ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 694|ตอบกลับ: 8

++ จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ ++ $ 39

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

“ศิลปี ไม่เป็นอะไรนะ” วัฒน์ ถาม ตั้ม ขณะที่รอรถประจำทางเพื่อกลับบ้านในตอนสายๆ
“เรื่องอะไรเหรอ” ตั้ม ถามเบาๆ
“ก็เรื่อง เอ้อ... เรื่อง” วัฒน์ หันไปมองหน้าหมู ซึ่งทำหน้าลำบากใจเหมือนกัน

“ถ้าเรื่องเมื่อคืน ก็อย่างที่เพื่อนๆได้ยินน่ะแหละ มันจบไปแล้ว” ตั้ม บอกพลางยิ้มเจื่อนๆ
“รู้เหรอ ว่าพวกเราตามขึ้นไปน่ะ” หมู พูดอย่างตกใจ
“ทีแรกไม่แน่ใจ ตอนนี้รู้แน่แล้ว” ตั้ม ตอบ
“พวกเราเป็นห่วงน่ะ กลัวว่า ... กลัวว่า เอ้อ...” วัฒน์ ตะกุกตะกัก เพราะไม่รู้ว่าพูดไปแล้ว ตั้ม จะเข้าใจหรือเปล่า
“เรารู้ว่าเป็นห่วง ขอบใจนะ” ตั้ม ยิ้มด้วยสายตาอ่อนโยน
“แล้วรู้ได้ไงอะ ว่าพวกเราตามขึ้นไป” หมู ถามด้วยความสงสัย “เราว่าไม่มีเสียงแล้วนะ”
“เราน่ะ นักดนตรีนะ ประสาทหูไว แล้วกลางคืนมันเงียบจะตาย พวกนายตั้ง ๔ คน เราไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยก็แย่แล้ว” ตั้ม หัวเราะน้อยๆ “โดยเฉพาะที่รีบวิ่งกลับเข้าห้อง ตอนเราลงบันไดน่ะ เราว่าได้ยินกันทั้งบ้านแหละ ที่สำคัญนะ” ตั้ม หยุดพูดแล้วจ้องหน้า วัฒน์ “ก่อนเราออกจากห้องน่ะ วัฒน์ นอนอยู่บนเตียงไม่ใช่เหรอ กลับลงมานอนที่เดิมตั้งกะตอนไหนอะ”
พูดจบ ตั้ม กับ หมู ก็หันไปหัวเราะให้กัน ส่วน วัฒน์ ได้แต่หน้าแดง อมยิ้ม พลางมองดูทั้งสองคนอย่างอ่อนโยน
“ถ้าพวกเราไม่ตามขึ้นไป ศิลปี จะทำแบบนั้นหรือเปล่า” หมู ถามพลางยิ้มกวนๆ ทำเอา วัฒน์ มองอย่างตกใจ
“อื้อ ต่อให้เวลาย้อนกลับไปตอนนั้นอีกกี่ครั้ง ต่อให้พวกนายไม่ได้ตามไป เราก็จะทำแบบนั้น ให้มันเป็นแค่ความทรงจำของความรู้สึกที่อยู่ในใจ ก็พอแล้ว” ตั้ม ตอบพลางเปลี่ยนสายตามองกลับไปทางบ้าน นึก แล้วหันกลับมาทางเพื่อนทั้งสอง พลางยิ้มให้
“พัฟ น่ะอยู่ตัวเดียวดีกว่า ” ตั้ม พูดออกมาลอยๆ ทำให้ วัฒน์ และ หมู มองหน้ากันด้วยความงุนงง
๗๑ หนึ่งปีทีที่ผ่านไป
ที่วิทยาลัยแห่งนี้ในช่วงการเรียนคอร์สปรับพื้นฐาน ผมรู้สึกเหนื่อยมาก เพราะผมต้องใช้เวลาในการเดินทาง ไป-กลับ ร่วม ๕ หรือ ๖ ชั่วโมง และยังต้องใช้เวลาในการท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษ อีกมากมาย จนผมปวดหัวทุกวัน
เมือถึงวันประกาศผลสอบเอนทรานซ์ ผมก็ไม่ได้ไปดูผล เพราะรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรผมก็คงสอบไม่ติด ไม่ว่าจะเป็นอันดับใดก็ตาม แต่ผมก็โทรถามผลสอบของเพื่อนบางคน
ราญ สอบใหม่ - ทันตแพทย์
