'น้องแก้ม' เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้องน้ำผีสิง
ดิฉันเคยได้ยินได้ฟังเรื่องผีๆ สางๆ มามากต่อมาก ล้วนแต่มีหลากหลายรูปแบบ ถ้าพูดตามสำนวนเด็กวัยรุ่นคือ 'เละกับไม่เละ' ส่วนใหญ่จะเลือกอย่างแรกมากกว่า โดยมีเหตุผลว่า...ต้องเละๆ ถึงจะสมเป็นผีและน่าสยอง
เรื่องแบบนี้ไม่แน่เสมอไปหรอกค่ะ เพราะผีที่ดูเผินๆ เหมือนคนปกติธรรมดา และอยู่ในบรรยากาศเยือกเย็นน่าวังเวงใจ อาจจะชวนสยองขวัญ น่าขนลุกขนพองสุดๆ ก็เป็นได้
ขอเล่าจากประสบการณ์ของตัวเองนะคะ...โปรดพิจารณาด้วยว่าสิ่งที่ดิฉันได้ประสบมานั้นเป็นภูตผีที่ปรากฏตัวให้เห็น หรือจะเป็นเพียงความขวัญอ่อนของเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้นเอง!
เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ดิฉันเพิ่งเข้าเรียนในวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในย่านสุขุมวิท ที่ถือว่าเป็นแหล่งเจริญที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ส่วนมากจะมีเพื่อนฝูงเป็นกลุ่มๆ ถึงเวลาพักกลางวันก็รวมกลุ่มกันที่โรงอาหาร จากนั้นก็มานั่งที่โคนไม้ โดยเขาทำเป็นที่นั่งล้อมไว้หลายสิบต้น เอาพวกฝรั่งดองและมะยมดองมาแบ่งกันกิน
ตกเย็นเลิกเรียนก็มานั่งที่เดิม แต่น้อยลงค่ะ จะเหลือแต่พวกที่เรียกตัวเองว่า 'คุณหนู' ต้องมีรถมารับกลับบ้าน
เย็นหนึ่งก็เกิดเรื่องน่าขนหัวลุกขึ้นมา!
ตอนนั้นอยู่ในต้นฤดูหนาวราวเดือนตุลาคม ลมหนาวมาเร็ว ทำให้พวกเราได้อวดเสื้อสเวตเตอร์สีสวยๆ กัน...เพื่อนราว 2-3 คนก็ทยอยกันกลับเมื่อรถมาถึง แต่น้าชายดิฉันเลิกงานช้าจึงมักมารับกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายประจำ
ราวห้าโมงเย็นกว่าๆ เหลือดิฉันคนเดียวนั่งรอรถกลับบ้าน ตอนแรกก็ว่าจะอ่านหนังสือ แต่เห็นพวกรุ่นพี่นักฟุตบอลกำลังซ้อมกันอยู่ไม่ไกลนัก ก็เลยมองดูอย่างเพลิดเพลิน...
อาจจะดื่มน้ำเข้าไปมากก็เป็นได้ ทำให้รู้สึกอยากขับถ่ายของเหลวออกจากร่างกาย...ถัดจากสนามบอลไปราวสิบห้าเมตรมีห้องน้ำอยู่ใกล้กับอาคารที่เพิ่งสร้างใหม่ได้ราวปีเศษ ดิฉันเลยลุกไปเข้าห้องน้ำที่นั่น...ตรงด้านหน้ามีกอกล้วยดกหนากับป่าละเมาะริมรั้ว ดูเงียบเชียบและไม่น่ามีอันตรายอะไร แม้ว่าจะไม่เคยเข้าห้องน้ำนั้นมาก่อนเลยก็ตาม
ไม่มีใครใช้ห้องน้ำทำธุระอยู่พอดี...
