
20447
ออนไลน์
2063 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-10-4 19:50:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2025-1-9 04:58 , Processed in 0.135264 second(s), 30 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้