เต่า สิทธิ์ - แพทย์ศาสตร์
วัฒน์ - นิติศาสตร์
ชัย ศักดิ์ สมชาย หมู - เศรษฐศาสตร์
ธง - ศิลปกรรมศาสตร์
ตุ่ม นึก โอ ดม เชียร นึง ตี๋ ปุง พล นัส  ไมค์ รวมทั้ง ปอ และเพื่อนหลายๆคน ไม่ติดคณะที่เลือกไว้ หลายคนเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยเปิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ บางคนก็สอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชน บางคนก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ และมีบางคนตัดสินใจกลับไปช่วยงานที่บ้านที่อยู่ต่างจังหวัด โดยไม่คิดจะเรียนต่อ
หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ติดต่อกับใครอีกเลย เพราะมัวแต่ยุ่งกับการเรียน จนกระทั่งเปิดภาคเรียน ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดกับสภาพหลายๆอย่าง ของวิทยาลัยแห่งนี้ มาตั้งแต่ช่วงเรียนคอร์สปรับพื้นฐาน พูดง่ายๆคือผมปรับตัวไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อน ที่เปลี่ยนกลุ่มใหม่ทุกครั้งที่เปลี่ยนวิชาเรียน ระบบการเรียนการสอน ที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด รวมถึงสภาพแออัด เนื่องจากนักศึกษาจำนวนมาก ในพื้นที่ค่อนข้างแคบของวิทยาลัย ซึ่งทำให้ผมรู้สึกเวียนหัวบ่อยๆ เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางคนมากมาย และปัญหาจากเสียงที่ค่อนข้างอึกทึกตามบริเวณต่างๆ ของวิทยาลัย ผลการสอบกลางภาคผมแย่มาก ผมจึงตัดสินใจที่จะสอบเอนทรานซ์ใหม่ แน่นอนผมจะต้องปรึกษากับทางบ้านก่อน คนแรกที่ผมต้องบอกให้รู้ และขออนุญาต ก็คือ พ่อ
“ตามใจสิลูก ไม่ไหวก็อย่าไปฝืนมัน ดีกว่าเรียนแล้วไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวจะพาลไม่จบเอา” พ่อพูดยิ้มๆ “อยากเข้าที่ไหนล่ะลูก”
“ตอนแรก ตั้มว่าจะเรียนดนตรี แต่ไม่มีที่ไหนมีเอกออร์แกนเลย ส่วนเอกเปียนโน ก็มีคนสอบกันเยอะ” ผมค่อยๆอธิบาย “ตั้ม เลยจะเรียนเกี่ยวกับ วรรณคดีไทย”
“ทำไมไม่เรียนพวก ภาษาและวรรณคดีอังกฤษ ล่ะลูก มันน่าจะไปได้ดีกว่านะ” พ่อถาม
“ตั้ม ไม่ชอบอะพ่อ ตั้ม ชอบวรรณคดีไทยมากกว่า ตอนเรียนมัธยม ตั้ม ก็ทำได้ดีมากกว่าภาษาอังกฤษ” ผมให้เหตุผลตามที่ตัวเองรู้สึก
“นั่นสินะ พ่อก็ว่าอย่างนั้นแหละ ตั้งใจแล้วก็ทำให้ดีนะลูก” พ่อบอกผมที่นั่งอยู่บนพื้น ห่างออกมาจากเก้าอี้ที่พ่อนั่งอยู่
“อีกเรื่องค๊าบพ่อ” ผมหยุดพูดไปนิดหนึ่ง พลางมองหน้าพ่ออย่างเกรงใจ “ตั้ม อยากหยุดเรียนที่วิทยาลัยไปเลย เอาเวลามาทบทวนตำรา กับซ้อมดนตรีเพิ่ม ตอนนี้ที่สถาบันอยากได้คนช่วยงาน ตั้ม อยากไปช่วยงานซัก ๒-๓ เดือน ได้มั๊ยค๊าบ”
