"ป้าชุลี" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากชานเมือง
เมื่อราว 2-3 ปีมานี้ดิฉันไม่ได้ออกไปเที่ยวสงกรานต์เหมือนหลายๆ ปีก่อน เป็นเพราะสังขารไม่อำนวย กับจิตใจไม่นึกสนุกสนานเสียแล้ว ถ้าฝืนใจไปตามคำชวนของญาติมิตรก็จะตกเป็นภาระเขาเสียเปล่าๆ
ไหนจะเหตุการณ์น่าสลดหดหู่ใจในเหตุการณ์ภาคใต้ ไหนจะข้าวของแพงขึ้นทุกวัน จนแทบจรดไม่ลง เห็นแล้วหมดกะจิตกะใจจริงๆ อยู่บ้านดูข่าวทีวีเป็นวิธีดีที่สุดค่ะ!
นึกถึงสมัยก่อน เวลารดน้ำขอพรจากผู้ใหญ่ ท่านจะเอามือชุ่มน้ำมาลูบศีรษะเรา พึมพำให้ศีลให้พร ขอให้เจริญก้าวหน้า มั่งมีศรีสุข อย่าเจ็บอย่าไข้...บางครั้งก็เห็นท่านเช็ดมือเปียกๆ กับผ้าขนหนู ก่อนจะยื่นมารับน้ำอบจากคนต่อไป
สมัยนี้ เห็นผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนนั่งแบมือให้คนนับสิบนับร้อยมารดน้ำ จนมองมือสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บเต็มประดา น่าสงสารและน่าเห็นใจจริงๆ เลย
เท่านั้นยังไม่พอค่ะ เด็กๆ ที่มารดน้ำกลับอวยพรผู้ใหญ่ให้แข็งแรง อายุมั่นขวัญยืนอีกต่างหาก...โอ๊ย! จะบ้าตาย!
ที่ไม่เคยพบของจริง นอกจากในทีวีก็คือถนนข้าวสารนี่เอง!
ต้องยอมรับว่าเป็นศูนย์เทศกาลสงกรานต์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ใครมาเที่ยวแล้วติดอกติดใจ กลับไปบอกกล่าวญาติมิตรแล้วชักชวนกันมาเที่ยวเป็นประจำ
การเล่นสงกรานต์ด้วยปืนฉีดน้ำและทาดินสอพอง กลายเป็นแฟชั่นไปเสียแล้ว เอามาละลายน้ำสาดกันบ้าง เอามาทาหน้าทาตากันบ้าง นิยมเรียกสั้นๆ ว่า "เล่นแป้ง"
เมื่อ 2-3 ปีมาแล้วมีการห้ามนำแป้งเข้าไปเล่นสงกรานต์ที่ถนนข้าวสาร หรือถนนรามบุตรี ตำรวจจะตั้งด่านสกัดทั้งทางถนนจักรพงษ์ใกล้สน.ชนะสงคราม กับถนนตะนาวที่จะออกสี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กลาง
ใครนำแป้งใส่ขันเข้าไปก็จะถูกยึดไว้เป็นกองพะเนินเทินทึก ทีวีถ่ายให้เห็นจนน่าขัน...เพราะภาพต่อมาคือหนุ่มๆ สาวๆ ทั้งไทยและเทศเอาแป้งไล่ทาหน้าตากับเนื้อตัวกันครึกครื้น แทบจะขาวโพลนไปทั้งถนนข้าวสารก็ว่าได้
ที่น่าตลกยิ่งกว่านั้นก็ภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนหลับตาปี๋ ท่ามกลางหนุ่มๆ สาวๆ มะรุมมะตุ้มรุมล้อมละเลงแป้งจนหน้าขาววอก!
เรื่องป้องกันอุบัติเหตุก็ย้ำนักย้ำหนาว่าเกิดจากสุรา กับไม่สวมหมวกนิรภัย! แต่ตามถนนหนทางทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด คนขับมอเตอร์ไซค์และคนซ้อนท้ายไม่สวมหมวกกันน็อกครึ่งต่อครึ่ง
ลูกหลานที่ออกไปเที่ยวสงกรานต์ เล่าว่าย่านไหนๆ ในกรุงเทพฯ ก็เห็นมอเตอร์ไซค์ยกโขยงกันมาไล่ฉีดน้ำคนข้างถนน...มา 10 คันสวมหมวกกันน็อก 2-3 คน
การซ้อน 3 ก็ห้ามกันนักห้ามกันหนา แต่มอเตอร์ ไซค์ซ้อน 3 กันเกร่อกรุง!
ตำรวจไม่ได้จับหรือแม้แต่เรียกมาตักเตือน ถ้ามองในแง่ดีก็เห็นใจเจ้าหน้าที่หรอกค่ะ เพราะถ้าเรียกมาหมดทุกคน มีหวังรถติดยาวเหยียดไปทั้งกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน
ขนาดซ้อน 2 อย่างนายแม็ค-ลูกชายวัยรุ่นของเพื่อนบ้านดิฉัน ก็ยังทำให้พวกเราขนหัวลุกไปตามๆ กันค่ะ...
ขณะที่ชมรมผู้สูงอายุของหมู่บ้านชานกรุง กำลังนั่งกินอาหารเย็นกันที่โต๊ะใกล้ๆ ต้นคูนดอกเหลืองอร่ามไปทั้งต้น นายแม็คขี่มอเตอร์ไซค์เข้าประตูรั้วมากับเพื่อนที่ซ้อนท้าย เนื้อตัวเปียกชุ่มโชกทั้งสองคน
มาถึงก็จอดรถเดินทื่อเข้าบ้าน ไม่มีการทักทายผู้ใหญ่ที่นั่งกันเกือบสิบคนแน่ะ! พ่อแม่แกทำหน้าไม่ค่อยเสบย ดิฉันบอกว่าไม่มีใครถือสาเด็กหรอก อย่าคิดมาก
เงียบไปนานจนชักเอะใจ...
พอดีนายแม็คแต่งตัวใหม่โผล่ออกมา บอกว่าเกิดอุบัติเหตุเพราะมีพวกวิตถารดักสาดน้ำด้วยถังใหญ่จนรถคว่ำ เพื่อนที่ซ้อนท้ายสลบคาที่ ต้องนำส่งโรงพยาบาล...แต่เขารีบลุกไปหาแล้วถามถึงเพื่อนที่ซ้อนท้ายมาด้วยกันล่ะ?
"เพื่อนอยู่โรง"บาลไงฮะ แม็คกลับมาคนเดียว...สงสัยแม่ตาฝาดแล้ว"
พวกเราลุกพรวดพราดขึ้นทุกคน ยืนยันว่ามีเพื่อนซ้อนท้ายมาจริงๆ คราวนี้นายแม็คหน้าซีด เข่าอ่อน...ถึงไม่บอกก็คงเดาได้นะคะว่าเพื่อนที่เห็นซ้อนท้ายรถนายแม็คมาน่ะ สิ้นใจตายแล้วที่โรงพยาบาล!
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ ข่าวสด