เมื่อทำธุระเสร็จก็ออกมาล้างมือที่อ่างหน้าห้องน้ำ รู้สึกว่าอากาศเย็นกว่าข้างนอก ทั้งๆ ที่มองไปทางประตูเปิดโล่งยังเห็นแสงแดดเหลืองอร่ามอยู่ตามกอหญ้า เสียงนักฟุตบอลเฮๆ กันมาเข้าหูแทบไม่ขาดระยะ
อ้าว? ดิฉันไม่ได้อยู่คนเดียวเสียแล้ว!
เพิ่งสังเกตเห็นหญิงคนงานวัยสี่สิบเศษ แต่งตัวสีเทา มีผ้าดำคลุมผมโดยผูกปมไว้ใต้คาง ผิวคล้ำ รูปร่างท้วม กำลังยืนล้างมืออยู่ที่อ่างถัดไป แต่เธอเอียงหน้ามามองยิ้มๆ ราวจะทักทายอยู่ในที ดิฉันก็ยิ้มให้พร้อมกับถามว่า...ยังไม่เลิกงานอีกเหรอคะ?
เธอส่ายหน้า ทำท่าคล้ายถอนใจยาว...ยังไม่เสร็จเลยค่ะคุณ!
ดิฉันชักสงสัยว่าเธอทำงานอะไรแน่ เพราะไม่เห็นมีการก่อสร้างที่ไหนเลย? เธอยิ้มกว้าง ยกมือชี้ไปข้างบน ครั้นมองตามก็เห็นว่าเป็นหลังคากระเบื้องลอนค่อนข้างใหม่ คล้ายๆ กับมีสายลมพัดมาเย็นยะเยือก...
'นั่นไงคะคุณ...อาคารตึกใหม่ติดๆ กับหลังคานี่แหละ พวกเราต้องขึ้นไปทำงานถึงชั้น 3 ชั้น 4 กันหลายคน...' รอยยิ้มของเธอคล้ายฉีกกว้างขึ้นทุกที 'ลองคิดดูซิคะ ว่าถ้ามีใครพลาดพลั้งตกลงมาจะเป็นยังไง?'
ดิฉันแทบจะกลั้นหายใจ อากาศลดตัววูบลงจนเย็นเฉียบเหมือนอยู่ในห้องแอร์ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ขยับตัวเลย เธอยืนหันหน้าเข้าหาอ่างล้างมือ มีแต่ใบหน้าที่เอียงมาจ้องเขม็ง...มากขึ้น...มากขึ้นทุกที!
'ฉันเคยพลัดตกลงมาจากชั้น 4 แน่ะคุณ...ตอนนั้นที่นี่ยังเป็นหลังคาสังกะสี ทะลุลงมากระแทกกับพื้นซีเมนต์...โอย! คุณขา...เจ็บเหลือเกิน...'
ดิฉันยืนแข็งทื่อไปทั้งตัว เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวสลับกันไป ได้แต่มองเธอด้วยแววตาวิงวอนสูงสุด ขณะที่เสียงวู่หวิวดังแว่วมากระทบสองหูอื้ออึง สะท้อนสะท้านเข้าไปถึงหัวใจ
'คุณคงนึกไม่ออกใช่ไหมคะว่าฉันเจ็บปวดแค่ไหน? โอย...'
ดิฉันแผดร้องสุดเสียง ภาพต่างๆ หมุนเคว้งคว้าง พบว่าตัวเองวิ่งออกจากห้องน้ำนรกนั่นพร้อมกับร้องไห้โฮ...มารู้ตัวอีกทีเมื่อพี่ๆ นักฟุตบอลเข้ามาคว้าตัวไว้แล้วเขย่าแรงๆ แต่ดิฉันยังคงน้ำตาไหลพราก ชี้มือสั่นเทาไปที่ห้องน้ำนั้นโดยไม่หันไปมอง
เสียงถอนใจเฮือก...เจอเข้าอีกรายแล้วซี! แค่นี้ก็ชัดแจ้งแล้วใช่ไหมคะว่าเธอคือใคร?
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ ข่าวสด