“เอาอย่างนั้นเลยเหรอลูก” พ่อหัวเราะ “เรื่องหยุดเรียนพ่อก็ว่าดี เพราะเรียนไปแล้วคะแนนไม่ดีขึ้น ก็เอาเวลามาท่องหนังสือเตรียมสอบดีกว่า เรื่องค่าหน่วยกิจน่ะ ช่างมันเถอะไม่ต้องไปเสียดายมัน ถือซะว่าเป็นค่าประสบการณ์ ให้เรารู้จักโลก รู้จักตัวเองมากขึ้น แต่พ่อไม่ค่อยเข้าใจ เรื่องที่จะไปช่วยงานที่สถาบัน”
“ก็ถ้าเอาแต่ท่องหนังสือ มันน่าเบื่ออะค๊าบ ตั้ม เลยอยากไปช่วยที่สถาบัน หายเบื่อด้วย ได้ความรู้ด้วย” ผมอ้อมแอ้มบอกไป
“จะไปหาเพื่อนว่างั้นเถอะ” พ่อดักคอ ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ “เอาสิลูก ท่องหนังสืออยู่กับบ้านอย่างเดียว เหงาแย่ แล้วถ้ามันเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ ก็ทำไป พ่อไม่ว่าอะไรหรอก อย่าเกเรแล้วกัน”
“ตั้ม ไม่เกเรหรอก ตั้ม จะตั้งใจเรียนค๊าบ แล้ว ตั้ม จะเอาให้ได้เกียรตินิยมเหมือนพี่สาวด้วย” ผมบอกพ่อเหมือนเป็นการให้สัญญา “เดี๋ยว ตั้ม ไปบอกแม่ก่อนนะค๊าบ”
ปฏิกิริยาจากแม่ก็คือการนิ่งเงียบ เหมือนเมื่อตอนที่ผมเคยขออนุญาตเล่นละครของโรงเรียน ผมจึงต้องเดินกลับเข้าห้องส่วนตัวของผมไป
วันรุ่งขึ้นผมก็เริ่มหยุดการเรียนในวิทยาลัย อีกไม่กี่วันต่อมา เมื่อถึงวันที่แม่ต้องให้เงินค่าใช้จ่ายประจำเดือนกับผม ผมก็รู้คำตอบ นอกจากค่าใช้จ่ายประจำเดือนและค่าเรียนดนตรีแล้ว  ยังมีเงินอีกจำนวนหนึ่งเพิ่มขึ้นมาด้วย
“แม่ค๊าบ แม่หยิบตังส์ให้ ตั้ม ผิดอะค๊าบ มันเกินมา” ผมบอกจำนวนเงินที่เกินกับแม่
“ต้องซื้อหนังสือแบบฝึกหัดมาทำไม่ใช่เหรอไง” แม่ตอบ
“ขอบคุณค๊าบ” ผมตอบหลังจากนิ่งไปสักครู่ แล้วจึงไหว้ขอบคุณแม่ พลางเอามือเช็ดน้ำตาที่เรี่มปริ่มออกมา
“แบ่งเวลาให้ดีล่ะ แล้วต้องสอบให้ได้ อย่าให้ชั้นขายหน้า” แม่พูดเหมือนไม่สนใจอะไร แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ที่ได้รับรู้ว่า แม่ยังห่วงใยผมอยู่
“แม่ค๊าบ” ผมตัดสินใจสักพัก แล้วพูดออกไป “ถ้า ป๊ะป๋า ยังอยู่ ป๊ะป๋าจะว่าอะไรมั๊ยค๊าบที่ ตั้ม ทำแบบนี้” พูดไปแล้วผมก็รู้สึกกลัว จนแทบหยุดหายใจ
...แม่จะตอบไหม
...แม่จะบอกอะไรผมมากกว่าคำตอบรึเปล่า
แม่หันมามองหน้าผมนิ่ง จนผมต้องก้มหน้า
“คนก็ไม่อยู่แล้ว แกจะพูดถึงทำไม” แม่พูดเบาๆ
“ก็ ตั้ม ตั้ม....” พูดได้แค่นั้นน้ำตาของผมก็เริ่มไหล “ตั้ม คิดถึง ป๊ะป๋า” ผมพูดแล้วก้มหน้าเช็ดน้ำตา
“เฮ้อ...” แม่ถอนหายใจ “ถ้าแกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ป๊ะป๋า ของแกก็คงดีใจ” แม่พูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ตั้ม ต้องสอบได้สิแม่ ตั้ม สัญญา” ผมตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ช่วง ๓ เดือนแรก ผมไปสถาบันเกือบทุกวัน อาจารย์ชาวญี่ปุ่นที่สถาบัน ให้ความเอ็นดูผมมาก มักจะนำโน้ตเพลงแปลกๆ มาให้ลองฝึกซ้อมเสมอ บางครั้งหากมีการสัมมนา อาจารย์จะเรียกผมให้ไปช่วยงานต่างๆในห้องสัมมนาด้วย เช่นเปิดเพลง เปลี่ยนเทปคลาสเซท หรือแม้กระทั่งเล่นออร์แกนไฟฟ้า ตามที่อาจารย์เขียนบนกระดาน ประกอบการอธิบายของท่าน ซึ่งทำให้ผมได้ประโยชน์ทางดนตรีมากมาย ยังมีอาจารย์อีกหลายท่าน ที่เดินผ่านมาเห็นผมซ้อมดนตรีอย่างจริงจัง มักจะเข้ามาให้คำแนะนำกับผมเสมอๆ ทำให้ทักษะทางดนตรีของผมในตอนนั้น พัฒนาอย่างรวดเร็วมาก
๓ เดือนผ่านไป ผมเริ่มไปสถาบันน้อยลง และ ๓ เดือนสุดท้ายก่อนการสอบ ผมหยุดไปที่สถาบัน รวมทั้งพักการเรียนดนตรีที่สถาบันเอาไว้ด้วย จนกระทั่งการสอบเสร็จสิ้น เมื่อไปที่สถาบันเพื่อนๆพากันเอะอะโวยวาย ถามโน่นถามนี่ พวกเราคุยกันด้วยความคิดถึง แล้วก็พากันซ้อมเพลงจนปวดมือ และเสียงแหบแห้งกันไปตามๆกัน
เมื่อถึงวันประกาศผล ถึงผมจะสอบไม่ติดในอันดับต้นๆที่ผมเลือกไว้ แต่อันดับที่ผมสอบได้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว เป็นสถาบันเดียวกับที่พี่สาวผมจบมาเสียด้วย และยังเป็นวิทยาเขตเดียวกันอีก เมื่อผมบอกกับทางบ้าน ทุกคนต่างก็ดีใจกัน แต่ก็มีเสียงบ่นอยู่บ้าง
“เลือกทำไมเนี่ย ภาษาและวรรณคดีไทย ทำไมไม่เลือก ภาษาและวรรณคดีอังกฤษ” พี่สาวผมบ่น
“เอาน่า ไหนๆก็ได้แล้ว ตั้งใจเรียนนะ” พี่ชายผมพูดปลอบ เมื่อเห็นผมหน้าสลด
“เป็นรุ่นน้องพี่สาวเค้าแล้วนะลูก” คำพูดของพ่อ ทำให้พวกเราหัวเราะกันได้
“สอบได้แล้วก็ตั้งใจเรียนล่ะ” เป็นคำพูดสั้นๆของแม่ผม
แม่นั่งอยู่บนโซฟา ลูบคลำของบางอย่างอยู่ในมือ
“เอามือมานี่สิ”ผมขยับตัวไปใกล้ๆ พลางยื่นมือขวาให้แม่
“มือซ้ายสิลูก” แม่บอกเสียงอ่อนโยนขึ้น ผมจึงเปลี่ยนเป็นยื่นมือซ้ายให้แม่ด้วยความงุนงง
แม่บรรจงสวมแหวนที่แม่ลูบคลำอยู่เมื่อสักครู่ ลงไปที่นิ้วนางของผมอย่างช้าๆ แหวนทองขาว ประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กๆหลายเม็ด เรียงเป็นแถว ๔ แถว ผมมองแหวนวงนั้นด้วยความตกตะลึง ตั้งแต่ผมเห็นมันอย่างชัดเจน เพราะผมจำได้ติดตาว่าแหวนวงนี้ เป็นแหวนที่คนคนหนึ่งสวมไว้ตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่
“พอดีเลยนะ แม่ไปตัดเรือนมา เพราะนิ้วเรามันเล็ก ชอบมั๊ย” แม่พูดพลางมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน แบบที่ผมไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก
“แม่ แหวนวงนี้มัน...” ผมพูดไม่ออก น้ำตาเริ่มไหล ผมรีบเอามือป้ายน้ำตา พลางมองแหวนที่สวมอยู่ “แหวนของ ป๊ะป๋า ใช่มั๊ยแม่ ตั้ม จำได้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
“ป๊ะป๋า บอกว่าให้เก็บไว้ให้ลูก เมื่อลูกโตพอจะรักษามันได้แล้ว ตั้ม รักษาสัญญาเรื่องสอบกับแม่ได้ แม่ก็คิดว่าลูกคงจะรักษาแหวนวงนี้ได้” แม่พูดช้าๆ
“รักษามันไว้ให้ดีนะลูก ถ้าจะให้ใคร ต้องให้กับคนที่ ตั้ม รักที่สุดนะลูกนะ”
คำถามบางอย่าง ผุดขึ้นมาในหัวของผม ผมเกือบจะถามออกไป แต่ภาพของครอบครัวตอนนี้ ทำให้ผมต้องเปลี่ยนใจ ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่าง กำลังดำเนินไปในทางที่สงบ ทำไมผมต้องทำให้มันขุ่นมัวขึ้นมาอีกครั้ง  ถ้ามันจะเจ็บปวด ผมก็ขอเก็บไว้เพียงคนเดียวจะดีกว่า
๗๒ ย้ายวิทยาเขต
ผมกลายมาเป็นนักศึกษาปีที่ ๑  คณะมนุษยศาสตร์ในรั้วมหาวิทยาลัย วิทยาเขตที่อยู่ติดกับ มหาวิทยาลัยชื่อดังที่สุดของประเทศ เนื่องจากเป็นวิทยาเขตเล็กๆ จึงมีจำนวนนักศึกษาไม่มากนัก ชีวิตช่วงนี้ของผมมีความสุขดี ผมสนิทสนมกับเพื่อนๆ และรุ่นพี่อย่างรวดเร็ว จากการที่ผมผ่านการเรียนบางวิชามาแล้วในช่วงที่เรียนในวิทยาลัยเอกชนเมื่อปีก่อน ทำให้ผลการสอบวิชาภาษาอังกฤษ และวิชาวิชาคณิตศาสตร์ ของผม ได้คะแนนดีมาก โดยเฉพาะวิชาวิชาคณิตศาสตร์ ผมทำคะแนนได้เกินกว่า ๙๐% ในขณะที่เพื่อนๆในชั้นปี ทำคะแนนกันได้เพียง ๔๐%-๗๐% เท่านั้น ก็เลยโดนเขม่นไปพักหนึ่ง แต่ไม่นานเราก็สนิทกันเหมือนเดิม โดยผมยังคงทำหน้าที่ติวเพื่อนๆเหมือนสมัยที่เรียนชั้นมัธยม นอกจากเรื่องการเรียนแล้ว ยังมีเรื่องต่างๆเกิดขึ้นกับผมอีกมากมาย
จนภาคเรียนที่สองมาถึง หลังจากการสอบกลางภาคผ่านไป ก็มีการสอบวัดคะแนนเพื่อเลือกวิชาโท ของภาควิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งผมก็ต้องสอบด้วย ถึงแม้ว่าผมคิดไว้แล้วว่าผมจะเรียนวิชาโทสาขาวิชาอื่นก็ตาม เมื่อผลการสอบออกมา ก็มีประกาศจากทางมหาวิทยาลัยเรียกตัวผมไปพบหัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษ ท่านพยายามพูดให้ผมย้ายวิชาเอก จากภาษาไทย เป็น ภาษาอังกฤษ แต่ต้องย้ายคณะ จากคณะมนุษยศาสตร์ เป็นคณะศึกษาศาสตร์ เพราะการย้ายวิชาเอกในคณะเดียวกันนั้นไม่สามารถทำได้ ผมเรียนท่านว่า ผมขอปรึกษากับทางบ้านก่อน แน่นอน ผมไม่ต้องการแบบนั้นเลย ไม่อย่างนั้นผมคงเรียนต่อในวิทยาลัยเอกชนแห่งเดิม ไม่มาสอบเอนทรานซ์ใหม่ในสาขาวิชานี้หรอก ผมลองปรึกษากับพี่รหัส และรุ่นพี่หลายคนที่ผมสนิทด้วย ทุกคนพากันแปลกใจกับข้อเสนอของอาจารย์ท่านนั้น หลายคนให้การสนับสนุน เพราะโอกาสแบบนี้เป็นที่ต้องการของหลายๆคน แต่มันกลับตกมาที่ผม ผมควรจะรับไว้

จากการปรึกษาเรื่องนี้เองทำให้ผมรู้เรื่องของการย้ายวิทยาเขต ซึ่งบางวิทยาเขตมีวิชาโทที่ทำให้ผมต้องใจระทึก ... ภาควิชาดุริยางค์
เมื่อผมได้ข้อมูลมาเรียบร้อย ผมก็นำมาพิจารณาดูวิทยาเขตต่างๆการย้ายวิทยาเขตในกรุงเทพฯ เป็นเรื่องยาก แต่หากย้ายไปวิทยาเขตต่างจังหวัดจะเป็นการง่ายกว่า ผมจึงเลือกวิทยาเขตหนึ่งทางภาคตะวันออกซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯนักเป็นจุดหมาย ซึ่งต้องออกไปอยู่หอในวิทยาเขตนั้น แน่นอนผมต้องปรึกษาทุกคนในบ้านก่อน ซึ่งทุกคนตามใจผมจนทำให้ผมแปลกใจ พี่สาวบอกว่าเป็นเพราะผมโตแล้ว อยากให้ลองรับผิดชอบตัวเองบ้าง แล้วความตั้งใจสอบเข้ากับผลการเรียนของภาคเรียนที่ผ่านมา ทำให้ทางบ้านรู้ว่าผมตัดสินใจด้วยความต้องการเรียนจริงๆ



มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
1448
Zenny
25960
ออนไลน์
408 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-6-12 17:23:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
" I'm limited edition "

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
559
Zenny
6561
ออนไลน์
105 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-6-14 03:05:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1430
Zenny
6827
ออนไลน์
291 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-4 13:09:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1157
Zenny
2209
ออนไลน์
532 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-5 19:59:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออ่านหน่อน่ะ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1541
Zenny
6736
ออนไลน์
824 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-20 16:20:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากนะ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
209
พลังน้ำใจ
14088
Zenny
42724
ออนไลน์
1088 ชั่วโมง

สมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชร

โพสต์ 2016-4-19 20:23:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
47771
Zenny
20390
ออนไลน์
2061 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-10-5 08:54:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
34657
Zenny
6650
ออนไลน์
1473 ชั่วโมง
โพสต์ 2023-10-5 00:39:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-25 02:44 , Processed in 0.126386 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้